คืนนั้นเตียงแทบลุกเป็นไฟเกินใครจะห้ามได้ เมื่อทั้งคู่ต่างโรมรันเข้าหากันอย่างถึงพริกถึงขิง เขา : ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่ผมลากขึ้นเตียงจะไม่ใช่เด็กไซด์ไลน์ที่ผู้ช่วยผมหามาให้ ผมไม่รู้ว่าเธอคือใคร เพราะเมื่อผมออกมาจากห้องน้ำเธอก็จากไป ทิ้งไว้เพียงแบงก์พันสามใบกับกางเกงในซีทรูไว้ให้ดูต่างหน้า เธอ : ด้วยความเมาเธอฝันว่าเธอลากผู้ชายขึ้นเตียงแล้วแซบกับเขาอย่างถึงพริกถึงขิง ตื่นขึ้นมาเธอจึงรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ฝันแต่เธอลากผู้ชายขึ้นเตียงมาจริง ๆ เธอตัดสินใจรีบออกจากห้องไปโดยคิดว่าให้ทิปเป็นแบงก์พันสามใบก็คงน่าจะพอ
“ติ๊ด ติ๊ด”
เสียงคีย์การ์ดหน้าประตูห้องพักสุดหรูของโรงแรมห้าดาว ใจกลางเมืองกรุงดังขึ้น โชคดีจริง ๆ ที่คุณหญิงเตชิณีเมตตาอนุญาตให้เธอได้เข้าพักห้องนี้ เธอเลยไม่ต้องขับรถกลับคอนโดให้เสียเวลา มือเรียวเปิดประตูห้องพร้อมก้าวเข้าไปด้วยอาการซวนเซ
“เธอไม่น่าเมาเล๊ยยายปิ๊ง เธอรู้ม้าย เธออดดื่มด่ำกับบรรยากาศห้องพักสุดหรูเลยน้า เสียดายมาก เอิ๊ก แต่ตอนนี้ขอนอนก่อน ม่ายหวายยยย เอิ๊ก”
คนเมาบ่นพึมพำพลางถอดรองเท้าส้นเข็มสีดำพื้นแดง Christian Louboutin ออกจากเท้าเรียวอย่างไม่สนใจไยดี ก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวาแล้วก้าวตรงไปยังโซฟาตัวที่ใกล้ที่สุด แล้วทิ้งตัวลงอย่างไม่รีรอ
เสียงเปิดประตูห้องและเสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามากระทบในโสตประสาท ทำให้คนที่นั่งจิบเบียร์ผ่อนคลายอารมณ์ พร้อมดื่มด่ำกับแสงสียามราตรีอยู่ตรงระเบียงห้องชุดสุดหรูต้องหันกลับไปมอง ก่อนเขาจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เรื่องหาผู้หญิงผู้ช่วยของเขาไม่เคยทำให้ผิดหวัง สั่งปุ๊บได้ปั๊บ ทำไมเวลาทำงานมันไม่ทำให้เร็วและดีแบบนี้บ้างนะ
คนร่างสูงยิ้มร้ายในตาเป็นประกาย ก่อนที่จะยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบอีกครั้ง แล้วขายาว ๆ ก้าวเดินไปที่โซฟาในห้องรับแขก สิ่งที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้าคือผู้หญิงหน้าตาสะสวย น่ารัก คิ้วเข้ม ขนตาเรียงกันเป็นแพ ปากกระจับรับกับจมูกโด่งเชิดรั้น เธอหุ่นดี ผิวมีออร่า นั่งหลับตาอยู่บนโซฟาหนังสีดำ ซึ่งตัดกับผิวและชุดเกาะอกที่เธอใส่อย่างชัดเจน สาวชุดแดงเบอร์กันดีกำลังเอนกายหลับตาอยู่บนโซฟา ทุกครั้งที่เธอหายใจเข้าออกทำให้หน้าอกเธอขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจด้วย ตาคู่คมได้แต่มองจนเพลิดเพลิน ผู้ช่วยเขารู้ว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหน เขายิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากอีกครั้งด้วยความพอใจ
“มาแล้วเหรอ เดี๋ยวคุณไปรอผมในห้องโน้นนะ ผมดื่มเบียร์แก้วนี้หมดแล้วจะตามเข้าไป”
เขาเอ่ยบอกสั้น ๆ ได้ใจความ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งจิบเบียร์ต่อที่ระเบียงในทันที การดื่มเบียร์ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ช่วงนี้งานรัดตัวจนเขาแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้ แม้แต่งานเลี้ยงฉลองแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรคอลเลกชันล่าสุดของมารดา เขายังไม่สามารถไปร่วมงานได้ เพราะเขาติดลูกค้าคนสำคัญ กว่าจะปลีกตัวมาได้งานก็เลิกเสียแล้ว
ด้านคนเมาไวน์ที่นั่งสะลึมสะลืออยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินสิ่งที่มีคนบอก กว่าเธอจะเรียกสติให้รับรู้ก็ใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เธอพยายามปรือตามองอย่างช้า ๆ สูดหายใจเข้าปอดแรง ๆ แล้วรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีเพียงน้อยนิดหันไปมองตามมือที่เขาคนนั้นเคยชี้ไปเมื่อสักครู่ อ้อ ห้องนอนอยู่ตรงนั้นเองเหรอ เธอไม่รีรอที่จะพยุงตัวแล้วลุกเดินโซเซไปยังห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มในทันที
ระเบียงกว้างมีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแลคสีดำของแบรนด์หรู นั่งอ้อยอิ่งจิบเบียร์ไปอย่างช้า ๆ กระทั่งหมดแก้ว เขาจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมก้าวขายาว ๆ เข้าไปยังห้องนอนอย่างไม่รอช้า มือหนาค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด เผยให้เห็นกล้ามอกอันแน่นหนั่น กล้ามท้องเรียงตัวสวยอย่างคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ในขณะที่สายตาก็มองไปบนเตียงที่มีสาวชุดแดงเบอร์กันดีนอนอยู่ก่อนแล้ว เขาส่ายหน้าเบา ๆ ใช่ เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ผู้ช่วยหาผู้หญิงที่เหมือนจะไม่ค่อยมีสตินักมาให้เขา เธอคงเมามานิดหน่อย แต่เมื่อเรียกมาแล้ว เมื่อเธอรับเงินไปแล้ว และเขาก็แค่อยากระบาย เขาก็คงต้องแก้ขัดไปก่อน เดี๋ยวค่อยไปจัดการกับผู้ช่วยทีหลัง งานดีงานไว แต่ขอแบบมีสติหน่อยได้ไหมวะ!!
เขาหายเข้าห้องน้ำไปเพียงไม่นานก็กลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเดียวที่เกาะเกี่ยวหมิ่นเหม่อยู่รอบเอวสอบ หยดน้ำยังเกาะตามผิวกาย เขาแค่อยากอาบน้ำเรียกความสดชื่นและตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ขายาวก้าวเดินไปยังเตียงนอน จ้องมองร่างระหงที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติ ก่อนจะขยับกายเข้าไปใกล้เธอ แล้วเอนกายจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด งานดี ไม่สิไม่ใช่แค่ดี แต่เรียกว่าดีมาก ดีจนรู้สึกเสียดายที่เธอต้องมาทำอาชีพแบบนี้
“เมาเหรอ เมาแล้วรับงานทำไม หือ?”
เขาบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองเสียมากกว่า เธอดูหน้าตาสะสวยน่ารัก หน้าหวานแต่ออกจะคมเข้ม เพราะคิ้วและขนตาชัด แถมยังมีผิวขาวนวลเนียนในแบบที่เขาชอบ แต่สำหรับเขาผู้หญิงก็เหมือนกันหมด มีไว้เพียงเพื่อเป็นที่ระบาย เขาไม่ได้คิดจะลงหลักปักฐานกับใคร นั่นเพราะประสบการณ์แย่ ๆ ที่ผ่านมาทำให้เขามองผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ดีนัก ผู้หญิงสมัยนี้มีแต่ร้าย ๆ ใช้เงินเป็นที่ตั้งมากกว่าความรักและความจริงใจ ดังนั้นการซื้อกินก็ไม่เลวเพราะมันไม่มีข้อผูกมัดอะไร ต่างคนต่างตอบแทนเพื่อผลประโยชน์ของกันและกัน ซึ่งมันเหมือนธุรกิจอย่างหนึ่ง เขายังไม่พร้อมจะเปิดใจกับใครอีก แต่ถ้าเกิดเจอคนถูกใจเข้าจริง ๆ ก็อาจจะเปิดใจก็เป็นได้ แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอไหม เวลานี้แค่งานการที่ต้องรับผิดชอบก็มากมายเหลือเกินแล้วสำหรับเขา ถ้าต้องให้คิดเรื่องผู้หญิงอีกบอกเลยว่ายังไม่มีเวลา
“อื้อ”
แรงบีบที่หน้าอกนุ่มหยุ่นทำให้ปารดารู้สึกเจ็บจนเผลอส่งเสียงร้องออกมา เธอคงฝันสินะ ดูสิมือนี่สาละวนอยู่กับหน้าอกของเธอไม่ได้หยุด เวลานี้เธอรู้สึกเจ็บไปหมด เธอหัวเราะในลำคอเบา ๆ นี่เธอเมาแล้วฝันลามกหรืออย่างไรกัน บ้าจริง ๆ เชียว
“ไอ้ปิ๊ง...ไอ้คนลามก คริคริ”
เธอบ่นพึมพำ พร้อมหัวเราะเบา ๆ ให้กับความลามกของตัวเอง ไหน ๆ ก็ฝันแล้วก็ไปให้สุดเลยแล้วกัน ปารดาพยายามปรือตามองคนที่กำลังนัวเนียกับหน้าอกของเธอ มือเขาบีบหน้าอก ส่วนปากก็ซอกไซ้ซอกคอไปทั่วจนเธอรู้สึกสยิวกิ้วไปหมด เธอพยายามเขม้นมองหน้าเขาแต่มันก็เบลอมาก ขนาดในฝันเธอยังเมาไวน์ไม่หายให้มันได้อย่างนี้สิ เสียดายชะมัด เธอเลยไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของเขาเลย มือบางยื่นออกไปยังเบื้องหน้าเพื่อแตะสัมผัสกับคนตรงหน้า ก่อนที่จะต้องอ้าปากเหวอ เมื่อปากของเขางับลงมาตรงยอดอกสีอ่อนอย่างแรง แถมยังขบเม้มดูดดึงอย่างไม่ปรานี
“โอ้ย แรงเกินไปแล้วนะ อื้อ อ๊าย..”
เธอส่งเสียงร้องครวญคราญแทบไม่เป็นภาษา เล็บมือที่ตัดและดูแลมาอย่างดีจิกลงตรงไหล่หนาอย่างแรง เพื่อระบายความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามา จะว่าไปมันก็ไม่ได้แค่เจ็บแต่มันทำให้เธอรู้สึกวูบโหวงบริเวณท้องน้อยอย่างประหลาด เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบพานมาก่อนเลยในชีวิต จะบอกว่า ‘มันเจ็บแต่ดี’ ก็ว่าได้ เธอเริ่มแอ่นอกรับสัมผัสอันแปลกใหม่จากเขา รับรู้ถึงสัมผัสจากลิ้นสากที่โลมเลียจนยอดถันสีชมพูของเธอตั้งเป็นไต แถมยังเปียกชื้นไปหมด
มือหนาอาศัยจังหวะที่เธอแอ่นอก สอดมือเข้าไปใต้ร่างระหงก่อนจะรูดซิปที่รูดค้างคาไว้แค่ตรงเอวคอดกิ่วลงจนสุด แล้วดึงชุดออกจากร่างบางอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เห็นตรงหน้าจัดว่าใช้ได้ ผิวขาวเนียนละเอียด นุ่มลื่น แถมกลิ่นกายเธอก็หอมกระตุ้นเลือดลมในกายชายให้สูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง เขาสลัดผ้าขนหนูออกจากกายจนเปลือยเปล่า แล้วทิ้งตัวลงนอนแนบชิดเธออีกครั้ง มือก็เอื้อมไปดึงแพนตี้ซีทรูที่แทบจะปิดอะไรไม่มิดออกจากขาเรียวสวยอย่างง่ายดาย นิ้วเรียวยาวของเขาขยับไปสัมผัสกับกึ่งกลางกายสาวเบา ๆ เวลานี้เธอเปียกแฉะเล็กน้อย เขาขยับปลายนิ้วสัมผัสปุ่มกระสันสีชมพูที่เด่นตระหง่านอยู่กลางดอกไม้งามเพื่อกระตุ้นให้เธอพร้อมมากขึ้น เธอส่งเสียงร้องครวญครางไพเราะเสนาะหู จนทำให้มือเขาเร่งทำหน้าที่เป็นระวิง และเมื่อเห็นน้ำหล่อลื่นออกมามากมายพอแล้ว มือหนาจึงเปิดลิ้นชักหัวเตียงพร้อมหยิบเครื่องป้องกันออกมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะขยับกายของตนไปอยู่ตรงกลางหว่างขาขาวของเธออย่างรวดเร็ว พร้อมจับเข่าเธอไว้ก่อนจะขยับให้ขาเรียวสวยตั้งชันเป็นรูปตัวเอ็ม แล้วส่งความเป็นชายที่ผงาดชูชันพร้อมออกรบเต็มทีเข้าไปยังช่องทางรักที่เต็มไปด้วยน้ำหล่อลื่นในคราวเดียวจนสุดลำ
“อื้อ..เจ็บ”
เธอร้องออกมาเสียงหลง แถมยังมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาจากหางตาราวกับว่ารู้สึกเจ็บนักหนา หน้าอกเธอขยับขึ้นลง เสียงหายใจคล้ายคละเคล้าออกมากับเสียงสะอื้นไห้ก็ไม่ปาน นี่เธอเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ คนร่างสูงได้แต่มองเธอพร้อมหยุดชะงักนิ่ง เธอแกล้งรึเปล่าถึงเขาจะรู้สึกว่ามันฟิต ไม่สิมันฟิตมาก ฟิตกว่าครั้งไหน ๆ ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่น่าจะใช่ ‘มั้ง’ เขาชักจะเริ่มไม่แน่ใจ ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าไปมองจุดเชื่อมประสานพร้อมค่อย ๆ ขยับแกนกายออกเล็กน้อย ทำให้คนใต้ร่างสูดปากเบา ๆ ด้วยความเจ็บ พร้อมบ่นพึมพำ แต่กระนั้นก็ยังเด้งสะโพกเข้าหาเขาไปด้วย
“ซี้ด เจ็บ”
เขาต้องก้มลงมองอีกครั้ง สิ่งที่เห็นคือเลือดสีแดงสดที่เปื้อนแกนกลางกายของเขา นั่นทำให้เขาตกใจไม่น้อย หรือว่าเธอจะเพิ่งรับงานนี้เป็นครั้งแรก แล้วเขาก็เป็นคนแรกของเธอเช่นนั้นหรือ โอ้ นี่เธอทำเขาประหลาดใจจริงๆ เซอร์ไพรส์สุด ๆ ก็วันนี้ เดี๋ยวเสร็จภารกิจแล้วเขาจะให้ผู้ช่วยให้ทิปเธอหนัก ๆ เลยทีเดียว เขาไม่คิดว่าจะเจอเด็กไซด์ไลน์ที่ยังสดและยังซิงแบบนี้ ถึงว่าทำไมเธอถึงฟิตอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ร่างสูงยกยิ้มที่มุมปากพร้อมสายตาแพรวพราว เขาขยับสะโพกสอบเข้าหาร่างอรชรอย่างเนิบช้าและระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะเร่งจังหวะแรงและเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่คนใต้ร่างก็เด้งสะโพกตอบรับเป็นอย่างดี มือบางจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ส่วนเขาก็ได้แต่ขยับสะโพกสอบเข้าใส่ กระทั่งในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยสายธารขาวขุ่นออกมามากมายไว้ในเครื่องป้องกัน
“อ๊ะ”
เขาขยับกายออกห่างก่อนจะดึงเครื่องป้องกันออกจากลำกายอย่างระมัดระวัง เพราะเลือดสีแดงสดยังเปรอะเปื้อนติดมาด้วย ของสดใหม่มันให้ความรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง เขานึกในใจ ก่อนจะทิ้งเครื่องป้องกันลงถังขยะข้างเตียง แล้วทิ้งตัวลงนอนบนหมอน พร้อมชำเลืองสายตาไปมองคนที่นอนคุดคู้อยู่ข้าง ๆ กัน เขาเกิดคำถามในใจ ‘ต้องใจกล้าขนาดไหนถึงต้องยอมเสียครั้งแรกให้คนแปลกหน้า’
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
“นอนดูดาวด้วยกันนะครับ” แค่ได้ยินเท่านั้นสติของเธอก็แทบกระเจิง หัวใจของหญิงสาวก็เต้นเร่า ๆ คิดไปตามคำที่เขาเอ่ย หากคืนนี้เธอนอนดูดาวกับเขาแล้วมันจะเป็นเช่นไร เขาจะให้เธอดูดาวแบบไหน ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ หรือจะให้ดูดาวทั้งฟ้า แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เธอสาบานว่าจะดู... +++++ วุ้นเส้น : สาวเนิร์ดร่างอวบประจำคณะสถาปัตย์ ผู้แอบรักหนุ่มหล่อเหลาดีกรีเดือนคณะมานานกว่าห้าปี เธอตั้้งใจจะแอบรักเขาไปเงียบ ๆ แต่ทว่าในคืนฉลองเรียนจบ กลับเกิดเหตุการแสนเร่าร้อนจนทำให้เธอได้มีโอกาสเปิดเผยความในใจที่มีต่อเขาอย่างใกล้ชิดชนิดเนื้อแนบเนื้อ และเมื่อการแอบรัก ไม่ใช่การแอบรักอีกต่อไป นั่นจึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ครั้งแรกของคนที่ไร้ประสบการณ์อย่างเธอ แน่นอนว่าเธอคาดหวังเสมอว่าจะได้เจอรักแท้เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ มาร่วมลุ้นไปด้วยกันค่ะว่า คนที่เธอแอบรักจะใช่รักแท้ของเธอหรือไม่ แล้วถ้าหากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร? ติดตามอ่านได้ใน "True love รักแท้แค่เพียงเธอ"
อุตส่าห์ได้ออกเรือนกับคุณพี่ที่รักมาตั้งแต่เด็กทั้งที แต่มิมีที่คุณพี่ผู้เป็นผัวจักนอนร่วมเบาะเฉกเช่นผัวเมียพึงกระทำ ดังนั้นเธอจะทำทุกวิถีทางให้เขาร่วมเบาะนอนกับเธอให้ได้ 'มารยาที่มีเมียคนนี้จักใช้กับคุณพี่เจ้าค่ะ' --- เมื่อเห็นแผงอกแกร่งของผัวชัด ๆ แม่หญิงก็ให้กลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ สิบคนว่าฤๅจักเท่าตาเห็น สิบตาเห็นฤๅจักเท่ามือคลำ แล้วสิบมือคลำฤๅจักเท่านอนคุย แค่คิดแก้มนวลก็แดงดั่งลูกตำลึงสุกแล้ว -------- ในหอนอน แม่หญิงชบานั่งรอคุณพี่ผู้เป็นผัวขึ้นมาจากท่าด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ในกบาลน้อย ๆ เฝ้าแต่คิดถึงสิ่งที่แม่ผัวสั่งแม่ผัวสอน “ฟังแม่หนาแม่ชบาลูก การเป็นผัวเมียมิใช่แค่การนอนหลับจับมือกันเพียงเท่านั้น” “แล้วลูกต้องทำสิ่งใดอีกเล่าเจ้าคะคุณแม่” “ผัวเมียนอกจากมีใจผูกสมัครรักใครกันแล้วไซร้ กายนั้นก็ต้องแนบชิดสนิทเสน่หา” “แนบชิดสนิทเสน่หารึเจ้าคะ ต้องทำเช่นไรรึเจ้าคะคุณแม่ ชบามิเคยทำดอกเจ้าค่ะ” “ก็รู้ว่ามิเคย แม่ถึงได้นั่งพร่ำสอนอยู่นี่อย่างไรเล่า แนบชิดสนิทเสน่หาก็คือใกล้ชิดกัน ตัวต่อตัว เนื้อแนบเนื้อ ผ้าเสื้อมิได้มาเกี่ยวมาข้อง” สิ้นคำนั้นแม่หญิงก็ให้อ้าปากค้าง ตั้งแต่เล็กแต่น้อย นางสนใจแต่การเล่นซน เพิ่งจะมาสนใจงานบ้านงานเรือนก็เมื่อปีที่แล้วด้วยโดนผู้เป็นแม่เอ็ดแลจักโดนลงหวาย แต่วันนี้เมื่อได้มาออกเรือนกับคุณพี่อย่างมิทันได้ตั้งตัว เธอเพิ่งรู้ว่าอิสตรีที่ออกเรือนนั้น นอกจากต้องดูเหย้าเฝ้าแลเรือนแล้วยังต้องปรนนิบัติพัดวีแบบเนื้อแนบเนื้อกับผัวด้วย
เมื่อยมทูตแห่งกาลเวลาส่งฉันย้อนเวลามาพบกับนายช่างใหญ่ผู้กร้าวใจ หล่อล่ำ แถมกล้ามแน่น แผนการอ่อยนายช่างของฉันจึงเกิดขึ้น “นายช่างใหญ่นี่ใหญ่สมชื่อนะเจ้าคะ” “พูดกระไรของเจ้า” “ข้าชมเจ้าค่ะ ใหญ่นักข้าชอบ แบบว่าประทับใจเจ้าค่ะ” “พูดจาอย่างคนวิปลาสหารู้ความไม่” ---- เมื่อต้องมาอยู่อโยธยา เมื่อเจอคนถูกตาต้องใจ เมื่อรู้สึกคลั่งรักเกินจะทนไหว เมื่อแม่บอกให้เชื่อใจ เมื่อพ่อไม่อยากให้ออกเรือน ฟ้ารดา มหานคร หญิงสาวทะลุมิติมายังอโยธยา ที่นี่เธอได้เจอกับนายช่างทองหลวงที่ถูกตาถูกใจ ก็ในเมื่อกลับไปไม่ได้ แผนการอ่อยนายช่างแบบเนียน ๆ จึงเกิดขึ้น นายช่างใหญ่ นายช่างทองหลวงผู้หล่อล่ำ กล้ามแน่น เขาจะต้านทานเสน่ห์ของแม่หญิงผู้ไม่เหมือนใครในอโยธยาได้หรือไม่ โปรดติดตามอ่านได้ใน "นายช่างใหญ่แห่งอโยธยาที่ข้าอยากได้"
เธอข้ามเวลามาพบเขา เขารอเวลาเพื่อจะได้เจอเธอ ------ คนอื่นทะลุมิติย้อนไปในอดีตที่พอจะรู้เรื่องราวที่ผ่านมาบ้าง แต่สำหรับแม่หญิงช่อฟ้าเธอกลับทะลุมิติมาในโลกปัจจุบันที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย เช่นนั้นเธอจะปรับตัวอยู่ในโลกแห่งนี้ได้ฤๅไม่ แล้วพี่หมอจะช่วยให้เธอผ่านวิกฤตในชีวิตได้อย่างไร ความรักของพวกเขาจะมีอุปสรรคแค่ไหน โปรดติดตามอ่านได้ใน "พี่หมอเจ้าขาอย่าทำข้าหวั่นไหว" โปรย จากแม่หญิงคนงามแห่งอโยธยา สู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมร แม่หญิงหวังให้พี่หมอสั่งพี่หมอสอน จักว่านอนแลสอนง่ายด้วยตั้งใจ แต่พี่หมอกลับอ่อนโยนจนหวั่นไหว ทำหัวใจมิใคร่อยู่กับเนื้อตัว ดั่งแสงสว่างชี้ทางยามมืดมัว ที่เคยกลัวกลับมลายหายสิ้นไป ยิ่งนานวันรักรุกคืบสู่หัวใจ ฤๅชะตาไซร้ลิขิตให้เรามาพบพาน ดลบันดาลให้อยู่เคียงคู่กัน ถ้าเยี่ยงนั้นข้าจักอยู่เป็นคู่เคียง ….. แปรงปัดแก้มถูกบรรจงปัดไล้เบา ๆ ลงบนผิวแก้มขาวละเอียดลออของคนดวงหน้าหวานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ช่างแต่งหน้าจะค่อย ๆ วางแปรงลง แล้วสำรวจผลงานตัวเองอีกครั้ง ใบหน้างดงามหมดจดสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ช่างแต่งหน้าไม่น้อย “เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณฟ้าชอบรึเปล่าคะ” “ฟ้าชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” สิ้นคำนั้นช่างแต่งหน้าก็ค้อมศีรษะรับ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง ปล่อยให้เจ้าของห้องนั่งอยู่หน้ากระจกเพียงลำพัง เจ้าของดวงตากลมโตจ้องมองตัวเองในกระจกนิ่ง ริมฝีปากรูปกระจับที่เคลือบด้วยลิปสติกสีโอลด์โรสค่อย ๆ คลี่ยิ้มเต็มใบหน้า แม้กระทั่งแววตาของเธอก็ยังเปล่งประกายทอแสงแห่งความสุข เรียวปากบางค่อย ๆ เผยอและขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “ฉันชื่อ ‘ฟ้ารดา มหานคร’ เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณก้องเกียรติ และคุณรดาภา มหานคร เจ้าของห้างทองสี่สาขาในกรุงเทพฯ”
โปรย : จู่ ๆ คู่หมั้นที่ทอดทิ้งไปนานถึงสี่ปี กล้าดีกลับมาสู่ขอ หึ! คนสติดีที่ไหนจะไปแต่งด้วย หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เธอก็จะไม่แต่งกับเขาเป็นอันขาด ****** “พี่ไม่ดีตรงไหนคะ” “เมต้องตอบด้วยเหรอคะ ไว้พี่ภีมตอบคำถามตัวเองได้เมื่อไหร่ แสดงว่าคงเป็นคนดีขึ้นมากโขเมื่อนั้น” “ก็ได้ค่ะ ก็ได้” ร่างสูงเปลือยเปล่ายกมือขึ้นสองข้าง แสดงอาการยอมแพ้ เมลดาเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า คนหน้าไม่อาย ‘รู้ว่าใหญ่ แต่ไม่เห็นต้องยืนอวดขนาดนั้น’ เธอไม่โง่ กลับไปกินไส้กรอกที่มีเจ้าของแล้ว ให้มันเสียศักดิ์ศรีหรอก แม้จะกินไปแล้วครั้งหนึ่งก็เถอะ ก็ตอนนั้นเธอยังไม่รู้นี่
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน