อุตส่าห์ได้ออกเรือนกับคุณพี่ที่รักมาตั้งแต่เด็กทั้งที แต่มิมีที่คุณพี่ผู้เป็นผัวจักนอนร่วมเบาะเฉกเช่นผัวเมียพึงกระทำ ดังนั้นเธอจะทำทุกวิถีทางให้เขาร่วมเบาะนอนกับเธอให้ได้ 'มารยาที่มีเมียคนนี้จักใช้กับคุณพี่เจ้าค่ะ' --- เมื่อเห็นแผงอกแกร่งของผัวชัด ๆ แม่หญิงก็ให้กลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ สิบคนว่าฤๅจักเท่าตาเห็น สิบตาเห็นฤๅจักเท่ามือคลำ แล้วสิบมือคลำฤๅจักเท่านอนคุย แค่คิดแก้มนวลก็แดงดั่งลูกตำลึงสุกแล้ว -------- ในหอนอน แม่หญิงชบานั่งรอคุณพี่ผู้เป็นผัวขึ้นมาจากท่าด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ในกบาลน้อย ๆ เฝ้าแต่คิดถึงสิ่งที่แม่ผัวสั่งแม่ผัวสอน “ฟังแม่หนาแม่ชบาลูก การเป็นผัวเมียมิใช่แค่การนอนหลับจับมือกันเพียงเท่านั้น” “แล้วลูกต้องทำสิ่งใดอีกเล่าเจ้าคะคุณแม่” “ผัวเมียนอกจากมีใจผูกสมัครรักใครกันแล้วไซร้ กายนั้นก็ต้องแนบชิดสนิทเสน่หา” “แนบชิดสนิทเสน่หารึเจ้าคะ ต้องทำเช่นไรรึเจ้าคะคุณแม่ ชบามิเคยทำดอกเจ้าค่ะ” “ก็รู้ว่ามิเคย แม่ถึงได้นั่งพร่ำสอนอยู่นี่อย่างไรเล่า แนบชิดสนิทเสน่หาก็คือใกล้ชิดกัน ตัวต่อตัว เนื้อแนบเนื้อ ผ้าเสื้อมิได้มาเกี่ยวมาข้อง” สิ้นคำนั้นแม่หญิงก็ให้อ้าปากค้าง ตั้งแต่เล็กแต่น้อย นางสนใจแต่การเล่นซน เพิ่งจะมาสนใจงานบ้านงานเรือนก็เมื่อปีที่แล้วด้วยโดนผู้เป็นแม่เอ็ดแลจักโดนลงหวาย แต่วันนี้เมื่อได้มาออกเรือนกับคุณพี่อย่างมิทันได้ตั้งตัว เธอเพิ่งรู้ว่าอิสตรีที่ออกเรือนนั้น นอกจากต้องดูเหย้าเฝ้าแลเรือนแล้วยังต้องปรนนิบัติพัดวีแบบเนื้อแนบเนื้อกับผัวด้วย
“พี่ชวนชมเร่งไปกันเถิดเจ้าค่ะ ข้าอยากนั่งเรือเล่นแล้ว”
แม่หญิงชวนชมวัยสิบห้าได้แต่ส่ายหน้าระอาใจให้กับน้องสาววัยแปดขวบ แต่ละวันแม่หญิงชบาผู้เป็นน้องเอาแต่ออดอ้อนขอให้เธอเล่นโน่นเล่นนี่เป็นเพื่อนอยู่ร่ำไป ไม่รู้เมื่อใดผู้เป็นน้องจักเป็นแม่หญิงพับเพียบเรียบร้อยกับเขาบ้าง น้องสาวเล่นแต่ละอย่างราวกับเด็กผู้ชาย
“มิต้องวิ่งดอกหนาแม่ชบา ค่อย ๆ เดินไปนี่แลเรือมิได้หายไปไหนดอก”
แม่หญิงชวนชมอดเอ็ดแม่หญิงผู้น้องไม่ได้ ไม่รู้จักตื่นเต้นกระไรนักหนากับแค่การพายเรือเล่นในคลองหน้าเรือน ซึ่งก็ทำอยู่ออกบ่อย
“ชบามิได้กลัวเรือหายดอกเจ้าค่ะ แต่ชบากลัวพี่ชวนชมจักเปลี่ยนใจ”
กว่าแม่หญิงตัวน้อยจะกล่อมให้พี่สาวยอมออกมาพายเรือได้ก็ใช้เวลานานโข ดังนั้นเมื่อผู้เป็นพี่รับปากเธอจึงไม่อยากเปิดโอกาสให้พี่เปลี่ยนใจอีก กระทั่งเมื่อได้นั่งลงบนลำเรือแล้วแม่หญิงตัวจ้อยก็ยิ้มร่าจนหน้าบาน ในที่สุดก็ได้นั่งเรือเล่นสมใจเสียที
“พี่ชบาเจ้าขา ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
แม่หญิงชบาประนมมือไหว้อย่างสวยงามตามที่คนเป็นพี่เคยสอน ทำให้แม่ชวนชมถึงกับยิ้มจนตาหยี
“มิเป็นไรดอก แต่วันนี้เราคงพายเรือได้มินานดอกหนา เพราะอีกประเดี๋ยวคุณพี่ทัพกับคุณพี่ไม้จักมาที่เรือน พี่ต้องอยู่ต้อนรับคุณพี่ทั้งสองแทนพ่อกับแม่”
คุณพี่ทัพกับคุณพี่ไม้เป็นลูกชายของเพื่อนสนิทของมารดาที่ไปมาหาสู้กันตั้งแต่แม่หญิงชบาจำความได้
“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นวันนี้ชบาจักช่วยพี่ชวนชมทำขนมไว้ต้อนรับคุณพี่ทัพกับคุณพี่ไม้ดีฤๅไม่เจ้าคะ”
“จักช่วยฤๅจักทำให้ยุ่งยิ่งกว่าเดิมกันเล่าแม่ชบา”
“แหมพี่ชวนชมก็ว่าไปเรื่อย ชบาตั้งใจจักช่วยจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ย่อมได้”
คนเป็นพี่มองน้องสาวผู้แก่นแก้วทโมนไพรด้วยความเอื้อเอ็นดู แม้จักอายุห่างกันถึงเจ็ดปี แต่แม่หญิงชวนชมกับแม่หญิงชบาก็เป็นพี่น้องที่รักใคร่ดูแลกันอย่างดี
สองพี่น้องพูดคุยกันไป พายเรือเล่นกันไป พร้อมเก็บดอกไม้สองข้างคลองติดไม้ติดมือไปอย่างเช่นที่เคยทำ แต่การพายเรือเล่นครั้งนี้ไม่ได้เหมือนครั้งก่อน ๆ และเริ่มไม่ได้สนุกอย่างที่คิด เพราะเมื่อสองพี่น้องกำลังจักพายเรือกลับเรือนท้องฟ้ากลับมืดครึ้มดำทมึนขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม่หญิงผู้พี่พายเรือไปไม่ถึงไหนฝนก็กระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดดำเปลี่ยนจากกลางวันเป็นรัตติกาล ลมรึก็พัดแรง เสียงฟ้าร้องคำรามราวกับกำลังเกรี้ยวโกรธโกรธา อีกทั้งมีมวลน้ำป่าไหลมาสมทบกับน้ำในลำคลองราวกับใครมาแกล้ง
“แม่ชบาเกาะให้แน่น”
ผู้เป็นพี่ตะโกนบอกน้องสาวแข่งกับเสียงสายฝน นัยน์ตาแม่หญิงตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าน้ำป่าเริ่มมาปนกับน้ำคลองแลทำให้น้ำในคลองไหลเชี่ยวกรากกว่าเดิมมาก แลในที่สุดแรงน้ำก็ทำให้เรือลำน้อยที่เกิดล่มลงกลางคลอง แม่หญิงทั้งสองพลัดลงน้ำท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำไม่ขาดสาย แม่หญิงตัวน้อยว่ายน้ำลอยตัวไปจับกิ่งเถาวัลย์ไว้แน่น ดวงตากลมโตเฝ้าแลหาผู้เป็นพี่ท่ามกลางความมืดสลัว
“พี่ชวนชม พี่ชวนชมอยู่ที่ใดเจ้าคะ”
แม่หญิงน้อยเฝ้าตะโกนเรียกหาผู้เป็นพี่ พยายามเพ่งมองไปท่ามกลางบรรยากาศมืดฟ้ามัวดิน กระทั่งเห็นพี่คนดีโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่ไกลนัก เธอจึงตะโกนเรียกหาจนสุดเสียง
“พี่ชวนชม น้องอยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ มาเกาะเถาวัลย์ด้วยกันหนาเจ้าคะ”
“แม่ชบาน้อย”
แม่หญิงชวนชมว่ายเข้าไปหาน้องน้อย หมายจักเกาะเถาวัลย์นั้นด้วยอีกคน แต่..
“พี่ไม่ไหว พี่ว่ายน้ำมิได้แล้วเจ้า โอ้ย...แม่ชบา”
แม่หญิงผู้เป็นพี่พยายามตะเกียกตะกายแม้ขาจะเป็นเหน็บแต่แล้วในที่สุดเธอก็สู้แรงน้ำอันเชียวกรากไม่ไหว ทำให้เธอจมหายไปกับสายน้ำต่อหน้าต่อตา โดยแม่หญิงชบามิอาจช่วยกระไรได้
“พี่ชวนชม ฮึก ฮือ ฮือ..ช่วยด้วย ช่วยพี่ชวนชมด้วยเจ้าค่ะ ช่วยด้วย”
แม่หญิงตัวน้อยเกาะเถาวัลย์ลอยคออยู่ทั้งน้ำตา สายน้ำเชี่ยวจนเรี่ยวแรงที่มีเกือบจักหมดสิ้นไป แต่โชคดีที่เธอได้รับความช่วยเหลือโดยพ่อทัพและพ่อไม้ที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี แม่หญิงชบาได้คุณพี่ทัพช่วยเหลือให้ขึ้นฝั่งมาได้ ส่วนคุณพี่ไม้ก็ว่ายน้ำหาพี่ชวนชมท่ามกลางน้ำที่เชี่ยวกราก แม่หญิงน้อยแหงนหน้ามองคนที่ช้อนอุ้มเธออยู่ทั้งน้ำตา แม้นัยน์ตาเธอเพลานี้พล่าเลือนด้วยหยาดน้ำ แต่เธอมั่นใจว่าเธอเห็นคุณพี่ทัพดวงตาแดงก่ำ แถมยังมีน้ำตาคลอหน่วยตาอยู่ตลอดเวลา เขาวางเธอไว้ริมฝั่ง ก่อนที่เขากับน้องชายจะเพียรดำผุดดำว่ายหมายค้นหาร่างพี่สาวของเธออยู่นานนัก แม่หญิงชบาก็ไม่รู้ว่าเขาทำเช่นนั้นอยู่นานเพียงใด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาร่างของผู้จมน้ำได้ แม่หญิงชบาได้แต่หวังว่ามันคงมีปาฏิหาริย์ บางทีเพลานี้พี่ชวนชมอาจจักว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งที่ใดที่หนึ่งก็เป็นได้
ทว่าปาฏิหาริย์กลับไม่มีอยู่จริง เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมีคนพบร่างไร้วิญญาณของแม่หญิงชวนชมลอยไปติดตรงศาลาท่าน้ำของเรือนหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไปไกลพอสมควร เพลานี้เป็นอันยืนยันแล้วว่ากระแสน้ำได้พรากเอาลมหายใจของแม่หญิงชวนชมไปเสียแล้ว ทุกคนในครอบครัวของแม่หญิงผู้จากไปต่างร่ำไห้ ไม่เว้นแม้แต่ผู้เป็นบิดา ส่วนผู้เป็นมารดานั่นร้องไห้จนเป็นลมไปหลายรอบ แม่หญิงชบาตัวน้อยก็ไม่ต่างกัน เธอเสียใจแลรู้สึกผิดยิ่งนัก ได้แต่โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุให้ผู้เป็นพี่ถึงแก่ความตาย ถ้าเธอไม่อยากออกไปนั่งเรือเล่นป่านนี้คงไม่เกิดเหตุน่าสลดเยี่ยงนี้
“พี่แจ่มเพราะข้า ข้าทำให้พี่ชวนชมต้องจากไป ฮือ ฮือ ฮือ”
“มิใช่ความผิดของแม่หญิงดอกเจ้าค่ะ”
นางแจ่มผู้เป็นบ่าวเอ่ยปลอบทั้งโอบกอดนายตัวน้อย
หลังจากแม่หญิงชบาหลบมุมไปนั่งร้องไห้กับนางบ่าวอยู่นาน เธอก็เดินออกมาดูสถานการณ์อีกครั้ง แล้ววันนั้นเธอก็ได้เห็นเต็มสองตาว่าคุณพี่ทัพของเธอร้องไห้ เธอเห็นน้ำตาเขาไหลหล่นลงมาเป็นสาย ในอกให้รู้สึกสะเทือนไหว เธอเพิ่งเข้าใจก็วันนี้ว่าตลอดเวลาที่คุณพี่ทัพเฝ้าแวะเวียนไปมาหาสู่ครอบครัวของเธอนั้น คงเป็นเพราะคุณพี่ทัพมีใจให้แม่หญิงชวนชม พี่สาวของเธอนั่นเอง
“อภัยให้ข้าด้วยเถิดหนาคุณพี่ทัพ ต่อไปข้าจักเป็นคนดูแลเอาใจใส่คุณพี่ทัพแทนพี่ชวนชมเองหนาเจ้าคะ”
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
“นอนดูดาวด้วยกันนะครับ” แค่ได้ยินเท่านั้นสติของเธอก็แทบกระเจิง หัวใจของหญิงสาวก็เต้นเร่า ๆ คิดไปตามคำที่เขาเอ่ย หากคืนนี้เธอนอนดูดาวกับเขาแล้วมันจะเป็นเช่นไร เขาจะให้เธอดูดาวแบบไหน ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ หรือจะให้ดูดาวทั้งฟ้า แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เธอสาบานว่าจะดู... +++++ วุ้นเส้น : สาวเนิร์ดร่างอวบประจำคณะสถาปัตย์ ผู้แอบรักหนุ่มหล่อเหลาดีกรีเดือนคณะมานานกว่าห้าปี เธอตั้้งใจจะแอบรักเขาไปเงียบ ๆ แต่ทว่าในคืนฉลองเรียนจบ กลับเกิดเหตุการแสนเร่าร้อนจนทำให้เธอได้มีโอกาสเปิดเผยความในใจที่มีต่อเขาอย่างใกล้ชิดชนิดเนื้อแนบเนื้อ และเมื่อการแอบรัก ไม่ใช่การแอบรักอีกต่อไป นั่นจึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ครั้งแรกของคนที่ไร้ประสบการณ์อย่างเธอ แน่นอนว่าเธอคาดหวังเสมอว่าจะได้เจอรักแท้เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ มาร่วมลุ้นไปด้วยกันค่ะว่า คนที่เธอแอบรักจะใช่รักแท้ของเธอหรือไม่ แล้วถ้าหากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร? ติดตามอ่านได้ใน "True love รักแท้แค่เพียงเธอ"
เมื่อยมทูตแห่งกาลเวลาส่งฉันย้อนเวลามาพบกับนายช่างใหญ่ผู้กร้าวใจ หล่อล่ำ แถมกล้ามแน่น แผนการอ่อยนายช่างของฉันจึงเกิดขึ้น “นายช่างใหญ่นี่ใหญ่สมชื่อนะเจ้าคะ” “พูดกระไรของเจ้า” “ข้าชมเจ้าค่ะ ใหญ่นักข้าชอบ แบบว่าประทับใจเจ้าค่ะ” “พูดจาอย่างคนวิปลาสหารู้ความไม่” ---- เมื่อต้องมาอยู่อโยธยา เมื่อเจอคนถูกตาต้องใจ เมื่อรู้สึกคลั่งรักเกินจะทนไหว เมื่อแม่บอกให้เชื่อใจ เมื่อพ่อไม่อยากให้ออกเรือน ฟ้ารดา มหานคร หญิงสาวทะลุมิติมายังอโยธยา ที่นี่เธอได้เจอกับนายช่างทองหลวงที่ถูกตาถูกใจ ก็ในเมื่อกลับไปไม่ได้ แผนการอ่อยนายช่างแบบเนียน ๆ จึงเกิดขึ้น นายช่างใหญ่ นายช่างทองหลวงผู้หล่อล่ำ กล้ามแน่น เขาจะต้านทานเสน่ห์ของแม่หญิงผู้ไม่เหมือนใครในอโยธยาได้หรือไม่ โปรดติดตามอ่านได้ใน "นายช่างใหญ่แห่งอโยธยาที่ข้าอยากได้"
เธอข้ามเวลามาพบเขา เขารอเวลาเพื่อจะได้เจอเธอ ------ คนอื่นทะลุมิติย้อนไปในอดีตที่พอจะรู้เรื่องราวที่ผ่านมาบ้าง แต่สำหรับแม่หญิงช่อฟ้าเธอกลับทะลุมิติมาในโลกปัจจุบันที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย เช่นนั้นเธอจะปรับตัวอยู่ในโลกแห่งนี้ได้ฤๅไม่ แล้วพี่หมอจะช่วยให้เธอผ่านวิกฤตในชีวิตได้อย่างไร ความรักของพวกเขาจะมีอุปสรรคแค่ไหน โปรดติดตามอ่านได้ใน "พี่หมอเจ้าขาอย่าทำข้าหวั่นไหว" โปรย จากแม่หญิงคนงามแห่งอโยธยา สู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมร แม่หญิงหวังให้พี่หมอสั่งพี่หมอสอน จักว่านอนแลสอนง่ายด้วยตั้งใจ แต่พี่หมอกลับอ่อนโยนจนหวั่นไหว ทำหัวใจมิใคร่อยู่กับเนื้อตัว ดั่งแสงสว่างชี้ทางยามมืดมัว ที่เคยกลัวกลับมลายหายสิ้นไป ยิ่งนานวันรักรุกคืบสู่หัวใจ ฤๅชะตาไซร้ลิขิตให้เรามาพบพาน ดลบันดาลให้อยู่เคียงคู่กัน ถ้าเยี่ยงนั้นข้าจักอยู่เป็นคู่เคียง ….. แปรงปัดแก้มถูกบรรจงปัดไล้เบา ๆ ลงบนผิวแก้มขาวละเอียดลออของคนดวงหน้าหวานเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ช่างแต่งหน้าจะค่อย ๆ วางแปรงลง แล้วสำรวจผลงานตัวเองอีกครั้ง ใบหน้างดงามหมดจดสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ช่างแต่งหน้าไม่น้อย “เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณฟ้าชอบรึเปล่าคะ” “ฟ้าชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” สิ้นคำนั้นช่างแต่งหน้าก็ค้อมศีรษะรับ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง ปล่อยให้เจ้าของห้องนั่งอยู่หน้ากระจกเพียงลำพัง เจ้าของดวงตากลมโตจ้องมองตัวเองในกระจกนิ่ง ริมฝีปากรูปกระจับที่เคลือบด้วยลิปสติกสีโอลด์โรสค่อย ๆ คลี่ยิ้มเต็มใบหน้า แม้กระทั่งแววตาของเธอก็ยังเปล่งประกายทอแสงแห่งความสุข เรียวปากบางค่อย ๆ เผยอและขยับเขยื้อนเอื้อนเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “ฉันชื่อ ‘ฟ้ารดา มหานคร’ เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณก้องเกียรติ และคุณรดาภา มหานคร เจ้าของห้างทองสี่สาขาในกรุงเทพฯ”
โปรย : จู่ ๆ คู่หมั้นที่ทอดทิ้งไปนานถึงสี่ปี กล้าดีกลับมาสู่ขอ หึ! คนสติดีที่ไหนจะไปแต่งด้วย หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร เธอก็จะไม่แต่งกับเขาเป็นอันขาด ****** “พี่ไม่ดีตรงไหนคะ” “เมต้องตอบด้วยเหรอคะ ไว้พี่ภีมตอบคำถามตัวเองได้เมื่อไหร่ แสดงว่าคงเป็นคนดีขึ้นมากโขเมื่อนั้น” “ก็ได้ค่ะ ก็ได้” ร่างสูงเปลือยเปล่ายกมือขึ้นสองข้าง แสดงอาการยอมแพ้ เมลดาเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า คนหน้าไม่อาย ‘รู้ว่าใหญ่ แต่ไม่เห็นต้องยืนอวดขนาดนั้น’ เธอไม่โง่ กลับไปกินไส้กรอกที่มีเจ้าของแล้ว ให้มันเสียศักดิ์ศรีหรอก แม้จะกินไปแล้วครั้งหนึ่งก็เถอะ ก็ตอนนั้นเธอยังไม่รู้นี่
คืนนั้นเตียงแทบลุกเป็นไฟเกินใครจะห้ามได้ เมื่อทั้งคู่ต่างโรมรันเข้าหากันอย่างถึงพริกถึงขิง เขา : ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่ผมลากขึ้นเตียงจะไม่ใช่เด็กไซด์ไลน์ที่ผู้ช่วยผมหามาให้ ผมไม่รู้ว่าเธอคือใคร เพราะเมื่อผมออกมาจากห้องน้ำเธอก็จากไป ทิ้งไว้เพียงแบงก์พันสามใบกับกางเกงในซีทรูไว้ให้ดูต่างหน้า เธอ : ด้วยความเมาเธอฝันว่าเธอลากผู้ชายขึ้นเตียงแล้วแซบกับเขาอย่างถึงพริกถึงขิง ตื่นขึ้นมาเธอจึงรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ฝันแต่เธอลากผู้ชายขึ้นเตียงมาจริง ๆ เธอตัดสินใจรีบออกจากห้องไปโดยคิดว่าให้ทิปเป็นแบงก์พันสามใบก็คงน่าจะพอ
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว