นริศราคือเด็กสาวที่ถูกพ่อแม่ขายให้มาเฟีย เธอตกเป็นเด็กรับใช้และแม่บ้าน สิบปีต่อมาเธอกลายเป็นสาวแรกแย้มที่สวยสะพรั่ง แถมยังชอบถูกเจ้านายสั่งให่แก้ผ้าอยู่บ่อยๆ ทว่าเค้ากลับไม่กล้าทำอะไรล่วงเกินเธอเลย นั่นมันเพราะอะไรกันนะ?
ทาสรับใช้เจ้านายมาเฟีย
ตอน เพราะเธอเป็นเหมือนดอกไม้งาม
สายลมเย็นพัดผ่านทะเลสาบกว้าง คลื่นน้ำกระเพื่อมไหวขณะแสงแดดระยิบระยับทอประกายกับเกลียวคลื่น
นกน้อยบินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือคฤหาสโบราณกลางแม่น้ำใหญ่ รูปทรงตัวอาคารดั่งปราสาทหินโรมัน มีเสาสูงยาวเด่นสง่าตระกาลตา สีขาวของตึกดูเหลืองซีดจนบ่งบอกถึงความเก่าแก่ประมาณหกชั่วอายุคน มีชายฉกรรจ์เดินตรวจตราโดยรอบเกาะกลางแม่น้ำ ทุกคนมีสีหน้าถมึงทึง
เด็กสาวร่างบางแก้มโตกำลังจัดแจงอาหารจากมือเชฟฝรั่งเศสเรียงรายลงบนโต๊ะศิลาอันกว้างขวาง ปากสีชมพูขมุบมิบขณะชายหางตามองเจ้าแมวสก๊อตติชสีเทาตัวผู้
"วันนี้เค้าจะลงมาทานข้าวกี่โมงกันนะโอลาฟ"
เงี๊ยว! เจ้าแมวตัวอ้วนฉุส่งเสียงร้องขณะก้มดมปลาแซลม่อนย่างถ่าน
"อย่านะ อยากโดนคุณเอสตีเหรอ" นริศราถลึงตาดุเจ้าขนฟู มันกระโจนหนีลงจากโต๊ะอาหารไปนั่งอยู่บนเปียโนราวกับว่ากลัวเจ้านายของสาวใช้เป็นอย่างมาก เพียงแค่ได้ยินชื่อของเค้า
ฟู่วส์! จมูกจิ้มลิ้มถอนหายใจแรงเมื่ออาหารเรียงรายเรียบร้อยบนโต๊ะ ร่างบางย่างเดินมาริมหน้าต่างและดวงตากลมแป๋วก็มองทอดออกไปยังทะเลสาบสีเขียวมรกต
สิบปีมาแล้วที่เด็กสาวโดนพ่อกับแม่ขายให้กับบ้านมาเฟียตระกูลหนึ่ง เธอเริ่มทำงานบ้านมาตั้งแต่อายุเก้าขวบ บัดนี้เธออายุย่างเข้ายี่สิบจึงถูกเลื่อนขั้นให้เป็นเสมียนและผู้ดูแลส่วนตัวของมาเฟียหนุ่มนามว่าเอส มาเฟียหนุ่มใหญ่วัยสามสิบหกปี
หน้าที่ของเธอคือดูแลเสื้อผ้าหน้าผมและอาหารการกินของเค้าทุกอย่าง และยังต้องคอยนับเงินสดที่ลูกน้องชาวแก๊งนำมาส่งในทุกๆวันด้วย เงินสีเทาเหล่านั้นล้วนมาจากบ่อน ซ่องโสเภณี และสนามม้าสนามมวย
ปุ้ง! ๆ ๆ เสียงกระสอบทรายบนชั้นดาดฟ้าทำให้สติของเด็กสาววัยแรกแย้มกลับมาสู่ปัจจุบันกาล
"จะเก้าโมงแล้ว ต้องไปเรียกคุณเอส" นริศราเอ่ยขณะมองนาฬิกาข้อมือสีทองอร่ามบนข้อแขนเล็ก มันคือของขวัญเพียงชิ้นเดียวจากเจ้านายของเธอ
แปะ! ๆ ๆ รองเท้าผ้ากระทบพื้นขณะเรียวขาเล็กสวยสลับก้าวขึ้นบันใดอย่างเร่งรีบ แฮ่ก! ๆ ๆ หน้าอกน้อยกระเพื่อมสั่นขณะที่ลมหายใจร้อนพวยพ่นออกทางปากสีชมพูเรียวบาง
ร่างเพรียวขาวสะท้อนแสงแดดยามสายเมื่อขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า ผ้ากันเปื้อนลายการ์ตูนกับใบหน้าเล็กเรียวทำให้สาวใช้ดูเด็กลงไปอีกมากโข ราวกับเด็กมัธยมต้นก็ไม่ปาน
เปรี้ยง! ๆ ๆ ดวงตากลมแป๋วเบิกโพลงเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มร่างใหญ่กำลังเปลือยท่อนบนซ้อมกระสอบทรายอยู่กลางแดดจ้าบนชั้นดาดฟ้า
"คุณเอสคะ ถึงเวลาทานข้าวแล้วนะคะ" เสียงเล็กแหลมดังแว่วเข้าหูหนุ่มร่างใหญ่ผิวแทน ใบหน้าคมคายหันขวับมาพลันใด
"ทำไมต้องมาเรียก ฉันไม่ใช่ลูกเธอนะ" หนุ่มใหญ่วัยเกือบพ่อบ่นเสียงดัง กระนั้นก็ยอมถอดนวมออกจากกำปั้น
อึก! เด็กสาวกลืนน้ำลายเหนียวแทบไม่ลงคอ ตามองจ้องยังหยดเหงื่อบนปลายจมูกโด่งที่กำลังหยดติ๋งๆลงบนหน้าอกล่ำกว้าง เห็นเต็มสองตาว่ามันกลายเป็นสายธารไหลลงสู่กล้ามท้องซิกแพคที่นูนแน่นเป็นลอนๆแล้วหายวับไปตรงขอบกางเกง
"ยืนบื้ออะไรอยู่ได้ รีบเอาของลงไปสิ" หนุ่มใหญ่ตวาดดังก่อนจะหันหน้าไปมองสมาร์ทโฟนและเสื้อผ้าที่กองอยู่บนโต๊ะ
"ค่ะ วันนี้ต้องมีประชุมหนูเลยรีบขึ้นมาเรียกค่ะ" เด็กสาวตอบขณะวิ่งอ้อมร่างสูงใหญ่ไปเก็บเสื้อผ้าและมือถือกอดไว้ที่หน้าอก เธอรีบก้าวตามหนุ่มหล่อมาดเข้มลงไปยังห้องโถงชั้นล่าง
มาเฟียหนุ่มรุ่นที่หกลงมานั่งที่โต๊ะอาหารทั้งที่ยังเปลือยท่อนบนอล่างฉ่าง แขนท่อนใหญ่ขยับไปมาจนเห็นมวลมัดกล้ามแน่นหนาและเส้นเลือดเส้นเอ็นปูดๆ
แปะ! ๆ ๆ สาวรับใช้วิ่งมายืนข้างกายเจ้านาย มองไปตามผิวหนังชุ่มเหงื่อของเค้าแล้วชวนให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย โดยเฉพาะใบหน้าอันหล่อเข้มบาดใจนั้น
"เค้ก นี่ใครทำเค้กวะ บอกแล้วว่าไม่ชอบ" จู่ๆน้ำเสียงที่ฟังดูโหดร้ายผิดกับหน้าตาก็ตวาดลั่น
โพล๊ะ! สมาร์ทโฟนในมือเด็กสาวร่วงหล่นลงพื้นทันทีที่เธอตกใจสะดุ้ง
"ขะคือ ฉันเห็นว่าท่านใช้แรงเยอะก็ควรทานอาหารที่มีคาร์บเยอะๆน่ะค่ะ" นริศรายืนห่อตัวเล็กขณะตอบเสียงสั่น
"แต่เค้กมันมีน้ำตาล ยัยโง่" เจ้านายหน้าหล่อรุ่นพ่อหันมาเงยหน้าสบตาดุ
"ไม่มีนะคะ ใช้น้ำตาลเทียมและครีมเทียมด้วยค่ะ" เด็กสาวตอบอย่างใสซื่อ
"แต่ฉันไม่ชอบเค้ก" หนุ่มหล่อตวาดและเอื้อมจับเค้กสีขาวขยำจนเละเทะคามือ
"เอาไปวางบนขาเธอแล้วแก้ผ้า ไปนั่งบนเปียโนโน่น"
น้ำเสียงหนุ่มใหญ่ฟังดูเยือกเย็นน่ากลัว แต่การลงโทษแบบนี้มันไม่ใช่ครั้งแรก นริศราจึงก้มหน้าจ๋อยขณะเดินไปยืนหน้าเปียโน เธอค่อยๆถอดผ้ากันเปื้อนออก ตามด้วยเสื้อและกระโปรงสาวใช้ที่ถูกโยนลงมากองกับพื้น
หึ! ๆ มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มและหัวเราะอย่างชอบใจ ขณะมองเรือนร่างเปลือยเปล่ากำลังปีนขึ้นไปนั่งบนเปียโนเค้าก็ตักอาหารกินไปด้วย
"อ้าขาออก จะเอามือปิดทำไม มันไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย ฉันเห็นของเธอมาตั้งกี่ครั้งแล้ว หึ! ๆ ๆ ๆ"
มาเฟียหนุ่มสั่งไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี
ฮือ! ๆ ๆ เด็กสาวนั่งร้องไห้กระซิกๆขณะยกสองมือออกจากเนินหน่าวและอ้าสองขาออกกว้าง จากมุมมองนี้ไปยังโต๊ะอาหารเธอรู้สึกว่าเจ้านายตัวเองช่างไม่ต่างอะไรกับฆาตกรโรคจิต จะผิดต่างก็แต่ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย
อึก! หนุ่มใหญ่กลืนน้ำลายเหนียวลงคอขณะจ้องมองมายังง่ามขาขาวที่นั่งอยู่บนแป้นกดเปียโน
ตริ๊ง! ๆ ๆ เสียงโน๊ตดนตรีดังระรัวเมื่อร่างบางนั่งสั่นเทาขณะที่ตูดกดกับแป้นเปียโน เนินหน่าวที่นูนโหนกไร้เส้นขนกำลังเผยให้ชายหนุ่มรุ่นพ่อได้เห็นถึงร่องกลีบสีชมพูที่ปิดแนบมิดชิดสนิทเนื้อ
อื่ม! มาเฟียหนุ่มซดน้ำแกงขณะมองจ้องร่องสาวสีชมพูอมแดงอย่างตาค้าง รู้สึกว่าเค้าจะกินอาหารอร่อยขึ้นกว่าปกติ
"เค้กล่ะ เอามันป้ายกับขาเธอสิ" เสียงดุดังก้องจนมือน้อยต้องรีบหยิบเค้กก้อนเหลวๆมาปัายกับขาข้างขวาของตัวเอง
เมี๊ยว! เจ้าโอลาฟส่งเสียงร้องขณะทำจมูกฟุตฟิตๆ มันกระโจนลงจากหลังเปียโนมาก้มเลียขาขาวของสาวใช้แผล็บ! ๆ
อือออ! เด็กสาวหยุดร้องไห้แต่กลับกลายเป็นร้องครางกระเส่า รู้สึกแสบแปล๊บๆตรงลิ้นแมวที่เลียขาอ่อน ทว่าไม่กล้าจะยกมือปัดป้องเจ้าเหมียวเพราะกลัวเจ้านายดุ
"นริศรา เธอรู้ไหมว่าเธอน่ะสวยมาก"
"แต่โง่"
ฮือ! ๆ ๆ เด็กสาวร้องโฮครั้งใหญ่ด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อตำใจ เจ้าเหมียวที่เลียขารีบกระโจนหนี
ฮือ! ๆ ๆ เด็กสาวยกมือน้อยปาดน้ำตาขณะที่นั่งอ้าขากว้างอยู่บนเปียโน ตริ๊ง! ๆ ๆ เสียงโน๊ตดังทุกครั้งที่ตูดงอนขาวสั่นกระเพื่อม
"นี่ เอามือออกให้ฉันได้มองใบหน้าสวยๆของเธอเสียที"
"จะน้อยอกน้อยใจอะไรนักหนา เธอต้องขอบคุณพ่อกับแม่เธอมากกว่าที่ไม่เอาเธอไปขายให้ซ่อง ป่านนี้จะเป็นยังไงคิดดูสิ"
"ฮือ! ๆ ๆ แล้วคุณทำแบบนี้กับฉันทำไม ทำทำไม" เด็กสาวเอาสองมือออกจากหน้าและกำหมัดแน่นจนสั่น เปล่งเสียงดังตวาดสวนเจ้านายอย่างท้าทาย
"ถ้าหนูผิดจะตีหนูก็ได้ ทำไมต้องสั่งให้หนูแบบนี้ ทุกครั้งเลย ฮือ! ๆ ๆ" น้ำเสียงสาวใช้อ่อนลงพลันใดที่เธอเรียกตัวเองว่าหนู
"หึ! ๆ ๆ ก็เพราะว่าเธอเป็นเหมือนดอกไม้ที่สดสวยยังไงล่ะ"
"อย่างเธอไม่ควรต้องโดนใครเด็ดดมหรือล่วงเกิน"
"คนสวยอย่างเธอต้องสวยอยู่บนช่อดอกไม้ให้ฉันได้มองทุกครั้งไป"
หนุ่มใหญ่เอ่ยขณะมองเต้านมขาวไล่ลงมายันเนินหน่าวและร่องสาวที่แดงระเรื่อขึ้นทุกขณะ
อึก! กำปั้นน้อยคลายออกขณะที่มือเล็กเรียวสั่นเทา คำพูดที่เพิ่งได้ยินกับหูเมื่อครู่ช่างรู้สึกดีพิลึก ถึงกระนั้นก็ไม่รู้ว่าเจ้านายกำลังชมหรือดูถูกอยู่กันแน่
นางเอกถูกสามีนอกใจแต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอยอมเป็นเมียโง่เพื่อที่ได้แอบกินตับกับพ่อผัว ลูกเลี้ยง หลานชาย และคนสวนในบ้าน สรุปแล้วเธอเสียสามีไปแค่คนเดียว แต่กลับได้ชู้ในบ้านเพิ่มเป็นสิบๆคน
หลังจากโดนผัวทิ้งตอนน้ำหนัก80กิโลแจมก็ผันตัวมาออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างหนักหน่วง เพียงไม่กี่ปีเธอก็กลายเป็นสาวหุ่นดี แถมยังมีสถาบันฟิตเนสทาบทามให้ไปเป็นเทรนเนอร์สุดสวยประจำยิมเสียด้วย แต่ด้วยการที่ต้องหาลูกเทรนและทำยอดขายช่างยากเย็นไม่ต่างอะไรกับการขายประกัน ล่าสุดแจมเกิดปิ๊งไอเดียใหม่เพื่อหาคนมาเทรนด้วย เธอชอบยั่วยวนลูกชายเพื่อนๆให้มาออกกำลังกายที่ยิมแล้วหลอกกินตับ ไปๆมาๆได้ทั้งคู่นอนได้ทั้งค่าคอมจนกระเป๋าตุง เรียกได้ว่านับแต่นั้นมาแทบไม่มีวันไหนที่เธอได้นอนคนเดียวเลยซักคืน
นางเอกเปิดสำนักไถ่บาป สร้างลัทธิหลอกลวงผู้คนให้บริจาคเงิน แถมยังใช้ร่างกายที่สวยและสาวยั่วยวนเหล่าคนรวยบ้าตัญหาจนยอมเปย์ให้ทุกอย่าง นอกเหนือจากนั้นยังยั่วสวาทเหล่าหนุ่มวัยรุ่นชายฉกรรจ์ให้มาเป็นสมุนรับใช้งานต่างๆ เพื่อแลกกับการได้สัมผัสกับร่างกายอันไร้ที่ติของศาสดาสาว
กระต่ายถูกเก็บมาเลี้ยงในตระกูลผู้ดีที่มีชื่อเสียงทางสังคม ทว่าเธอกลับพลาดพลั้งไปมีอะไรกับพี่ชาย พอน้องเห็นเข้าก็แบล็คเมล์เธออีก ไปๆมาๆก็โดนคุณปู่ด้วยอีกคน ในไม่ช้าก็คงไม่พ้นพ่อเลี้ยง สรุปแล้วผู้ชายทั้งบ้านโดนเด็กสาวคนเดียวที่เก็บมาเลี้ยงกินตับจนหมด เธออยากได้อะไรก็ต้องให้ เธออยากไปไหนก็ต้องตามใจ เพราะทุกคนต่างก็คลั่งรักเด็กสาวที่ทั้งสวยและสดใส
นาจำต้องเลี้ยงดูลูกติดของน้องเขยเพราะว่าเขากับน้องสาวของเธอนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นับแต่นั้นมาฝาแฝดก็มีคุณป้าคนสวยเพียงคนเดียวดูแลตลอดมา พอโตเป็นหนุ่มแล้วพวกเขาก็ชอบเล่นกล้ามและไปแข่งประกวดเพาะกายจนได้รางวัลและเงินมามากมาย คุณป้ายังสาวจึงต้องคอยดูแลอาหารการกินและเสื้อผ้าหน้าผมสองหนุ่มอยู่ตลอดเวลา วันดีคืนดีก็ต้องดูแลเรื่องบนเตียงของพวกเขาด้วย ในเมื่อหนุ่มๆพวกนี้ทั้งคึกคักและแรงดี เรียกได้ว่าเผลอทีไรเป็นต้องถึงเนื้อถึงตัวกับนาทุกครั้งไป แนะนำตัวละคร นา นางเอก อายุ29ปี ด้วยความที่เธอมีเชื้อจีนและหน้าเด็กตัวเล็กขาวจึงดูเหมือนสาววัยรุ่น (สายตาสั้น,เฉิ่ม) อภิวัฒน์ น้องเขยของนา (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) เขาเป็นเสี่ยอายุ38 (มีลูกติดมาจากเมียเก่าสองคนเป็นฝาแฝด) นิน น้องสาวของนา อายุ 28 (เสียชีวิต) ปกป้อง หลานแฝดผู้พี่ อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง ปราบปราม หลานแฝดผู้น้อง อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง *หมายเหตุ แฝดทั้งสองเป็นแฝดคนละฝา หน้าตาและนิสัยไม่เหมือนกัน
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี