เมื่อเขาต้องเลือกเจ้าสาวจากลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อที่มีอยู่2คน คนพี่สวยเซ็กซี่หยิ่งทนง คนน้องสวยน่ารักใสซื่อไม่ถือตัว เขาควรจะเลือกใครดี
เมื่อเขาต้องเลือกเจ้าสาวจากลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อที่มีอยู่2คน คนพี่สวยเซ็กซี่หยิ่งทนง คนน้องสวยน่ารักใสซื่อไม่ถือตัว เขาควรจะเลือกใครดี
"คุณหนูคับ"
"สวัสดีค่ะ...ลุงสม..มาหาเดียร์ถึงที่นี่มีอะไรหรือป่าวคะ"
หญิงสาวสวยในชุดนักศึกษายกมือไหว้ชายวัยกลางคนด้วยท่าทางนอบน้อม
"คุณหนู..ลุงบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องไหว้ลุงไงคับ..ถ้าคุณษารู้ก็จะบ่นและโกรธคุณหนูอีก"ลุงสมบอก
"ช่างพี่ษาเถอะค่ะ..เดียร์ไม่สนใจหรอก..ก็เดียร์รักและเคารพลุงสมเหมือนลุงแท้ๆ..เดียร์ก็จะไหว้"
เดียร์เดินเข้าไปกอดเอวของลุงสม
"ดื้อตลอดล่ะคับ..ว่าแต่ทำไมวันนี้คุณหนูถึงไม่กลับบ้าน..ตามที่คุณพ่อบอกล่ะคับ..ท่านบ่นใหญ่เลย"ลุงสมบอก
"ก็เดียร์บอกพ่อแล้ว...ว่าวันนี้เดียร์มีสอบนี่คะ..พ่อไม่ฟังเองอ่ะ"เดียร์ทำหน้างอ
"งั้น..วันเสาร์นี้คุณหนูกลับบ้านนะคับ..คุณพ่อคิดถึงนะคับ"ลุงสมบอก
"ก็ได้ค่ะ..งั้นลุงสมก็ไปบอกพ่อก็แล้วกันค่ะว่าเดียร์จะกลับบ้าน.."เดียร์พูด
"คับ..งั้นลุงกลับก่อนนะคับ"ลุงสมบอก
"ขับรถกลับดีๆนะคะ..สวัสดีค่ะลุง..ฝากบอกป้านิ่ม พี่นุ่นและทุกคนด้วยว่าเดียร์คิดถึงนะคะ"เดียร์ยกมือไหว้แล้วยิ้มให้
"คับ..คุณหนูก็ระวังตัวและดูแลตัวเองดีๆนะคับ"ลุงสมบอก
"ค่ะ..ขอบคุณนะคะ"เดียร์ยิ้ม
ห่างจากที่เดียร์กับลุงสมคุยกันไม่ไกลมาก มีรถเก๋งสีดำจอดอยู่ กระจกด้านหลังเปิดลงและมีชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังมองมาที่เดียร์กับลุงสมที่คุยกันอยู่โดยตลอด
"นี่แหละคับคุณพีท..คุณนาเดียร์น้องสาวของคุณนาริษา..ลูกสาวคนเล็กของคุณนาวินเพื่อนของคุณพ่อคุณพีท..ที่ไม่ได้อยู่ที่บ้านวันนี้"คนขับรถหันมาบอกชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างหลัง
ชายหนุ่มคนนี้มีหน้าตาที่คมเข้มและหล่อมากๆ เขามองดูเดียร์ที่คุยกับลุงสมด้วยสายตาที่แปลกใจมากๆ
"เท่าที่ผมรู้มา..คุณนาเดียร์จะรักและเคารพรวมถึงสนิทสนมกับคนงานในบ้านทุกคน คนงานในบ้านจึงรักและเอ็นดูเธอมากกว่าคุณนาริษาที่ไม่ค่อยชอบลงไปสนิทสนมกับคนเหล่านั้นเพราะเห็นว่าเป็นแค่คนรับใช้ คุณนาริษาจึงมีเรื่องทะเลาะกับคุณนาเดียร์เป็นประจำเรื่องที่คุณนาเดียร์ชอบไปคลุกคลีกับคนงาน จนคุณนาเดียร์ขอคุณนาวินออกมาพักอยู่ที่หอของมหาลัย แต่คุณนาวินบอกว่าถ้าจะออกมาอยู่ข้างนอกก็ต้องไปอยู่คอนโดที่ซื้อไว้ คุณนาเดียร์ก็เลยย้ายออกมาอยู่คอนโดตั้งแต่เรียนมหาลัยปี1คับ"คนขับรถบอก
"คุณนาเดียร์มาเรียนและตอนเย็นจะไปเป็นดีเจเปิดเพลงที่ผับของคุณชาญชัยเพื่อนของคุณพีท ลูกชายของคุณเชิงชายเพื่อนของคุณพ่อคุณพีทกับคุณนาวินนั่นแหละคับ"คนขับรถพูด
"เป็นดีเจเหรอ"พีทพูด
"คับ..เธอไปเป็นดีเจเปิดเพลงตั้งแต่2ทุ่มจนถึง5ทุ่ม แล้วก็กลับคอนโด เป็นอย่างนี้ทุกวันคับ"
พีทมองสาวสวยที่ยืนมองรถที่ลุงสมขับออกไป เธอเป็นคนสวยเหมือนกับนาริษาที่เขาไปเจอมาวันนี้ แต่ฟังจากคนของเขาแล้วนิสัยน่าจะต่างกันอย่างมาก เขาเห็นเธอเดินไปขึ้นรถเก๋งสีขาวและกำลังจะขับออกไปจากมหาลัย
"ตามเธอไป.."พีทบอก
"คับ"
พีทให้คนขับรถตามเดียร์ไป เขาเห็นเธอจอดรถลงไปซื้อขนมมา2-3ถุงแล้วก็กลับมาขึ้นรถขับต่อไปจนถึงคอนโด ก่อนจะเข้าไปในคอนโดจะผ่านตู้ยาม เขาเห็นเธอส่งถุงขนมให้ยามที่อยู่ในนั้น1ถุง แล้วก็ขับเข้าไปข้างใน
พีทให้คนขับรถตามเข้าไปข้างในคอนโด จนเธอจอดรถและลงจากรถพร้อมกับถือถุงขนมอีก2ถุงมาด้วย เขาให้คนขับจอดห่างจากที่เธอจอดนิดหนึ่งเพื่อจะดูว่าเธอจะทำอะไรต่อ
เดียร์ลงจากรถแล้วถือถุงขนมตรงไปให้ยามที่เฝ้าลานจอดรถ1ถุง
"เดียร์ซื้อขนมมาฝากค่ะ"
"ขอบคุณคับคุณเดียร์"
ยามรับถุงขนมไว้แล้วยิ้มขอบคุณเธอ
แล้วเดียร์ก็เดินไปที่ลิฟต์ ที่ลิฟต์ก็มียามอีกหนึ่งคน เธอเดินไปถึงก็ส่งถุงขนมให้เหมือนกัน
"เดียร์เอาขนมมาฝากค่ะ"
"ขอบคุณคับคุณเดียร์"
ยามกดลิฟต์ให้เดียร์แล้วขอบคุณเธอ
พีทเห็นที่เดียร์ทำก็อมยิ้ม เขาคิดว่าเธอเป็นคนแปลกๆ
"แล้วเธอไปทำงานกี่โมง"พีทถาม
"6โมงเย็นคับ..คุณพีทจะรอหรือว่าจะไปไหนต่อคับ"คนขับถาม
"รอคับ"พีทพูด
พีทรอจนกระทั่งเกือบๆ6โมงเย็น เดียร์ก็ลงลิฟต์มา เขาเห็นเธอสวมชุดหนังสีดำทั้งชุด สวมรองเท้าหุ้มส้น ปล่อยผมที่มีสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนใหญ่ ไม่ได้แต่งหน้าตาแค่ทาแป้งกับลิปสติกสีชมพูออ่นๆ มือถือหมวกกันน็อคแบบเต็มใบสีดำมาด้วย เธอเดินตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สีดำที่จอดอยู่ด้านข้างรถเก๋งที่เธอจอดทีแรก
เดียร์เดินไปถึงรถก็เอาหมวกกันน็อควางบนเบาะรถแล้วเอามือรวบผมม้วนๆไว้กลางหัวแล้วสวมหมวกกันน็อคคลุมลงมา จากนั้นก็คล่อมรถแล้วสตาร์ทขี่ออกไปจากลานจอดรถ
พีทเห็นที่เดียร์ทำก็อึ้ง เขาไม่คิดว่าเธอจะกล้าขี่รถบิ๊กไบค์ เธอตัวเล็กนิดเดียวเท่านั้นถ้ารถล้มจะทำยังไงกัน เขาบอกให้คนขับรถตามเธอไป
พีทตามไปจนกระทั่งถึงที่ผับของชาญชัย
เดียร์ขี่รถไปจอดทางด้านหลังของผับ แล้วเดินเข้าไปข้างใน
"อ้าว!มาถึงแต่วันเลยเดียร์"ชัยทัก
"ค่ะ..พี่ชัย..วันนี้เดียร์เลิกเรียนเร็ว..งั้นขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ"เดียร์พูด
"ตามสบายเลย"ชัยบอก
เดียร์เดินเข้าไปข้างในที่มีห้องเอาไว้สำหรับแต่งตัว
พีทเดินเข้าไปในผับ เขาให้คนขับรถกลับไปก่อนแล้วเขาจะขับรถกลับเอง
"อ้าว!เฮ้ย..ลมอะไรหอบมึงมาถึงผับกูได้วะ..ไอ้พีท"ชัยทัก
"เออ..กูแค่อยากมาดูว่ากิจการของมึงเป็นยังไงบ้าง"พีทพูด
เขาเดินเข้าไปหาชัยแล้วจับมือกัน
พีทกับชัยเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนประถมจนจบปริญญาตรี มาห่างกันตอนที่พีทไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกแต่พอกลับมาก็สนิทกันเหมือนเดิม
"กูได้ข่าวว่า..พ่อมึงให้มึงไปเลือกว่าที่เจ้าสาวที่เป็นลูกสาวของลุงนาวินไม่ใช่เหรอวะ"ชัยยิ้ม
"เออสิ..พ่อกับแม่กูบอกว่าเคยสัญญากับป้าวิภาวีไว้ก่อนที่ป้าวิจะเสียว่าจะให้กูแต่งงานกับลูกสาวคนใดคนหนึ่งของเขา..ก็เลยต้องทำตามคำพูด"พีทพูด
"ดีนะที่มึงยังไม่มีแฟน..ไม่งั้นงานนี้คงวุ่นวายน่าดู"ชัยว่า
"เออ..กูก็พอจะรู้อยู่ก่อนแล้ว ถึงได้ไม่คบใครจริงจังไง"พีทบอก
"แล้วไปเจอมา..เป็นไงบ้างล่ะมึง...ถูกใจมั้ย..แต่กูว่าสเปคของมึงก็น่าจะถูกใจอยู่นะ..นาริษาทั้งสวยทั้งเปรี้ยว ทันสมัยจัดๆอยู่ การแต่งตัวก็เหมือนสาวๆที่มึงเคยควงอยู่นี่"ชัยพูดยิ้มๆ
"ก็สวยอยู่..แต่อีกคนยังไม่เห็น"พีทพูด
"นาเดียร์น่ะเหรอ..อ้าว!แล้ววันนี้เดียร์ไม่ได้เข้าไปบ้านหรอกเหรอ"ชัยถาม
"ใช่..กูก็เลยยังไม่รู้ว่าจะเลือกใครดี..ต้องให้กูเห็นอีกคนก่อน"พีทพูดทำหน้าเฉยๆ
"งั้น..เดี๋ยวมึงก็ได้เห็น..เพราะเดียร์มาเป็นดีเจอยู่ที่ร้านของกูนี่แหละ"ชัยบอก
"เหรอวะ"พีทแกล้งทำเหมือนเพิ่งรู้
"เออ!เดียร์มาเป็นดีเจที่นี่ตั้ง3ปีแล้ว ร้านกูมีคนมากก็เพราะเดียร์นี่แหละ..ลูกค้าส่วนใหญ่มาติดเดียร์กันทั้งนั้น..แต่กินแห้วทุกราย"ชัยยิ้ม
"ทำไมวะ"พีทถาม
"ก็เดียร์ไม่สนใจใคร..ไม่เคยมานั่งที่โต๊ะแขกเลยนับตั้งแต่เริ่มงานมา"ชัยบอก
"แล้วลูกค้ายอมเหรอวะ"พีทถาม
"กูก็เห็นยอมทุกคน..และก็มากันแทบทุกวัน...เดียร์นิสัยไม่เหมือนษาหรอกนะ...มึงไปอยู่เมืองนอกเสียนานคงไม่รู้"ชัยพูด
"งั้นมึงก็เล่ามา...กูจะฟัง"พีทพูด
"เดียร์กับษานิสัยต่างกันเหมือนขาวกับดำเลย ษาเป็นคนสวย เก่งหยิ่งทนง แต่งตัวทันสมัยเหมือนหลุดมาจากนิตยสาร คนที่ษาคบจะต้องอยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้น ส่วนเดียร์ก็เป็นคนสวย เก่งแต่ไม่หยิ่ง เดียร์เข้ากับคนง่าย ยิ้มเก่ง มองโลกในแง่ดี เข้าได้กับทุกคนทุกระดับชั้น ไม่ว่าจะรวยหรือจนก็คบได้หมด แต่ไม่ชอบแต่งตัวเหมือนสาวๆสมัยนี้และที่เดียร์ต้องออกมาอยู่คอนโดก็เพราะทะเลาะกับษาเรื่องการคบคนนี่แหละ"ชัยเล่า
"งั้น..กูคงต้องลองพูดคุยดูก่อนถึงจะรู้ว่าจะเลือกใครดีว่ะ"พีทพูด
"นั่นๆ..เดียร์เดินออกมาแล้ว..มึงก็นั่งมองไปก่อนก็แล้วกันนะเพื่อน..กูขอไปรับแขกก่อน"ชัยบอก
"เออ..ไปเถอะ..กูจะนั่งตรงนี้แหละ...มึงไม่ต้องบอกเดียร์ล่ะ"พีทบอก
เขาตกหลุมรักเพื่อนสนิทของน้องสาวตั้งแต่เห็นครั้งแรกแต่เพราะเธอมีนิสัยที่ไม่เหมือนใครทำให้เขาไม่กล้าแสดงตัวว่าชอบได้แต่พยายามตีสนิทโดยมีน้องสาวตัวแสบคอยช่วยเหลือคงต้องมาช่วยกันลุ้นว่าเขาจะจีบเธอมาเป็นแฟนได้มั้ย
เขาแอบรักเธอตั้งแต่เขายังเรียนมัธยมต้นแต่ไม่กล้าบอกเพราะเธอเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทจนผ่านมาถึง10ปีเขาได้เจอกับเธออีกครั้งและตั้งใจจะบอกกับเธอ แต่เขาก็ต้องมีคู่แข่งอีกหลายคนดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนเพื่อทำให้เธอรักเขาให้ได้
เขาเป็นลูกชายของมาเฟียที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจ เขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าไม่จริงจังกับใครแต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้ช่วยชีวิตเธอไว้โดยบังเอิญแล้วนั่นก็เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อเขาตกหลุมรักเธอโดยยังไม่รู้แม้แต่ชื่อ แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไป
เขาหลงรักเธอตั้งแต่ในความฝันแล้วพยายามตามหาเธอในความจริงจนกระทั่งพรหมลิขิตก็ทำให้เขาได้เจอกับเธอ
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
เธอแอบชอบรุ่นพี่มาตั้งแต่เข้ามหาลัยปี 1 แต่ไม่กล้าบอกจนผ่านมาได้ 1 ปีเธอถึงได้กล้าไปบอกเขาและขอตามฉี่เป็นเวลา 3 เดือนเขาปฏิเสธ
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
คริสโตเฟอร์ อัศวโยธิน สามีของฉัน คือเพลย์บอยตัวพ่อที่ฉาวที่สุดในกรุงเทพฯ เขามีชื่อเสียงเรื่องการควงเด็กสาวอายุสิบเก้าเป็นฤดูกาล ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ฉันเชื่อมาตลอดว่าฉันคือข้อยกเว้นที่สามารถทำให้เขาหยุดได้ ภาพลวงตานั้นพังทลายลง เมื่อพ่อของฉันต้องการการปลูกถ่ายไขกระดูก ผู้บริจาคที่เข้ากันได้สมบูรณ์แบบคือเด็กสาวอายุสิบเก้าชื่อไอริน ในวันผ่าตัด พ่อของฉันเสียชีวิต เพราะคริสเลือกที่จะนอนอยู่บนเตียงกับเธอ แทนที่จะพาเธอไปโรงพยาบาล การหักหลังของเขายังไม่จบแค่นั้น ตอนที่ลิฟต์ร่วง เขาดึงเธอออกไปก่อนแล้วทิ้งให้ฉันร่วงลงไป ตอนที่โคมระย้าถล่มลงมา เขาใช้ตัวเองบังร่างเธอแล้วก้าวข้ามฉันที่นอนจมกองเลือดไป เขายังขโมยของขวัญชิ้นสุดท้ายที่พ่อผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ฉันไปให้เธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเรียกฉันว่าคนเห็นแก่ตัวและไม่รู้จักบุญคุณ โดยไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของฉันจากไปแล้ว ฉันจึงเซ็นใบหย่าเงียบๆ แล้วหายตัวไป วันที่ฉันจากมา เขาส่งข้อความมาหาฉัน "ข่าวดีนะ ผมหาผู้บริจาคคนใหม่ให้พ่อคุณได้แล้ว เราไปนัดวันผ่าตัดกันเถอะ"
จะดีแค่ไหน หากหล่อนได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาทุกเช้า... ตั้งแต่จำความได้ ชมพูนุชก็หายใจเป็นชื่อของเขาเรื่อยมา องค์รัชทายาทรูปงามแห่งซาเรีย เขาคือความสุขเดียวในชีวิตของหล่อน แต่ความสุขนั้นกลับไม่จีรังดั่งใจหวัง เมื่อหญิงเดียวในดวงใจของเขาหนีหน้าหายไปพร้อมกับพี่ชายของหล่อน ความผิดบาปทุกอย่างจึงถูกขว้างใส่หน้า เขาเรียกร้องให้ครอบครัวของหล่อนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับตราหน้าผู้หญิงที่เฝ้าภักดีกับเขาอย่างหล่อนว่า ‘นังแพศยา’ “หน้าที่หนึ่งเดียวสำหรับเธอ บนเตียงของฉันก็คือ... นางบำเรอ” องค์รัชทายาทรูปงามหยิบกางเกงขึ้นมาสวมใส่ นัยน์ตาสีทองตวัดจ้องมองมายังร่างเปลือยเปล่าบอบช้ำของหล่อนอย่างดูแคลน “จำเอาไว้ ถ้าฉันเรียก เธอก็ต้องมา ถ้ามาช้า ฉันจะสั่งโบยพ่อ หรือไม่ก็ แม่ของเธอ” “อย่านะเพคะ...” ริมฝีปากหยักสวยคลี่ยิ้มหยัน “ถ้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เธอควรจะรู้หน้าที่ของตนเอง...” มือใหญ่ตบลงบนเตียงนอนนุ่ม ราวกับต้องการย้ำเตือนหน้าที่อันทรงเกียรติของหญิงสาว
ชีวิตเธอกำลังมีความสุข แต่แล้วก็ประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในยุคโบราณ อยู่โบราณไม่ว่าถ้ามาอยู่ในร่างเด็กที่แม่ป่วย พ่อพิการ แถมตัวเองก็เป็นคนเดียวที่พอจะหาอาหารให้พวกเขาได้!!
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
[ตามง้อเมียแบบเจ็บลึก + รักสองทางต่างมุ่งหน้าเข้าหากัน + โฟกัสเรื่องงาน/สร้างอาชีพ] แต่งงานกันแบบปิดเงียบมาได้สามปี เหอซือชิงเคยคิดว่าความอุ่นร้อนจากหัวใจเธอจะละลายหลู่เป่ยหลินได้สักวัน แต่สุดท้าย ต่อให้เธอทุ่มเททั้งใจเท่าไหร่ ก็สู้การหวนคืนอย่างสวยงามของหญิงคนรักเก่าที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอดไม่ได้เลย “หย่ากันเถอะ ในเมื่อเราทั้งคู่เห็นหน้ากันก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย งั้นปล่อยให้เราต่างคนต่างเป็นอิสระจะดีกว่า ”หัวใจของเหอซือชิงเหมือนมอดไหม้จนไร้ความรู้สึกแล้ว หลู่เป่ยหลินปฏิเสธอย่างเย็นชา “ฉันไม่เห็นด้วย เธอไม่มีวันได้หย่าจากฉันเด็ดขาด!” เขาคิดจะกักเธอไว้ข้างกาย แต่ยิ่งบีบก็ยิ่งผลักเธอให้ห่างออกไปเรื่อย ๆจนสุดท้าย…ก็สูญเสียเธอไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้พบกันอีกครั้ง เธอกลับรุ่งโรจน์ในหน้าที่การงาน ชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์ ผู้ชายที่ตามจีบล้อมรอบไม่ขาดสาย ชีวิตไปได้สวย และที่สำคัญ เธอลืมเขาไปอย่างหมดสิ้น หลู่เป่ยหลิน “ลืมเหรอ? ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอนึกขึ้นได้เอง!” จากนั้นเป็นต้นมา— เหอซือชิงกุมเอว หน้าแดงจัดพร้อม “ต่อว่า” ไปว่า “หลู่เป่ยหลิน คุณมันเผด็จการ จะพอได้รึยัง!” หลู่เป่ยหลินยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่มีวันพอหรอก!”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY