จะทำยังไงเมื่อเชฟสาวที่อยู่ๆก็โดนลูกหลงตายแบบไม่รู้เรื่อง จากเหตุปล้นธนาคาร
จะทำยังไงเมื่อเชฟสาวที่อยู่ๆก็โดนลูกหลงตายแบบไม่รู้เรื่อง จากเหตุปล้นธนาคาร
เมฆเป็นสีฟ้าสวย เป็นทางยาวขวางอยู่บนท้องฟ้า แสงอาทิตย์ทอแสง ส่องเข้ามาที่หน้าต่างของบ้านหลังน้อยๆแห่งนี้
ซูเยว่ซินงัวเงียตื่นขึ้นมาจากฝันเมื่อโดนแสงอาทิตย์ส่องหน้าผ่านทางหน้าต่าง เธอกลิ้งไปมาบนที่นอนเล็กน้อยด้วยความขี้เกียจ ตัวเธอเหมือนกับโดนที่นอนดูดเอาไว้จนเธอไม่อยากที่จะลุกขึ้นจากที่นอนเลยซักนิด เยว่ซินได้แต่ตัดใจลุกขึ้นมานั่งแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อยปากน้อยๆก็อ้าปากหาวอีกครั้งหนึ่ง
เยว่ซินได้้แต่คิดในใจว่าอยากจะล้มตัวนอนอีกสักครั้งจริงๆ แต่ก็ทำไม่ได้วันนี้เธอจะไปเซอร์ไพรส์วันเกิดของแฟนเธอตั้งแต่เช้าเลยนะสิ เธอเตรียมเค้กเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
เธอรีบไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวพร้อมกับสวมเครื่องประดับเล็กน้อย แล้วก็ไปเตรียมเค้กที่เธอทำเองเอาไว้อย่างประณีต เยว่ซินยิ้มอย่างอ่อนหวานเมื่อคิดถึงหน้าคนรักของตัวเอง
เธอเอาเค้กไปวางไว้ที่หลังเบาะรถแล้วขับรถออกมาจากบ้าน ในตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว เยว่ซินขับรถมาเรื่อยๆอย่างระวังและมองเค้กอยู่เรื่อยๆเป็นระยะๆ เธอจะต้องทะนุถนอมหน่อยเดี๋ยวหน้าเค้กก็พังพอดีน่ะสิถ้าขับรถแรงเกินไป
พอมาถึงคอนโดแล้วเยว่ซินก็ลงจากรถ เธอเปิดท้ายรถแล้วประคองเค้กก้อนนั้นขึ้นมาอย่างดี แล้วเดินเข้าคอนโดไปเยว่ซินเธอมาบ่อยแล้วพนักงานต้อนรับถึงได้ให้เธอผ่านไปได้เลยตลอด
" น้องเยว่ซินคะ " พนักงานต้อนรับเรียกเธอไว้
" มีอะไรเหรอคะพี่กล้วย " เยว่ซินถามกลับไปด้วยรอยยิ้มสดใส เธอมองพี่กล้วยที่อ้ำๆอึ้งๆอยู่ไม่พูดซักทีด้วยความสงสัย ทั้งๆที่สนิทกันมาก แท้ๆ แล้วพี่เขาจะมีเรื่องอะไรที่ไม่กล้าคุยกับเธอกันนะ
" ไม่มีอะไรคะ ไปเถอะ " พี่กล้วยมองเธอด้วยแววตาเศร้า
" ค่ะ ถ้าอย่างงั้นหนูไปแล้วนะคะ " เยว่ซินว่าแล้วก็หันหลังขึ้นคอนโดไป
พอถึงหน้าห้องแล้วเยว่ซินก็นั่งลงที่หน้าประตูก่อนแล้วเธอก็จุดเทียนวันเกิด ตอนนี้พี่มังกรอายุสามสิบสี่ปีแล้ว พวกเราคบกันมาได้เจ็ดปีแล้วล่ะ แล้ววันนี้ก็เป็นปีที่เจ็ดที่พวกเราคบกันและเป็นวันครบรอบที่พี่มังกรขอเธอเป็นแฟนอีกด้วย
เยว่ซินเอาคีย์การ์ดมาเปิดประตูห้องเบาๆ เพราะกลัวพี่มังกรจะได้ยิน เยว่ซินเข้าห้องไปและปิดประตูเบาๆ แล้วถือเค้กเดินย่องไปที่ห้องนอน
แต่เธอก็ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงได้มีเสื้อผ้ากระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมดแบบนี้ แต่ที่ทำให้เยว่ซินตกใจก็คือมีเสื้อในของผู้หญิงด้วย
จากเดินช้าๆเธอก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเข้าไปดูที่ห้องนอนอย่างร้อนใจ
เยว่ซินเปิดประตูห้องอย่างแรง แล้วเยว่ซินก็เอามือมาปิดปากแล้วร้องไห้ออกมาทันที
" ฮือๆๆๆๆ " แฟนของเธอกำลังนอนกอดกันกับผู้หญิงคนอื่น ทั้งเศษถุงยางและทิชชู่เต็มไปหมด
เยว่ซินเอาเค้กโยนไปใส่ที่หัวของพี่มังกรทันที
" โอ๊ย " มังกรสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บ และมองไปรอบห้องอย่างมึนงง และมองไปที่เสียงร้องไห้ก็เห็นเยว่ซินที่ยืนร้องไห้อยู่
" เยว่ซินเป็นอะไรครับคนดี บอกพี่สิว่าเกิดอะไรขึ้น " มังกรถามออกมาโดยที่เขาไม่รู้เรื่องอะไร
" ฮือๆๆๆ ฮึก " เยว่ซินร้องไห้หนักกว่าเดิม
" ไม่ร้องนะครับ เฮ้ย!! " มังกรกำลังจะลุกขึ้นเพื่อไปปลอบใจคนรักก็ต้องตกใจเมื่อเขากำลังโป๊อยู่ และสังเกตรอบตัวอย่างจริงจังก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที
" ไม่จริง เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง " เขามองไปที่เตียงนอนด้านข้างอย่างตกใจ ไม่ๆๆเขาไม่เชื่อว่าเขาจะทรยศเยว่ซินแบบนั้น
" ทำไม ฮึก พี่ " เยว่ซินพูดได้แค่นี้ เธอนั้นไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้
" เยว่ซินฟังพี่นะ พี่ไม่ได้ตั้งใจนะครับ " มังกรมองไปที่เยว่ซินที่ส่ายหัวไปมาเธอรับไม่ได้ เขาทรยศความรักของพวกเรา เธอไม่สามารถที่จะรับได้
" ฮึกๆ ฉันรับไม่ได้ค่ะ ฮือๆ " เยว่ซินร้องไห้อย่างสิ้นหวัง เธอรับไม่ได้จริงๆ
" ไม่นะ เยว่ซินอย่าทิ้งพี่ไปนะ พี่ขอร้อง " มังกรน้ำตาไหลออกมาทันที เขาขาดเยว่ซินไปไม่ได้ ชีวิตนี้ไม่มีเยว่ซินไม่ได้
" ฮึกๆ ในเมื่อ ฮึก พี่หักหลัง ฮึก ฉันแล้ว ฮือๆๆ "
" ไม่!! เยว่ซินพี่ไม่ได้หักหลังหนูนะ หนูฟังพี่ก่อน " มังกรรีบหาผ้าเช็ดตัวมาพันที่เอวไว้ ด้วยความรีบร้อน
" เลิกกันเถอะค่ะ ฮึกๆ ฮือๆ " เยว่ซินพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด หัวใจของเธอมันแตกสลายไปหมดแล้วในตอนนี้
" ไม่ๆๆ พี่ไม่เลิกครับ เยว่ซินพี่ไม่เลิกนะ " มังกรวิ่งมากอดเยว่ซินไว้แน่น
" ปล่อย ฮึก " เยว่ซินพยายามแกะมือเขาออก
" ไม่ อย่าไปนะเยว่ซิน ฮือๆๆ " มังกรคุกเข่าลงกอดเอวเยว่ซินไว้ เขาปล่อยเธอไปไม่ได้ เขาอยู่ไม่ได้ “ได้โปรดอย่าทิ้งพี่”
เยว่ซินไม่รู้ว่ามีเรี่ยวแรงมาจากไหนเธอแกะมือเขาออกจนได้ แล้วถีบที่กลางอกของพี่เขา แล้ววิ่งออกไปจากห้องในทันที
มังกรรีบวิ่งตามออกไปด้วยแต่พอมาถึงลิฟต์มันก็ปิดไปแล้ว เขาพยายามกดลิฟต์ย้ำๆด้วยความร้อนใจ
เยว่ซินที่ออกจากลิฟต์มาแล้วเธอก็เห็นพี่กล้วยยืนอยู่หน้าลิฟต์ พี่กล้วยก็สวมกอดเยว่ซินไว้ทันที เธอคิดไว้อยู่แล้วเพราะเธอเห็นมังกรขึ้นลิฟต์ไปกับผู้หญิงคนนั้น แล้วก็ไม่ลงมาอีกเลยทั้งคืน ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันสองต่อสองก็ไม่พ้นเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
พี่กล้วยเอากุญแจรถจากเยว่ซินแล้วพาเยว่ซินเดินไปที่รถ เธอให้เยว่ซินนั่งข้างคนขับส่วนเธอก็เป็นคนขับรถให้เยว่ซินเอง
พวกเธอรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แล้วเยว่ซินก็ยังเป็นรุ่นน้องของเธอด้วย เยว่ซินเป็นคนน่ารัก ไม่ว่าใครที่ได้อยู่ใกล้กับเธอใครๆก็ต้องหลงรัก แม้แต่เธอเองก็เอ็นดูเยว่ซินมาก
กล้วยกำลังจะพาเยว่ซินไปส่งที่บ้าน แต่เยว่ซินกลับไม่ยอมซะงั้น
" พี่กล้วยคะ ฮึก ไปส่งหนูที่บ้านอีกหลังหนึ่งคะ ฮึกๆ " ถ้าไปบ้านหลังนั้น พี่มังกรก็คงจะตามหาเธอไม่เจอแน่ๆ
มังกรผู้ที่ย้อนกลับอดีตหลังจากที่โดนแฟนเก่าฆาตกรรม เขากลับมาพร้อมกลับระบบ
นลินถูกบังคับให้ขายตัวโดยที่พ่อกับแม่ของนลินวางยาสลบนลินแล้วส่งเธอขึ้นเตียงโดยที่เธอไม่ยินยอมเพื่อแลกกับเงินมูลค่าห้าล้านบาท เพราะพี่สาวป่วยหนักเป็นโรคหัวใจขั้นร้ายแรงและเป็นธาลัสซีเมียเลยต้องใช้เงินรักษาด่วน
เมื่อข้าคือพระชายาของอ๋องผู้โหดเหี้ยม และเป็นหมากอันยอดเยี่ยมในมือของไทเฮา ข้าก็แค่อยากใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นอยากให้ข้าใช้ชีวิตแบบที่คนอื่นให้เป็น
กว่าจะรู้ตัวว่ารักก็ถึงตอนต้องจากกันแล้ว หลับตาลงในความมืดมิดยังคงเห็นภาพฝันที่เป็นเขา ด้วยสถานะและสถานการณ์ต่างๆมันเหมือนเป็นเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบสำหรับพวกเรา ทั้งรักทั้งทุกข์ระทม ท่านคือเหตุผลที่ทำให้ข้าต้องจมอยู่ในห้วงรักที่ไม่มีสิ้นสุด
เมื่อลลิตานั้นได้ย้อนเวลากลับไปในยุค 80 พร้อมกับหม้อสมบัติ และที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงก็คือเธออยู่ในร่างของนางร้าย
จะทำยังไงเมื่อนักวิจัยสาวผู้เก่งกาจย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กสาวบ้านนายุค70
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด