ผมชื่อมนัชเป็นตำรวจที่ “เอาการ เอางาน”
ผมชื่อมนัชเป็นตำรวจที่ “เอาการ เอางาน”
“สวัสดีค่ะคุณตำรวจ” สุชาดายกมือไหว้ชายหนุ่มในเครื่องแบบตามมารยาท
“สวัสดีค่ะน้องส้ม พี่ซื้อเค้กใบเตยมาฝาก” มนัชยิ้มร่ามาแต่ไกลแต่รอยยิ้มก็แห้งลงเมื่ออีกฝ่ายดูไม่ยินดีเท่าใดนัก
“อ้าว ! คุณมนัช มาทำอะไรเหรอคะ” นันทิชาทักทาย
“มาทำธุระให้ไอ้ธีร์ครับแล้วก็ซื้อเค้กมาฝากน้องส้มด้วย”
“ส้มกลับได้เลย เดี๋ยวพี่ดูให้เอง”
“ขอบคุณค่ะพี่นัน” สุชาดาลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินออกไปทันที
“นี่ของส้มรึเปล่า” นันทิชาถามลูกน้อง
“เอ่อ … คือ” สาวน้อยไม่รู้จะตอบยังไงเพราะการที่คนแปลกหน้าตั้งใจซื้อของมาฝากไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
“เค้กใบเตยครับผมซื้อมาฝากน้องส้ม”
“ขอบคุณค่ะ” สุชาดารับถุงสีหวานมาถือแล้วรีบเดินจ้ำให้เร็วที่สุด
มนัช มีเพียร อายุสามสิบสามปี ความฝันเดียวของเขาก็คืออยากเป็นตำรวจ เมื่อถึงเกณฑ์เข้าเรียนมนัชก็จากบ้านเกิดไปกินนอนที่โรงเรียนประจำ ด้วยความแน่แน่วชายหนุ่มจึงได้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตามที่ตั้งใจ
หน้าตาของมนัชคมเข้ม รูปร่างสูงล่ำตามมาตรฐานคนในเครื่องแบบ เมื่อออกกำลังกายเป็นประจำกล้ามเนื้อที่ล่ำอยู่แล้วก็ยิ่งได้รูปสมส่วน
จึงไม่แปลกที่มนัชจะเนื้อหอมเป็นที่ถูกตาต้องใจของสาวๆ แม้กระทั่งหนุ่มๆ
“คุณธีร์เขามีธุระอะไรเหรอคะคุณมนัช จันทร์ไปหาเมื่อวาน นี่ก็น่าจะลงเครื่องแล้ว”
“มันจะเซอร์ไพรส์เมีย … สองคนนั้นหมั้นกันแล้ว ผมไม่ได้ใช้คำผิดนะครับ” มนัชรีบอธิบายเพราะการไปเรียกผู้หญิงอื่นว่าเมียไม่ใช่เรื่องเหมาะสมถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง
“หมั้น ! คุณพระ ไปวันเดียวได้เป็นคู่หมั้นคุณหมอซะแล้วแสงจันทร์” นันทิชาตกใจและดีใจไปพร้อมๆ กัน
“ไอ้ธีร์มันถอยรถเครื่องให้เมียครับ ผมเลยเอามาส่ง”
“ให้ร้านเอามาก็ได้นี่คะ”
“อ่า … เอ่อ” คุณตำรวจไม่รู้จะบอกยังไงว่าอยากหาเหตุมาที่นี่ให้บ่อยที่สุด
“อ้อ ! เข้าใจแล้วค่ะ มาจีบส้มสินะ” นันทิชาเห็นมนัชมองไปทางที่ลูกน้องเดินไปอยู่บ่อยๆ
นันทิชาก็เพิ่งเอะใจเพราะสุชาดาเดินเข้าไปในโรงแรมทั้งที่เลิกงานแล้ว สงสัยจะไปคุยกับแม่บ้านมั้ง
“ผมเคยถามน้องจันทร์แล้วแต่ขอถามคุณนันอีกทีเพื่อความชัวร์ น้องส้มยังไม่มีแฟนใช่ไหมครับ”
“เท่าที่นันเห็นก็ไม่มีนะคะแต่ถ้าจันทร์บอกว่าไม่มีก็เชื่อได้เลยเพราะสองคนนี้สนิทกันแล้วจันทร์ก็ไม่ใช่คนพูดปด”
“ครับ” คุณตำรวจรับคำแบบหงอยๆ ถึงอีกฝ่ายจะไม่มีแฟนแต่ก็ดูไม่มีความหวังเลยเพราะเธอไม่เปิดโอกาสสักนิด
“มีเรื่องนึงที่นันพอจะช่วยได้นะคะ”
“เรื่องไหนครับคุณนัน”
“เล็กน้อยมากค่ะแต่น่าจะมีประโยชน์”
“จะน้อยนิดแค่ไหนก็ช่วยผมเถอะครับ ผมอยากให้น้องส้มสนใจผมบ้าง”
“คือ … เอ่อ ส้มไม่ชอบใบเตยค่ะ ยิ่งกลิ่นใบเตยสดๆ คือเกลียดเข้าไส้เลย ได้กลิ่นแล้วส้มมันเวียนหัวน่ะค่ะ”
“เวร ! ขอโทษครับผมไม่ได้ว่าคุณนันนะครับแค่อุทานเฉยๆ” มนัชหงอยหนักกว่าเดิม ซื้อของมาฝากแต่ดันเป็นของที่เธอเกลียด
“ไม่เป็นไรค่ะ นันเข้าใจ”
“ที่จริงผมอาสาไปรับน้องจันทร์แต่เจ้าตัวเกรงใจจะว่ารถมาเอง” มนัชชวนเปลี่ยนเรื่องเพื่อลดความช้ำใจ ป่านนี้เธอเอาโยนทิ้งถังขยะไปแล้วมั้ง เค้กก็ไม่ใช่รสที่ชอบแถมคนที่ให้ยังเหม็นขี้หน้าอีก
“จันทร์ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ขี้เกรงใจ”
“ผมดีใจกับน้องแล้วก็เพื่อนมากๆ เลยครับ”
“สักวันคุณมนัชก็เจอคนที่ใช่ค่ะ” นันทิชาได้แต่ให้กำลังใจ เรื่องรักชอบใครจะไปบังคับได้ถึงจะเป็นหัวหน้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายแต่ฉันก็อยากให้ลูกน้องลองเปิดใจดู
“ขอโทษนะครับ ผมขอไปรับสายก่อน” มนัชรับสายเรียกเข้าแล้วเดินไปด้านหน้าโรงแรม
“ขอบคุณนะคะ” แสงจันทร์จ่ายเงินให้คนขับเมื่อเดินผ่านลานจอดรถก็ใจคอไม่ดีเพราะเห็นรถตำรวจจอดอยู่
“สวัสดีค่ะพี่มนัช ที่โรงแรมมีเรื่องเหรอคะ” ยิ่งเห็นมนัชแสงจันทร์ก็ยิ่งตกใจ
“เปล่าครับ พี่มาส่งของ”
“ส่งของ” แสงจันทร์ยิ่งงงไปกันใหญ่ ส่งของไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจไม่ใช่เหรอ
“นี่ครับ มีคนฝากมาให้” มนัชยื่นดอกไม้ช่อโตให้แสงจันทร์
“ของหนูเหรอคะ ใครให้คะ”
“ลองอ่านการ์ดดูสิครับ”
“หวังว่าจะชอบของขวัญปีใหม่นะครับ … ที่รักของหนู” กระดาษสีชมพูเขียนไว้สั้นๆ แค่นั้น
“พี่ธีร์เหรอคะ” แสงจันทร์ถามแบบไม่แน่ใจ
“ใช่ครับ เดี๋ยวพี่พาไปดู”
“อ้าว ! แล้วดอกไม้นี่ไม่ใช่ของขวัญเหรอคะ” แสงจันทร์งงหนักขึ้นเรื่อยๆ มาถึงที่ทำงานแต่เจอเรื่องให้ประหลาดใจเต็มไปหมด
“ก็ใช่ครับแต่ก็มีอีก”
“ไปเถอะ คุณตำรวจเขามารอแกนานแล้ว” สุชาดาโผล่มาจากด้านหลัง เมื่อกี้เพื่อนบอกว่ากำลังจะถึงเลยมาดักรอ
“ไอ้บ้า ! ตกใจหมดไม่กลับบ้านรึไง”
“ก็รอเจอแกก่อนนี่ไง”
“รอเจอฉันหรือรอของฝากจ๊ะ”
“ก็ทั้งสองอย่างแหละน่า” สุชาดาทำหน้ายู่เพราะหมั่นไส้ที่เพื่อนรู้ทัน ก็โดนัทเจ้าดังน่ะสิฉันติดใจนักเพื่อนไปกรุงเทพทีไรต้องฝากซื้อตลอด
“นี่ครับ” มนัชพาแสงจันทร์มาที่ลานจอดรถแล้วส่งกุญแจให้หนึ่งดอก
“ของหนูเหรอคะ” สาวน้อยมองมอเตอร์ไซค์ใหม่เอี่ยมด้วยความตกใจ
“ใช่ครับ ไอ้ธีร์มันฝากพี่จัดการ น้องจันทร์ชอบสีนี้ไหมอยากได้รุ่นอื่นรึเปล่า”
“ชอบค่ะ ชอบๆ” ฉันรีบตอบ
“งั้นพี่ให้น้องจันทร์ดูก่อน พี่จะไปทำงานแล้วแต่ขอไปลาน้องส้มแปบนึง”
“ค่ะๆ” ฉันรับคำแล้วมองเจ้าสองล้อแบบไม่อยากเชื่อสายตา คนมีเงินเหมือนมีเวทมนตร์เลยเนอะ เสกของได้ตามใจนึก
แสงจันทร์เดินไปรอบๆ มองจนทั่วก็ไม่พบตำหนิแม้แต่จุดเดียว
“พี่ตรวจดูหมดแล้ว ระบบไฟ น้ำมัน เบรก รอยขีดข่วน ไม่มีปัญหาเลยแต่ถ้าเจอโทรหาพี่ได้นะ” มนัชเดินกลับมาพร้อมรอยยิ้มเพราะได้คุยกับสาวน้อยแสนน่ารัก แม้เธอจะพูดคุยตามมารยาทถามคำตอบคำแต่ได้เท่านี้ก็ดีใจแล้ว
“ขอบคุณพี่มนัชมากนะคะ หนูเกรงใจมากเลยทำให้พี่เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรครับแค่นี้เอง พี่ขอตัวก่อนนะ”
“สวัสดีค่ะพี่มนัช” แสงจันทร์ไหว้คุณตำรวจหล่อล่ำแล้วรีบโทรไปหาเซบาสเตียน
“โอ๊ย ! หนูก็รักพี่ธีร์ค่ะ มันอะไร ยังไง ไหนเล่าสิ” แม้จะเลยเวลาเลิกงานแล้วแต่สุชาดาก็ยังปักหลักไม่ไปไหนเพราะอยากรู้ว่าเพื่อนสนิทไปทำอะไรที่กรุงเทพแต่บทสนทนาที่แอบฟังอย่างตั้งใจก็ทำให้ตกใจจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ก็ตามที่พูดไง ต้องให้แปลอีกเหรอ”
“แหวนอะไร !” สุชาดาเห็นแหวนเพชรวิบวับบนนิ้วมือก็ยิ่งตาโตเข้าไปใหญ่
“แหวนหมั้นน่ะ” แสงจันทร์ตอบ
“หมั้น !” สุชาดาทวนคำแล้วอ้าปากค้าง
“อืม … หมั้นแล้วค่อยแต่งทีหลัง”
“กรี๊ดดดดดดด … ขอโทษค่ะ จิ้งจกน่ะค่ะ จิ้งจกตกใส่” สุชาดากรีดร้องด้วยความอิจฉาแล้วก็รีบขอโทษเพราะลูกค้ารอบๆ ตกใจกับเสียงแปดหลอด
“ตอนแรกแกไม่สนใจเขาเลยไม่ใช่เหรอ”
“ก็เขาดีกับฉัน รักฉัน หลงฉันเหมือนฉันสวยประหนึ่งนางงามจักรวาล ใครจะใจแข็งอยู่ได้”
“โอ๊ยๆๆ อิจฉาๆๆๆ นั่นหมอธีร์เลยนะจันทร์ โปรไฟล์ดี ชาติตระกูลเริ่ด หน้าตายิ่งเริ่ด”
“ฉันก็ยังไม่เชื่อเลยส้ม ว่าจะโชคดีขนาดนี้”
“นี่ถ้ายัยอ้อมรู้นะ กรี๊ดลั่นเกาะแน่ๆ” แสงจันทร์พอจะนึกหน้าของอมราออกว่าจะอึ้งแค่ไหนเพราะยัยนั่นปลื้มคุณหมอฟันเอามากๆ แต่เสียใจนะจ๊ะ
เขาเป็นของฉันแล้ว
“ดีใจด้วยนะจันทร์ วี้ดดดด แกทำบุญด้วยอะไรเนี่ย” สุชาดาดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่าแสงจันทร์เสียอีก
จะเรียกว่าบุญพาวาสนาส่งพรหมลิขิตหรืออะไรก็ตามแต่ สุชาดาคิดว่ามันสมควรที่สุดในสิ่งที่เพื่อนสนิทได้รับ แสงจันทร์เป็นคนจิตใจดีพูดดีไม่เคยว่าร้ายใครแถมชีวิตก็อาภัพเสียพ่อแม่ไปพร้อมกัน
“ขอบใจแกมากนะส้ม ฉันดีใจกว่าเดิมอีกที่เห็นแกดีใจขนาดนี้”
“ทำไมล่ะ ฉันก็ต้องดีใจสิ”
“ไม่ช้าไม่นานฉันก็คงต้องเลิกทำงานที่นี่ ไม่ด้วยเรื่องลูกก็เรื่องงานของพี่ธีร์”
“แล้วยังไงเหรอ” สุชาดาไม่เข้าใจ
“แกก็ต้องอยู่คนเดียวสิ นี่ยัยอ้อมก็ไปติดใจฝรั่งหัวทองอีก ตกกระไดพลอยโจนเพื่อนสนิทสองคนแต่งงานพร้อมกันแกคงเหงาน่าดู”
“เหงาอะไร ถ้าแกสองคนไปฉันได้เลื่อนตำแหน่งแน่นอนแล้วพี่นันก็ต้องรับเด็กใหม่ ทีนี้ฉันก็ได้เชิดใส่พวกหน้าอ่อน”
“โอ๊ย ! จ้า แม่คุณแม่คนคิดบวกเหลือเกิน แกรีบกลับบ้านเปล่า”
“รีบแล้วจะมาดักรอไหม เข้าไปข้างในกัน”
“ถุงไรอ่ะ” แสงจันทร์ถาม
“เค้กน่ะ” สุชาดาตอบแล้วทำหน้าเบ้
“ลูกค้าให้เหรอ”
“หึ เขาให้” สาวน้อยทำปากคว่ำกว่าเดิมถึงแม้เพื่อนไม่เอ่ยชื่อแต่ท่าทางก็ทำให้แสงจันทร์เข้าใจว่าใครเป็นคนให้ของชิ้นนี้
“แกจะไปรังเกียจรังงอนอะไรเขาหนักหนาวะ”
“คนเจ้าชู้มาจีบก็ควรออกห่างไหม ถ้าประวัติดีแบบพี่ธีร์หรือพี่ป๊อกจะไม่เล่นตัวเลย แล้วมาคะขาจ๊ะจ๋าใส่ยิ่งทำให้ขนลุก”
“ก็เขาพูดแบบนั้นเป็นปกติแกจะขนลุกทำไม”
“เขาพูดคะขากับฉันคนเดียว”
“เพราะแกเป็นคนพิเศษไง”
“ดูแกเชียร์เขาจังเลยนะจันทร์”
“อยากให้แกลองเปิดใจดู เขาเป็นตำรวจนะไม่ทำลายอนาคตตัวเองหรอก ลองไปกินข้าวกับเขาก็ไม่เห็นเสียหาย”
“เป็นตำรวจแล้วก็เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายหัวมาโนชไม่มีอะไรน่ากลัวเลยเนอะ ลูกเป็นตำรวจพ่อเป็นมาเฟียคุมเกาะ น่าคบน่าไปไหนด้วยสุดๆ”
“โอเค … ตามใจแกแล้วกัน” แสงจันทร์จนใจที่จะบังคับใจเพื่อน
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
จี้ฮันโจวเป็นคนมีฝีมือร้ายกาจและเด็ดขาด แต่กลับเอ็นดูรักใคร่เสิ่นชือมาก เสิ่นชือ ซึ่งเกือบจะเสียชีวิตเนื่องจากการสมรู้ร่วมคิดจากพ่อและแม่เลี้ยงของเธอ และเธอได้ช่วยชีวิตหัวจี้ฮันโจว นายน้อยของตระกูลใหญ่ที่สุดใน เมืองเซิ่นจิน ส่งผลให้ทั้งสองบรรลุความร่วมมือ และสุดท้ายตกหลุมรักกัน คนนอก: "ไหนบอกว่าคุณชายจี้จะไม่ชอบผู้หญิง ไหนบอกว่าไร้ความปรารถนา และไม่แยแสกับผู้หญิงล่ะ!"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY