บิดามันเถอะ ! ข้าหนีการอภิเษกแต่กลับต้องมาเป็นทาสบำเรอกามแม่ทัพเถื่อน เรื่องราวขององค์ชายผู้ดื้อรั้นหนีการแต่งงาน จนถูกจับไปขายในหอนายโลม แล้วแม่ทัพก็นำตัวเขาไปเป็นทาสกาม เขาจะหนีพ้นจากความโชคร้ายนี้ได้หรือไม่ ไปติดตามกัน ................................................................................ ❌ จับมาเป็นทาส ✅ จับมาทำเมีย ——————————————— 😈“ข้าซื้อเจ้ามาก็เพื่อสิ่งนี้ ‼️ เจ้าจะเล่นตัวไปไย แต่ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าเจ็บ เจ้าต้องรับผิดชอบ” สิ้นคำมือแกร่งก็กระชากเสื้อคลุมขององค์ชายน้อยออก แล้วผลักร่างบางเข้าชิดผนังห้อง 😡“จะทำอะไรข้า ถ้าท่านแตะต้องตัวข้าอีก ข้าฆ่าท่านแน่‼️” องค์ชายน้อยขู่ฟ่อ มือทั้งสองถูกเขารวบตรึงไว้เหนือหัว ร่างกายท่อนล่างแทบทุกสัดส่วนถูกเรือนร่างกำยำร้อนฉ่าทาบทับเอาไว้ 😈“ฮ่า ฮ่า คนที่ขู่ฆ่าข้า ไม่เคยมีใครตายดีสักคน แต่สำหรับเจ้า...” แม่ทัพหนุ่มมองสบตาหนุ่มน้อย เขาแตะปลายนิ้วลงที่ริมฝีปากบางด่าทอเขาไม่หยุด 😈 “ข้าจะทรมานจนต้องร้องขอชีวิตเชียวหล่ะ” เขาไล้ปลายนิ้วไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่ม แล้วลูบต่ำลงมาจนถึงเม็ดทับทิมสีสวย จากนั้นก็ลูบคลึงหัวทับทิมเล่นอย่างหยอกล้อ 🥴“อื้อ อา เจ้าคนชั่วช้า งื้ออ อา” ฝ่ามือร้ายของท่านแม่ทัพทำให้เสียงองค์ชายน้อยเริ่มสั่นพร่าด้วยความเสียวซ่าน ทุกอณูสัมผัสของเขาทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม 😈“ชั่วช้าอย่างไร ก็เป็นสามีเจ้า”
ณ เมืองหลวง แคว้นฉาง
องค์ชายรัชทายาทหลี่จื่ออิงรู้เรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นฉางกับแคว้นเป่ยหนาน เขาก็ย่ำเท้าตึก ๆ ตรงมายังห้องทรงงานของฮ่องเต้ทันที
อาภรณ์สีทองสะบัดตามแรงเคลื่อนไหว ความกังวลในพระทัยมิทำให้ใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายรัชทายาทหลี่จื่ออิงหมองลงแม้แต่น้อย
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็พบฮ่องเต้หลี่อี้เทียนมีสีพระพักตร์เคร่งเครียดกับราชกิจตรงหน้า
“เสด็จพ่อ !”
องค์ชายหลี่จื่ออิงถลาเข้ามาในห้องทรงงานโดยไม่รอให้ขันทีหน้าห้องประกาศให้เข้าพบเสียก่อน เพราะเขาอยู่เหนือกฎเกณฑ์ทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้
“รีบร้อนมาหาพ่อถึงที่นี่ มีเรื่องใดรึ”
ฮ่องเต้แย้มสรวลน้อย ๆ เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่ตนมีพระบัญชาให้องค์ชายรัชทายาทอภิเษกกับองค์หญิงต่างแคว้น
“ลูกได้ยินข่าวมาว่าลูกที่จะต้องอภิเษกกับองค์หญิงต่างแคว้นใช่หรือไม่”
องค์ชายหลี่จื่ออิงถามขึ้นอย่างร้อนใจ เขาเพิ่งจะอายุได้เพียงสิบแปดหนาว ยังเที่ยวเล่นไม่เต็มที่เลย จู่ ๆ จะต้องแต่งงานมีพระชายาเสียแล้ว มิเท่ากับว่าส่งเขาไปเข้าคุกหรอกหรือ
“ผู้ใดช่างปากมากนัก”
ฮ่องเต้คำรามอยู่ในลำคอ สีหน้าโกรธเกรี้ยว
“เป็นใครไม่สำคัญ ลูกอยากรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ที่เสด็จพ่อจะให้ลูกแต่งงานกับองค์หญิงแคว้นเป่ยหนาน”
องค์ชายหลี่จื่ออิงรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“เรื่องจริง”
ฮ่องเต้ตอบเสียงเบา ราวกับกลัวว่าคำตอบนั้นจะกระทบกระเทือนจิตใจบุตรสุดรักของตน
“ลูกยังไม่แต่งงาน !”
องค์ชายหลี่จื่ออิงแผดเสียงออกมา
เขาถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เขามีนิสัยดื้อรั้น ไม่รู้จักโต อีกทั้ง ยังถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหิน รูปร่างจึงอรชรอ้อนแอ้นราวกับเทพธิดา ทำให้เขาดูเป็นเด็กหนุ่มมากกว่าบุรุษโตเต็มวัย
“หลี่จื่ออิง เจ้าโตแล้ว อีกหน่อยเจ้าก็ต้องครองราชย์แทนพ่อ การที่เจ้าอภิเษกกับองค์หญิงเป่ยหนาน นอกจากจะมีตำแหน่งสูงศักดิ์เท่าเทียมกันแล้ว เจ้ายังจะได้ฐานอำนาจสนับสนุนบัลลังก์มังกรจากต่างแคว้นมิให้สั่นคลอน”
“แต่...”
องค์ชายหลี่จื่ออิงเสียงแหบแห้งอยากจะคัดค้าน
“ไม่มีแต่ นับตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าจะต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าว”
ฮ่องเต้เสียงเข้มขึ้น
“เสด็จพ่อ”
องค์ชายหลี่จื่ออิงโอดครวญ
....................................................................................
เช้าตรู่ของวันต่อมา
องค์ชายรัชทายาทหลี่จื่ออิงเร้นกายในเงามืดสลัว สองแขนกอดห่อผ้าไว้ในอ้อมอก เขาเคยหนีออกนอกวังหลายหน แต่ไม่ตื่นเต้นเท่าครั้งนี้
เพราะคราวนี้ เขาไม่ได้หนีเที่ยว แต่เขาจะหนีการแต่งงาน !
เขาเก็บเสื้อผ้า และเงินจำนวนมากใส่ห่อผ้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืน จากนั้น ก็อาศัยช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า มาที่ประตูหลังวัง แล้วเดินปะปนไปกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่มาจัดส่งสินค้าให้กับวังหลวงออกนอกประตูไป
หลี่จื่ออิงเหลียวมองดูด้านหลังแล้วพบว่า ตนออกมาพ้นสายตาของทหารยามประตูท้ายวังแล้ว ก็กวาดตามองหาขบวนเกวียนสินค้าของพ่อค้า
เขาเดินสำรวจเกวียนคันแล้วคันเล่า
“หนุ่มน้อย เจ้ากำลังหาอะไรรึ”
พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงถามขึ้น
“ข้าต้องการเดินทางไปเมืองนอกด่าน มิทราบว่ารถม้าบรรทุกสินค้าคันใดมาจากทางเหนือข้าจะขอติดรถม้าไปด้วย”
หลี่จื่ออิงวางแผนเอาไว้ว่าจะหลบไปอยู่เมืองนอกด่านสักระยะ รอให้ฮ่องเต้ทรงล้มเลิกการแต่งงานแล้ว ตนจึงจะกลับมาเมืองหลวง
พ่อค้าหนุ่มตอบ “ข้ามาจากทางเหนือ ส่งสินค้าเสร็จพอดี เจ้าไปกับข้าก็ได้”
“ขอบคุณท่านมาก”
หลี่จื่ออิงกระชับห่อผ้าแน่นด้วยความตื่นเต้นยินดี แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนรถม้า
พ่อค้าหนุ่มยิ้มที่มุมปาก ส่งสายตาให้เพื่อนในมุมมืดอีกคนอย่างชั่วร้าย
......................................
ณ ชายแดนแคว้นฉาง
องค์ชายหลี่จื่ออิงไม่ทราบว่าตนเองเผลอหลับไปนานแค่ไหน รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนที่พ่อค้าหนุ่มเข้ามาเขย่าตัว
“เจ้าหนุ่ม ถึงที่หมายแล้วลงมาเถอะ”
“เมืองหน้าด่านรึ”
องค์ชายหลี่จื่ออิงงัวเงียคว้าเอาห่อผ้าตามหลังพ่อค้าหนุ่มลงไปจากรถม้า เขาหันมองรอบด้านแล้วพบว่า บัดนี้เป็นเวลาพลบค่ำ รถม้าจอดอยู่ที่หน้าอาคารไม้แห่งหนึ่ง ตกแต่งด้วยโคมประดับสวยเด่น และที่สุดตาคือ หน้าอาคารแห่งนั้นมีบุรุษสวมอาภรณ์บางเบาออกมาต้อนรับแขก
“ใช่แล้ว นี่แหละเมืองที่เจ้าต้องการมา ตามข้ามาสิ ข้าจะหาที่พักให้เจ้าเอง”
พ่อค้าหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเมตตา แต่แววตาเขากลับวาววับอย่างเจ้าเล่ห์
องค์ชายน้อยไม่ทันสังเกต เห็นว่าอีกฝ่ายช่วยเหลืออย่างใจดี ก็ฉีกยิ้มกว้าง
“ขอบคุณพี่ชายมาก”
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก เจ้าจะได้ตอบแทนข้าอย่างสาสมแน่นอน”
พ่อค้าหนุ่มงึมงำเบา ๆ ขณะที่เดินนำองค์ชายหลี่จื่ออิงเข้าไปในอาคารไม้แห่งนั้น และมีพ่อค้าใบหน้าเหี้ยมเกรียม รูปร่างสูงใหญ่อีกคนเดินตามหลังองค์ชายหลี่จื่ออิงไปห่าง ๆ
องค์ชายหลี่จื่ออิงกวาดสายตามองดูอย่างตื่นเต้น ภายในอาคารไม้แห่งนั้น มีการแสดงรื่นเริงทั้งร้องทั้งร่ายรำจากบุรุษแต่งกายคล้ายกับสตรี ท่วงท่าแม้ไม่อ่อนช้อย แต่กลับมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก
บรรดาแขกเหรื่อก็นั่งกินนั่งดื่ม แต่ละโต๊ะล้วนมีบุรุษหน้าหวานคอยปรนนิบัติ คล้าย ๆ กับหอคณิกา
“ที่นี่คือที่ใด”
องค์ชายน้อยถามขึ้น ขณะที่กระชับห่อผ้าในอ้อมแขนแน่น เมื่อเขาเดินผ่านบุรุษคนใด บุรุษคนนั้นต่างก็มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ชวนให้รู้สึกอึดอัด
สายตาเหล่านั้นคล้ายกับสายตาบุรุษที่กำลังโลมเลียสตรีแรกแย้ม
“หอไป๋หลัน สวรรค์บนดินที่ชายแดนแห่งนี้”
พ่อค้าตอบขณะที่เร่งฝีเท้าไปยังชั้นบนของหอ
“ท่านจะให้ข้าพักที่นี่หรือ”
“นอกจากจะพักแล้ว เจ้ายังสามารถกินดื่มหลับนอนได้อย่างเต็มที่ตราบนานเท่านาน”
พ่อค้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ข้าจะใช้มังกรพลิกบัลลังก์มังกร ! // ยาจกหนุ่มหน้าหวานหวังจะพลิกชะตากรรมของตน แม้ว่าต้องแลกมาด้วยความบริสุทธิ์ของตนก็ตาม
“...หนี้ชีวิต หนี้แค้น ที่เธอต้องยอมพลีกายชดใช้ให้เขา !” สำหรับเรื่อง “บ้านไร่ชายดุ” เป็นเรื่องราวของ เมย์ หญิงสาววัยแรกแย้ม ที่ต้องตกเป็นเชลยในกำมือซาตาน เพราะหนี้ชีวิตที่พ่อของเธอได้กระทำไว้
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้