เขา…เลี้ยงเธอไว้เพื่อบำบัดความใคร่ เธอ…ไปไหนไม่ได้เพราะคำว่าบุญคุณ
“เคร้ง” เสียงช้อนร่วงกระแทกลงกับพื้น ผู้ชายหน้าตาใจดีคนนึงปัดมันโดยบังเอิญ
“ขอโทษค่ะ เด็กเพิ่งมาใหม่” หัวหน้ากะที่รับรายการอาหารโต๊ะข้างๆ รีบก้มลงไปเก็บแล้วส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้ตัวต้นเรื่องทั้งที่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด ลูกค้าคนนั้นพยายามจะอธิบายให้เข้าใจแต่เธอก็เดินหนีไปซะแล้ว
“ขอโทษด้วยนะหนูที่ทำให้โดนเอ็ด” เลโอนาร์ด จิโอวาน่า ชายวัยห้าสิบกว่าปีกล่าวด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ” อ้อยตอบกลับด้วยความประหลาดใจเธอไม่คิดว่าชาวต่างชาติคนนี้จะพูดไทยได้คล่องปร๋อขนาดนั้น
“เราสั่งแค่นี้แหละจ้ะและก็ขอโทษอีกทีที่สามีป้าซุ่มซ่าม” เจนีซ จิโอวาน่า ภรรยาของเลโอนาร์ดกล่าวแล้วยิ้มให้เด็กสาวผู้ที่มารับออเดอร์
“คะ ค่ะ” อ้อยเดินกลับไปหลังร้านแบบงงๆ แน่ละว่าเธอประหลาดใจที่ทั้งคู่พูดไทยชัดมากแต่ที่เธอสงสัยมากกว่าก็คือทั้งสองคนดูมีความสุขกับอะไรสักอย่างระหว่างดูเมนูอาหารคุณผู้หญิงจะเงยหน้ามามองเธอเป็นระยะแล้วอมยิ้มส่วนคุณผู้ชายก็เช่นกันและอ้อยรู้สึกว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกับคนทั้งคู่
“อีอ้อย อีซื่อบื้อ” จุ๊บแจงหัวหน้ากะหยิกแขนลูกน้องอย่างแรง
“พี่จุ๊บแจง อ้อยเจ็บนะ”
“ทำอีท่าไหนถึงงั่งไปปัดช้อนลูกค้าตก” จุ๊บแจงยังไม่เลิกกล่าวโทษลูกน้อง
“แล้วพี่จุ๊บแจงเห็นได้ยังไงว่าอ้อยทำตกพี่ยืนหันหลังนะและอ้อยก็ไม่ได้ทำตกคุณผู้ชายเขาบังเอิญไปปัดโดน” อ้อยอธิบายให้หัวหน้าจอมโมโหฟัง
“อ้อ นี่แกเถียงฉันหาว่าฉันปั้นเรื่องหรอ” จุ๊บแจงขึ้นเสียงเมื่อเด็กในครัวมองมาที่เธอกับยัยอ้อย
“ปะ เปล่าค่ะ” อ้อยรีบปฏิเสธ จะยังไงเธอก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ไปเลยนะ เอาไปเสิร์ฟแล้วอย่าโง่ทำอะไรตกแตกอีก”
“ชาร้อนค่ะ กาแฟร้อนค่ะ” อ้อยวางแก้วเครื่องดื่มให้ลูกค้า
“ขอบใจจ้ะ เอ่อ หนูชื่ออะไรจ๊ะ” เจนีซถามเด็กสาว
“ชื่ออ้อยค่ะ”
“ชื่อเพราะจัง” เลโอนาร์ดจิบกาแฟดำหอมกรุ่นแล้วยิ้มละไม อ้อยสังเกตว่าคุณผู้ชายไม่ได้เติมอะไรลงไปในกาแฟเลยมันคือกาแฟดำล้วนๆ และขมปี๋แบบที่เธอไม่ชอบเลยสักนิด ส่วนคุณผู้หญิงดื่มชาร้อนกลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์
“อาหารรอสักครู่นะคะ” อ้อยบอกแล้วขอตัวออกมา
“ไปอ้อยสร้อยอะไรนานสองนานแค่เสิร์ฟกาแฟเนี่ย” จุ๊บแจงยังคงหาเรื่องเอ็ดลูกน้องไม่หยุด เธอหมั่นไส้อีเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัวเพราะไม่ว่าใครก็ดูจะรักและเอ็นดูแม่นี่เหลือเกิน
“ขอโทษค่ะ” อ้อยเลือกที่จะเงียบเพราะเถียงไปก็ไม่มีวันชนะ
“เด็กคนนั้นน่ารักดีนะคะเลโอ” เจนีซชวนสามีคุย
“อืม น่ารักและน่าสงสาร” เลโอนาร์ดตอบ เขาเองก็เห็นว่าเธอถูกใส่ความ
“แล้วคุณไปถูกใจอะไรแม่หนูคนนี้หรอเจส” เลโอนาร์ดถามภรรยา
“ไม่รู้สิคะ เห็นแล้วก็ถูกชะตาตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม”
“เหมือนที่ถูกชะตาผมตั้งแต่แรกพบใช่ไหม” เลโอนาร์ดกระซิบถามภรรยาแล้วจูบเธอที่แก้ม
“ใช่ค่ะและเจสเชื่อว่าเราสองคนจะได้เจอแม่หนูคนนี้อีกแน่นอน”
“เฮ้อ หมดวันสักที” อ้อยนั่งยืดแข้งยืดขาอยู่ในโรงอาหารของพนักงาน ในที่สุดหนึ่งวันอันแสนทรหดก็จบลงและเธอก็หิวไส้แทบขาดแต่ก็ไม่มีแรงจะลุกไปซื้ออะไรกิน วันนี้ลูกค้าเยอะมากเธอเดินไปเดินมาแทบไม่ได้หยุดเลย
“อีพี่ จจ. นี่น่าตบให้กลิ้งจริงๆ” เมย์เพื่อนในร้านนั่งลงข้างๆ เธอ
“อือ แล้วกล้าทำไมล่ะ” อ้อยแหย่เพื่อน
“ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนรับประทานละคะ เป็นไงมั่งมีที่ไหนเรียกรึยัง”
“ไม่เลย” อ้อยตอบด้วยความท้อแท้ เธอเรียนจบมาสามเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้งานทำเลยทั้งที่สมัครไปตั้งหลายที่แต่ก็เงียบกริบไม่มีบริษัทไหนเรียกสัมภาษณ์สักที
“สู้ๆ แก” เมย์ก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้
“กินไรเดี๋ยวฉันซื้อมาให้”
“ข้าวมันไก่กะน้ำแดงแล้วกัน ขอบใจนะ”
“กลางๆ สัปดาห์วันที่ จจ. หยุด แกแลกกะกับฉันได้ไหมเมย์” อ้อยถามระหว่างที่กินข้าว
“ได้สิ” เมย์ตอบตกลงและไม่ต้องถามเลยว่าเพื่อนจะไปไหนได้นอกจากไปสมัครงาน เมื่อทานข้าวเสร็จสองสาวก็แยกย้ายกัน
วิชุดา ศรรุ่งหรืออ้อย เด็กสาวเพิ่งเรียนจบจากรั้วพ่อขุนเธอเป็นลูกคนเดียวและอยู่ตัวคนเดียวมาหลายปี ตอนเด็กๆ เธอก็มีครอบครัวเหมือนกับคนทั่วๆ ไป แม่รักและห่วงใยเธอเสมอส่วนพ่อถึงจะติดเหล้าเมาหยำเปก็ยังมีแก่ใจนึกถึงลูกเมียอยู่แต่พอแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุรถชนพ่อก็เสียสูญและกู่ไม่กลับอีกเลย
กว่าเธอจะเรียนจบมาได้ก็ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นเพราะต้องทำงานสารพัดเพื่อหาเงินจ่ายค่าหน่วยกิตไหนจะค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอยู่ ค่ากินแต่พอจบออกมากลับหางานทำไม่ได้ไม่ว่าจะสมัครไปกี่ที่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับสักแห่ง
“เฮ้อ อ้อยเอ๊ย” เด็กสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงเหล็กในห้องแคบๆ ที่เธอต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละสองพันห้าร้อยบาท
“ถ้าแม่ยังอยู่ชีวิตเราคงดีกว่านี้” อ้อยรำพึงในใจ
“ติ๊ดๆๆ” พอนึกถึงแม่พ่อก็โทรมา
“อ้อย โอนเงินให้พ่อสักพันได้ไหม”
“หนูเพิ่งให้ไปเมื่อสามวันก่อนเองนะพ่อ” อ้อยตัดพ้อเงินพันนึงเธอใช้ได้เกือบสิบวัน
“ก็มันหมดแล้ว”
“ไว้พรุ่งนี้แล้วกันวันนี้หนูเลิกงานแล้ว”
“ทำไมเอ็งไม่ใช้แอพว่ะ”
“แอพอะไรล่ะพ่อ หนูยังใช้มือถือจอขาวดำอยู่เลย”
“แล้วบัตรเอทีเอ็มไม่มีรึไง”
“ไม่มี หนูไม่อยากเสียค่าบริการรายปี”
“โอ๊ย เออๆ พรุ่งนี้โอนมาให้ด้วย” บิดาบังเกิดเกล้าฟึดฟัดแล้วก็ตัดสายไป
“เฮ้อ” นี่คือคำติดปากของอ้อย เธอควานหาสมุดบัญชีในกระเป๋าแล้วดูยอดเงิน
“เฮ้อ” และอีกครั้งที่เธอท้อแท้ใจเมื่อรู้ว่าอีกสิบกว่าวันของเดือนเธอต้องกินข้าวกับปลากระป๋องอีกแล้ว
“โอนเงินหนึ่งพันค่ะ” อ้อยแวะธนาคารก่อนจะไปเริ่มงาน
“ไม่สนใจทำบัตรเอทีเอ็มหรอคะมีประกันอุบิตเหตุด้วยนะคะ” พนักงานสาวเสนอขาย
“ไม่ค่ะ ดูเงินในบัญชีสิคะ”
“อะ อ้อ ไว้ถ้าอยากสมัครติดต่อได้ที่นี่เลยนะคะ”
“ค่ะ” อ้อยตอบแบบเซ็งๆ
“โอนไปแล้วนะพ่อ เดือนนี้หนูไม่มีให้แล้วนะ” อ้อยโทรไปบอกบิดา
“ลูกรักของพ่อ ขอบใจนะ” ชาตรีดีใจจนเนื้อเต้น
“พ่อ หนูว่าพ่อไปบำบัดเถอะ”
“บำบัดบำเบิดอะไรเล่า ก็แค่กินสนุกๆ ไปๆ จะไปไหนก็ไป” และอีกครั้งที่บิดาบังเกิดเกล้าตัดสาย
“เฮ้อ” อ้อยถอนหายใจแล้วเหม่อมองไปที่ผู้คนรอบตัว บ้างเดินคนเดียว บ้างมากับคนรัก บ้างก็มากับครอบครัวแต่ทุกคนไม่มีใครหน้าตาอมทุกข์และท้อแท้เหมือนเธอเลยสักคน ทุกๆ คนดูมีความสุขมีความหวังแต่เธอไม่มีอะไรเลย
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที