/0/14685/coverbig.jpg?v=abdf66e185cb3eb31eeb3c2a784e90f0)
นลินถูกบังคับให้ขายตัวโดยที่พ่อกับแม่ของนลินวางยาสลบนลินแล้วส่งเธอขึ้นเตียงโดยที่เธอไม่ยินยอมเพื่อแลกกับเงินมูลค่าห้าล้านบาท เพราะพี่สาวป่วยหนักเป็นโรคหัวใจขั้นร้ายแรงและเป็นธาลัสซีเมียเลยต้องใช้เงินรักษาด่วน
นลินถูกบังคับให้ขายตัวโดยที่พ่อกับแม่ของนลินวางยาสลบนลินแล้วส่งเธอขึ้นเตียงโดยที่เธอไม่ยินยอมเพื่อแลกกับเงินมูลค่าห้าล้านบาท เพราะพี่สาวป่วยหนักเป็นโรคหัวใจขั้นร้ายแรงและเป็นธาลัสซีเมียเลยต้องใช้เงินรักษาด่วน
ความรู้สึกที่ราวกับถูกฉีกกระชากทำให้หญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างของชายหนุ่มร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อเธอถูกชายหนุ่มพรากความบริสุทธิ์ของตนเองไปด้วยความดิบเถื่อน
“ เจ็บมั้ย”
ในความมืดกึ่งสว่างชายหนุ่มร่างกายกำยำถามเธอออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แต่เธอกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นในคำถาม
“ เจ็บ ฉันเจ็บมาก”
ร่างกายไม่เคยผ่านมือชายใดถูกเขาย่ำยีเสียจนแหลกสลาย ถูกเขาเด็ดดอมด้วยความหยาบคาย ไม่มีความทะนุถนอมใดๆทั้งสิ้น
“ ในเมื่อรู้ว่าเจ็บแต่ทำไมถึงยังมาขายให้ฉัน ยัยโง่ ฉันรังเกียจผู้หญิงอย่างเธอที่สุด”
เมื่อถูกฤทธิ์ยาควบคุมก้องภพกลับไม่ได้สนใจใยดีเธอเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเธอเลือกที่จะเป็นบ่อนรองรับให้เขาเองก็แล้วทำไมเขาจะต้องสงสารเธอด้วยละ?
“ ฉันมีทางเลือกได้หรือไง”
หยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาที่ใสบริสุทธิ์ ใบหน้าที่งดงามบริสุทธิ์เหมือนดอกกุหลาบที่ถูกเขาย่ำยีศักดิ์ศรีทำให้ชายหนุ่มรู้สึกบ้าคลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความยั่วยวนที่เป็นธรรมชาติทำให้เขารู้สึกถูกใจเล็กน้อย
“ ทุกคนมีทางเลือกของตัวเองเสมอ แต่เธอกลับยอมรับชะตากรรมไม่แม้แต่จะลุกขึ้นสู้ คนอย่างเธอไม่คู่ควรที่จะได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น”
“ นั่นสิ มีใครบ้างที่อยากจะช่วยคนที่ขึ้นชื่อว่าตัวซวยอย่างฉัน”
“ พูดมาก เธอคิดว่าคำพูดพวกนี้จะทำให้ฉันรู้สึกสงสารหรือไง เพราะฉันรู้สึกสมเพชเธอมากกว่า”
กลิ่นหอมฟุ้งที่ออกมาจากร่างกายของเธอมากขึ้นอีกสี่ส่วนจนทำให้ชายหนุ่มแปลกใจและเหมือนถูกกระตุ้น แต่กลิ่นหอมนี้กลับทำให้เขารู้สึกอยากดอมดมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ชายหนุ่มมองสายฝนที่ด้านนอกในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่ากลิ่นตัวของเธอเหมือนกลิ่นของสายฝน ที่ให้ความสดชื่นของไอเย็นและความสงบสะอาดจากการชำระล้างทำให้ร่างกายของเธอบริสุทธิ์มากขึ้น
นลินหญิงสาวอาภัพที่อยู่ใต้ร่างของชายหนุ่มร้องไห้ทั้งน้ำตาเมื่อนึกถึงเรื่องราวของตัวเองที่ทำให้เธอมาถึงจุดนี้ได้
บ้านมณีเปรม
น้ำเสียงผู้หญิงล่วงเลยวัยกลางคนพูดขึ้น“ บ้านก็จะถูกยึด ค่ารักษาพยาบาลก็ไม่มี ฉันแทบจะอกแตกตายอยู่แล้ว”
บรรยากาศในบ้านบนโต๊ะอาหารขนาดกลางเต็มไปด้วยความอึดอัด เมื่อพูดถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาลูกสาวคนโตที่มากถึงห้าล้านบาท
ทุกคนที่อยู่รอบโต๊ะอาหารทรงกลมไม่เล็กไม่ใหญ่ต่างมองดูหญิงสาววัยเยาว์แฝดน้องคนเล็กที่ชื่อนลิน ด้วยสายตาเบื่อหน่ายและรำคาญใจ
นลินเธอมีใบหน้าสวยและน่ารัก แต่ทว่าดวงตาคมดุหางตาเฉี่ยวขึ้นทำให้ดวงตาของเธอดูเจ้าเล่ห์งดงามอย่างไม่มีที่ติ
นลินเข้าใจได้ในทันทีว่าทุกคนในบ้านต้องการอะไรจากเธอ เพราะทุกครั้งก็เป็นแบบนี้มาตลอด
หลังจากที่บริษัทของคุณพ่อล้มละลายเพราะติดการพนันจนทำให้คุณพ่อเส้นเลือดในสมองแตก ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็ไม่สามารถทำงานได้อีก
การล้มละลายครั้งนี้ทำให้ตระกูลมณีเปรมกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวงเมอล่าประเทศซีโมน
ส่วนริสาคุณแม่ของเธอหลังจากแต่งงานก็ไม่ได้ทำงานและดูแลภายในบ้านแทน แล้วตอนนี้แม่ของเธอก็ติดการพนันไม่ต่างจากประสิทธิ์คุณพ่อของเธอ
นลินมองมือตัวเองที่ทั้งหยาบกร้านและมีแผลที่เกิดจากการทำงาน ในใจก็อยากจะร้องไห้ เมื่อนึกถึงความเหนื่อยล้าแทบขาดใจกว่าจะผ่านมาได้ในแต่ละวัน
“ หนูจะพยายามรับงานให้มากขึ้นค่ะ พี่สาวไม่ต้องกลัวนะคะ หนูจะไม่ยอมปล่อยให้พี่สาวเป็นอะไรอย่างแน่นอน หนูสัญญาค่ะ”
“ พี่เชื่อ นลินจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
ใบหน้าที่ซีดเซียวของนรายิ้มให้กับคำพูดของน้องสาว เพื่อให้กำลังใจเช่นเคย
ริสาถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดเมื่อได้ยินคำพูดของนลิน ลูกสาวคนเล็กที่ไม่ได้เรื่องของเธอ
“ แกจะสัญญาอะไรนักหนา ใช่ว่าแกจะทำได้ทุกครั้ง ปากก็อ้างจะทำงานให้มากขึ้นแล้วแกจะหาเงินได้มากขึ้นได้ซักเท่าไหร่กัน กว่าแกจะหาเงินได้ครบห้าล้านพวกเราต้องรอแกอีกกี่สิบปี จนถึงตอนนั้นแกก็คงไม่มีวันได้เห็นหน้าพี่สาวของแกแล้ว นังลูกโง่!เกิดมาเสียข้าวสุกจริงๆ”
นลินหน้าหงายเมื่อถูกแม่ของเธอชี้นิ้วแล้วผลักหน้าผากแรงๆจนเธอเกือบจะตกเก้าอี้
ยังดีที่เธอมีปฏิกิริยาว่องไว ถึงได้จับโต๊ะอาหารไว้ได้ทัน ปากเล็กเป่าลมออกมาเบาๆด้วยความใจหาย ‘ โล่งอกไปที’
นลินเผยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนออกมาด้วยความยากลำบาก ในใจก็รู้สึกน้อยใจมากที่แม่ของเธอรักพี่สาวมากกว่า..
“ แต่หนูก็พยายามแล้วนะคะ ทุกวันนี้หนูก็ทำงานจนตัวเป็นเกรียวจนไม่มีเวลาว่างเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ แถมยังต้องมาทำโปรเจกต์เรียนจบให้พี่สาวอีกด้วย”
“เหอะ! แกยังกล้าที่จะพูดถึงเวลาส่วนตัวอีกอย่างงั้นเหรอ ทำไมแกถึงไม่ไปตายแทนพี่แกเลยล่ะ ถ้าแกจะมีความคิดเห็นแก่ตัวแบบนี้ แกไม่น่าเกิดมาเป็นลูกฉันเลยจริงๆ”
ริสากรอกตาแล้วพูดออกมาอย่างไม่แยแสกับลูกสาวตัวดีของเธอ เธอน่าจะฆ่าลูกไม่รักดีคนนี้ให้ตายตั้งแต่ตอนคลอด เด็กคนนี้จะได้ไม่อกตัญญูแบบนี้ นิสัยเลวเหมือนคนนั้นไม่มีผิด
“คุณแม่จะให้หนูทำยังไงกันล่ะคะ หนูก็มีแค่สองมือเท่านั้น อาการป่วยของพี่สาวก็ไม่ใช่ว่าหนูไม่เคยใยดี ถ้าพี่สาวไม่ดื่มแอลกอฮอล์หลังจากที่ถ่ายไขกระดูกสามวันแรก ป่านนี้โรคธาลัสซีเมียของพี่สาวก็คงจะหายขาดไปนานแล้ว หนูทำเต็มที่แล้วค่ะ แต่ก็น่าเสียดายจริงๆ”
นราที่ได้ยินคำพูดของน้องสาวในใจก็รู้สึกกรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก ที่น้องสาวฟ้องแม่ของเธอแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้นในดวงตาและสีหน้าของเธอกลับแสดงความเศร้าออกมาให้ทุกคนเห็น เพราะเธอก็ทำผิดจริงๆ
“ นลินพี่ขอโทษนะ ถ้าหากวันนั้นพี่ไม่รู้สึกแย่เพราะอาการป่วย พี่ก็คงไม่เผลอดื่มแอลกอฮอล์กับเพื่อนจนทำให้ไขกระดูกที่เธอให้กับพี่ต้องเสียเปล่าแบบนี้”
นราบีบมือน้องสาวด้วยความรู้สึกผิดเต็มอกกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ พี่อย่าคิดมากเลยค่ะ ถึงยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว”
นลินที่เห็นพี่สาวคิดมาก เธอก็กลัวว่าโรคหัวใจของพี่สาวจะกำเริบขึ้นมาอีก
“คุณแม่คะ คุณพ่อคะ แค่นี้นลินก็เหนื่อยมากพอแล้วอย่าทำให้น้องสาวลำบากใจอีกเลยค่ะ”
ริสายื่นไปจับมือนราด้วยความสงสาร
“ ให้นลินลำบากแค่นี้จะเป็นอะไรไป ในเมื่อแม่คลอดนลินออกมาด้วยความยากลำบากจนเกือบหมดลมหายใจไปแล้วครั้งหนึ่ง”
“ แต่แม่คะ…”
“ ลูกไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น เชื่อแม่ อีกอย่างนลินก็แข็งแรงดี ไม่ได้เจ็บป่วยมาตั้งแต่เด็กเหมือนลูก เห็นได้ชัดว่านลินเอาเปรียบลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง ไม่อย่างนั้นนลินจะแข็งแรงอยู่คนเดียวได้ยังไง”
นลินบีบมือตัวเองแน่นเมื่อคุณแม่ของเธอหยิบยกประโยคนี้ขึ้นมาพูดอีกแล้ว
นลินจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเธอใช้คำพูดพวกนี้มาทำให้เธอรู้สึกผิดกี่ครั้งแล้ว แล้วยังนำเรื่องนี้มากดดันและมาบีบบังคับเธอทุกครั้งอีกด้วย
นลินได้แต่ก้มหน้าก้มตา เพื่อกักเก็บอารมณ์และความรู้สึกที่แสดงออกมาบนใบหน้าของตัวเอง ไม่ให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวเองอีก
เธอรู้ว่าความอ่อนแอและความเสียใจของเธอมันใช้ไม่ได้ผลกับทุกคนในบ้าน ไม่เหมือนกับพี่สาวของเธอ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีไปหมดในสายตาของคุณพ่อกับคุณแม่
ความเก็บกด และความอัดอั้นตันใจจากการถูกกดขี่จากครอบครัว เธอก็ได้แต่กล้ำกลืนความรู้สึกพวกนี้เอาไว้ในใจด้วยความขมขื่น สุดท้ายนลินก็ไม่อาจทำอะไรได้
“ถ้าสมองน้อยนิดของแกไม่สามารถที่จะหาทางออกอะไรได้ ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้แกก็เตรียมตัวทำตามวิธีของฉันก็แล้วกัน”
มังกรผู้ที่ย้อนกลับอดีตหลังจากที่โดนแฟนเก่าฆาตกรรม เขากลับมาพร้อมกลับระบบ
เมื่อข้าคือพระชายาของอ๋องผู้โหดเหี้ยม และเป็นหมากอันยอดเยี่ยมในมือของไทเฮา ข้าก็แค่อยากใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นอยากให้ข้าใช้ชีวิตแบบที่คนอื่นให้เป็น
กว่าจะรู้ตัวว่ารักก็ถึงตอนต้องจากกันแล้ว หลับตาลงในความมืดมิดยังคงเห็นภาพฝันที่เป็นเขา ด้วยสถานะและสถานการณ์ต่างๆมันเหมือนเป็นเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบสำหรับพวกเรา ทั้งรักทั้งทุกข์ระทม ท่านคือเหตุผลที่ทำให้ข้าต้องจมอยู่ในห้วงรักที่ไม่มีสิ้นสุด
เมื่อลลิตานั้นได้ย้อนเวลากลับไปในยุค 80 พร้อมกับหม้อสมบัติ และที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงก็คือเธออยู่ในร่างของนางร้าย
จะทำยังไงเมื่อนักวิจัยสาวผู้เก่งกาจย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กสาวบ้านนายุค70
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"เธอคือผู้ฝึกสัตว์ร้ายที่มีดวงตาสีม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ในศตวรรษที่ 24 เมื่อเธอเกิดใหม่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ดวงตาของเธอถูกขุดออก การฝึกฝนของเธอถูกทำลาย ตัวตนของเธอถูกพรากไป และลูกชายของเธอถูกไอ้สารเลวและผู้หญิงใจร้ายแย่งชิงไป! จะทนกับสิ่งนี้ได้อย่างไร! จากนั้นเธอใช้ชีวิตกับลูกสาว ปราบสัตว์ร้ายทั้งหมดด้วยดวงตาสีม่วงของเธอ จัดการทุกคนที่หาเรื่องพวกเขา และในที่สุดก็พบกับราชาเทพชั่วร้ายที่พาลูกชายของเธอไปจนได้ ลูกตัวน้อย ""แม่ มีผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าตราบใดที่หนูเรียกเขาว่าพ่อ เขาจะมอบภูเขาทองคำให้หนู"" ผู้หญิง ""ถามเขาหน่อยว่าเขามีอีกไหม ฉันสามารถเรียกเขาว่าพ่อได้ด้วยนะ"" ราชาเทพกัดฟัน ""สาวน้อย ลูกทั้งสองเป็นของฉัน และตัวเธอก็เป็นของฉันด้วย"""
เอ๋ สาวโรงงานที่มีคำถามอยู่ในหัวตลอดเวลาว่า คนเราตายแล้วไปไหน แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเธอได้เลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรักอย่างชลดา ที่มาด่วนจากไปเมื่อ 5ปีที่แล้ว หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ของเธอเองที่เพิ่งจะเสียไปเมื่อ 3เดือนก่อน แล้วตอนนี้ สำหรับเอ๋ ไม่เหลือญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว นอกจากเพื่อนสนิท ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว เช่น พร อยู่มาวันหนึ่งเอ๋ได้ฝันถึงชลดา เพื่อนรักอีกคนที่จากไปแล้ว ในฝัน ชลดา บอกกับเธอว่า หลังจากที่ตายไปแล้วชลดาก็ไปมีสามีและมีลูก เธอยังพูดกับชลดาว่า มันจะเป็นไปได้ยังไง ตายแล้วไหนจะไปมีสามีมีลูกได้เล่า และในฝัน ชลดาบอกว่านี่เป็นคำตอบสำหรับตัวเธอว่าตายแล้วไปไหน ส่วนคนอื่นเธอไม่รู้จริงๆ ว่าตายแล้วไปไหน แต่ตัวชลดาเองบอกกับ เอ๋ ว่าตายแล้วไปมีสามีและมีลูก เช้าวันต่อมา เอ๋ก็ไปทำงานตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ เอนก แฟนหนุ่มของเธอ จะเกิดอะไรขึ้นกับเอ๋ และเอ๋จะได้คำตอบเป็นของตัวเองหรือไม่ เราไปร่วมลุ้นหาคำตอบไปด้วยกันค่ะ
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด