ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / นางฟ้าเมรี
นางฟ้าเมรี

นางฟ้าเมรี

5.0
56 บท
9.5K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

นารีขี้เมาสาวข้างบ้านที่อาจารย์หนุ่มปฏิเสธแม่หัวชนฝาว่าไม่สานสัมพันธ์ แต่เธอกลับเป็นคนเดียวกันกับที่เขามี one night stand และต้องการที่จะสานต่อ การกลืนน้ำลายตัวเองจึงเป็นสิ่งที่เขาเลือกทำ ด้วยรั้วบ้านที่ติดกัน การสานสัมพันธ์เพื่อความยั่งยืนและเลื่อนสถานะจาก Friend with benefits เป็นคนของหัวใจจึงต้องเริ่มด้วยกันปีนรั้วหา “นี่พี่เล่นอะไร” ศศินาเอ่ยถามขึ้นขณะที่กำลังช่วยทำแผลให้คนที่เจ็บเพราะปีนข้ามรั้วมาชนกับกระถางต้นไม้บ้านเธอจนตกลงมาแตก แล้วตัวเขาเองก็ล้มเค้เก้จนได้เลือดที่ข้อศอกกับหัวเข่ามาด้วยเหมือนกัน “ก็พี่อยากมาหา” “จะมาทำไมไม่มาทางหน้าบ้านดีๆ ปีนกำแพงมาทำไม ทำเอาตกใจหมด ถ้ามีปืนนี่ยังไส้ไหลไปแล้วนะ” “จะออกมาทางหน้าบ้านแล้วแต่แม่พี่เห็น ก็เลยต้องเปลี่ยนมาหลังบ้านแทน” “แล้วมาทำไมดึกๆ ดื่นๆ มีอะไรทำไมไม่รอคุยกันพรุ่งนี้” “พี่ไม่ได้มาคุย พี่จะมาขอนอนด้วย” “เพี๊ยะ!” เสียงฝ่ามือบางฟาดลงที่ต้นแขนเขาเต็มแรงจนวาโยต้องซู้ดปากครางซี้ด แผลที่ข้อศอกว่าเจ็บแล้ว โดนเธอฟาดเข้าไปอีกยิ่งเจ็บไปกันใหญ่ “เห็นนี่น่าเป็นคนยังไง เห็นว่ายอมครั้งสองครั้งแล้วคิดจะมาขอนอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้เหรอ กลับไปเลยนะ คนเฮงซวยเอ๊ย ไม่ต้องทงต้องทำมันแล้วแผลน่ะ ไปเลย” “เพี๊ยะ! ปึก! ปึก! ปึก!” “โอ๊ย นี่น่าพี่เจ็บ นี่น่าพอก่อน โอ๊ย! โอ๊ย!” เธอเอ่ยปากไล่ด้วยความโมโห ทั้งตีทั้งผลักจนวาโยล้มลงไปนอนกับโซฟา ข้อศอกก็เจ็บ เข่าก็เจ็บ แถมน้ำหนักของกำปั้นที่เธอทุบลงมาใส่เขานั่นก็ทั้งแรงทั้งหนัก สองมือของชายหนุ่มพยายามปัดป้องและรวบจับมือเธอเอาไว้จนสำเร็จ ศศินาหอบหายใจเหนื่อย ดวงตาวาวโรธโกรธจัดจนมือไม้สั่น เขาคิดกับเธออย่างนี้ได้ยังไงกัน คิดว่าเธอใจง่ายขนาดนั้นเลยใช่มั้ยที่คิดจะมาขอนอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ “คนเลว” แม้มือจะทุบตีเขาไม่ได้แล้วเพราะถูกรวบจับไว้ แต่ริมฝีปากอิ่มนั้นก็ยังคงบริภาษเขาได้เพราะความแค้นเคือง “ฟังพี่ก่อนสินีน่า พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ” บอกกับเธอพร้อมกับพยายามดันตัวลุกขึ้นนั่ง โดยที่มือยังคงจับที่ข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้เธอทุบตีเขาได้อีก “ไม่อย่างนั้นแล้วอย่างไหน อย่ามาแก้ตัวนะ ไอ้คนบ้ากาม” “พลั่ก!” แม้ว่ามือจะถูกเขาจับไว้แน่น แต่ขาเรียวยาวที่อยู่ภายใต้กางเกงผ้าฝ้ายห้าส่วนก็ถีบพลั่กเข้าให้ที่หัวเข่าที่กำลังเจ็บของเขาจนวาโยร้องโอดโอย ยอมปล่อยมือจากเธอแล้วเปลี่ยนมากุมหัวเข่าแทน “พี่เจ็บนะนีน่า” บอกเธอเสียงอ่อยกัดปากแน่น หัวเข่าที่แตกมันไม่ใช่แค่เจ็บแสบจากแผลแต่มันเจ็บเหมือนเคล็ด แล้วยิ่งมาโดนเธอถีบเข้าให้อีกเขาถึงกับก้มหน้ากัดฟันเอาหน้าผากชนกับเข่าด้วยความเจ็บปวด “อย่ามาแกล้งนะ ลุกขึ้นแล้วออกจากบ้านนี้ไปเลย” “ฟังพี่ก่อนสิ พี่ไม่ได้แกล้งพี่เจ็บจริงๆ” “เจ็บแล้วจะให้ทำยังไง ทำตัวเองทั้งนั้น ใครใช้ให้ปีนรั้วมา โรคจิต” “ก็พี่คิดถึง” “อย่ามาแกล้งพูดหน่อยเลย อยากก็ว่ามา ไม่ต้องมาลูกไม้” “ไม่ได้ลูกไม้ พี่คิดถึงจริงๆ นะ คืนนี้พี่ขอนอนด้วยคน สัญญาว่าจะแค่นอนเฉยๆ นะนีน่า ให้พี่นอนด้วยนะ”

บทที่ 1 ย้ายบ้านใหม่

เสียงคนหลายคนที่กำลังช่วยกันขนของลงจากรถตู้กระบะ คุยกันข้ามกำแพงเตี้ยที่ปลูกกั้นด้วยรั้วต้นโมกข์อีกชั้น เรียกความสนใจของอาจารย์หนุ่มที่กำลังเตรียมการสอนอยู่บนห้องนอนให้อดที่จะมาเปิดม่านชะเง้อคอมองไม่ได้ แต่ถึงแม้จะพยายามชะเง้อมองยังไงก็ยังไม่เห็นว่ามีใครกันบ้างที่กำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนั้น เนื่องจากต้นมะม่วงของมารดาขึ้นบังสายตาทำให้มองเห็นได้ไม่ถนัดนัก ชายหนุ่มจึงเลิกคร่ำเคร่งกับงานแล้วเดินลงมาหาพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งกินของว่างกันอยู่ในห้องนั่งเล่นแทน

คุณวารีและคุณธาดา บิดาและมารดาของวาโยเป็นอาจารย์เกษียนด้วยกันทั้งคู่ หลังจากเกษียณอายุราชการทั้งวาโยและวารินทร์ลูกชายและลูกสาวก็เติบใหญ่ในหน้าที่การงานกันพอสมควรแล้ว ทั้งสองจึงใช้ชีวิตในบั้นปลายที่ค่อนข้างสุขสบาย ไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีกเหมือนเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ ที่เงินเดือนราชการครูมีแค่ไม่กี่พัน จนต้องช่วยกันทำอาชีพเสริมหลายอย่างเพื่อเลี้ยงลูกสองคน

“อ้าว! ตาโย แม่นึกว่าหลับอยู่เลยไม่ได้เรียกให้ลงมากินขนมด้วยกัน นั่งลงๆ ลูก ป้าฝนแกพึ่งทำเสร็จใหม่ๆ เลย”

คุณวารีเอ่ยบอกมาชี้ชวนให้ลูกชายดูที่ขนมหม้อแกง ขนมใส่ไส้ ขนมต้มและสาคูไส้หมูที่วางอยู่บนโต๊ะ ป้าฝนคือแม่ค้าขายขนมโบราณ ที่จะขับมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างเลาะขายตามตรอกซอกซอยในละแวกหมู่บ้านแถวนี้ในช่วงบ่าย ก่อนจะไปจอดปักหลักขายประจำที่ตลาดหน้าศาลเจ้าใกล้ๆ กับหมู่บ้านในช่วงเย็น

“เปล่าหรอกครับผมไม่ได้หลับ พอดีมีงานค้างอยู่เลยนั่งทำสักหน่อยแต่พอดีได้ยินเสียงเขาขนของกันข้างบ้านก็เลยลงมาดู บ้านพี่พรมีคนเช่าแล้วเหรอครับ”

บ้านเช่าด้านข้างที่วาโยเอ่ยถึงเป็นบ้านของพรรดาที่ย้ายไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ บ้านหลังนี้จึงปล่อยให้เช่าแต่ก็เห็นว่างมานานหลายเดือนแล้ว ก่อนจะมีคนย้ายเข้ามาอยู่ในวันนี้

“ใช่จ้ะ เห็นมาช่วยกันสี่ห้าคน แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเช่า แม่ยังไม่ได้เข้าไปทักทายเลย กะว่าให้เขาย้ายเข้ามาอยู่ให้เรียบร้อยก่อน ไม่อยากไปกวนตอนที่เขากำลังยุ่งกัน”

“แม่จะไปยุ่งกับเขาทำไม เขาอาจจะไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวายก็ได้”

คุณธาดาติงผู้เป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอย่างไม่เห็นด้วยที่นางดูจะเป็นคนอัธยาศัยดีเกินไปคิดจะผูกมิตรไปทั่ว

“ก็บ้านใกล้เรือนเคียง รู้จักกันไว้จะเป็นไรไปพ่อก็”

“ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ แม่พอจะรู้มั้ย”

“ที่มาขนของแม่เห็นมีทั้งหญิงทั้งชาย แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเช่า หรือว่าอยู่กันทั้งหมดก็ไม่รู้ ถามทำไม อยากให้เป็นผู้หญิงหรือไง”

คุณวารีเอ่ยแซวบุตรชาย เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่พวกเจ้าชู้ไปเรื่อย ออกจะไม่ค่อยสนใจเรื่องคู่ครองทั้งที่อายุปาเข้าไปใกล้จะเลขสี่เต็มที ร้อนนางกับลูกสาวที่พยายามหาผู้หญิงมาใหเขาได้เห็นหน้าค่าตา เผื่อว่าจะได้ลูกสะใภ้เหมือนบ้านอื่นเขาบ้าง ถึงอย่างนั้นความพยายามของคุณวารีและวารินทร์ผู้เป็นลูกสาวคนโตก็ยังไม่ได้ผล

“ไม่อยากให้เป็นผู้หญิงต่างหากล่ะครับ กลัวแม่จับผมกับเขามาชนกัน”

“พูดเป็นวัวเป็นควายไปนั่น ใช่ว่าแม่จะจับชนดะซะเมื่อไหร่ ตาลูกคนนี้นี่”

“ไม่ชนดะหรอก ก็แค่เพื่อนคนไหนมีลูกสาวก็ชวนเขามากินข้าว ที่บ้านหมด”

“เอ๊ะ! พ่อนี่ก็ยังไง ทำไมต้องคอยขัดคอยขวางแม่อยู่เรื่อย ก็เพื่อนพ้องกันนานๆ ทีเจอกันจะเป็นไรไป แล้วที่แม่จะให้ตาโยรู้จัก กับลูกสาวใครนั่นน่ะก็แค่ผลพลอยได้” หันไปว่าให้สามีแล้ววกกลับมาที่ลูกชายที่เดินมานั่งลงข้างๆ

“เราก็เหมือนกันตาโย ไม่คิดจะสนใจใครเขาบ้างหรือไง พาใครมาแนะนำก็ไม่ถูกใจ หรือว่าไม่ชอบผู้หญิงแม่จะได้เปลี่ยนพามาให้ถูกใจ”

“แค็กๆๆ”

คำถามนั้นทำเอาวาโยถึงกับสำลัก ขนมใส่ไส้ที่พึ่งจะตักเข้าปาก มีอันต้องคายออกมาน้ำหูน้ำตาไหล

“อะไรกันล่ะครับแม่”

“ก็จะไปรู้เหรอ เห็นพาใครมาก็เฉย นึกว่าไม่ชอบผู้หญิง แม่ไม่ติดนะ ถ้าลูกจะชอบผู้ชาย ขอแค่ให้ลูกมีใครเป็นเพื่อนคู่คิดคู่ทุกข์คู่ยาก แม่รู้ว่าพ่อกับแม่ก็รับฟังเรื่องของลูกและทำความเข้าใจด้วยไม่ได้ทุกอย่าง”

คุณวารีกล่าวอย่างเข้าใจดี เธอผ่านช่วงชีวิตที่ลำบากมาพอสมควร ถึงแม้จะมีครอบครัวที่อบอุ่น มีพี่น้องมากมาย บ้านช่องไม่ได้อัตคัดมากนัก แต่เวลามีปัญหาเรื่องบางเรื่องก็ใช่ว่าจะคุยกับใครก็ได้แม้แต่คนในครอบครัว เวลาเหนื่อยเวลาท้อก็ไม่อยากเอาความกังวลนั้นไปบอกกล่าวให้เขาเป็นห่วง ก็มีคู่ชีวิตมีคนที่รักนั่นแหละเป็นแรงใจ ความอบอุ่นและกำลังใจมันเกิดขึ้นแค่ได้จับมือนั่งอยู่ข้างๆ กันแค่นั้นด้วยซ้ำ

“วาโย ไม่มีใครจริงๆ เหรอลูก ผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้นะ”

คุณวารีจับที่ต้นแขนลูกชายถามด้วยสีหน้าจริงจัง ในขณะที่ผู้เป็นสามีได้แต่มองแล้วก็ส่ายหน้า

“โธ่ แม่ครับ งานผมยุ่งออกแบบนี้ผมยังไม่อยากผูกมัดนี่ครับ สามสิบเจ็ดนี่ยังไม่แก่สักหน่อยเป็นวัยที่ค่อนข้างอิสระด้วยซ้ำ ขอผมเที่ยวขอใช้ชีวิตให้อิ่มก่อนแล้วผมจะพาสะใภ้มากราบคุณแม่แน่ๆ”

ได้ฟังแบบนั้นคนเป็นแม่ก็ปล่อยมือจากแขนเขา ถอนหายใจ พอกำลังจะอ้าปากแต่ก็ถูกสามีขัดขึ้นเสียก่อน

“ปล่อยลูกมันไปเถอะน่า รูปร่างหน้าตา หน้าที่การงานมันก็ดี จะไปหาเมียตอนอายุสี่สิบสี่สิบห้าก็ช่างหัวมันปะไร ชีวิตลูกไม่ใช่ชีวิตเรา เขาควรได้เลือกในแบบของเขาไม่ใช่ว่าให้เราเข้าไปกะเกณฑ์”

วาโยพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับพ่อของตน นานๆ พ่อเขาจะแย้งแม่เป็นประโยคยาวๆ แบบนี้ซะที ท่านคงจะนั่งฟังจนเบื่อและรำคาญมาพอสมควรแล้วเลยต้องพูดออกมาบ้าง

“ขนาดคุณยังเป็นคนเลือกผมเองเลย คุณเชื่อในสัญชาตญานตัวเองแล้วคุณก็ควรจะเชื่อในสัญชาตญานลูกด้วย ถ้ามันเลือกผิด นั่นก็เป็นสิ่งที่มันต้องจัดการ จริงมั้ยวาโย”

“ครับพ่อ”

“ก็ตอนฉันเลือกคุณเพราะคุณเข้ามาจีบ แต่กับลูกชายเราฉันยังไม่เห็นตาโยไปจีบใครที่ไหน”

“คุณก็จะไปเห็นกับเขาได้ยังไง วาโยออกไปทำงานแทบทุกวัน ส่วนคุณกับผมน่ะอยู่เฝ้าบ้าน มันจะไปจีบหรือไม่จีบใครคุณจะไปรู้กับมันเหรอ ขนาดตอนผมไปจีบคุณแม่ผมยังไม่รู้เลย จริงมั้ยโย”

“ครับ หา หา! เอ่อครับ” วาโยรีบตอบรับเมื่อเห็นบิดาขยิบตาให้

“ผมก็มีคุยเรื่อยๆ แหละครับแม่ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่ และยังไม่อยากผูกมัดใคร”

“แต่วาโย ลูกอายุขนาดนี้แล้วนะ ลูกไม่ เอ่อ...” คุณวารีมองหน้าลูกชายอึกอักไม่กล้าพูด

“ก็ซื้อกินสิคุณ มันมีทุกยุคทุกสมัยนั่นแหละ ผู้ชายเรามันยากตรงไหน ใช่มั้ยโย” ผู้เป็นพ่อพยักพเยิดกับลูกชายอีกครั้ง

คราวนี้อาจารย์หนุ่มอึกอักพูดไม่ออก มันก็ใช่อย่างที่พ่อเขาพูดนั่นแหละ แต่จะให้ยอมรับออกมาตรงๆ ต่อหน้าพ่อแม่มันก็กระดากปาก ถ้าขืนนั่งอยู่ตรงนี้ต่อเขาได้ล่อนจ่อนกลางวงสนทนาของพ่อกับแม่แน่ๆ

“ผมกลับขึ้นไปทำงานก่อนดีกว่าครับ ยังไม่เสร็จเลย ขนมนี่ผมขอนะครับ” บอกแล้วยกจานขนมต้มแล้วหนีขึ้นห้องไป

“เพี้ยะ”

เสียงฝ่ามือฟาดลงกระทบเนื้อท่อนแขน แม้ผิวจะไม่ตึงเหมือนเมื่อก่อนแต่แรงฟาดที่ส่งมาก็มากพอที่จะทำให้เจ็บจนสะดุ้ง

“นี่ พ่อเองก็เคยซื้อเหรอ ถึงได้บอกว่ามันมีทุกยุคทุกสมัย ไปซื้อตอนไหน ตอนก่อนคบกับแม่หรือว่าหลังจากนั้น”

“อะไรกันเล่า แม่ก็..แก่ๆ กันปูนนี้แล้วยังจะมาถามถึงอะไรพวกนี้อีก”

เอ่ยจบก็รีบลุกหนีอย่างไวแม้ว่าภรรยาคนที่ยังสวยอยู่ไม่สร่างในสายตาของท่านจะรีบคว้าไว้ยังไงก็ไม่ทัน แม้จะเป็นชายวัยเกษียนแต่คุณธาดาก็ยังคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง ให้เตะปี๊บตอนนี้ก็คงจะดังไปไกลอยู่ล่ะนะ

“นี่ไอ้นา นายปกรณ์แฟนแกไปไหนวะ แกยุ่งยากขนของย้ายบ้านขนาดนี้มันไม่คิดจะมาช่วยดูช่วยจับบ้างเลยหรือไง”

เสียงจากชายร่างสูงใหญ่ที่ชื่ออนุชิตหรืออ้น พี่ใหญ่ในแก๊งก้วน เอ่ยถามเจ้าของบ้านหลังใหม่ที่พึ่งย้ายเข้ามาถึงแฟนหนุ่มของสาวเจ้า ที่ไร้เงา แทนที่จะมาช่วยดูแลจัดแจงความเรียบร้อย งานย้ายบ้านใช่เรื่องเล่นๆ เสียเมื่อไหร่ ทำไมนายนั่นถึงไม่ยอมมาช่วยแฟนตัวเองเลย

“ปกรณ์เขาไม่ว่างน่ะพี่อ้น เห็นบอกว่าจะพาแม่ไปหาหมอ เพราะหมอนัด เขาบอกให้นีน่าเลื่อนวันย้ายจะได้มาช่วยแต่นีน่าไม่เลื่อนเองแหละ อยากย้ายเข้าแล้วจัดการอะไรให้มันเสร็จๆ”

“ต่อให้แกเปลี่ยนวันย้ายของมันก็ไม่ว่างมาให้แกอยู่ดีนั่นแหละ

นีน่า เลิกๆ ไปซะทีเถอะว่ะไอ้คนเห็นแก่ตัวพรรค์นั้น”

วันชัยหรือโด่งหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวเหลืองผมยาวทัดหูหันมาบอกขณะที่กำลังยกพัดลมตัวใหญ่เข้าไปในบ้าน ศศินายังไม่ทันตอบเพื่อน วินมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งก็วิ่งมาจอดท้ายรถขนของตรงที่พวกเธอกำลังช่วยกันยกย้ายอยู่

“เรามาทันช่วยมั้ยนีน่า พอดีพึ่งหาคนมาเฝ้าร้านแทนได้น่ะ สิงห์ก็ไม่อยู่เลยโทรตามหลานมาเฝ้าแทน”

ศารทูลหรือเสือหันมาบอกหลังจากยื่นเงินส่งให้พี่วินมอเตอร์ไซค์ ที่ขับมาส่ง ศารทูลเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งก๊วนนักดนตรีของศศินา ถือครองตำแหน่งมือกีร์ต้าสุดหล่อด้วยมาดเซอร์ผมยาวหยักโศกหน้าออกตี๋แต่ไว้หนวดเคราพอรำไรรับกับทรงผมจนดูหน้ามอง

“หลานคนไหนวะเสือ ไอ้หวายน่ะเหรอ ใช้งานมันมากๆ ระวังมันจะจิ๊กเอาเสื้อที่ร้านแกไปให้แฟนนะเว้ย” วันชัยตะโกนถามมาจากในบ้าน

“ให้มันจิ๊กตัวสองตัวก็ไม่เป็นไรหรอก ดีกว่ามันมาขอตังค์ไปซื้อจากร้านอื่น ถ้าไม่ใช้มันวันนี้ก็จะออกมาช่วยไม่ได้เพราะสิงห์ไม่อยู่”

เอ่ยถึงพี่ชายฝาแฝดที่ร่วมหุ้นกันเปิดร้านเสื้อผ้าที่วันนี้ติดธุระพาเมียท้องแก่ไปหาหมอ

“ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องมาช่วยก็ได้นะเสือ เราเกรงใจ”

“ไม่เป็นไรหรอกนีน่า เราช่วยได้”

บอกแล้วหันไปช่วยอนุชิตยกทีวีลงมาจากรถแล้วค่อยๆ เอาเข้าไปในตัวบ้าน

“ไอ้คนดีๆ แบบนี้ก็ดันไม่รักไม่ชอบ ไปชอบอะไรไอ้คนที่ไม่เห็นค่าเราวะนีน่า” เอ่ยกับเจ้าของบ้านเมื่อเดินมาถึงตรงหน้าก่อนจะผ่านไปยกของเข้าบ้านอีกรอบ

ศศินาไม่ได้ใส่ใจแต่แอบชำเลืองมองไปยังอีกคนที่หยิบจับของส่งให้คนอื่นๆ อยู่เงียบๆ บนรถ เพราะรู้ดีว่ามนสิชาแอบคิดอย่างไรกับศารทูล

“ร้อนมั้ยมิ้น ลงมากินน้ำก่อนมั้ย พี่ซื้อน้ำอัดลมมาหลายอย่างเลย”

“ไม่เป็นไรพี่นีน่า เราขนของลงให้หมดเลยดีกว่า แล้วค่อยพักทีเดียว”

มนสิชาตอบเพื่อนรุ่นพี่ แล้วดึงลากกล่องใส่ของมาวางท้ายรถเพื่อให้พวกผู้ชายมาขนไปได้สะดวก

“โห ไอ้มิ้น ก็ใช่สิแกไม่ได้ยกเดินเหมือนพวกพี่นี่ ขอพักก่อนเถอะว่ะร้อนฉิบหาย”

อนุชิตบ่นแล้วนั่งลงที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นมะม่วงตรงสวนหน้าบ้าน เป่าลมพรูออกปากอย่างเหนื่อยเต็มทน

ศศินาพยักหน้าเรียกให้มนสิชาลงจากรถแล้วหาน้ำหวานมาเสิร์ฟเหล่าผู้ชายแบกหาม อีกทั้งยังหาปลั๊กพ่วงสายไฟจากในตัวบ้านเอาพัดลมมาเป่าจ่อให้ถึงที่

“นีน่า นี่สาบานเถอะว่าของพวกนี้แกขนมาจากคอนโดเก่าไม่ใช่พึ่งไปเอาของบริจาควัดมา เยอะบรรลัย”

วันชัยบ่นพำ ทั้งที่พวกเขาขนของเข้าไปในบ้านเยอะแล้ว แต่มองดูบนรถก็ยังคงเหลืออีกเกือบเท่าตัว

“ก็คอนโดนั้นฉันอยู่มาตั้งห้าปี ซื้อไปซื้อมามันก็เยอะขึ้นมาเองจะทิ้งไว้ก็เสียดาย แต่ล่ะอย่างถ้าซื้อใหม่ก็ตังค์ทั้งนั้น”

“ถ้าเสียดายตังค์ก็ขายๆ ออกไปบ้างเถอะว้า” วันชัยยังคงบ่นไม่เลิก

“เอ่อน่า ช่วยหน่อย ขนเสร็จแล้วเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าไม่อั้นเลย ฉันให้แกเป็นคนเลือกเลยว่าร้านไหน”

“อย่านะพี่นีน่า ขืนให้พี่โด่งเลือกมีหวังพี่หมดตัวแน่”

มนสิชาออกตัวห้าม แต่ก็ต้องรีบหดคอหนีเมื่อเห็นว่ามีกิ่งไม้จากมือวันชัยลอยมา

“หุบปากเลยไอ้มิ้น แหม ฉันเลือกดีพวกแกก็ได้กินดีไปด้วย ยังจะมาขวางอีก เดี๋ยวเดินไปแพ้นกะโหลก”

“ก็มิ้นสงสารพี่นีน่านี่ พึ่งย้ายบ้านมาค่าเช่าก็ไม่น่าจะถูกนะ บ้านเดี่ยวในเมืองแบบนี้ ถึงจะหลังเล็กๆ ก็เถอะ”

“นั่นสินีน่า อยู่คนเดียวทำไมเลือกเอาบ้านเดี่ยวแบบนี้ล่ะ ค่าเช่าแพง แล้วอีกอย่างมันจะปลอดภัยมั้ย”

ศารทูลถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นว่าหญิงสาวอยู่คนเดียว แถมหมู่บ้านแถวนี้ก็ยังไม่คุ้นเคย

“เราถามจากเจ้าของบ้าน แล้วก็คนแถวนี้แล้วล่ะเสือ พวกเขาบอกว่าบ้านแถวนี้ปลอดภัยดี ไม่เคยมีเหตุร้ายอะไรเลย อีกอย่างเราตั้งใจว่าจะทำขนมขายออนไลน์อย่างจริงจังเลยอยากได้เป็นบ้านเดี่ยวจะได้สะดวกหน่อย”

“แกเอาแน่เหรอนาไอ้เรื่องทำขนมน่ะ”

อนุชิตอดถามขึ้นมาไม่ได้ เพราะเห็นว่ารุ่นน้องคนนี้ตั้งใจจะทำจนถึงขั้นย้ายจากที่อยู่เก่าที่เป็นคอนโดเช่าห้องเล็กๆ มาอยู่บ้านเดี่ยวแบบนี้

“เอาแน่สิพี่อ้น อาชีพนักร้องอย่างเราโดยเฉพาะผู้หญิงอย่างนีน่ากับมิ้นจะใช้หากินไปจนแก่มันไม่ได้หรอก อยากหาอะไรที่มันทำได้ ระยะยาว ไม่อยากมาเริ่มต้นเอาตอนที่ไม่มีงานจ้างแล้ว อีกอย่าง..ที่บ้านของปกรณ์เขาก็ไม่ค่อยโอเคที่นีน่าเป็นนักร้องกลางคืน”

“โธ่ ที่แท้ก็อยากเอาใจแม่ผัวกลัวเขาไม่ยอมรับ” วันชัยโพล่งปากขึ้นมา จึงโดนมนสิชาเขวี้ยงไม้คืนมาบ้าง

“ปากเสียไอ้พี่โด่ง”

“จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ไอ้นามันเถอะน่า” อนุชิตว่าก่อนจะหันไปทางเจ้าบ้าน

“เอาเป็นว่าถ้าแกตัดสินใจดีแล้ว พี่ก็จะไม่ขัดมีอะไรให้ช่วยก็บอก ไป ลุก พักกันพอแล้วก็ไปขนกันต่อจะได้เสร็จไวไว จะได้รีบพักผ่อนคืนนี้ยังมีงานอยู่อีก คืนพรุ่งนี้หยุดจะไปกินเหล้าไหนค่อยว่ากัน”

ทุกคนพากันลุกขึ้นจากที่ แยกย้ายไปขนของ ศศินาถอดปลั๊ก พัดลมแล้วยกเข้าไปเก็บในบ้าน ศารทูลมองตามร่างบางแล้วถอนหายใจด้วยความเป็นห่วง

“เป็นห่วงพี่นีน่ามากเหรอ”

มนสิชาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าศารทูลยืนมองตามหลังศศินาไป จนเธอเดินเข้าบ้าน

“อือ”

“ถ้าเป็นห่วงมากนักก็ขอย้ายเข้ามาอยู่กับเขาซะสิ”

“ถ้านีน่าไม่มีแฟนพี่ทำแน่ ไม่รอให้เรามาร้องท้าพี่เหยงๆ อย่างนี้หรอกยายตัวเล็ก” ว่าแล้วมะเหงกก็เคาะลงที่กลางกบาลไม่แรงนัก มนสิชาย่นหน้าผลักเขาออกอย่างงอนๆ

“ไปเลย ไปขนของ อย่ามาโอ้เอ้กินแรงคนอื่นไม่งั้นจะฟ้องพี่นีน่า”

คล้อยหลังของศารทูลที่พึ่งเดินจากไป คนที่ผลักหลังไล่กลับเป็นฝ่ายที่ยืนมองตามแล้วถอนหายใจเสียเอง

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 56 บทส่งท้าย ออดอ้อน   02-26 11:07
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY