เมื่อยมทูตแห่งกาลเวลาส่งฉันย้อนเวลามาพบกับนายช่างใหญ่ผู้กร้าวใจ หล่อล่ำ แถมกล้ามแน่น แผนการอ่อยนายช่างของฉันจึงเกิดขึ้น “นายช่างใหญ่นี่ใหญ่สมชื่อนะเจ้าคะ” “พูดกระไรของเจ้า” “ข้าชมเจ้าค่ะ ใหญ่นักข้าชอบ แบบว่าประทับใจเจ้าค่ะ” “พูดจาอย่างคนวิปลาสหารู้ความไม่” ---- เมื่อต้องมาอยู่อโยธยา เมื่อเจอคนถูกตาต้องใจ เมื่อรู้สึกคลั่งรักเกินจะทนไหว เมื่อแม่บอกให้เชื่อใจ เมื่อพ่อไม่อยากให้ออกเรือน ฟ้ารดา มหานคร หญิงสาวทะลุมิติมายังอโยธยา ที่นี่เธอได้เจอกับนายช่างทองหลวงที่ถูกตาถูกใจ ก็ในเมื่อกลับไปไม่ได้ แผนการอ่อยนายช่างแบบเนียน ๆ จึงเกิดขึ้น นายช่างใหญ่ นายช่างทองหลวงผู้หล่อล่ำ กล้ามแน่น เขาจะต้านทานเสน่ห์ของแม่หญิงผู้ไม่เหมือนใครในอโยธยาได้หรือไม่ โปรดติดตามอ่านได้ใน "นายช่างใหญ่แห่งอโยธยาที่ข้าอยากได้"
พลบค่ำแล้วเรือลำน้อยยังล่องลอยอยู่กลางแม่น้ำ มีเพียงแสงจากตะเกียงจ้าวพายุ และคบไฟดวงน้อยที่พอจะให้ความสว่างแก่ทุคนบนเรือ ฝีพายเร่งมือสุดกำลังเพราะแค่ผ่านโค้งน้ำนี้ไปก็จะถึงยังจุดหมายปลายทางแล้ว
แต่เมื่อกำลังจะผ่านโค้งน้ำนี้ไปกลับมีพายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้เรือลำน้อยหมุนวนอยู่บนผิวน้ำ ฝีพายผู้แข็งแรงก็ไม่อาจควบคุมทิศทางเรือได้ เรือเกิดพลิกคว่ำ สตรีสองนางและอีกหนึ่งฝีพายตกลงไปในแม่น้ำอย่างช่วยไม่ได้ แต่ละคนพยายามตะเกียกตะกายว่ายน้ำเข้าริมฝั่งเพื่อเอาชีวิตรอด
“แม่ลำดวน แม่หญิงช่อฟ้า ได้ยินกระผมฤๅไม่ขอรับ”
ฝีพายเพื่อขึ้นฝั่งมาได้ก็เรียกหาผู้เป็นนายและนางบ่าวคนสนิททันที
“ข้าอยู่นี่”
ลำดวนบ่าวคนสนิทของแม่หญิงช่อฟ้าขานรับ ในขณะที่ตะเกียกตะกายเข้าฝั่งและเดินไปหาฝีพาย
“แล้วแม่หญิงช่อฟ้าเล่า ท่านเจอนางฤๅไม่”
เมื่อเจอฝีพายแล้วลำดวนก็รีบถามหาแม่หญิงผู้เป็นนายทันที
“ข้ามิเห็นแม่หญิงช่อฟ้าเลยขอรับ พวกเราไปช่วยกันตามหาริมตลิ่งดีกว่าขอรับ เผื่อแม่หญิงจักว่ายน้ำมาตรงริมตลิ่งแล้วนะขอรับ”
จากนั้นฝีพายและลำดวนก็เดินหาและตะโกนเรียกแม่หญิงช่อฟ้าผู้เป็นนายตลอดแนวริมตลิ่ง แต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของแม่หญิง
ด้านแม่หญิงช่อฟ้า เมื่อพลัดตกน้ำนั้น เธอพยายามควบคุมสติและว่ายน้ำเข้าริมฝั่ง แต่กลับมีมือของใครบางคนพยยามดึงขาเธอไว้ เธอพยายามดินแต่ดิ้นไม่หลุดเสียที เธอพยายามสุดความสามารถที่จะช่วยตัวเองให้มีชีวิตรอด จนกระทั่งหมดแรงและสติหลุดลอย ระหว่างนั้นมีชายชราคนหนึ่งฉุดมือของเธอเอาไว้และพาเธอกลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย
“ขอบน้ำใจท่านลุงนักที่ช่วยข้าเอาไว้ มิเช่นนั้นข้าคงตายเป็นผีเฝ้าแม่น้ำแห่งนี้เป็นแน่แท้”
เมื่อขึ้นมาบนฝั่งได้เธอเฝ้าแต่พนมมือกราบและกล่าวขอบคุณชายชราที่ช่วยชีวิตเธอไว้ ชายชราผู้นั้นยิ้มรับและกล่าวกับเธอว่า
“ที่ของเจ้ามิใช่ที่ใต้นำแห่งนี้ดอกหนาแม่หญิง เจ้ามาผิดที่ผิดทาง ข้าจักเป็นผู้พาเจ้าไปอยู่ในที่ทางของเจ้าเอง กาลเวลาจะพาเจ้าไปในที่ที่เป็นของเจ้า”
“ข้ามิแจ้งใจในคำของท่าน”
คำพูดแสนกำกวมแฝงไปด้วยความหมายอันน่าสงสัย ทำให้แม่หญิงช่อฟ้าเกิดความสงสัย และรู้สึกวิตกกังวลเป็นยิ่งนัก
“อีกไม่นานเจ้าจักเข้าใจ ข้าผู้กำหนดกาลเวลาแห่งชีวิตจะจัดแจงทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ถึงตอนนั้นแม่หญิงเพียงแค่ปรับตัวแลดำเนินชีวิตไปอย่างปกติสุขก็เพียงพอ ตอนนี้แม่หญิงจงหลับพักผ่อนให้สบายกายสบายใจเถิดหนา ข้าจักจัดการทุกอย่างให้เอง จงหลับเสียเถิด”
สิ้นคำของชายชราแม่หญิงช่อฟ้าก็หลับใหลไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ปัจจุบัน ณ กรุงเทพหานคร
“ตื่นเถิดหนาแม่หญิงของข้า ไยถึงนอนตื่นสาย มิอายแม่หญิงอื่นเขาบ้างหรืออย่างไร? นี่ข้าคงจักตามใจเจ้าจนเจ้าเสียผู้เสียคนเป็นแน่แท้”
เสียงอันคุ้นเคยปลุกอยู่ข้างหู เป็นเสียงที่ได้ยินอยู่บ่อย ๆ เสียงที่อบอุ่นนัก ฟ้ารดาค่อย ๆ บิดขี้เกียจ ปากเธอยิ้มทั้งที่ยังหลับตา เธอได้แต่บอกตัวเองว่าวันนี้ฝันดีอีกแล้ว มีหนุ่มมาปลุกแต่เช้าเลย รู้สึกอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน ในฝันเธอได้ยินเสียงเขามาปลุกบ่อย ๆ แต่ไม่เคยเห็นหน้าเขาสักที
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะที่คุ้นเคยแทรกเข้ามาระหว่างที่กำลังเคลิ้ม พร้อมเสียงอันคุ้นหูแทรกตามมาติด ๆ
“ฟ้าตื่นได้แล้วลูก เพื่อน ๆ มารอแล้วนะจะตื่นสายไปถึงไหนกัน ได้ยินแม่ไหมลูก เพื่อนมารอแล้วนะยายฟ้า เสียมารยาทจริง ๆ เด็กคนนี้”
นี่มันเสียงแม่นี่นา สิ้นเสียงนั้น ฟ้ารดารีบเด้งตัวลุกจากเตียงในทันที
“ฟ้าตื่นแล้วค่ะแม่ ขอเวลาฟ้าสักสิบนาทีนะคะ”
ว่าแล้วเธอก็รีบลุกไปคว้าผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที
ฟ้ารดา มหานคร อายุยี่สิบสองปี เพิ่งเรียนจบระดับปริญญาตรี สถานะโสดสนิท แต่เธอไม่ได้คิดว่าจะโสดอีกต่อไป หลังจากเรียนจบเธอตั้งใจจะมีแฟนคนแรกให้ได้
นามสกุลมหานครของฟ้ารดาอาจฟังดูยิ่งใหญ่เสมือนเป็นนามสกุลของผู้มีเชื้อมีสาย ไฮโซไฮซ้อ อะไรทำนองนั้น แต่ไม่ใช่เลยนามสกุลนี้พ่อของเธอตั้งตามที่หมอดูแนะนำมา ทุกคนคงรู้สึกขำ แต่อย่าเพิ่งขำไป พ่อเธอไม่ได้งมงายแต่เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ การเปลี่ยนนามสกุลทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อขึ้นอย่างมากมาย พอพ่อเธอเปลี่ยนนามสกุลปุ๊บแม่เธอก็ท้องเธอปั๊บหลังจากคิดว่าไม่น่าจะท้องได้อีกแล้ว หลังจากนั้นกิจการร้านทองของที่บ้านก็ขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ จะว่าไปเธอเองก็ชอบนามสกุลของตัวเองเหมือนกัน เพราะว่ามันฟังดูยิ่งใหญ่อย่างที่บอกนั่นแหละ “ฟ้ารดา มหานคร” เวลาใครเรียกชื่อเธอเธอก็แสนจะภูมิใจ พ่อกับแม่ของฟ้ารดาเชื่อเรื่องหมอดูมาก ทำตามทุกอย่างที่หมอดูแนะนำ ทำให้กิจการร้านทองขยายได้ถึงสี่สาขาเพียงไม่นาน ซึ่งในอนาคตฟ้ารดาต้องดูแลทุกสาขาเพราะเธอเป็นทายาทเพียงคนเดียว
ฟ้ารดาเรียนจบคณะโบราณคดี แม้แต่คณะที่เธอเรียนหมอดูก็เป็นคนแนะนำ ต้องให้เครดิตหอดูกับเรื่องนี้ เพราะหมอดูเลือกคณะได้ตรงใจเธอมาก เธอเลือกเรียนตามที่หมอดูแนะนำเพราะเป็นคณะที่เธอตั้งใจจะเรียนอยู่ก่อนแล้ว เธอเลยสนุกกับการเรียนมาก เชื่อไหมถ้าเธอขอเรียนคณะนี้เอง พ่อกับแม่ของเธอคงไม่ยอมให้เรียนแน่ ๆ แต่พอหมอดูทักปุ๊บ เธอก็ได้ไฟเขียวจากพ่อและแม่ปั๊บ
ตอนนี้เธอกำลังจะเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารร้านทองสาขาที่สี่ เพราะเรียนจบแล้ว แต่ก่อนเธอจะไปสวมบทเป็นผู้บริหารสาวแสนสวย วันนี้เธอขอพ่อกับแม่ไปเที่ยวฉลองเรียนจบที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยากับเพื่อน ๆ ก่อน การไปเที่ยวครั้งนี้เป็นการทิ้งทวนหรือเรียกว่าการอำลาชีวิตนักศึกษาสาวคณะโบราณคดีของเธอและเพื่อน ๆ พวกเธอตั้งใจจะไปถ่ายรูปสวย ๆแนวย้อนยุคตามโบราณสถานต่าง ๆ ที่พวกเธอชื่นชอบและประทับใจ เพื่อเก็บเป็นที่ระลึก ซึ่งตอนนี้เธอและเพื่อน ๆ พร้อมออกเดินทางไปผจญภัยยังอยุธยาแล้ว
“ขอโทษทีนะทุกคน ฟ้าตื่นสายไปหน่อย”
ฟ้ารดาเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เธอกล่าวขอโทษเพื่อน ๆ ที่ตอนนี้กำลังอิ่มหนำสำราญกับอาหารฝีมือแม่ของเธออยู่ แต่ละคนตั้งใจกินมากไม่มีใครเงยหน้ามามองเธอเลย
“ไม่เป็นไรหรอกฟ้า พวกเรากำลังอร่อยกับมื้อเช้าเลย อร่อยทุกอย่างเลยนะ ขอบคุณแม่มากนะคะที่เตรียมอาหารเช้าไว้เผื่อพวกหนูด้วย”
เพื่อน ๆ ของฟ้ารดาพนมมือไหว้สวย ๆ จนแม่ของเธอยิ้มไม่หุบ ท่านรับไหว้ทุกคนแทบไม่ทัน ท่านภูมิใจในความสวยและเสน่ห์ปลายจวักของตัวเองมาก
“อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะลูก ฟ้าก็เหมือนกันรีบทานเลยนะ เพื่อน ๆ จะอิ่มกันแล้ว ตื่นสายตลอดเลยเราน่ะ หัดทำอะไรให้มันได้ดั่งใจแม่บ้าง แม่มีลูกสาวนะ สิ่งที่แม่คิดคือลูกสาวแม่ต้องสวย น่ารัก เรียบร้อย ช่วยสายฝันให้แม่บ้างเถอะ”
แม่ของฟ้ารดาบ่นเธอเสียยกใหญ่ นอกจากความสวย และฝีมือการทำอาหารที่สืบทอดมาจากมารดาแล้ว ส่วนอื่น ๆ ฟ้ารดาไม่มีอะไรเหมือนนางเลย เธอตื่นสาย และไม่มีความเรียบร้อยเอาเสียเลย นิสัยก็แสนจุซุกซนทโมนเหมือนผู้ชาย นั่นเพราะเธอได้พ่อมาเต็ม ๆ นั่นเพราะของเธอตามใจเธอซะจนเธอเป็นแบบนี้
หลังจากรับประทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ฟ้ารดา และเพื่อนของเธอก็พร้อมออกเดินทาง
“แม่คะ ฟ้ากับเพื่อน ๆ ไปก่อนนะคะ”
ทุกคนกล่าวลาแม่ของฟ้ารดา ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ โดยเพื่อนของเธอเป็นคนขับ ส่วนเธอนั่งหน้าข้าง ๆ คนขับคอยบอกทาง
“เดินทางปลอดภัยนะลูก เที่ยวให้สนุก แล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดแม่ด้วยนะลูก
“ค่ะแม่ พวกเราไปก่อนนะคะ บายค่ะ”
นางรดาภาผู้เป็นแม่ของช่อฟ้า ยืนโบกมือลาฟ้ารดาและเพื่อน ๆ กระทั่งรถขับออกไปไกลจนลับตา นางได้แต่ยิ้มออกมาคิดภายในใจว่าตอนนี้ลูกสาวของนางกำลังก้าวไปอีกก้าว ฟ้ารดากำลังจะเป็นผู้ใหญ่ ต้องเรียนรู้งาน และธุรกิจของครอบครัวต่อจากคุณก้องเกียรติสามีของนาง นางได้แต่หวังว่าลูกสาวของนางจะมีความสุขกับเส้นทางชีวิตไม่ว่าอย่างไร นางพร้อมจะอยู่เคียงข้างฟ้ารดาเสมอ
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
“นอนดูดาวด้วยกันนะครับ” แค่ได้ยินเท่านั้นสติของเธอก็แทบกระเจิง หัวใจของหญิงสาวก็เต้นเร่า ๆ คิดไปตามคำที่เขาเอ่ย หากคืนนี้เธอนอนดูดาวกับเขาแล้วมันจะเป็นเช่นไร เขาจะให้เธอดูดาวแบบไหน ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ หรือจะให้ดูดาวทั้งฟ้า แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เธอสาบานว่าจะดู... +++++ วุ้นเส้น : สาวเนิร์ดร่างอวบประจำคณะสถาปัตย์ ผู้แอบรักหนุ่มหล่อเหลาดีกรีเดือนคณะมานานกว่าห้าปี เธอตั้้งใจจะแอบรักเขาไปเงียบ ๆ แต่ทว่าในคืนฉลองเรียนจบ กลับเกิดเหตุการแสนเร่าร้อนจนทำให้เธอได้มีโอกาสเปิดเผยความในใจที่มีต่อเขาอย่างใกล้ชิดชนิดเนื้อแนบเนื้อ และเมื่อการแอบรัก ไม่ใช่การแอบรักอีกต่อไป นั่นจึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ครั้งแรกของคนที่ไร้ประสบการณ์อย่างเธอ แน่นอนว่าเธอคาดหวังเสมอว่าจะได้เจอรักแท้เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ มาร่วมลุ้นไปด้วยกันค่ะว่า คนที่เธอแอบรักจะใช่รักแท้ของเธอหรือไม่ แล้วถ้าหากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร? ติดตามอ่านได้ใน "True love รักแท้แค่เพียงเธอ"
อุตส่าห์ได้ออกเรือนกับคุณพี่ที่รักมาตั้งแต่เด็กทั้งที แต่มิมีที่คุณพี่ผู้เป็นผัวจักนอนร่วมเบาะเฉกเช่นผัวเมียพึงกระทำ ดังนั้นเธอจะทำทุกวิถีทางให้เขาร่วมเบาะนอนกับเธอให้ได้ 'มารยาที่มีเมียคนนี้จักใช้กับคุณพี่เจ้าค่ะ' --- เมื่อเห็นแผงอกแกร่งของผัวชัด ๆ แม่หญิงก็ให้กลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ สิบคนว่าฤๅจักเท่าตาเห็น สิบตาเห็นฤๅจักเท่ามือคลำ แล้วสิบมือคลำฤๅจักเท่านอนคุย แค่คิดแก้มนวลก็แดงดั่งลูกตำลึงสุกแล้ว -------- ในหอนอน แม่หญิงชบานั่งรอคุณพี่ผู้เป็นผัวขึ้นมาจากท่าด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ในกบาลน้อย ๆ เฝ้าแต่คิดถึงสิ่งที่แม่ผัวสั่งแม่ผัวสอน “ฟังแม่หนาแม่ชบาลูก การเป็นผัวเมียมิใช่แค่การนอนหลับจับมือกันเพียงเท่านั้น” “แล้วลูกต้องทำสิ่งใดอีกเล่าเจ้าคะคุณแม่” “ผัวเมียนอกจากมีใจผูกสมัครรักใครกันแล้วไซร้ กายนั้นก็ต้องแนบชิดสนิทเสน่หา” “แนบชิดสนิทเสน่หารึเจ้าคะ ต้องทำเช่นไรรึเจ้าคะคุณแม่ ชบามิเคยทำดอกเจ้าค่ะ” “ก็รู้ว่ามิเคย แม่ถึงได้นั่งพร่ำสอนอยู่นี่อย่างไรเล่า แนบชิดสนิทเสน่หาก็คือใกล้ชิดกัน ตัวต่อตัว เนื้อแนบเนื้อ ผ้าเสื้อมิได้มาเกี่ยวมาข้อง” สิ้นคำนั้นแม่หญิงก็ให้อ้าปากค้าง ตั้งแต่เล็กแต่น้อย นางสนใจแต่การเล่นซน เพิ่งจะมาสนใจงานบ้านงานเรือนก็เมื่อปีที่แล้วด้วยโดนผู้เป็นแม่เอ็ดแลจักโดนลงหวาย แต่วันนี้เมื่อได้มาออกเรือนกับคุณพี่อย่างมิทันได้ตั้งตัว เธอเพิ่งรู้ว่าอิสตรีที่ออกเรือนนั้น นอกจากต้องดูเหย้าเฝ้าแลเรือนแล้วยังต้องปรนนิบัติพัดวีแบบเนื้อแนบเนื้อกับผัวด้วย
เธอข้ามเวลามาพบเขา เขารอเวลาเพื่อจะได้เจอเธอ ------ คนอื่นทะลุมิติย้อนไปในอดีตที่พอจะรู้เรื่องราวที่ผ่านมาบ้าง แต่สำหรับแม่หญิงช่อฟ้าเธอกลับทะลุมิติมาในโลกปัจจุบันที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย เช่นนั้นเธอจะปรับตัวอยู่ในโลกแห่งนี้ได้ฤๅไม่ แล้วพี่หมอจะช่วยให้เธอผ่านวิกฤตในชีวิตได้อย่างไร ความรักของพวกเขาจะมีอุปสรรคแค่ไหน โปรดติดตามอ่านได้ใน "พี่หมอเจ้าขาอย่าทำข้าหวั่นไหว" โปรย จากแม่หญิงคนงามแห่งอโยธยา สู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมร แม่หญิงหวังให้พี่หมอสั่งพี่หมอสอน จักว่านอนแลสอนง่ายด้วยตั้งใจ แต่พี่หมอกลับอ่อนโยนจนหวั่นไหว ทำหัวใจมิใคร่อยู่กับเนื้อตัว ดั่งแสงสว่างชี้ทางยามมืดมัว ที่เคยกลัวกลับมลายหายสิ้นไป ยิ่งนานวันรักรุกคืบสู่หัวใจ ฤๅชะตาไซร้ลิขิตให้เรามาพบพาน ดลบันดาลให้อยู่เคียงคู่กัน ถ้าเยี่ยงนั้นข้าจักอยู่เป็นคู่เคียง ….. แปรงปัดแก้มถูกบรรจงปัดไล้เบา ๆ ลงบนผิวแก้มขาวละเอียดลออของคนดวงหน้าหวานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ช่างแต่งหน้าจะค่อย ๆ วางแปรงลง แล้วสำรวจผลงานตัวเองอีกครั้ง ใบหน้างดงามหมดจดสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ช่างแต่งหน้าไม่น้อย “เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณฟ้าชอบรึเปล่าคะ” “ฟ้าชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” สิ้นคำนั้นช่างแต่งหน้าก็ค้อมศีรษะรับ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง ปล่อยให้เจ้าของห้องนั่งอยู่หน้ากระจกเพียงลำพัง เจ้าของดวงตากลมโตจ้องมองตัวเองในกระจกนิ่ง ริมฝีปากรูปกระจับที่เคลือบด้วยลิปสติกสีโอลด์โรสค่อย ๆ คลี่ยิ้มเต็มใบหน้า แม้กระทั่งแววตาของเธอก็ยังเปล่งประกายทอแสงแห่งความสุข เรียวปากบางค่อย ๆ เผยอและขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “ฉันชื่อ ‘ฟ้ารดา มหานคร’ เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณก้องเกียรติ และคุณรดาภา มหานคร เจ้าของห้างทองสี่สาขาในกรุงเทพฯ”
โปรย : จู่ ๆ คู่หมั้นที่ทอดทิ้งไปนานถึงสี่ปี กล้าดีกลับมาสู่ขอ หึ! คนสติดีที่ไหนจะไปแต่งด้วย หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เธอก็จะไม่แต่งกับเขาเป็นอันขาด ****** “พี่ไม่ดีตรงไหนคะ” “เมต้องตอบด้วยเหรอคะ ไว้พี่ภีมตอบคำถามตัวเองได้เมื่อไหร่ แสดงว่าคงเป็นคนดีขึ้นมากโขเมื่อนั้น” “ก็ได้ค่ะ ก็ได้” ร่างสูงเปลือยเปล่ายกมือขึ้นสองข้าง แสดงอาการยอมแพ้ เมลดาเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า คนหน้าไม่อาย ‘รู้ว่าใหญ่ แต่ไม่เห็นต้องยืนอวดขนาดนั้น’ เธอไม่โง่ กลับไปกินไส้กรอกที่มีเจ้าของแล้ว ให้มันเสียศักดิ์ศรีหรอก แม้จะกินไปแล้วครั้งหนึ่งก็เถอะ ก็ตอนนั้นเธอยังไม่รู้นี่
คืนนั้นเตียงแทบลุกเป็นไฟเกินใครจะห้ามได้ เมื่อทั้งคู่ต่างโรมรันเข้าหากันอย่างถึงพริกถึงขิง เขา : ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่ผมลากขึ้นเตียงจะไม่ใช่เด็กไซด์ไลน์ที่ผู้ช่วยผมหามาให้ ผมไม่รู้ว่าเธอคือใคร เพราะเมื่อผมออกมาจากห้องน้ำเธอก็จากไป ทิ้งไว้เพียงแบงก์พันสามใบกับกางเกงในซีทรูไว้ให้ดูต่างหน้า เธอ : ด้วยความเมาเธอฝันว่าเธอลากผู้ชายขึ้นเตียงแล้วแซบกับเขาอย่างถึงพริกถึงขิง ตื่นขึ้นมาเธอจึงรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ฝันแต่เธอลากผู้ชายขึ้นเตียงมาจริง ๆ เธอตัดสินใจรีบออกจากห้องไปโดยคิดว่าให้ทิปเป็นแบงก์พันสามใบก็คงน่าจะพอ
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย