เรื่องของอารียาคุณครูสาวใหญ่วัย35กับหนุ่มน้อยลูกติดผัววัย19ที่ชื่อโจ โจเป็นเด็กช่างอาชีวะสายโหดและหื่นกาม เธอมักจะโดนลูกชายแอบลวนลามอยู่บ่อยๆ ทว่าเธอกลับเป็นสาวหัวโบราณที่ไม่กล้าแม้ปริปากบอกสามี ด้วยความกลัวว่าบ้านจะแตกสาแหรกขาดอารียาเลยปล่อยเลยตามเลย แค่คำพูดห้ามปรามทำให้คุณแม่พลาดท่าเสียทีให้ลูกเลี้ยงไปจนได้ เธอโดนโจจับกดจนเสร็จสมอารมณ์หมายไปหลายหนจนตัวเองก็ติดใจเสียดื้อๆ ในที่สุดอารียาก็ต้องจำใจมีผัวถึงสองคนอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน คนแรกคือผัวที่ถูกต้องตามกฏหมาย อีกคนคือลูกติดผัวที่หื่นเสียเหลือเกิน
โดนลูกติดผัวจับทำเมีย
ตอนโดนฟัด
ภายในบ้านทาวน์เฮาส์สองชั้นหลังสีขาว
แฮ่ก! ๆ ๆ อารียากำลังหายใจหอบขณะที่เงยหน้าขาวๆขึ้นมองเพดาน
สองมือของเธอยันอยู่บนหน้าอกที่เปลือยเปล่าของเจตสามีรัก
ปั่บ! ๆ ๆ เธอคุกเข่าขย่มลำเอ็นอยู่บนตัวของสามีที่เป็นตำรวจยศนายดาบ
แท่งเอ็นอวบๆที่ใหญ่แต่ไม่ยาววิ่งเข้าวิ่งออกรูสาวจนขนดกดำสั่นไหว
อร๊า! ๆ ๆ คุณครูสาวอารียาร้องครางระงม วันนี้เป็นคืนวันหยุดเธอเลยสนุกกับสามีรักได้ หากเป็นวันธรรมดาเธอและสามีแทบจะไม่มีเวลาให้กันเลย เพียงหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ก็มากพอสำหรับเจตที่อายุถึง45
อารียาเองอายุเพียง35ปี เธอยังไม่เคยมีลูกแต่ว่าเจตมีลูกติดจากเมียเก่ามาหนึ่งคน
เขาชื่อโจอายุ19ปีกำลังเรียนอาชีวะ เขาเป็นเด็กช่างโหดๆที่มักจะมีเรื่องต่อยตีเป็นประจำ
สามีรักเอาสองมือบีบเค้นเต้าใหญ่ๆของอารียาจนแหลกเหลว เธอยิ่งร้องดังเมื่อเขาใช้ความรุนแรงจนเสียวสะท้าน
ปั่ก! ๆ ๆ เจตขยำนมแล้วกระแทกเอวแทงลำเอ็นโตๆเสยขึ้นมา
อร๊าย! ๆ ๆ อารียากรีดร้อวดังจนเสียงหลุดเล็ดออกไปนอกห้อง
ปรี๊ด! ๆ ๆ เจตเสียวจนน้ำรักแตกพุ่งฉีดในท้องของครูสาว
อารียาเร่งขย่มต่อเมื่อเธอจวนจะเสร็จสม ทว่าลำแข็งๆของสามีเริ่มอ่อนลง ในที่สุดมันก็หลุดออกจากรูสาวของเธอกลายเป็นหนอนน้อยที่อ่อนยวบ
อารียาพลิกตัวลงมานอนหงายแผ่หราอย่างน่าเสียดาย เรือนร่างขาวโพลนของเธอช่างอวบอึ๋มแน่นไปหมด หุ่นของเธอเด็ดชนิดที่ว่านมเป็นนมก้นเป็นก้น เธอขาวอวบแต่ไม่ถึงกับอ้วน
ที่สำคัญคือใบหน้าของเธอนั้นเนียนสวยรูปไข่แบบอิ่มอูมแก้มโตๆ เธอไว้ผมยาวถึงกลางหลัง
"คุณ ไปเอาน้ำเย็นๆหน่อยสิ" เจตสั่งอารียาที่นอนนิ่ง
เธอจำใจลุกขึ้นมาหยิบผ้าเช็ดตัวห่มกระโจมอกแล้วเดินออกจากห้องนอนชั้นสอง
คุณแม่วัยสามสิบห้าลงมาชั้นล่างเจอกับลูกชายวับสิบเก้าปีกำลังนั่งดูฟุตบอล เขาใส่เพียงกางเกงนักบอลเปลือยท่อนบนเอาไว้และกำลังถือขวดเบียร์ดื่ม
อารียาค่อยๆย่องผ่านข้างหลังของโจไปทางตู้เย็น เธอไม่อยากให้เขาเห็นเธอในสภาพที่โป๊เปลือยมีแต่ผ้าขนหนู
เธอชำเลืองมองหนุ่มอาชีวะเลือดร้อนเห็นรอยสักของเขาเป็นรูปมังกรอยู่เต็มหลัง ใจของเธอเสียวหวิวๆอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นเรือนร่างกล้ามๆหุ่นลีนๆแบบนักมวยของลูกติดผัว
โจนั้นตัวสูงกว่าพ่อของเขามากและมีผิวสี ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคายแบบไทยๆคิ้วดกเข้ม
อารียากลั้นหายใจแล้วย่องมาถึงหน้าตู้เย็น ชั้นล่างนั้นมืดสนิทมีเพียงแสงจากหน้าจอทีวีเพียงเท่านั้น
เธอไม่ค่อยสนิทสนมกับโจสักเท่าไหร่ทั้งๆที่ตัวเองก็เลี้ยงเขามาตั้งแต่ป.6 ยิ่งโตเขายิ่งดื้อและอารมณ์ร้อนแบบวัยรุ่น แถมยังชอบเถียงพ่อเถียงแม่และมีเรื่องชกต่อยสารพัด
ปึก! ครูสาวดึงประตูตู้เย็นจนเกิดเสียงดัง
ขวับ! ลูกชายวัยกลัดมันรีบหันมา เรือนร่างขาวโพลนในความมืดสะท้อนแสงทีวี
"มาทำอะไรครับ" ลูกชายลุกจากที่นั่งปรี่เข้ามายืนด้านหลังคุณแม่
"เปล่านี่ มาเอาน้ำ" อารียาตอบลูกเลี้ยงและแกล้งทำหน้าให้ปกติ ทว่าในใจของเธอกำลังสั่นระรัว เมื่อโจเล่นยืนข้างหลังแล้วหายใจรดต้นคอของเธอ
ก่อนหน้านี้อารียาเคยเจอแผ่นหนังโป๊ในห้องนอนของโจแล้ว แถมเธอยังเห็นเขามีหนังสือการ์ตูนโดจีนแนวแม่กับลูกในห้องนอนอีกด้วย
สาวใหญ่ถึงกับตัวสั่นเมื่อลูกชายเอาสองมือสอดใต้รักแร้มาบีบเค้นคลึงนม
"อ่าส์ ใหญ่จังเลย" ลูกชายพ่นกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งออกจากปาก
ลมหายใจของเขาที่พ่นใส่ต้นคอทำเอาอารียาเสียวจนขนลุก
"นี่อย่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะฟ้องพ่อ" คุณแม่สาวใหญ่ขู่เสียงดัง ทว่าอีกใจนึงเธอก็กลัวเหลือเกิน เธอกลัวสามีจะได้ยินแล้วลงมาเห็นกับภาพบาดตาเช่นนี้
"ทำไมครับทีพ่อยังทำได้เลย" โจเถียงและเอาดุ้นเอ็นแข็งๆดันชนตูด
อ๊าย! อย่านะ! อารียาดิ้นตัวแรง เธอเอาสองมือปัดป้องมือใหญ่ๆของโจที่กำลังบีบเฟ้นนม
หมับ! ๆ ๆ โจรูดกางเกงลง แท่งเอ็นยาวๆของเขาถูไถกับขาอ่อนของเธอ
อร๊า! อารียาเผลอร้องครางในทันที เธอรู้สึกถึงแท่งร้อนๆที่ยาวเฟื้อย มันกำลังรูถูขาอ่อนด้านในของเธอเมื่อโจยืนย่อเข่าลงต่ำ
สองมือใหญ่ๆบีบเค้นเต้านมจนแหลกเหลว คุณแม่รู้สึกว่าลูกชายมีแรงเยอะยิ่งกว่าพ่อของเขาเสียอีก
แผ่นอกร้อนๆบดถูกับหลังขาวๆจนอารียาเสียวสันหลังวาบ เธอรู้สึกร้อนผ่าวในร่องสาวและเสียวท้องน้อยวูบวาบ
"อยู่นิ่งๆสิครับ ผมกอดเฉยๆ" โจร้องบอก เขาดูเมาเอามากๆ อารียาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีสติอยู่หรือไม่
หมับ! ๆ ๆ โจไม่ได้ทำแค่กอดเลย เขาบีบมือฟัดสองเต้าของเธอจนแดงเป็นปื้นๆ ผ้าขนหนูหลุดรุ่ยจนหัวนมสีแดงสดโผล่ออกมา
เขากระเด้าเอวเอาแท่งเอ็นรูดขาอ่อนของเธอและร้องครางซี๊ดซ๊าด
อารียาใช้สมองต่อสู้กับอารมณ์อยากที่กำลังทำให้เธอรู้สึกผิด เธอกำลังครุ่นคิดหาวีธีเอาตัวรอดออกจากอ้อมกอดของลูกโดยไม่ให้สามีรู้เห็น
จุ๊บ! ๆ ๆ ลูกชายเริ่มซุกหน้าหล่อๆไซร้ลำคอจากข้างหลัง
"อร๊าย เดี๋ยวพ่อจะลงมากินข้าว" อารียาครางและโกหกลูกชายด้วยเสียงเข็ม
ฟุ่บ! โจรีบผวาถอยออกไปราวกับกลัวพ่อสุดขีด เขาเดินกลับไปนั่งดูทีวีแล้วยกเหล้าดื่มเหมือนไม้มีอะไรเคยเกิดขึ้น
ตุบ! ๆ ๆ อารียารีบกอดขวดน้ำวิ่งกลับขึ้นห้อง เธอลงมานอนข้างๆสามีอย่างโล่งใจเมื่อเห็นว่าเขาหลับไปเสียแล้ว
คุณแม่เอามือลูบที่ง่ามขาเห็นน้ำเสียวตัวเองเลอะติดมือขึ้นมา มันปนกับน้ำรักของสามีเป็นสีขาวขุ่นเลอะเต็มมือน้อยๆของเธอ
"ไม่นะ ฉันต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว" อารียาบ่นครุ่นคิดในใจ เธอโกรธโจมากแต่ร่างกายของเธอกลับตอบสนองเขาด้วยความเสียวจนเธอเกลียดตัวเอง
รุ่งเช้าโจกลับทำปกติเหมือนไม่มีอะไร อารียาคิดว่าเขาคงเมาจนจำเรื่องที่ตัวเองก่อเอาไว้ไม่ได้ซักนิดเลย
ลูกชายยังยิ้มและไหว้เธอก่อนออกไปเรียน เขาเองดูสบายใจ แต่คุณแม่อย่างเธอนี่สิ ความรู้สึกและสัมผัสแนบเนื้อทั้งหมดจากโจมันแนบแน่นอยู่ในใจ
เธอไปสอนหนังสืออย่างมึนๆ วันนี้เธอสลัดเรื่องของโจที่ลวนลามเธอออกไปจากหัวไม่ได้เลย
มันกลายเป็นปัญหาที่ทำให้สาวสวยรุ่นใหญ่อย่างอารียามองหน้าลูกชายไม่ติด เธอเสียวหวามๆในอกทุกๆครั้งที่สบตากับเขา
ต่อให้จะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับสามีว่าเธอไม่เต็มใจ แต่ภาพที่เห็นมันคงทำให้ฟังไม่ขึ้นเลย ครูสาวเลือกที่จะใช้วิธีเก็บเรื่องนี้เอาไว้เพียงลำพังและหาทางจัดการกับปัญหาเสียเอง
อารียารู้อยู่แก่ใจว่าโจต้องแอบคิดอะไรกับเธอ จิตสำนึกของเขาจึงได้สั่งให้ทำแบบนั้นกับเธอในตอนที่เขาเมาแบบเต็มที่
เธอต้องหาทางจัดการกับโจให้ได้ เธอต้องทำให้เขากลัวและไม่กล้าแตะต้องเธออีก
ว่าแต่มันจะเป็นไปได้เหรอ ในเมื่อเธอเองก็ควบคุมจิตใต้สำนึกของตัวเองไม่ไหวเลย?
นางเอกถูกสามีนอกใจแต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอยอมเป็นเมียโง่เพื่อที่ได้แอบกินตับกับพ่อผัว ลูกเลี้ยง หลานชาย และคนสวนในบ้าน สรุปแล้วเธอเสียสามีไปแค่คนเดียว แต่กลับได้ชู้ในบ้านเพิ่มเป็นสิบๆคน
หลังจากโดนผัวทิ้งตอนน้ำหนัก80กิโลแจมก็ผันตัวมาออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างหนักหน่วง เพียงไม่กี่ปีเธอก็กลายเป็นสาวหุ่นดี แถมยังมีสถาบันฟิตเนสทาบทามให้ไปเป็นเทรนเนอร์สุดสวยประจำยิมเสียด้วย แต่ด้วยการที่ต้องหาลูกเทรนและทำยอดขายช่างยากเย็นไม่ต่างอะไรกับการขายประกัน ล่าสุดแจมเกิดปิ๊งไอเดียใหม่เพื่อหาคนมาเทรนด้วย เธอชอบยั่วยวนลูกชายเพื่อนๆให้มาออกกำลังกายที่ยิมแล้วหลอกกินตับ ไปๆมาๆได้ทั้งคู่นอนได้ทั้งค่าคอมจนกระเป๋าตุง เรียกได้ว่านับแต่นั้นมาแทบไม่มีวันไหนที่เธอได้นอนคนเดียวเลยซักคืน
นางเอกเปิดสำนักไถ่บาป สร้างลัทธิหลอกลวงผู้คนให้บริจาคเงิน แถมยังใช้ร่างกายที่สวยและสาวยั่วยวนเหล่าคนรวยบ้าตัญหาจนยอมเปย์ให้ทุกอย่าง นอกเหนือจากนั้นยังยั่วสวาทเหล่าหนุ่มวัยรุ่นชายฉกรรจ์ให้มาเป็นสมุนรับใช้งานต่างๆ เพื่อแลกกับการได้สัมผัสกับร่างกายอันไร้ที่ติของศาสดาสาว
กระต่ายถูกเก็บมาเลี้ยงในตระกูลผู้ดีที่มีชื่อเสียงทางสังคม ทว่าเธอกลับพลาดพลั้งไปมีอะไรกับพี่ชาย พอน้องเห็นเข้าก็แบล็คเมล์เธออีก ไปๆมาๆก็โดนคุณปู่ด้วยอีกคน ในไม่ช้าก็คงไม่พ้นพ่อเลี้ยง สรุปแล้วผู้ชายทั้งบ้านโดนเด็กสาวคนเดียวที่เก็บมาเลี้ยงกินตับจนหมด เธออยากได้อะไรก็ต้องให้ เธออยากไปไหนก็ต้องตามใจ เพราะทุกคนต่างก็คลั่งรักเด็กสาวที่ทั้งสวยและสดใส
นาจำต้องเลี้ยงดูลูกติดของน้องเขยเพราะว่าเขากับน้องสาวของเธอนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นับแต่นั้นมาฝาแฝดก็มีคุณป้าคนสวยเพียงคนเดียวดูแลตลอดมา พอโตเป็นหนุ่มแล้วพวกเขาก็ชอบเล่นกล้ามและไปแข่งประกวดเพาะกายจนได้รางวัลและเงินมามากมาย คุณป้ายังสาวจึงต้องคอยดูแลอาหารการกินและเสื้อผ้าหน้าผมสองหนุ่มอยู่ตลอดเวลา วันดีคืนดีก็ต้องดูแลเรื่องบนเตียงของพวกเขาด้วย ในเมื่อหนุ่มๆพวกนี้ทั้งคึกคักและแรงดี เรียกได้ว่าเผลอทีไรเป็นต้องถึงเนื้อถึงตัวกับนาทุกครั้งไป แนะนำตัวละคร นา นางเอก อายุ29ปี ด้วยความที่เธอมีเชื้อจีนและหน้าเด็กตัวเล็กขาวจึงดูเหมือนสาววัยรุ่น (สายตาสั้น,เฉิ่ม) อภิวัฒน์ น้องเขยของนา (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) เขาเป็นเสี่ยอายุ38 (มีลูกติดมาจากเมียเก่าสองคนเป็นฝาแฝด) นิน น้องสาวของนา อายุ 28 (เสียชีวิต) ปกป้อง หลานแฝดผู้พี่ อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง ปราบปราม หลานแฝดผู้น้อง อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง *หมายเหตุ แฝดทั้งสองเป็นแฝดคนละฝา หน้าตาและนิสัยไม่เหมือนกัน
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง