เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
1
ชายร่างสูงตระหง่านเดินลงมาจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวด้วยความหงุดหงิดอย่างรุนแรง เมื่อนักบินมารายงานว่ามีปัญหากับปีกเครื่องบินทางด้านซ้าย จนไม่สามารถบินไปยังประเทศไทยตามกำหนดได้ จำเป็นต้องนำเครื่องลงที่สนามบินที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ สนามบินดูไบ กัปตันบอกกับเจ้าของเครื่องบินเจ็ทสุดหรูว่า ให้ใช้บริการสายการพาณิชย์แทน เนื่องจากการซ่อมเครื่องบินอาจต้องใช้เวลานานหลายวัน การเดินทางไปประเทศไทยก็จะช้าตามไปด้วย ชายหนุ่มจึงทำตามที่กัปตันบอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการเดินทางมาเมืองไทยในครั้งนี้สำคัญกับเขามาก ต้องเดินทางไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุด
“ซื้อมาก็แพง ไม่น่าใจเสาะเสียเลย อย่างนี้มันน่าทุบทิ้งเหลือเกิน คนยิ่งรีบๆ อยู่”
เฟรเดอริค มอโร มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศสบ่นงึมงำขณะที่เขาเดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร โดยมีร่างลูกน้องหนุ่มตามไปติดๆ ก่อนจะทรุดนั่งบนเก้าอี้ที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ให้
“ผมไปจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินก่อนนะครับ” ชิลล์เอ่ยบอกเจ้านายที่หน้าง้ำดวงตาขุ่น
“ก็ไปสิ มัวแต่พูดมากอยู่ได้”
เฟรเดอริคตอบกลับไปอย่างคนอารมณ์ไม่ดี ชิลล์รีบสาวเท้าเดินไปยังห้องจำหน่ายตั๋วเครื่องบินของสายการบินหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะเดินกลับมาหาเจ้านายของตัวเองในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา
“ว่าไง จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินได้หรือยัง?” เฟรเดอริคเอ่ยถามชิลล์ ผู้ถูกถามทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะตอบคำถามเจ้านายอย่างไรดี
“ยืนบื้ออยู่ได้ ตกลงได้ตั๋วหรือเปล่า?” เจ้านายตวาดถามลูกน้องอีกครั้ง
“ได้ครับ แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร?”
“แต่ว่าได้ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดนะครับ” ชิลล์ตอบไม่เต็มเสียงนัก นึกหวาดกลัวกับอารมณ์ของเจ้านายหนุ่มที่คุกรุ่นมาตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินส่วนตัว แล้ว
“มึงว่าอะไรนะ ชั้นประหยัดอย่างนั้นเหรอ กูอยากรู้นักว่าที่นี่มีสายการบินเดียวหรือไงที่บินไปเมืองไทยน่ะ สายการบินอื่นก็มีถมไป สายการบินนี้ไม่มีตั๋วชั้นเฟิร์สคลาส (First Class) มึงก็ไปหาสายการบินอื่นสิ ไปหาสายการบินที่มีตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสมาให้กู มึงก็ไปหามาเลยนะ ไปหามาให้ได้ กูไม่นั่งหรอกชั้นประหยัด ไปเลยนะ มึงไปหาตั๋วมาให้ได้” เฟรเดอริคพูดเสียงเขียว กำชับเสียงหนักแน่นให้ชิลล์ที่ยืนคอตกไปหาตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสมาให้เขาให้จงได้
“ตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสมีครับ แต่ต้องรออีกห้าวัน เพราะตอนนี้ที่เมืองไทยอยู่ในช่วงไฮซีซั่น มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปพักผ่อนที่เมืองไทยเยอะมากเลยครับ ตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสและชั้นอื่นๆ เต็มหมด ตั๋วเครื่องบินที่ผมหามาได้เป็นตั๋วชั้นประหยัดที่คนจองยกเลิกไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ถ้าคุณริคจะเดินทางวันนี้ก็มีแต่ชั้นประหยัด ถ้าอยากได้ตั๋วเฟิร์สคลาสก็ต้องรออีกห้าวันครับ” ชิลล์อธิบายถึงเหตุผลที่ไม่ได้ตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสให้ผู้เป็นนายได้รับฟัง
เฟรเดอริคทำท่าทางครุ่นคิดอย่างหนัก ใจหนึ่งอยากไปถึงเมืองไทยเร็วๆ เพื่อไปจัดการเรื่องหนึ่งให้เรียบร้อย ถ้าไปช้าบางทีทุกอย่างอาจจะสายเกินแก้เรื่องที่เขา จะไปจัดการนั้นต้องเสร็จสิ้นก่อนที่รอยซ์ มอโรน้องชายฝาแฝดของเขาจะเดินทางไปเมืองไทย ไม่เช่นนั้นเรื่องมันจะสายเกินแก้ แต่อีกใจก็ไม่อยากเดินทางไปเมืองไทยด้วยตั๋วชั้นประหยัด สาเหตุมาจากชั้นประหยัดไม่สะดวกสบายเหมือนชั้นอื่นๆ ที่นั่งก็แคบไม่เหมาะสมกับร่างกายสูงใหญ่เกินมาตรฐานของเขา จะนั่งหรือปรับเอนนอนเบาะก็ลำบาก ต้องทนนั่งเมื่อยไปอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย แค่คิด เขาก็รับไม่ได้แล้ว คิดอีกทางจะทนรออีกห้าวันคงไม่ได้ ต้องเดินทางไปถึงเมืองไทยวันนี้ตามกำหนดการ
“นั่งชั้นประหยัดก็ได้”
เฟรเดอริคพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จำใจเดินทางไปยังจุดหมายด้วยตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัด ไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างเฟรเดอริค มอโรจะโดยสารเครื่องบินในราคาชั้นที่ถูกที่สุด
“เครื่องบินจะออกในอีกสองชั่วโมงนะครับ ไปถึงที่โน่นตอนหกโมงเย็นในเวลาประเทศไทยครับ”
เฟรเดอริคพยักหน้ารับรู้ ลูกน้องทั้งสองคนจึงเดินแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ชิลล์ไปจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบิน เอริกไปจัดการเรื่องสัมภาระ ก่อนที่ทั้งหมดจะ เดินเข้าไปในส่วนของผู้โดยสารขาออก เพื่อขึ้นเครื่องบินของสายการบินที่จองตั๋วไว้
“เฮ้อ...” ลมหายใจแรงๆ ถูกระบายออกมาจากโพรงจมูกของเฟรเดอริค พร้อมกับเสียง “เฮ้อ” ที่แสดงออกถึงความลำบากใจ เมื่อสายตาของเขามองเห็นที่นั่งของตั๋วราคาถูก ที่นั่งเรียงยาวจัดเรียงในลักษณะ 3-4-3 ริมซ้ายมีที่นั่งสามที่ตรงกลาง สี่ที่ ด้านขวาสามที่ แต่ละที่นั่งมีจอ LCD ขนาด 16 นิ้ว ทุกที่นั่ง สามารถดูหนัง ฟังเพลงได้ดูจากสภาพภายนอกแล้ว เฟรเดอริคไม่มั่นใจว่าจะใช้งานได้หรือไม่ เรื่องนี้เขาไม่ค่อยสนใจมากเท่ากับขนาดที่นั่งที่เล็กและแคบ เล็กในที่นี้หมายถึงขนาดของเบาะนั่งที่เล็ก ไม่ต้องนั่งก็รู้ว่ามันไม่พอดีกับร่างกายของเขา แคบหมายถึงระหว่างที่นั่งมีความแคบ ทำให้เขาไม่สามารถเหยียดแข้งเหยียดขาได้อย่างสะดวกนัก ไม่บอกก็พอจะเดาได้ว่าเขาต้องนั่งเมื่อยขบไปตลอดทาง นี่ไม่เท่ากับสภาพของ ตัวเครื่องบินที่กลางเก่ากลางใหม่ เครื่องปรับอาการไม่เย็นเฉียบเท่ากับชั้นอื่นๆ การบริการก็เหมือนกัน คงจะประหยัดสมกับราคาตั๋ว
“คุณริคครับ นั่งตรงนี้ครับ”
ชิลล์หันมาบอกเจ้านายหนุ่มที่เดินตามมาข้างหลัง เฟรเดอริคถอนใจรอบที่ร้อยของชั่วโมงนี้ เมื่อเห็นที่นั่งของตัวเอง หวังลึกๆ ตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินขอให้ได้ที่นั่งแถวล่าสุด เพื่อที่เขาจะได้สามารถยืดแขนยืดขาได้สะดวก แต่มันไม่เป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้ เขาและลูกน้องได้ที่นั่งตรงกลาง แถวที่สามนับจากข้างหน้า ทั้งหมดจึงนำพาร่างกายสูงใหญ่นั่งประจำที่ ชิลล์นั่งริม ถัดมาเป็นเอริก เฟรเดอริค นั่งบนที่นั่งตัวที่สาม เหลือที่นั่งข้างๆ อีกหนึ่งที่
“เล็กชะมัดเลย ทำที่นั่งให้มันใหญ่กว่านี้ไม่ได้หรือไงวะ นั่งไม่สบายเลยพับผ่าสิ”
เฟรเดอริคบ่นอุบ ชิลล์กับเอริกที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็หาว่าจะนั่งสบายๆ เหมือนคนที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งเสียเมื่อไหร่ เขาสองคนก็มีร่างกายสูงใหญ่ไม่ต่างกับผู้เป็นนาย เพียงแต่ว่าเก็บอาการเอาไว้ไม่แสดงออกเหมือนใครบางคนเท่านั้นเอง อันที่จริงที่นั่งของสายการบินนี้ไม่ได้เล็กอะไรมากมาย เป็นเพราะเขาทั้งสามคนมีร่างกายสูงใหญ่กว่าผู้โดยสารคนอื่นๆ เลยทำให้ที่นั่งเล็กไปถนัดตา
“ตูม” ร่างของอักษราที่ยังไม่ได้สติ แล้วยังจะถูกมัดมือมัดเท้าและปิดปาก ถูกโยนลงมาจากเรือด้วยมือของเจ้าของเกาะ ลูกน้องทั้งสามมองตากันไปมา อยากจะไปช่วยสาวน้อยผู้น่าสงสารใจจะขาด แต่ถ้าช่วยมีหวังพวกเขาต้องโดนบาทาของเจ้านายแน่นอน อักษรารู้สึกตัวเมื่อร่างกายกระแทกกับผืนน้ำ น้ำเค็มๆ ซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาในปากและจมูกจนเธอเกิดอาการสำลัก เปลือกตาสาวเปิดขึ้นในเวลาต่อมาแต่ก็ต้องหลับลงอีกครั้ง เพราะน้ำทะเลเข้าไปในดวงตาของเธอจนเกิดความแสบ อักษรารีบทะลึ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ โดยไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองตกอยู่ในสภาพอย่างไร “อื้อๆ อื้อๆ” ทันทีที่ขาทั้งสองข้างยืนอยู่บนทรายใต้น้ำ และรู้ว่าตัวเองถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกทั้งข้อมือและเท้า ปากก็เช่นกันหาได้มีอิสระถูกปิดทับด้วยผ้าผืนใหญ่ “อ๊าย!” ความที่ข้อเท้าเล็กถูกมัดด้วยเชือก ส่งผลให้เธอยืนได้ไม่ถนัดนัก เสียการทรงตัวจนร่างคะมำลงไปในผืนน้ำ แต่เธอก็พยายามยืนขึ้นอีกแต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม อักษราจึงเลือกที่จะนั่งลงบนผืนทรายใต้น้ำที่มีความลึกประมาณครึ่งเมตร อักษรานั่งมองร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำน่าเกรงขาม ใบหน้าของเขามีหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบมองมายังเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เขากระโดดลงมาจากเรือเร็วก่อนจะเดินลุยน้ำทะเลมาหาเธอ “ไง ตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะตายเพราะยาสลบซะแล้ว” เสียงห้าวใหญ่พูดขึ้น ในขณะที่มาหยุดยืนเท้าเอวตรงหน้าเธอ อักษราเงยหน้ามองชายหน้าตาน่ากลัวที่จ้องหน้าเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้กับเธอทำไม จะถามก็ไม่ได้เพราะปากถูกปิดด้วยผ้าผืนใหญ่
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
“ไม่นะ อย่านะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณได้พระคืนไปแล้วนี่ ปล่อยฉันไปเถอะ ฮือ...อย่าทำอะไรฉันเลย อย่าทำฉันเลย” หมอนวดสาวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด มีหรือที่รัฐภูมิจะใจอ่อน เมตตาสาวตรงหน้าง่ายๆ เขาปล่อยเธอแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้และเวลานี้ สิบแปดมงกุฎอย่างจันยาวีร์ต้องเจอคนอย่างเขา ร้ายมาร้ายกลับและเพิ่มความร้ายมากเป็นร้อยเท่า เท้าเล็กพยายามถีบ กระแทกไปที่ร่างหนาดูเหมือนว่าจะถีบลมมากกว่า มันไม่ช่วยอะไรเลยจริงๆ เพราะตอนนี้เขาขึ้นมานั่งคร่อมร่างเธออีกครั้งหนึ่งแล้ว “ยานี้จะทำให้ร้อนรุ่มอย่างมากมาย เลือดในกายเธอจะสูบฉีดจนเธอกระสับกระส่าย กระหายไปด้วยความใคร่แบบสุดๆ เธออยากจนแทบจะถ่างขารอให้ผู้ชายมากระทุ้ง ขอให้มีความสุขกับความร่านที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอนะ ยาออกฤทธิ์เต็มที่เมื่อไหร่ ฉันจะมาสนองตอบความอยากให้เธอเอง รับรองถึงอกถึงใจไปสามโลก หมอนวดอย่างเธอคงผ่านศึกมาไม่ใช่น้อย คงมีวิธีบังคับความร่านของตัวเองนะ ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วเจอกันนะแป้ง” จันยาวีร์เม้มปากเป็นเส้นตรงแน่น เพื่อไม่ให้เขานำยานั้นใส่เข้าไปในปากของเธอ ทว่ามันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยที่จะทำให้ปากของเธอเปิดอ้าออก เพียงแค่รัฐภูมิใช้ฝ่ามือบีบไปบนแก้มของเธอทั้งซ้ายขวาอย่างแรง หญิงสาวระบมปวดแก้มไปหมด แรงบีบที่มากมายทำให้ปากที่เม้มค่อยๆ คลายตัวออก จนในที่สุดปากของเธอก็อ้าออก ชายหนุ่มหน้าดุรีบใส่ยาปลุกเซ็กส์เข้าไปในช่องปากสาวบังคับให้เธอกลืนมันลงไปด้วยการนำฝ่ามือใหญ่มาปิดทับที่ริมฝีปาก ยาที่อยู่ในปากไม่ได้ถูกกลืนลงไปในลำคอ แต่มันละลายเมื่อสัมผัสโดนความชื้นของน้ำลายที่อยู่ภายใน ความขมของเม็ดยาที่เริ่มละลายในปาก ทำให้สาวเจ้าร้องไห้ออกมาทันที คิดในใจว่าเธอจะต่อต้านยาประเภทนี้ได้อย่างไร รัฐภูมิกระตุกยิ้มอย่างพอใจ ขยับร่างกายลงมายืนอยู่ริมเตียง มองดูร่างสาวที่ร้องไห้ตัวโยนด้วยความสะใจ เจอแค่นี้มันยังน้อยไป ริอาจเข้ามากระตุกหนวดเสือถึงที่ ไม่ถูกเสือขย้ำกินก็คงเป็นไม่ได้ เสืออย่างเขาฆ่าได้หยามไม่ได้อยู่แล้ว เขาหมุนตัวก่อนจะขยับร่างกายเดินไปยังห้องน้ำ อาบน้ำอย่างสบายใจ ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ยาเซ็กส์ชนิดนี้เขาซื้อมาจากตลาดมืดแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส เป็นยาปลุกเซ็กส์ชนิดใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ สาเหตุที่เขาซื้อยาชนิดนี้มาไม่ใช่ว่าเขาจะใช้เอง พันกรเพื่อนสนิทของเขาเป็นคนฝากซื้อ เพื่อจะนำไปให้พี่เขยที่มีอาการนกเขาไม่ขัน ต้องพึ่งยาปลุกเซ็กส์ขณะที่ดำเนินกิจกรรมทางเพศ ห้านาทีต่อมาหลังจากที่ยาปลุกเซ็กส์เริ่มละลายในปากและตัวยาไหลเข้าไปในลำคอสาว อาการแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับจันยาวีร์ คลื่นความร้อนบางอย่างแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเธอ แทรกลึกไหลซึมเข้าไปตามเซลล์ต่างๆ เม็ดเลือด ลุกลามลึกเข้าไปถึงกระแสเลือดที่เร่งสูบฉีดด้วยอัตราที่เร็วกว่าปกติ จันยาวีร์รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ความร้อนที่ได้รับทำให้เธอต้องการที่จะถอดเสื้อผ้าออก ความปรารถนาทางอารมณ์ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังกระจายอาบไปทั่วร่าง ความเป็นอิสตรีเพศกระตุกและเต้นเร่าอยู่ตลอดเวลา เธอมีความรู้สึกว่าต้องการร่วมเพศกับผู้ชายสักคน เพื่อมาบำบัดอาการที่เป็นอยู่นี้ให้ดีขึ้น ต้องการให้เขานำปาก ลิ้นประโลมจูบไปทั่วร่างสาว และต้องการฝ่ามือของเขาลูบไล้นวดเฟ้นไปตามผิวกายของเธอ และความปรารถนามากที่สุดก็คือ ต้องการให้เขาฝังกายลึกเข้าไปในกลีบสาว ขยับเขยื้อนกายด้วยความรุนแรง กระแทกกระทั้นให้ถึงอกถึงใจ
“ฉันเอง จะตกใจอะไรหนักหนา ไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ได้นอกจากฉันอยู่แล้ว” เขาพูดเสียงไม่สบอารมณ์ มองใบหน้านวลที่ส่องกระทบกับแสงสีส้มจากหลอดนีออนแล้วพาใจสั่น ดวงหน้าหวานยามต้องแสงสีนี้ผสมผสานกับความเห่อร้อนจากความอาย ทำให้เธอเกิดความงดงามราวกับภาพวาดจากจิตรกรชั้นเอก เขาเผลอไผลหลงมองนิ่งงัน ลืมความไม่พอใจเรื่องที่เธอผลักร่างของตนจนสิ้น “ตาขอโทษค่ะ” เธอก้มหน้างุด ข่มความอายเมื่อเขามองเธอไม่วางตา เอ่ยคำขอโทษต่อเจ้าหนี้รายใหญ่ของบิดา เขาจะว่าเธอก็ไม่ถูกเพราะทีแรกเธอนอนคนเดียวในห้องนี้ แล้วตื่นมาเจอใครอีกคนอยู่ด้วยก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา “ทำหน้าที่เธอให้ดี แล้วฉันจะให้อภัย” สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแค่นี้คือหาความสุขจากร่างสาวอวบอิ่ม ที่ทำให้เขาคิดถึงมาตลอดทั้งวันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“คุณคมน์ฟังหนูนาก่อนค่ะ ได้โปรดฟังหนูนาก่อน” เธอยังคงพูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา หวังจะให้เขายอมฟังเสียงนกเสียงกาอย่างเธอบ้าง หากปล่อยเอาไว้อย่างนี้มีหวังเธอกับประสงค์ต้องตายแน่นอน คมน์เวลานี้ไม่เหมือนคมน์ที่เธอเคยรู้จักเลย เขาคือปิศาจร้ายชัดๆ “จะตอแหลอะไรล่ะ จะตอแหลอะไร ฉันไม่เชื่องูพิษอย่างเธอหรอก อุตส่าห์เลี้ยงอย่างดี ทะนุถนอม ยังริอ่านไปนอกใจฉันไปมีอะไรกับไอ้หน้าอ่อนนั่นอีก วันนี้เธอกับชายชู้ได้ตายคามือคาเท้าฉันแน่...ว้าย..โอ๊ย” สิ้นคำพูดของคมน์ ร่างอรชรถูกเหวี่ยงลงบนพื้นห้องอย่างแรง เสียงแสดงความตกใจจึงหลุดออกมาจากลำคอสาว ตามด้วยเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดเมื่อศีรษะของเธอกระแทกโดนมุมโต๊ะตัวเล็กที่วางหนังสือพอดี “สมน้ำหน้า แต่เธอไม่ได้ตายตรงนี้หรอก” เขาไม่รู้สึกสงสารหรือว่าเมตตารุจิเรศแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามสะใจเสียมากกว่า ร่างบอบบางลุกขึ้นยืนเดินถอยหลังหนีไปสามสี่ก้าว ก่อนจะยกมือนุ่มมาจับบริเวณที่ศีรษะกระแทก มันแค่ปูดขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น “คุณคมน์ไม่มีเหตุผล ทำไมคุณคมน์ไม่ฟังหนูนาก่อนล่ะคะ” น้ำเสียงของเธอตัดพ้อและน้อยใจ “ไม่ฟัง เพราะสิ่งที่ฉันได้ยินมันบอกฉันหมดทุกอย่างแล้ว ร่าน...คำๆ นี้คงไม่เหมาะสมกับเธอเท่าไหร่ น่าจะเหมาะกับคำว่า เสี้ยน หรือไม่ก็คันมากกว่า ถึงได้แวะกลางทางให้ไอ้หน้าอ่อนมันช่วยเกาให้ ทำไม มันหนุ่มกว่าฉัน หรือว่ามันเก่งเรื่องบนเตียงกว่าฉัน ถึงได้หายไปครึ่งค่อนวันแบบนี้ เสี้ยนไม่รู้จักพอเหมือนแม่ของเธอไม่มีผิด”
“ อาาา.. มิกิ ” ครวญครางอย่างหฤหรรษ์ก่อนน้ำรักอุ่นร้อนจะพวยพุ่งอย่างรุนแรง กระฉูดชุ่มบ็อกเซอร์สีขาวสะอาดจนเปียกแฉะ
หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด