“คุณจะแต่งงานกับเพื่อนของฉันจริงหรือเปล่าคะ” “ไปเอามาจากไหนล่ะ” “มีข่าวเกี่ยวดองของสองตระกูล เท่าที่รู้ทายาทของสองตระกูลนี้ก็คือคุณกับเกตุแก้ว” “งั้นเหรอ... เป็นเพื่อนคุณก็ดีนี่ เกตุแก้วเป็นเด็กดี สวยและว่าง่ายอีกด้วย หรือคุณว่าไง” เลิกคิ้วเหมือนจะถามว่ามีอะไรไหม... “เพื่อนของฉันเป็นคนดีเกินกว่าจะต้องมาใช้ชีวิตกับคุณ” “เพราะเขาเป็นคนดีไงถึงต้องใช้ชีวิตกับผม ตอนนี้ผมยังไม่ได้แต่งก็ใช้ชีวิตให้คุ้ม อาจจะมีนอนกับผู้หญิงเบี้ยบ้ายรายทางบ้างก่อนแต่งแต่หลังแต่งนี่คุณไม่ต้องห่วงแทนเพื่อนคุณหรอกนะเพราะว่าผมจะเป็นสามีที่ดีและหยุดทุกอย่างมาสร้างครอบครัวกับเขา คุณควรดีใจแทนเพื่อนด้วยซ้ำไปนะ” คำพูดเจือรอยยิ้มเยาะหยัน และดวงตาคมปลาบที่ทอดมองมายังหนึ่งในผู้หญิงเบี้ยบ้ายรายทางของเขากัดริมฝีปากที่สั่นระริกไว้แน่น... ก้อนแข็งๆ ที่ไม่รู้ที่มาจุกในลำคอจนแน่นไปหมด “ถ้าคุณทำอย่างนั้นได้จริงก็ต้องทำตั้งแต่วันนี้ เราต้องจบกัน ฉันจะไม่ขัดขวางถ้าคุณสัญญาว่าหลังจากแต่งงานแล้วจะทำตามอย่างที่พูด” “ถ้าคุณยังหาเงินมาคืนไม่ได้ ผมก็จะนอนกับคุณไปทุกวันจนกว่าจะแต่งงาน...” ตรัยบอกชัดถ้อยชัดคำ ยิ่งเห็นหล่อนมองเขาอย่างกับมองปิศาจร้าย เขากลับยิ้มได้มากกว่าที่เคย... “คุณ... ทำไมร้ายอาจอย่างนี้ คุณก็รู้ว่าพวกฉันเป็นเพื่อนกัน ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย คุณตั้งใจจะแต่งงานและให้เกียรติเพื่อนฉันก็ควรเลิกยุ่งกับฉัน” “อยากรู้งั้นเหรอว่าทำไมถึงไม่ปล่อยคุณไป ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะผมอยากให้คุณเจ็บ เจ็บไปถึงไอ้พี่ชายจอมร้ายกาจของคุณด้วยยังไงล่ะ”
หทัยวดี พิมชลเคยคิดสงสัยว่าเจ้านายของหล่อนมองหล่อนด้วยสายตาแปลกๆ หากแต่ก็ยังไม่กล้าเดาว่าเขาคิดอย่างไรกันแน่
นับตั้งแต่วันที่ตรัยจ้างหล่อนมาเป็นเบ๊กิตติมศักดิ์ด้วยการปล่อยกู้เงินร้อยกว่าล้านโดยไม่คิดดอกเบี้ย หล่อนก็คิดว่าเขาไม่เคยมองหล่อนในสายตาจนชะล่าใจไม่ระแวดระวังที่จะปกป้องตัวเอง หล่อนพลาดที่มาว่ายน้ำกับเขาด้วยชุดบิกินี่ที่คุ้นเคยเพราะคิดว่าเขาไม่ได้คิดอะไรและคงไม่ล่วงเกินอะไรหล่อน...
แต่วินาทีที่เขาว่ายน้ำมาใกล้ พร้อมกับถลามาคร่อมหล่อนกักหล่อนไว้กับขอบสระในวงแขนของเขา สายตาประกายบางอย่างที่ไม่เคยเห็นบอกให้หทัยวดีมองเขาในมุมใหม่...
เขาเป็นผู้ชายทั่วไป เขาอาจจะไม่สนใจหล่อนแต่แรก หากแต่ความใกล้ชิดที่หล่อนอยู่ใกล้มือของเขาอาจจะทำให้เขามักง่ายคว้าหล่อนมาเคี้ยวเล่นเหมือนผู้หญิงหลายๆ คนของเขา
แต่ฝันไปเถอะ
“ฉันจะว่ายน้ำ ถอยไปเลยนะ รำคาญ” หทัยวดีผลักอกเขาแล้วเลิกพักเหนื่อย หล่อนว่ายน้ำห่างมาจากเขายังไม่ทันถึงเมตรดีตัวหล่อนก็ถูกคว้าลอยกลับ และถูกเขาอุ้มไปนั่งบนขอบสระอย่างน่าโมโหในความต่างระหว่างสรีระของเขากับหล่อนทำให้หล่อนสู้เขาไม่ได้
“จะทำอะไรกันเล่า” หล่อนร้องลั่นอย่างรำคาญ ดีว่าสระนี้เป็นสระส่วนตัวของวิลล่า ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนมองเขากับหล่อนไม่มากก็น้อย
“คิดว่าผู้ชายจะทำอะไรกับผู้หญิงสองต่อสองในที่รโหฐานล่ะ คิดได้ว่ายังไงผมก็ทำอย่างนั้นล่ะครับ คุณหนูเพลิน”
คำพูดของเขาทำให้หล่อนหนาววาบ... จากที่ไม่แน่ใจตอนนี้กระจ่างทุกอย่างแล้วว่าเขาจ้องจะเคลมหล่อนจริงจัง เขาจะกลืนน้ำลายตัวเองที่เคยสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาไม่ผ่านการคัดเลือกเพราะตกเกรดจากมาตรฐานของเขาหรือไงกัน
“จะบ้าหรือไง อย่ามาล้อเล่น ฉันรู้ว่าถ้าต้องการเรื่องแบบนั้นคู่ขาของนายโทรกริ๊งเดียวเขาก็มา เพราะฉะนั้นอย่ามาทำหน้ามืดแถวนี้”
หญิงสาวพยายามจะผละหนี แต่เขาดึงขาหล่อนเอาไว้แล้วขยับขึ้นมานั่งที่ขอบสระข้างๆ กัน แล้วกระซิบบอกเสียงเข้ม...
“ผมให้คุณมาอยู่กับผมเพื่อที่ผมจะทำอะไรก็ได้ แม้แต่จะให้เป็นนางบำเรอ คุณไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะปฏิเสธความต้องการของผม”
เสียงเขาแหบพร่าฟังไม่คุ้นชินนัก... หทัยวดีมือสั่นปากสั่นเพราะเขาหาใช่ความหนาวแต่อย่างใด คนแรงน้อยกว่าอย่างหล่อนรับมือกับเขาไม่ไหวแน่ยกเว้นว่าจะเจรจากับเขาทางวาจา
“นะ... นะ...ไหน นายว่า ฉันไม่น่าสนใจ จะเอาฉันมาทำงานขัดหนี้ไม่ได้จะเอาฉันมาเป็นนางบำเรอไง” มือบางเรียวเล็กดันบ่าเขาไว้ เมื่อเขาทำท่าเหมือนเป็นคนหูตึงที่จะก้มมาฟังหล่อนใกล้ๆ ไอ้คนบ้า หล่อนกำลังตะโกนอยู่ เขาไม่ได้ก้มลงมาเพราะไม่ได้ยินหรอก รู้ทันว่าเขาต้องการจะทำอย่างอื่นกับหล่อนแน่ๆ
“ผมไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาอะไรนี่ แล้วผมก็มีสิทธิ์ในตัวคุณทุกอย่าง พอดีเพิ่งมาคิดออกทีหลังว่าเอาคุณมาใช้งานอย่างเดียวไม่น่าพอขัดดอกร้อยล้านได้ เลยมอบหมายงานเพิ่มให้อีกงาน”
“งานอะไร” ถามอย่างหวาดระแวง พยายามถอยห่างเขาแบบไม่ให้เขารู้ตัว แต่คนที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนขยับเข้ามาใกล้หล่อนมากขึ้นจนถอยไม่ได้
“งานสร้างความสุขให้ผมไง... ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี คิดได้ว่าเงินไปจมกับเรื่องไร้สาระเป็นร้อยๆ ล้าน ถ้าไม่ช่วยผมให้ผ่อนคลาย ผมคงต้องไปทวงเงินร้อยล้านคืน จะได้ไม่ต้องหวั่นว่าเงินอยู่ในมือคนอื่น แล้วจะไม่งอกเงยอะไร”
“สะ... สร้างความสุขยังไง... ฉันเต้นโคเวอร์เกาหลีได้นะ คุณสนเปล่า”
เสียงบอกตะกุกตะกัก ทำให้ตรัยแหงนหน้าหัวเราะเหมือนหล่อนเล่นโจ๊กให้เขาฟัง แต่หล่อนเอาจริงนะ
“ผมไม่ผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีปัญญาอ่อนขนาดนั้นหรอก... จะทำให้ดูเล็กๆ น้อยๆ แล้วกัน”
ว่าแล้วเขาก็กระชากหล่อนเข้าหาอกแกร่ง มือหนารั้งท้ายทอยหล่อนเพื่อล็อคไว้ ท่ามกลางวินาทีที่เธอตื่นตะลึงและทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าคมของก็ฉกวูบลงมา ริมฝีปากนุ่มที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากร้อนรุ่มของเขา... ลิ้นอุ่นๆ ดันโพรงปากเข้ามาลึกล้ำ เหมือนมืออีกข้างของเขาล้วงลึกไปถึงขอบของ บิกินี่ใต้ผ้าคลุมที่พันอยู่บนเอวของหล่อนแล้วทำท่าเหมือนจะปลดมันลง
หทัยวดีอยากจะเป็นลม... ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ หล่อนยังอยากกัดลิ้นตัวเองตายเพื่อให้ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยกระแสความร้อนราวจะมอดไหม้กายหล่อนหยุดส่งผ่านความรู้สึกมาให้
แล้วของจริงที่เขาว่า มันจะขนาดไหน
สัญญาณเตือนภัยในหัวหล่อนดังก้องให้ถอยห่างจากความอันตรายที่มีอำนาจทำลายล้างสูงสุดอย่างตรัย... มือและเรียวลิ้นร้ายกาจของเขาสร้างคลื่นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ทำให้ขาของหล่อนไม่มีความมั่นคงจนต้องเกาะบ่าเขาไว้แน่น... ความวูบโหวงในช่องท้องที่แนบชิดกับสิ่งแข็งแกร่งที่ดุนดันผ่านกางเกงว่ายน้ำของเขาทำให้หล่อนสิ้นหวัง...
“ยะ อย่านะคะ ฉันขอร้อง ฉันไม่คิดจะมีอะไรกับคนที่ไม่ได้แต่งงานด้วย” หญิงสาวบอกเสียงสั่นเมื่อมือของเขาไล้ผ่านเนื้อผ้านิ่มอย่างเป็นเจ้าของ
หากเขาเป็นคนที่ใจดีพอเขาต้องฟังคำพูดหล่อน
แต่... ตรัยแหงนหน้าหัวเราะเหมือนหล่อนเล่าเรื่องตลก
“แต่งงานเหรอ... คุณคิดว่าคุณมีค่าแค่ไหนกัน การได้คุณมาแทนดอกเบี้ยเงินร้อยล้านที่ให้ยืมไปยังไม่พอด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นถึงไม่แต่งงานผมจะทำยังไงกับคุณก็ได้จริงไหม”
คำพูดของเขาทำให้หล่อนจุกจนพูดไม่ออก หนำซ้ำยามที่เขาดึงหล่อนแนบกายเขาแล้วขยับเขยื้อนกายให้หล่อนขวัญผวากับการแนบชิดใกล้ที่เขาจงใจปั่นป่วนหล่อนหลังจากที่หลงโง่งมเซ็นสัญญาทาสกับเขา ใจอยากจะห้ามแต่ก็ไม่อาจทนรับคำเจ็บแสบที่เขาจะตอบได้อีก ริมฝีปากที่จะพูดก็ปิดเงียบ ไร้เรี่ยวแรงจะต่อกร
“ถ้าไม่อยากนอนกับผม... ก็เอาเงินร้อยล้านมาคืนผมให้ได้เดี๋ยวนี้”
ข้อเสนอที่หล่อนไม่สามารถทำตามได้ถูกเอ่ยจากปากเขา หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นอย่างข่มกลั้น หล่อนไร้ซึ่งความแข็งขืนจนตรัยสามารถลากหล่อนมาถึงเตียงแล้ว ข้อแม้ที่เขาตั้งขึ้นมาสำหรับหล่อนมันก็ทำให้หล่อนไม่มีอำนาจต่อรองอะไรได้
สัญญาณเตือนภัยว่าหล่อนอาจได้รับอันตรายจากเขาไม่ได้มีความหมายใดเลยจริงๆ มันคงจะต้องดังให้ก้อง และก็หยุดลงด้วยตัวมันเอง
ร่างบางระทดระทวยให้อ้อมกอดของตรัยอย่างหมดหวัง และไร้เรี่ยวแรงต่อต้านใดๆ เมื่อเขารั้งหล่อนให้ล้มตัวลงนอนและนำพาเรือนกายหนาแกร่งตามมาทาบทับเอาไว้
“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะโดนฆ่าขนาดนั้นหรอกน่า รับรองคุณจะมีความสุขไปกับมัน” คำพูดที่แฝงความสะใจในแววตาเอ่ยบอกหล่อน
“ไม่มีทาง”
“ยังไม่ลองอย่าเพิ่งออกตัวแรงไปหน่อยเลยน่าคุณหนูเพลิน... ถ้าคุณเพลินใจกับบทรักของผมล่ะก็ จะร้องเสียงดังแค่ไหนก็ได้นะ ผมไม่ว่า ชอบด้วย”
“คนโรคจิต” หล่อนแหวเสียงสั่น เพราะเริ่มสะอื้นไห้ไปด้วยเนื่องจากโดนเขายั่วเย้า ดวงหน้าสวยงอง้ำ แน่นอนว่าตรัยเห็นแล้วมีความสุขจนต้องหัวเราะออกมา
เขาทำตัวเป็นคนโรคจิตตามที่หล่อนกล่าวหาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง มือหนากระชากชุดบิกินี่ของหล่อนหลุดขาดตามมือของเขาได้อย่างง่ายดาย
ก่อนจะก้มลงใช้เรียวปากกับส่วนที่ทำให้หล่อนร้องครางได้อย่างไม่พูดพล่ามทำเพลง... คนที่กำผ้าปูไว้แน่นพยายามเม้มปากไม่ส่งเสียงใดเมื่อซาตานร้ายรุกล้ำอย่างอุกอาจด้วยเรียวลิ้นร้อนจนหล่อนอยากจะตายให้พ้นจากความอึดอัดประหลาดนี้...
สุดท้ายเสียงครางก็หลุดจากปากหทัยวดีเกินกว่าจะหักห้ามใจ... ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วตรัยก็ผุดลุกขึ้นมาจ้องหน้าหญิงสาว
“แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยนะ คุณหนูเพลิน”
เสียงเย้ยหยันกับรอยยิ้มที่มุมปากทำให้หทัยวดีกลั้นสะอื้นอย่างสุดใจ... ริมฝีปากกัดจนห้อเลือดเมื่อรับรู้ถึงนิ้วมือของเขาที่เลื่อนไล้บนจุดอ่อนไหวที่สุดของร่างกายหล่อน ที่ที่เรียวลิ้นของเขาทายทักไปก่อนหน้านี้...
หล่อนพยายามกลั้นเสียง แม้กายจะสั่นเทา เพราะเขาปลุกปั่น สายตาของเขายังจดจ้องหล่อนอย่างนึกสนุกเมื่อเห็นว่าหล่อนพยายามอดกลั้นเพราะไม่อยากฟังคำปรามาสว่าเป็นคนพ่ายแพ้ ยิ่งเห็นเช่นนั้นมือเขายิ่งกระหวัดเกี่ยวร้อนแรงขึ้น
หทัยวดีเบือนหน้าหนีจากเขาอย่างเกินใจจะอดทน เรือนกายสาวไหวพร่าสั่นพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งสูงอย่างรุนแรง...
แต่แล้วมือของตรัยก็หยุดทุกการกระทำ คนที่อดกลั้นเสียงร้องจนตัวสั่นเทาเหมือนถูกดึงให้ตกจากฟ้ามากองบนที่นอน เขาทำให้หล่อนรู้สึกค้างคาและแสนทรมานจนลืมการข่มกลั้นทุกอย่างหันไปจ้องหน้าซาตานร้ายผู้กำหนดสัมผัสที่นำพาความรู้สึกนั้นมาให้เพื่อจะร้องเขา...
ดวงตาปรือมองเขาราวจะอ้อนวอนแม้เกลียดแสนเกลียดที่เห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความจริงใจสักนิดบนหน้าหล่อคมของเขา...
“ต้องการอีกล่ะสิ ผมมีให้คุณมากกว่านี้อีกสาวน้อย” เขาก้มลงกระซิบที่ข้างหูหล่อน ลมหายใจอุ่นทำให้กายสาวไหวสะท้านได้มากกว่าทุกครา หล่อนกลายเป็นคนอ่อนไหวที่เพียงลมหายใจของเขาก็ทำให้หล่อนสั่นพร่าได้เพราะน้ำมือของเขา ตรัยดูจะพอใจยิ่งนัก
“ยินดีต้อนรับสู่การเป็นของเล่นของนายตรัย อรรถพลวณิชอย่างเป็นทางการครับคุณหนูหทัยวดี”
บอกแล้วมือของเขาก็เคลื่อนไหวต่อ... หญิงสาวลืมความรู้สึกทุกอย่าง ลืมแม้แต่การข่มกลั้นเสียงครางเมื่อมือเขากลับมาสร้างความร้อนรุ่มให้หล่อนได้อีกครั้งหนึ่งและคราวนี้ปลายนิ้วมือของเขาทำให้หล่อนได้สานต่อความรู้สึกดำมืดประหลาดล้ำที่ครอบงำหล่อนโดยสมบูรณ์ หทัยวดีหมดแรงต้านทาน หากแต่เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าเขาจะนำหล่อนไปให้สุดทาง ไม่อย่างนั้นหล่อนคงได้ทรมานตายสมใจเขาแน่
เธอทำให้คนที่เขารักเจ็บปวด เขาจึงเอาคืนให้เธอเจ็บกว่าร้อยเท่า ในวันที่เขาแก้แค้นเธอสำเร็จจนเธอเจ็บปวดเจียนตาย เขากลับค้นพบว่าเขารักเธอ การเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้งหนึ่งเพ่ื่อตามหาหัวใจตัวเองจึงเกิดขึ้น แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเธอเจ็บแล้วจำเธอเลยไม่ให้โอกาสซ้ำยังเอาแต่จะหนีไปจากชีวิตเขา เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา เขาจึงต้องทำทุกทางและทุกอย่างเพื่อได้หัวใจเธอมาเป็นของเขาเหมือนเดิม hope and nink "อย่าลืมไปเล่าให้พี่ชายคุณฟังด้วยล่ะ ว่าความรู้สึกที่ถูกหลอกให้รักมันรู้สึกอย่างไง แล้วเรื่องที่กล่าวหาว่าอีฟทำ รับรู้เอาไว้ด้วยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้" "ทำไมถึงปกป้องผู้หญิงคนนั้นขนาดนั้น" แล้วคำที่บอกว่าอยู่ข้างเธอ ที่ผ่านมาหมายความว่าอะไร... "ที่ผมปกป้องขนาดนั้นเพราะว่ารักอีฟ และไม่ยอมให้ใครมาทำลายอีฟได้ยังไงล่ะ" "รัก?" แล้วไม่ได้รักเธอหรอกหรือ เธอตั้งคำถามอย่างโง่งั่ง ไม่พยายามเข้าใจสิ่งที่เขาบอก แม้ส่วนลึกเริ่มจะเห็นเค้าลางว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างที่วิษุวัติทำมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว "ใช่" "..." เขาลุกขึ้นยืน แขนเล็กๆ ที่เกาะเเขนเขาไว้ร่วงผล็อย นลินวิภาเงยหน้าขึ้นมองเขา "แล้วความรู้สึกดีๆ ที่คุณแสดงออกกับฉันที่ผ่านมา" "มันแค่การเอาคืน..." เขาพึมพำ ก่อนจะก้มหน้ามองเธอ "ผมมาก็เพื่อแก้แค้นให้อีฟตอนนี้หน้าที่ของผมจบแล้วถือว่าเราจบกัน คุณไปเก็บของซะผมจะให้คนไปส่ง" เขาทำท่าจะเดินจากไป แต่นลินวิภาดึงชายเสื้อเขาไว้ ดวงหน้ายังสับสนและในใจพร่ำบอกว่ามันไม่ใช่ และเธอฉุดรั้งเขาไว้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลย จนมีแรงตึงที่มือและเขาหยุดชะงักนั่นล่ะ เธอถึงปริปากออกมา... "คุณเคยบอกฉันว่าไม่ต้องสนเรื่องอื่นว่าเราพบกันอย่างไง เพราะระหว่างเราเข้าใจกันก็พอ ฉันเข้าใจว่าคุณพูดออกมาจากใจจริงๆ เสียอีก" "มันคือคำโกหกคุณคงไม่คิดว่าผมจะรักคุณหรอกนะเพราะคนที่ผมรักมาตลอดคืออีฟ คนแบบที่ผมชอบคืออีฟเท่านั้น" ไม่ต้องมีมีดนับร้อยนับพันมาจ้วงแทง เพียงแค่สายตาคู่เดียวของเขาที่จ้องมองมาก็ทำให้เธอเหมือนถูกกระหน่ำแทงจากความจริงที่เขากำลังบอก เธอกับเอวิตาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว และเธอไม่ใช่คนแบบที่เขาชอบ ทั้งหมดที่ผ่านมาคือการหลอกลวงเพื่อแก้แค้นให้เอวิตา คนที่เขารัก... "โฮป" "เรียกผมว่าวิษุวัติ... อย่าเรียกชื่อเล่น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น "..." นลินวิภากะพริบตาปริบๆ มือร่วงผล็อยจากชายเสื้อเขาไปในทันที สิ่งที่เขาบอก เหมือนดึงเธอมาสู่โลกแห่งความจริงที่เธอไม่อาจหนี เขาบอกชัดเจนขนาดนี้เธอคงไม่สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว... #ทินอีฟ "ยินดีด้วยนะครับคนไข้ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาแล้วครับ คนไข้ตั้งครรภ์ เดี๋ยวหมอจะส่งคนไข้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อฝากครรภ์นะครับ" คำพูดของนายแพทย์ประจำคลินิกทำให้เธอยิ้มออกหลังจากทนกับอาการเวียนหัวในช่วงเช้ามาหลายวันไม่ไหวเธอจึงไปตรวจให้รู้แน่ชัด ผลที่แพทย์บอกตอนที่อยู่คลินิกทำให้เธอมีความสุขมาตลอดบ่าย เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์กับทิน...ผู้ชายที่เธอรัก วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ การได้รับข่าวดีเรื่องลูกจึงเปรียบประหนึ่งเป็นของขวัญ หญิงสาวรีบกลับมาที่เพนธ์เฮาส์และจัดเตรียมสถานที่รอพ่อของลูกกลับมาอย่างคาดหวังและตื่นเต้น เรื่องที่ตั้งครรภ์เธอยังไม่ปริปากบอกใครแม้แต่พี่เลี้ยงคนสนิทที่อยู่กับเธอตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะอยากให้ทินรู้เป็นคนแรก ทันทีที่เขาให้ของขวัญวันเกิดแก่เธอ เธอจะยื่นกระดาษอัลตราซาวน์ให้เขาแล้วบอกว่าเป็นของขวัญที่เธอมอบกลับคืนในฐานะที่เขารักและดูแลเธอมาตลอด แต่เมื่อประตูห้องเปิดก็เกิดเรื่องผิดแผนครั้งใหญ่เพราะทินเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงสาวที่มีดวงหน้าสวยโฉบเฉี่ยวดูมั่นใจในตัวเอง ริมฝีปากสีแดงสดของผู้หญิงคนนั้นยิ้มและมองเอวิตาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก คนทั้งคู่ที่เข้ามาใหม่ไม่ได้สนใจบรรยากาศปาร์ตี้ ทินมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาของเขาไม่อ่อนโยนเหมือนทุกวัน มีเพียงเสียงทุ้มน่าฟังที่เหมือนเดิม "อีฟ ผมมีเรื่องจะบอก" "เรื่องอะไรคะ" เสียงของเธอแทบไม่หลุดจากปาก ความหวาดกลัวในสถานการณ์เกาะกุมหัวใจเธอ รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาครามครัน "ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ ธุระที่ผมไปทำวันนี้คือไปจดทะเบียนกับนิ้ง" "..." ดวงตาของเอวิตาเบิกกว้าง "นิ้งท้องกับผม ท้องตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมาคบกับคุณ มันอาจจะผิดต่อคุณแต่คุณคงเข้าใจว่าผมต้องรับผิดชอบลูกในท้องของนิ้งเป็นอันดับแรก..." "ทิน" เธอเรียกชื่อเขา น้ำตาเอ่อล้นปริ่มขอบตาที่ร้อนผะผ่าวในใจมีร้อยพันหมื่นถ้อยคำแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ กระดาษอัลตราซาวน์ในมือถูกกำแน่น อย่าว่าแต่ยื่นมันให้เขาได้เห็น แค่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาและหายใจ เอวิตายังทำได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน "ผมเสียใจนะอีฟ... แต่ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมเลือกนิ้ง" "ที่จริงฉันต้องรีบพาทินไปพบครอบครัว แต่ว่าเขาอยากแวะมาบอกเธอก่อนไม่อยากหายไปเลย" ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก เอวิตาจับใจความไม่ได้เลยว่าคนตรงข้ามพูดอะไรกับเธอบ้างเพราะในหูมีแต่เสียงอื้ออึ้งน้ำตาก็ไหลจากตาจนไม่เห็นหน้าคนสองคนตรงหน้าเสียแล้ว... สติของเธอหลุดลอยไปตั้งแต่ที่ทินบอกว่าเขาแต่งงานกับผู้หญิงอื่น เรื่องที่เตรียมจะบอกในทีแรกจึงไม่หลุดจากปากและไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอีกเธอก็ไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว จนเมื่อคำว่าลาก่อนแว่วเข้าหู และมีเสียงประตูปิด เธอถึงได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น เพราะหมดแรงที่จะยืน... หลังจากที่ร้องไห้จนไม่เหลืออะไรจะร้อง ในหัวไม่มีสติพอที่จะคิดอะไรอีก ภาพเลือนรางที่เห็นเขาเดินจูงมือออกไปกับผู้หญิงอื่นฉายวนซ้ำ เธอไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือก เขาเดินจากไปง่ายดายราวกับไม่เคยรักกันเลย ความทุกข์ที่หนักหนาที่สุดที่เคยพานพบเกาะกินหัวใจจนเธอคิดว่าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับรู้เรื่องราวเหล่านี้อีกแล้ว... เธออยากหนีไปให้พ้นจากความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลที่กำลังถาโถมเธออยู่ในตอนนี้ "อีฟ" เสียงเรียกคุ้นหู เป็นเสียงเรียกที่เหมือนอยู่ไกลออกไป ภาพของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นไม่แจ่มชัด สาเหตุไม่ใช่เพราะหยาดน้ำตา หากแต่เป็นเพราะสติรับรู้ของเธอนั้นสุ
"ปะป๊า" อยู่ดีๆ ก็มีเด็กที่หน้าเหมือนตัวเองมาเกาะแข้งเกาะขาแล้วเรียกว่าปะป๊า แล้วจะให้คีรินเข้าใจว่ายังไง "บอกฉันมาซิว่าแม่ของหนูคือใคร!" "แม่ของหนูคือหม่าม๊า" "..." .................. แสงดาว... คุณปกปิดอะไรเอาไว้" เขาย้ำเธออีกครั้งเพราะอยากได้ยินจากปากเธอเอง "ปกปิดอะไรคะ?" แสงดาวมองเขาด้วยสายตางุนงง ที่ผ่านมาก็คุยกันจนเข้าใจทุกอย่างแล้ว เธอไม่เข้าใจว่าคีรินจะมาคาดคั้นเอาอะไรอีก "เรื่องเกี่ยวกับไคร่า มีอะไรที่คุณบอกผมไม่หมด" "ฉันพูดความจริงไปหมดแล้ว "ถ้าไม่พูด ผมจะลงโทษคุณ" เขาบอกพร้อมๆ กับสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นคล้ายจะข่มขวัญ ลงโทษที่ว่านี่คงไม่ใช่กอดไว้แน่นแล้วปล้ำหอมแก้มให้จั๊กจี้เหมือนที่ทำกับลูกหรอกนะ หญิงสาวจินตนาการเล่นๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าคนที่อยู่ห่างจากตัวเองไม่ถึงคืบแล้วก็ต้องกะพริบตาปริบๆ เพราะดูท่าทางเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ "ลงโทษอะไร คุณไม่มีสิทธิ์นะ!" แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ท่าทางคุกคามของเขาก็ทำให้แสงดาวต้องถอยไปหลายก้าวจนหลังเธอชนฝา แล้วเขาก็ค้ำมือกับผนัง เพื่อกักกันเธอไว้ในวงแขน "ผมเป็นพ่อของไคร่า ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ลงโทษแม่จอมปากแข็งของแกล่ะ" ชายหนุ่มจดจ้องแสงดาวไม่วางตา... ดวงตาของคนตรงหน้าเหมือนกับดวงตาของเจ้าตัวน้อยที่เธอฟูมฟักตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยราวกับเป็นดวงตาคู่เดียวกัน แต่ก็นั่นล่ะ ถึงเขาจะเหมือนยัยหนูไคร่าของเธอทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรกับเธอตามอำเภอใจได้นี่นา... พรึ่บ... ยังไม่ทันที่เธอจะได้ห้ามปราม คีรินก็คว้าตัวเธอไปแนบชิดกับกายแกร่งแล้วก้มหน้าลงมาจูบปิดปากเธอเอาไว้ แม้เธอจะดิ้นขลุกขลักเพื่อถามว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม แต่เหมือนคนตัวโตจะไม่เปิดโอกาสให้ เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาโมโหแล้วลงโทษเธออย่างที่ว่าจริงๆ หรือว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง ริมฝีปากอุ่นที่บดขยี้ดูดดึงกลีบปากของเธอเอาไว้ไม่ให้พูดฟ้องว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า... แสงดาวค่อนข้างแน่ใจว่าคีรินหาเรื่องรังแกเธอชัดๆ ถึงจะเป็นพ่อของลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอย่างนี้กับเธอได้นะ! หญิงสาวพยายามดันอกเขาแล้วเบี่ยงหน้าหนีการรุกล้ำที่เริ่มจะกลืนกินสติสตังของเธอไป แต่นอกจากจะไม่ทำให้เขาไหวติงแล้วเธอก็ยังเบี่ยงหน้าหนีไม่พ้นการปล้นจูบของคนตรงหน้าเลย บ้าจริง!
“พี่อุ่นรู้ตัวไหมคะว่าเป็นคนร้ายกาจขนาดไหน” “ก็รู้ในระดับหนึ่ง” เขาพยักหน้ายอมรับ แล้วยิ้มขันที่เธอทำหน้าตาเหมือนไปไม่เป็น... นี่ยังสารภาพไม่หมดเลยว่าตลอดเวลาที่นอนห้องด้วยกันหลายครั้งที่เธอตื่นมาบนเตียงเขาแบบไม่รู้ตัวนั้น มีเพียงครั้งสองครั้งที่เธอละเมอมานอนผิดที่ แต่ทุกครั้งที่เหลือเขาไปอุ้มเธอมาจากโซฟามานอนกอดล้วนๆ เรื่องที่คุณน่
“ตอนนี้เข็มดีขึ้นแล้ว ผมจะให้คุณไปขอโทษเค้า” “...” ไม่มีถ้อยคำใดเอ่ยจากปากเธอ ริมฝีปากที่แย้มยิ้มหุบลง และสั่นระริก สายตาที่ทอดมองเขาตัดพ้อ “ลุก” เขาจะคว้าแขนเธอให้ลุก แต่เธอสะบัดแขนหลุดจากมือเขาทันใด “เลิฟไม่มีวันไปขอโทษในสิ่งที่เลิฟไม่ได้ทำ” “คุณยังกล้าพูดคำนั้นอีกหรือไง...” เขาตวาดเธอจนสะดุ้ง ภูรินไม่เคยขึ้นเสียงกับเธอมาก่อน “รู้ตัวไหมว่าตั้งแต่กลับมา คุณเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน คุณมาพร้อมคำโกหก หลอกลวง จากที่เคยคิดว่าแค่เฉยๆ กับคุณก็พอ คุณกลับทำให้ผมรู้สึกว่าเกลียดความเป็นตัวตนของคุณมากขึ้นทุกวัน สิ่งที่คุณหวังมันไม่มีทางเกิดขึ้น และยิ่งผ่านไปทุกวันก็ยิ่งไม่มีทางไปใหญ่ เลิกหวังแล้วก็ไปตามทางของคุณดีกว่า ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย” ร่างสูงหันหลังแล้วเดินออกไป แผ่นหลังมั่นคงที่เคยกอดห่างไกลและเลือนรางเพราะม่านน้ำตาบดบัง เขาไม่ได้อยู่ไกลจนคว้าไม่ถึง แต่เอื้อมมือไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเขาสักที
เพราะรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนจึงยินยอมแต่งงานกับเขา เพราะถูกบังคับเขาจึงเห็นหล่อนเป็นเศษธุลีดินไร้ค่า แม้เป็นเมียแต่ง หล่อนคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักหล่อนตอบกลับมา ไม่มาก... ก็น้อย แต่ไม่นึกว่าเมื่อเขาหลอกให้หล่อนรักเขาสุดหัวใจ เขากลับขับไล่หล่อนออกมาจากชีวิตด้วยเหตุผลว่า เขาไม่รักหล่อน... "เธอเข้ามาในชีวิตฉันง่ายๆ ก็ช่วยออกไปง่ายๆ ด้วยเถอะ" ถ้อยคำเจ็บปวดทำร้ายที่ตามมาหลอกหลอน แม้ในยามที่หล่อนหลีกลี้จากเขามาได้นานเนิ่น ในวันที่หล่อนเข้มเเข็งและอยู่ได้โดยไม่มีเขา ลูกในท้องที่หล่อนปกปิดเขาเอาไว้ กำลังจะทำให้หล่อนกับเขาหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่หล่อนไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ................................................................ “การแต่งงานของเราเกิดขึ้นเพราะฉันถูกบังคับ การที่ฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ” ธีภพ วิชญ์วิศิษฐ์ “ความรักของมนอาจจะดูไร้ค่าแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งเดียวที่มนพอจะให้คุณธีร์ได้ ที่ผ่านมาคุณธีร์แสดงออกเสมอว่าคุณธีร์ไม่ต้องการและทิ้งขว้างมันมาตลอด มันก็ไม่ใช่ความผิดของมนที่สุดท้ายมนจะหมดรัก มนหวังว่าคุณธีร์จะเข้าใจ เหมือนที่มนเคยเข้าใจคุณธีร์” มนพัทธ์ สว่างโชติ
ด้วยภาระหนี้สินก้อนโตของบิดา ทำให้เคียงเดือนต้องวิ่งรอกรับงานทั่วราชอาณาจักรเพื่อหาเงิน นางแบบสาวต้องวิ่งรอกรับงานจนไปถึง เบเดน ดินแดนแห่งทะเลทราย หล่อนไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนที่ปากร้าย บ้าอำนาจ ชอบยัดเยียด จอมใส่ร้ายเป็นที่สุดอย่างนาคินเลย แค่เขาหลงคิดเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นคนใช้ ก็น่าโมโหพออยู่แล้ว... แต่เขาก็อาจหาญหาว่าหล่อนเป็นนางนกต่อของผู้ก่อการร้าย และยังจับหล่อนไปขังเพื่อสอบสวน... เขาชักจะทำกับหล่อนมากเกินไปแล้ว... เคียงเดือนจะไม่ขอทน !
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้