เขา…เลี้ยงเธอไว้เพื่อบำบัดความใคร่ เธอ…ไปไหนไม่ได้เพราะคำว่าบุญคุณ
เขา…เลี้ยงเธอไว้เพื่อบำบัดความใคร่ เธอ…ไปไหนไม่ได้เพราะคำว่าบุญคุณ
“เคร้ง” เสียงช้อนร่วงกระแทกลงกับพื้น ผู้ชายหน้าตาใจดีคนนึงปัดมันโดยบังเอิญ
“ขอโทษค่ะ เด็กเพิ่งมาใหม่” หัวหน้ากะที่รับรายการอาหารโต๊ะข้างๆ รีบก้มลงไปเก็บแล้วส่งสายตาขุ่นเขียวมาให้ตัวต้นเรื่องทั้งที่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด ลูกค้าคนนั้นพยายามจะอธิบายให้เข้าใจแต่เธอก็เดินหนีไปซะแล้ว
“ขอโทษด้วยนะหนูที่ทำให้โดนเอ็ด” เลโอนาร์ด จิโอวาน่า ชายวัยห้าสิบกว่าปีกล่าวด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ” อ้อยตอบกลับด้วยความประหลาดใจเธอไม่คิดว่าชาวต่างชาติคนนี้จะพูดไทยได้คล่องปร๋อขนาดนั้น
“เราสั่งแค่นี้แหละจ้ะและก็ขอโทษอีกทีที่สามีป้าซุ่มซ่าม” เจนีซ จิโอวาน่า ภรรยาของเลโอนาร์ดกล่าวแล้วยิ้มให้เด็กสาวผู้ที่มารับออเดอร์
“คะ ค่ะ” อ้อยเดินกลับไปหลังร้านแบบงงๆ แน่ละว่าเธอประหลาดใจที่ทั้งคู่พูดไทยชัดมากแต่ที่เธอสงสัยมากกว่าก็คือทั้งสองคนดูมีความสุขกับอะไรสักอย่างระหว่างดูเมนูอาหารคุณผู้หญิงจะเงยหน้ามามองเธอเป็นระยะแล้วอมยิ้มส่วนคุณผู้ชายก็เช่นกันและอ้อยรู้สึกว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกับคนทั้งคู่
“อีอ้อย อีซื่อบื้อ” จุ๊บแจงหัวหน้ากะหยิกแขนลูกน้องอย่างแรง
“พี่จุ๊บแจง อ้อยเจ็บนะ”
“ทำอีท่าไหนถึงงั่งไปปัดช้อนลูกค้าตก” จุ๊บแจงยังไม่เลิกกล่าวโทษลูกน้อง
“แล้วพี่จุ๊บแจงเห็นได้ยังไงว่าอ้อยทำตกพี่ยืนหันหลังนะและอ้อยก็ไม่ได้ทำตกคุณผู้ชายเขาบังเอิญไปปัดโดน” อ้อยอธิบายให้หัวหน้าจอมโมโหฟัง
“อ้อ นี่แกเถียงฉันหาว่าฉันปั้นเรื่องหรอ” จุ๊บแจงขึ้นเสียงเมื่อเด็กในครัวมองมาที่เธอกับยัยอ้อย
“ปะ เปล่าค่ะ” อ้อยรีบปฏิเสธ จะยังไงเธอก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ไปเลยนะ เอาไปเสิร์ฟแล้วอย่าโง่ทำอะไรตกแตกอีก”
“ชาร้อนค่ะ กาแฟร้อนค่ะ” อ้อยวางแก้วเครื่องดื่มให้ลูกค้า
“ขอบใจจ้ะ เอ่อ หนูชื่ออะไรจ๊ะ” เจนีซถามเด็กสาว
“ชื่ออ้อยค่ะ”
“ชื่อเพราะจัง” เลโอนาร์ดจิบกาแฟดำหอมกรุ่นแล้วยิ้มละไม อ้อยสังเกตว่าคุณผู้ชายไม่ได้เติมอะไรลงไปในกาแฟเลยมันคือกาแฟดำล้วนๆ และขมปี๋แบบที่เธอไม่ชอบเลยสักนิด ส่วนคุณผู้หญิงดื่มชาร้อนกลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์
“อาหารรอสักครู่นะคะ” อ้อยบอกแล้วขอตัวออกมา
“ไปอ้อยสร้อยอะไรนานสองนานแค่เสิร์ฟกาแฟเนี่ย” จุ๊บแจงยังคงหาเรื่องเอ็ดลูกน้องไม่หยุด เธอหมั่นไส้อีเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัวเพราะไม่ว่าใครก็ดูจะรักและเอ็นดูแม่นี่เหลือเกิน
“ขอโทษค่ะ” อ้อยเลือกที่จะเงียบเพราะเถียงไปก็ไม่มีวันชนะ
“เด็กคนนั้นน่ารักดีนะคะเลโอ” เจนีซชวนสามีคุย
“อืม น่ารักและน่าสงสาร” เลโอนาร์ดตอบ เขาเองก็เห็นว่าเธอถูกใส่ความ
“แล้วคุณไปถูกใจอะไรแม่หนูคนนี้หรอเจส” เลโอนาร์ดถามภรรยา
“ไม่รู้สิคะ เห็นแล้วก็ถูกชะตาตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม”
“เหมือนที่ถูกชะตาผมตั้งแต่แรกพบใช่ไหม” เลโอนาร์ดกระซิบถามภรรยาแล้วจูบเธอที่แก้ม
“ใช่ค่ะและเจสเชื่อว่าเราสองคนจะได้เจอแม่หนูคนนี้อีกแน่นอน”
“เฮ้อ หมดวันสักที” อ้อยนั่งยืดแข้งยืดขาอยู่ในโรงอาหารของพนักงาน ในที่สุดหนึ่งวันอันแสนทรหดก็จบลงและเธอก็หิวไส้แทบขาดแต่ก็ไม่มีแรงจะลุกไปซื้ออะไรกิน วันนี้ลูกค้าเยอะมากเธอเดินไปเดินมาแทบไม่ได้หยุดเลย
“อีพี่ จจ. นี่น่าตบให้กลิ้งจริงๆ” เมย์เพื่อนในร้านนั่งลงข้างๆ เธอ
“อือ แล้วกล้าทำไมล่ะ” อ้อยแหย่เพื่อน
“ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนรับประทานละคะ เป็นไงมั่งมีที่ไหนเรียกรึยัง”
“ไม่เลย” อ้อยตอบด้วยความท้อแท้ เธอเรียนจบมาสามเดือนแล้วแต่ยังไม่ได้งานทำเลยทั้งที่สมัครไปตั้งหลายที่แต่ก็เงียบกริบไม่มีบริษัทไหนเรียกสัมภาษณ์สักที
“สู้ๆ แก” เมย์ก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้
“กินไรเดี๋ยวฉันซื้อมาให้”
“ข้าวมันไก่กะน้ำแดงแล้วกัน ขอบใจนะ”
“กลางๆ สัปดาห์วันที่ จจ. หยุด แกแลกกะกับฉันได้ไหมเมย์” อ้อยถามระหว่างที่กินข้าว
“ได้สิ” เมย์ตอบตกลงและไม่ต้องถามเลยว่าเพื่อนจะไปไหนได้นอกจากไปสมัครงาน เมื่อทานข้าวเสร็จสองสาวก็แยกย้ายกัน
วิชุดา ศรรุ่งหรืออ้อย เด็กสาวเพิ่งเรียนจบจากรั้วพ่อขุนเธอเป็นลูกคนเดียวและอยู่ตัวคนเดียวมาหลายปี ตอนเด็กๆ เธอก็มีครอบครัวเหมือนกับคนทั่วๆ ไป แม่รักและห่วงใยเธอเสมอส่วนพ่อถึงจะติดเหล้าเมาหยำเปก็ยังมีแก่ใจนึกถึงลูกเมียอยู่แต่พอแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุรถชนพ่อก็เสียสูญและกู่ไม่กลับอีกเลย
กว่าเธอจะเรียนจบมาได้ก็ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นเพราะต้องทำงานสารพัดเพื่อหาเงินจ่ายค่าหน่วยกิตไหนจะค่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอยู่ ค่ากินแต่พอจบออกมากลับหางานทำไม่ได้ไม่ว่าจะสมัครไปกี่ที่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับสักแห่ง
“เฮ้อ อ้อยเอ๊ย” เด็กสาวล้มตัวลงนอนบนเตียงเหล็กในห้องแคบๆ ที่เธอต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละสองพันห้าร้อยบาท
“ถ้าแม่ยังอยู่ชีวิตเราคงดีกว่านี้” อ้อยรำพึงในใจ
“ติ๊ดๆๆ” พอนึกถึงแม่พ่อก็โทรมา
“อ้อย โอนเงินให้พ่อสักพันได้ไหม”
“หนูเพิ่งให้ไปเมื่อสามวันก่อนเองนะพ่อ” อ้อยตัดพ้อเงินพันนึงเธอใช้ได้เกือบสิบวัน
“ก็มันหมดแล้ว”
“ไว้พรุ่งนี้แล้วกันวันนี้หนูเลิกงานแล้ว”
“ทำไมเอ็งไม่ใช้แอพว่ะ”
“แอพอะไรล่ะพ่อ หนูยังใช้มือถือจอขาวดำอยู่เลย”
“แล้วบัตรเอทีเอ็มไม่มีรึไง”
“ไม่มี หนูไม่อยากเสียค่าบริการรายปี”
“โอ๊ย เออๆ พรุ่งนี้โอนมาให้ด้วย” บิดาบังเกิดเกล้าฟึดฟัดแล้วก็ตัดสายไป
“เฮ้อ” นี่คือคำติดปากของอ้อย เธอควานหาสมุดบัญชีในกระเป๋าแล้วดูยอดเงิน
“เฮ้อ” และอีกครั้งที่เธอท้อแท้ใจเมื่อรู้ว่าอีกสิบกว่าวันของเดือนเธอต้องกินข้าวกับปลากระป๋องอีกแล้ว
“โอนเงินหนึ่งพันค่ะ” อ้อยแวะธนาคารก่อนจะไปเริ่มงาน
“ไม่สนใจทำบัตรเอทีเอ็มหรอคะมีประกันอุบิตเหตุด้วยนะคะ” พนักงานสาวเสนอขาย
“ไม่ค่ะ ดูเงินในบัญชีสิคะ”
“อะ อ้อ ไว้ถ้าอยากสมัครติดต่อได้ที่นี่เลยนะคะ”
“ค่ะ” อ้อยตอบแบบเซ็งๆ
“โอนไปแล้วนะพ่อ เดือนนี้หนูไม่มีให้แล้วนะ” อ้อยโทรไปบอกบิดา
“ลูกรักของพ่อ ขอบใจนะ” ชาตรีดีใจจนเนื้อเต้น
“พ่อ หนูว่าพ่อไปบำบัดเถอะ”
“บำบัดบำเบิดอะไรเล่า ก็แค่กินสนุกๆ ไปๆ จะไปไหนก็ไป” และอีกครั้งที่บิดาบังเกิดเกล้าตัดสาย
“เฮ้อ” อ้อยถอนหายใจแล้วเหม่อมองไปที่ผู้คนรอบตัว บ้างเดินคนเดียว บ้างมากับคนรัก บ้างก็มากับครอบครัวแต่ทุกคนไม่มีใครหน้าตาอมทุกข์และท้อแท้เหมือนเธอเลยสักคน ทุกๆ คนดูมีความสุขมีความหวังแต่เธอไม่มีอะไรเลย
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ
หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
© 2018-now MeghaBook
บนสุด