ในเมื่อหล่อนกล้าดีทำลายชีวิตของเขาให้หมดความสงบสุข... เขาก็ต้องเอาคืนจากหล่อนทั้งตัว... และหัวใจ ............................................................................................. นาถลดายอมลงทุนหาว่า เควิน คลากสันปลุกปล้ำเพื่อแบล็กเมล์จนได้แต่งงานกับเขา หากแต่คืนวันเข้าหอ หล่อนกลับขอทำสัญญาวิวาห์ปลอมๆ และไม่ยอมให้เขาแตะต้องและขอร้องให้เขายอมตกลง... หล่อนหาได้รู้ไม่ว่าเสือร้ายที่ถูกต้อนให้จนมุมเพราะถูกแบล็กเมล์อย่างเขากำลังได้ทีแก้แค้นหล่อน... อะไรที่หล่อนไม่ต้องการ มันคือสิ่งที่เขาต้องทำ... เพราะเขารอคอยวันที่เขาจะได้เอาคืนผู้หญิงใจร้ายที่ทำตัวดีน่าตายใจแล้วฉุดเขาลงนรก เควินสาบานว่า... ชาตินี้ทั้งชาติ ถ้ายังมีลมหายใจ หล่อนไม่มีวันพ้นเงื้อมมือเขาแน่
สนามบินลอนดอน ฮีทโธรว
ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองเรียบแสนสบายหากแต่สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายที่ยังไม่คุ้นชินกับอากาศที่ค่อนข้างเย็นกว่าเมืองร้อนที่เขาเพิ่งจากมาเป็นที่สะดุดตาของผู้คนนัก... นอกจากความหล่อเหลาและความสูงโปร่งเหมือนกับเป็นนายแบบนานาชาติกับบุคลิกเรียบนิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจทำให้เขาโดดเด่นจนยากที่จะมองผ่านไปได้ง่ายๆ แล้วจำนวนชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยสูทเนี้ยบหรูสีดำที่รายล้อมเขาอยู่ราวกับว่าราชองครักษ์กำลังวางกำลังคุ้มกันเจ้าชายรัชทายาททำให้ผู้คนต่างเพ่งสายตามองว่าเขาคือคนสำคัญที่จะต้องมองเผื่อว่าได้พอเอาไปพูดกับใครได้ว่าวันนี้เจอคนดังเข้าเสียแล้ว...
หากแต่ทุกสายตาที่มองเขาต่างก็ได้เพียงมองและชื่นชมในความโดดเด่นดูไม่ธรรมดาของเขา พวกผู้คนเหล่านั้นไม่มีทางรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร... ยกเว้นผู้ติดตามทั้งห้าคนที่ไปรับตัวเขามาจากเมืองไทย และกลุ่มคนที่ยืนรอรับเขาอยู่บริเวณที่รอรับด้านนอกเท่านั้นที่รู้จักว่าเขาคือ...
เดือนธันวา สรวงสวัสดิ์ หรือ เควิน คลากสัน ซึ่งเป็นชื่อสากลของเขา...
ใบหน้าเรียบนิ่งของว่าที่ผู้บริหารหนุ่มคนต่อไปแห่งอาณาจักรคลากสันกรุป ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการโรงแรม ธนาคาร และกาสิโนขนาดใหญ่ ที่ขยายเชนไปทั่วโลกจนคนในวงการธุรกิจชั้นนำรู้จักเป็นอย่างดี กิจการทั้งหมดสร้างจากบรรพบุรุษของเควิน หลายรุ่นจนตกทอดมาสู่ คาร์ล คลากสัน ซึ่งเป็นตาแท้ๆ ของเควิน เอง แล้วมันกำลังจะตกทอดมาสู่มือเควินทั้งที่เขาไม่ได้เต็มใจยอมรับแต่เสือเฒ่าจอมเจ้าเล่ห์อย่างคาร์ลได้ใช้เล่ห์กลบีบให้เควิน ยอมเขาจนได้...
เพราะการถูกบีบบังคับโดยที่ไม่เต็มใจแต่ก็ปฏิเสธสิ่งที่ถูกยัดเยียดมาไม่ได้สักอย่าง มันจึงทำให้เควินไม่ได้มีอารมณ์แจ่มใสนักเมื่อออกมาจากโถงสนามบินแล้วพบกับอากาศแจ่มใส แสงแดดสาดส่องเรียกความสดชื่นแบบที่อังกฤษไม่ได้มีได้ทุกวัน.. เพราะเขาถูกบังคับให้มา และคนที่บังคับเขาก็มารับเขาด้วยตัวเอง ราวกับว่าจะต้องการมาเยาะเย้ยที่ทำให้เขาต้องมายอมรับในสิ่งที่เขาไม่ต้องการได้สำเร็จ...
“สวัสดีไอ้หลานชาย หวังว่าที่นั่งชั้นหนึ่งและเที่ยวบินตรงที่ฉันจัดการให้จะทำให้แกสบายมาจนถึงลอนดอนนะ” คำทักทายของเสือเฒ่าอย่างผู้เป็นตาบอกชัดเจนว่าคาร์ลกำลังบอกเควินว่าการที่เขาได้ตั๋วโดยสารราคาแพงลิบและมีการเดินทางที่สุขสบายนั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการก้าวเข้ามาบริหารงานที่คลากสันกรุป...
ริมฝีปากบางเฉียบของเควินเหยียดยิ้ม... ดวงตาเขาวาวโรจน์เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามายังกลุ่มของพวกเขาที่ยืนมองหน้ากันอย่างฟาดฟันอยู่...
“เอ่อ ยินดีต้อนรับค่ะ การเดินทางสะดวกสบายดีไหมคะ” หญิงสาวที่เพิ่งมาใหม่เอ่ยทักทายอย่างเก้อ ๆ แล้วก็ถอยๆ มายืนข้างๆ คาร์ล และรอสเลขาของตาเฒ่าคาร์ล เพราะเกร็งๆ กับสายตาเย็นชาของเควิน...
“ถามด้วยคำถามเดียวกันเชียวนะ สมกับที่รู้ใจกันดี”
เควินไม่ตอบ แต่เขาเลือกที่จะแขวะนาถลดากับตาของเขา...
คนสองคนนี้ ที่ร่วมมือกันทำลายชีวิตที่เขาต้องการ และบีบบังคับให้เขา ต้องเดินสู่ทางที่เขาไม่ได้เลือก...
สองคนนี้ ที่เควินจะไม่มีวันลืมจนชั่วชีวิต....
แววตาขลาดหวาดหวั่นของนาถลดามองที่เควิน ครั้งสุดท้ายที่หล่อนกับเขาพบกันหล่อนทำความผิดกับเขาไว้มาก และเขาก็คงไม่หายโกรธหล่อน แต่หล่อนทำเพราะว่าหล่อนจำเป็น หล่อนหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะเข้าใจหล่อน
หญิงสาวหลบสายตาไม่มองหน้า... และยอมเดินตามคาร์ล คลากสันที่เดินนำทุกคนไปสู่รถลิมูซีนที่รอต้อนรับเควินเพื่อเดินทางจากสนามบินไปสู่บ้านพักที่ถนน... ซึ่งเป็นย่านคนรวยของลอนดอนและเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์หรูหราของคาร์ล คลากสัน
เธอทำให้คนที่เขารักเจ็บปวด เขาจึงเอาคืนให้เธอเจ็บกว่าร้อยเท่า ในวันที่เขาแก้แค้นเธอสำเร็จจนเธอเจ็บปวดเจียนตาย เขากลับค้นพบว่าเขารักเธอ การเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้งหนึ่งเพ่ื่อตามหาหัวใจตัวเองจึงเกิดขึ้น แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเธอเจ็บแล้วจำเธอเลยไม่ให้โอกาสซ้ำยังเอาแต่จะหนีไปจากชีวิตเขา เพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา เขาจึงต้องทำทุกทางและทุกอย่างเพื่อได้หัวใจเธอมาเป็นของเขาเหมือนเดิม hope and nink "อย่าลืมไปเล่าให้พี่ชายคุณฟังด้วยล่ะ ว่าความรู้สึกที่ถูกหลอกให้รักมันรู้สึกอย่างไง แล้วเรื่องที่กล่าวหาว่าอีฟทำ รับรู้เอาไว้ด้วยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้" "ทำไมถึงปกป้องผู้หญิงคนนั้นขนาดนั้น" แล้วคำที่บอกว่าอยู่ข้างเธอ ที่ผ่านมาหมายความว่าอะไร... "ที่ผมปกป้องขนาดนั้นเพราะว่ารักอีฟ และไม่ยอมให้ใครมาทำลายอีฟได้ยังไงล่ะ" "รัก?" แล้วไม่ได้รักเธอหรอกหรือ เธอตั้งคำถามอย่างโง่งั่ง ไม่พยายามเข้าใจสิ่งที่เขาบอก แม้ส่วนลึกเริ่มจะเห็นเค้าลางว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างที่วิษุวัติทำมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว "ใช่" "..." เขาลุกขึ้นยืน แขนเล็กๆ ที่เกาะเเขนเขาไว้ร่วงผล็อย นลินวิภาเงยหน้าขึ้นมองเขา "แล้วความรู้สึกดีๆ ที่คุณแสดงออกกับฉันที่ผ่านมา" "มันแค่การเอาคืน..." เขาพึมพำ ก่อนจะก้มหน้ามองเธอ "ผมมาก็เพื่อแก้แค้นให้อีฟตอนนี้หน้าที่ของผมจบแล้วถือว่าเราจบกัน คุณไปเก็บของซะผมจะให้คนไปส่ง" เขาทำท่าจะเดินจากไป แต่นลินวิภาดึงชายเสื้อเขาไว้ ดวงหน้ายังสับสนและในใจพร่ำบอกว่ามันไม่ใช่ และเธอฉุดรั้งเขาไว้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลย จนมีแรงตึงที่มือและเขาหยุดชะงักนั่นล่ะ เธอถึงปริปากออกมา... "คุณเคยบอกฉันว่าไม่ต้องสนเรื่องอื่นว่าเราพบกันอย่างไง เพราะระหว่างเราเข้าใจกันก็พอ ฉันเข้าใจว่าคุณพูดออกมาจากใจจริงๆ เสียอีก" "มันคือคำโกหกคุณคงไม่คิดว่าผมจะรักคุณหรอกนะเพราะคนที่ผมรักมาตลอดคืออีฟ คนแบบที่ผมชอบคืออีฟเท่านั้น" ไม่ต้องมีมีดนับร้อยนับพันมาจ้วงแทง เพียงแค่สายตาคู่เดียวของเขาที่จ้องมองมาก็ทำให้เธอเหมือนถูกกระหน่ำแทงจากความจริงที่เขากำลังบอก เธอกับเอวิตาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว และเธอไม่ใช่คนแบบที่เขาชอบ ทั้งหมดที่ผ่านมาคือการหลอกลวงเพื่อแก้แค้นให้เอวิตา คนที่เขารัก... "โฮป" "เรียกผมว่าวิษุวัติ... อย่าเรียกชื่อเล่น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น "..." นลินวิภากะพริบตาปริบๆ มือร่วงผล็อยจากชายเสื้อเขาไปในทันที สิ่งที่เขาบอก เหมือนดึงเธอมาสู่โลกแห่งความจริงที่เธอไม่อาจหนี เขาบอกชัดเจนขนาดนี้เธอคงไม่สามารถหลอกตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว... #ทินอีฟ "ยินดีด้วยนะครับคนไข้ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาแล้วครับ คนไข้ตั้งครรภ์ เดี๋ยวหมอจะส่งคนไข้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อฝากครรภ์นะครับ" คำพูดของนายแพทย์ประจำคลินิกทำให้เธอยิ้มออกหลังจากทนกับอาการเวียนหัวในช่วงเช้ามาหลายวันไม่ไหวเธอจึงไปตรวจให้รู้แน่ชัด ผลที่แพทย์บอกตอนที่อยู่คลินิกทำให้เธอมีความสุขมาตลอดบ่าย เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์กับทิน...ผู้ชายที่เธอรัก วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ การได้รับข่าวดีเรื่องลูกจึงเปรียบประหนึ่งเป็นของขวัญ หญิงสาวรีบกลับมาที่เพนธ์เฮาส์และจัดเตรียมสถานที่รอพ่อของลูกกลับมาอย่างคาดหวังและตื่นเต้น เรื่องที่ตั้งครรภ์เธอยังไม่ปริปากบอกใครแม้แต่พี่เลี้ยงคนสนิทที่อยู่กับเธอตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะอยากให้ทินรู้เป็นคนแรก ทันทีที่เขาให้ของขวัญวันเกิดแก่เธอ เธอจะยื่นกระดาษอัลตราซาวน์ให้เขาแล้วบอกว่าเป็นของขวัญที่เธอมอบกลับคืนในฐานะที่เขารักและดูแลเธอมาตลอด แต่เมื่อประตูห้องเปิดก็เกิดเรื่องผิดแผนครั้งใหญ่เพราะทินเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงสาวที่มีดวงหน้าสวยโฉบเฉี่ยวดูมั่นใจในตัวเอง ริมฝีปากสีแดงสดของผู้หญิงคนนั้นยิ้มและมองเอวิตาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก คนทั้งคู่ที่เข้ามาใหม่ไม่ได้สนใจบรรยากาศปาร์ตี้ ทินมีสีหน้าเคร่งขรึม แววตาของเขาไม่อ่อนโยนเหมือนทุกวัน มีเพียงเสียงทุ้มน่าฟังที่เหมือนเดิม "อีฟ ผมมีเรื่องจะบอก" "เรื่องอะไรคะ" เสียงของเธอแทบไม่หลุดจากปาก ความหวาดกลัวในสถานการณ์เกาะกุมหัวใจเธอ รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาครามครัน "ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ ธุระที่ผมไปทำวันนี้คือไปจดทะเบียนกับนิ้ง" "..." ดวงตาของเอวิตาเบิกกว้าง "นิ้งท้องกับผม ท้องตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมาคบกับคุณ มันอาจจะผิดต่อคุณแต่คุณคงเข้าใจว่าผมต้องรับผิดชอบลูกในท้องของนิ้งเป็นอันดับแรก..." "ทิน" เธอเรียกชื่อเขา น้ำตาเอ่อล้นปริ่มขอบตาที่ร้อนผะผ่าวในใจมีร้อยพันหมื่นถ้อยคำแต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ กระดาษอัลตราซาวน์ในมือถูกกำแน่น อย่าว่าแต่ยื่นมันให้เขาได้เห็น แค่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาและหายใจ เอวิตายังทำได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน "ผมเสียใจนะอีฟ... แต่ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมเลือกนิ้ง" "ที่จริงฉันต้องรีบพาทินไปพบครอบครัว แต่ว่าเขาอยากแวะมาบอกเธอก่อนไม่อยากหายไปเลย" ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก เอวิตาจับใจความไม่ได้เลยว่าคนตรงข้ามพูดอะไรกับเธอบ้างเพราะในหูมีแต่เสียงอื้ออึ้งน้ำตาก็ไหลจากตาจนไม่เห็นหน้าคนสองคนตรงหน้าเสียแล้ว... สติของเธอหลุดลอยไปตั้งแต่ที่ทินบอกว่าเขาแต่งงานกับผู้หญิงอื่น เรื่องที่เตรียมจะบอกในทีแรกจึงไม่หลุดจากปากและไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอีกเธอก็ไม่ได้ยินอีกต่อไปแล้ว จนเมื่อคำว่าลาก่อนแว่วเข้าหู และมีเสียงประตูปิด เธอถึงได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น เพราะหมดแรงที่จะยืน... หลังจากที่ร้องไห้จนไม่เหลืออะไรจะร้อง ในหัวไม่มีสติพอที่จะคิดอะไรอีก ภาพเลือนรางที่เห็นเขาเดินจูงมือออกไปกับผู้หญิงอื่นฉายวนซ้ำ เธอไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือก เขาเดินจากไปง่ายดายราวกับไม่เคยรักกันเลย ความทุกข์ที่หนักหนาที่สุดที่เคยพานพบเกาะกินหัวใจจนเธอคิดว่าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับรู้เรื่องราวเหล่านี้อีกแล้ว... เธออยากหนีไปให้พ้นจากความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลที่กำลังถาโถมเธออยู่ในตอนนี้ "อีฟ" เสียงเรียกคุ้นหู เป็นเสียงเรียกที่เหมือนอยู่ไกลออกไป ภาพของเขาปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นไม่แจ่มชัด สาเหตุไม่ใช่เพราะหยาดน้ำตา หากแต่เป็นเพราะสติรับรู้ของเธอนั้นสุ
"ปะป๊า" อยู่ดีๆ ก็มีเด็กที่หน้าเหมือนตัวเองมาเกาะแข้งเกาะขาแล้วเรียกว่าปะป๊า แล้วจะให้คีรินเข้าใจว่ายังไง "บอกฉันมาซิว่าแม่ของหนูคือใคร!" "แม่ของหนูคือหม่าม๊า" "..." .................. แสงดาว... คุณปกปิดอะไรเอาไว้" เขาย้ำเธออีกครั้งเพราะอยากได้ยินจากปากเธอเอง "ปกปิดอะไรคะ?" แสงดาวมองเขาด้วยสายตางุนงง ที่ผ่านมาก็คุยกันจนเข้าใจทุกอย่างแล้ว เธอไม่เข้าใจว่าคีรินจะมาคาดคั้นเอาอะไรอีก "เรื่องเกี่ยวกับไคร่า มีอะไรที่คุณบอกผมไม่หมด" "ฉันพูดความจริงไปหมดแล้ว "ถ้าไม่พูด ผมจะลงโทษคุณ" เขาบอกพร้อมๆ กับสาวเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นคล้ายจะข่มขวัญ ลงโทษที่ว่านี่คงไม่ใช่กอดไว้แน่นแล้วปล้ำหอมแก้มให้จั๊กจี้เหมือนที่ทำกับลูกหรอกนะ หญิงสาวจินตนาการเล่นๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าคนที่อยู่ห่างจากตัวเองไม่ถึงคืบแล้วก็ต้องกะพริบตาปริบๆ เพราะดูท่าทางเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ "ลงโทษอะไร คุณไม่มีสิทธิ์นะ!" แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ท่าทางคุกคามของเขาก็ทำให้แสงดาวต้องถอยไปหลายก้าวจนหลังเธอชนฝา แล้วเขาก็ค้ำมือกับผนัง เพื่อกักกันเธอไว้ในวงแขน "ผมเป็นพ่อของไคร่า ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ลงโทษแม่จอมปากแข็งของแกล่ะ" ชายหนุ่มจดจ้องแสงดาวไม่วางตา... ดวงตาของคนตรงหน้าเหมือนกับดวงตาของเจ้าตัวน้อยที่เธอฟูมฟักตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยราวกับเป็นดวงตาคู่เดียวกัน แต่ก็นั่นล่ะ ถึงเขาจะเหมือนยัยหนูไคร่าของเธอทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรกับเธอตามอำเภอใจได้นี่นา... พรึ่บ... ยังไม่ทันที่เธอจะได้ห้ามปราม คีรินก็คว้าตัวเธอไปแนบชิดกับกายแกร่งแล้วก้มหน้าลงมาจูบปิดปากเธอเอาไว้ แม้เธอจะดิ้นขลุกขลักเพื่อถามว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม แต่เหมือนคนตัวโตจะไม่เปิดโอกาสให้ เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาโมโหแล้วลงโทษเธออย่างที่ว่าจริงๆ หรือว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง ริมฝีปากอุ่นที่บดขยี้ดูดดึงกลีบปากของเธอเอาไว้ไม่ให้พูดฟ้องว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า... แสงดาวค่อนข้างแน่ใจว่าคีรินหาเรื่องรังแกเธอชัดๆ ถึงจะเป็นพ่อของลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอย่างนี้กับเธอได้นะ! หญิงสาวพยายามดันอกเขาแล้วเบี่ยงหน้าหนีการรุกล้ำที่เริ่มจะกลืนกินสติสตังของเธอไป แต่นอกจากจะไม่ทำให้เขาไหวติงแล้วเธอก็ยังเบี่ยงหน้าหนีไม่พ้นการปล้นจูบของคนตรงหน้าเลย บ้าจริง!
“พี่อุ่นรู้ตัวไหมคะว่าเป็นคนร้ายกาจขนาดไหน” “ก็รู้ในระดับหนึ่ง” เขาพยักหน้ายอมรับ แล้วยิ้มขันที่เธอทำหน้าตาเหมือนไปไม่เป็น... นี่ยังสารภาพไม่หมดเลยว่าตลอดเวลาที่นอนห้องด้วยกันหลายครั้งที่เธอตื่นมาบนเตียงเขาแบบไม่รู้ตัวนั้น มีเพียงครั้งสองครั้งที่เธอละเมอมานอนผิดที่ แต่ทุกครั้งที่เหลือเขาไปอุ้มเธอมาจากโซฟามานอนกอดล้วนๆ เรื่องที่คุณน่
“ตอนนี้เข็มดีขึ้นแล้ว ผมจะให้คุณไปขอโทษเค้า” “...” ไม่มีถ้อยคำใดเอ่ยจากปากเธอ ริมฝีปากที่แย้มยิ้มหุบลง และสั่นระริก สายตาที่ทอดมองเขาตัดพ้อ “ลุก” เขาจะคว้าแขนเธอให้ลุก แต่เธอสะบัดแขนหลุดจากมือเขาทันใด “เลิฟไม่มีวันไปขอโทษในสิ่งที่เลิฟไม่ได้ทำ” “คุณยังกล้าพูดคำนั้นอีกหรือไง...” เขาตวาดเธอจนสะดุ้ง ภูรินไม่เคยขึ้นเสียงกับเธอมาก่อน “รู้ตัวไหมว่าตั้งแต่กลับมา คุณเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน คุณมาพร้อมคำโกหก หลอกลวง จากที่เคยคิดว่าแค่เฉยๆ กับคุณก็พอ คุณกลับทำให้ผมรู้สึกว่าเกลียดความเป็นตัวตนของคุณมากขึ้นทุกวัน สิ่งที่คุณหวังมันไม่มีทางเกิดขึ้น และยิ่งผ่านไปทุกวันก็ยิ่งไม่มีทางไปใหญ่ เลิกหวังแล้วก็ไปตามทางของคุณดีกว่า ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย” ร่างสูงหันหลังแล้วเดินออกไป แผ่นหลังมั่นคงที่เคยกอดห่างไกลและเลือนรางเพราะม่านน้ำตาบดบัง เขาไม่ได้อยู่ไกลจนคว้าไม่ถึง แต่เอื้อมมือไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเขาสักที
เพราะรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนจึงยินยอมแต่งงานกับเขา เพราะถูกบังคับเขาจึงเห็นหล่อนเป็นเศษธุลีดินไร้ค่า แม้เป็นเมียแต่ง หล่อนคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักหล่อนตอบกลับมา ไม่มาก... ก็น้อย แต่ไม่นึกว่าเมื่อเขาหลอกให้หล่อนรักเขาสุดหัวใจ เขากลับขับไล่หล่อนออกมาจากชีวิตด้วยเหตุผลว่า เขาไม่รักหล่อน... "เธอเข้ามาในชีวิตฉันง่ายๆ ก็ช่วยออกไปง่ายๆ ด้วยเถอะ" ถ้อยคำเจ็บปวดทำร้ายที่ตามมาหลอกหลอน แม้ในยามที่หล่อนหลีกลี้จากเขามาได้นานเนิ่น ในวันที่หล่อนเข้มเเข็งและอยู่ได้โดยไม่มีเขา ลูกในท้องที่หล่อนปกปิดเขาเอาไว้ กำลังจะทำให้หล่อนกับเขาหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่หล่อนไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ................................................................ “การแต่งงานของเราเกิดขึ้นเพราะฉันถูกบังคับ การที่ฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ” ธีภพ วิชญ์วิศิษฐ์ “ความรักของมนอาจจะดูไร้ค่าแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งเดียวที่มนพอจะให้คุณธีร์ได้ ที่ผ่านมาคุณธีร์แสดงออกเสมอว่าคุณธีร์ไม่ต้องการและทิ้งขว้างมันมาตลอด มันก็ไม่ใช่ความผิดของมนที่สุดท้ายมนจะหมดรัก มนหวังว่าคุณธีร์จะเข้าใจ เหมือนที่มนเคยเข้าใจคุณธีร์” มนพัทธ์ สว่างโชติ
ด้วยภาระหนี้สินก้อนโตของบิดา ทำให้เคียงเดือนต้องวิ่งรอกรับงานทั่วราชอาณาจักรเพื่อหาเงิน นางแบบสาวต้องวิ่งรอกรับงานจนไปถึง เบเดน ดินแดนแห่งทะเลทราย หล่อนไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนที่ปากร้าย บ้าอำนาจ ชอบยัดเยียด จอมใส่ร้ายเป็นที่สุดอย่างนาคินเลย แค่เขาหลงคิดเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นคนใช้ ก็น่าโมโหพออยู่แล้ว... แต่เขาก็อาจหาญหาว่าหล่อนเป็นนางนกต่อของผู้ก่อการร้าย และยังจับหล่อนไปขังเพื่อสอบสวน... เขาชักจะทำกับหล่อนมากเกินไปแล้ว... เคียงเดือนจะไม่ขอทน !
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย