เธอขอพรได้ 1 ข้อ ถ้าเป็นไปได้ คุณจะขอพรอะไรเหรอ เมื่อเพียงดาวเจอกับชีวิตครอบครัวที่มีแม่สามีประสาทแดก สามีนอกใจไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน เขาดีแต่ดีไม่เกินแม่ของเขา เพียงดาวจึงขอพรหนึ่งข้อให้กับตัวเองในวันปีใหม่ ในวันที่เธอคิดสั้นฆ่าตัวตาย
แม่ผัวตัวแสบ เล่ม 1 รักครั้งนั้นไม่ถึงตาย
เหมือนฟ้าถล่มลงตรงหน้าของเพียงฝันเมื่อสามีขอหย่าร้างด้วยเหตุผลที่ว่ามารดาของเขาจะฆ่าตัวตาย
เพียงฝันยอมเซ็นใบหย่าให้เขา เมื่อเขาถึงกับคุกเข่าอ้อนวอน
“คุณแม่จะฆ่าตัวตาย แล้วคุณแม่ก็ทำจริง ๆ พี่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เราหย่ากันแค่ชั่วคราว แล้วค่อยแอบจดทะเบียนกันใหม่โดยไม่ให้ท่านรู้ก็ได้นะ”
“ค่ะ เดี๋ยวฝันหย่าให้” เธอยิ้มให้กำลังใจเขา ในใจเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
เธอรู้ว่าการหย่าครั้งนี้จะเป็นการหย่าที่จะทำให้เธอกับเขาเลิกกัน
เธอมีพร้อมทุกอย่าง บ้าน รถ เงินทอง การงาน การเงิน มีผู้ชายดี ๆ เพียบพร้อมมาสู่ขอมากมาย เธอไม่เลือก เพราะอยากโสดตลอดชีวิต บิดามารดาบอกให้เธอเลือกสักคน เธอก็อยากอยู่กับพวกท่าน จนเธอได้พบกับพิภพ ไม่ได้คิดอยากจะคบหาหรือแต่งงานด้วย แต่โชคชะตาเล่นตลก เขาอาจจะเป็นเนื้อคู่หรือคู่เวรคู่กรรมของเธอก็เป็นได้ เธอจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีอะไรเลย แถมยังมีหนี้สินติดตัวมาด้วย แต่เพราะความรักเธอจึงไม่แคร์เรื่องนั้น
เขาเป็นคนดีและขยันมาก แถมยังรักแม่ของเขามากด้วย เธอจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขา
ตอนคบหากันนานนับปีเขาเองก็ยังไม่ได้พาเธอไปพบเจอกับมารดาของเขา มารดาของเขานั้นเลิกรากับบิดาของเขามานานหลายสิบปี จึงเป็นหม้ายหย่าร้างกับสามี
เธอเองก็งานยุ่ง เมื่อเวลาไม่ตรงกัน เธอก็มุ่งมั่นกับงานที่ตัวเองทำอยู่ เธอได้เจอกับมารดาของเขาก่อนวันแต่งงานไม่กี่วัน ซึ่งทุกอย่างเตรียมพร้อมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
มันเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตที่เธอจะไม่มีวันลืมเลยก็คือ ก่อนแต่งงานควรศึกษานิสัยใจคอของคนในครอบครัวว่าที่สามีเสียก่อน ถึงเราจะแต่งงานแค่กับผู้ชายที่เรารัก แต่ถ้าครอบครัวของเขาไม่ดี เราก็จะมีเรื่องปวดหัวตลอดชีวิต ดังนั้นหาผู้ชายที่ครอบครัวมีพื้นฐานจิตใจที่ดีด้วย แต่ถ้าหาไม่ได้ ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ก็ควรที่จะเป็นโสดไปตลอดชีวิต เกิดมาไม่กี่ปีก็ตายแล้ว จะไปทุกข์ทรมานกับการมีคู่ไปทำไมกัน
เธอเจอกับแม่ของเขาครั้งแรก ก็เจอกับสายตาไม่ชอบส่งมาให้ หลังแต่งงานเธอกับพิภพอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่เคยทะเลาะกัน แม้บิดามารดาจะเคยถามเธอซ้ำ ๆ ว่าเขาไม่มีอะไรเลย เธอก็ยังจะรักใช่ไหม เธอก็ตอบว่ารัก จนตอนนี้พวกท่านจากไปแล้ว เธอก็เหลือตัวคนเดียว หวังแค่ว่ามารดาของเขาจะเอ็นดูเธอบ้าง เพราะเธอไม่เหลือใครอีกแล้ว
พิภพเป็นหนี้เธอก็จัดการใช้หนี้ให้เขา เงินเก็บหมดลงอย่างรวดเร็ว ในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีเช่นนี้ แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่อยากให้เขามีหนี้สิน อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเขาด้วยการไม่มีหนี้
ชีวิตคู่ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมันเกิดขึ้นกับเธอ ตั้งแต่คืนวันแต่งงาน ที่ไม่มีการส่งตัวเข้าห้องหอ แต่มารดาของเขาเป็นลม ป่วยไม่สบาย จนพิภพต้องไปดูแล ในขณะที่เธอได้แต่ตัวชาเมื่อจะเข้าไปดู แม่สามีก็หันไปกอดลูกชาย ร้องไห้บอกว่ารู้สึกไม่สบาย ท่านบอกว่าฝันเห็นพ่อแม่มาหา มาชวนไปอยู่ด้วย เลยรู้สึกกลัว อยากให้ลูกชายอยู่เป็นเพื่อนไม่ทิ้งกันไปไหน
เธอเลยเลี่ยงออกมาไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจ คืนแรกเลยไม่ได้เข้าห้องหอกับพิภพ
โปรย หวานใจเฮียเจ้า ปิ่นเพชรยืนมองประตูห้องน้ำอย่างลังเล เขากำลังอาบน้ำเช่นนี้ เธอควรจะเข้าไปดูแลเขาไหมนะ เขาไม่เคยเรียกร้อง ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ถ้าเขาจะทำอะไรก็ควรทำสักที เธอมาอยู่กับเขาเพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ ตัดสินใจได้ดังนั้น ปิ่นเพชรก็ทะลึ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำของเขาในทันที เจ้าทัพตกใจเมื่อจู่ ๆ เธอก็โผเข้ามากอดเขาเอาไว้ทั้งตัว ในขณะที่เขาเองก็กำลังเปลือยเปล่าอยู่ “มีอะไร” เขาเอ่ยถามเหมือนเพิ่งหาเสียงเจอ ไม่คิดว่าเธอจะโผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ “คือปิ่นจะมาช่วยอาบน้ำให้คุณน่ะค่ะ” คนบอกว่าจะมาช่วยอาบน้ำกอดเขาเอาไว้แน่น ไม่กล้าผละออกห่างหรือเงยหน้ามองเขาเพราะอาย “จะมาช่วยอาบน้ำให้ผม แต่กอดผมเอาไว้ซะแน่นแบบนี้จะอาบได้ยังไงกันครรับ” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม พลางกลั้นยิ้มเอาไว้ “ก็คุณโป๊อยู่” “มาช่วยผมอาบน้ำก็ต้องรู้สิครับว่าผมโป๊” “เอ่อ...” เธออึกอัก เขาจึงค่อย ๆ ดันเธอออกห่าง ก่อนจะมองหน้าเธอไม่วาง เจ้าทัพทาบริมฝีปากลงไปหาริมฝีปากน้อยสั่นระริกของเธอ เธอเกร็งตัวหลับตาแน่น จิกมือเข้าที่บ่าของเขา ท่าทีของเธอบอกว่ากำลังหวาดกลัว และไม่พร้อม ทำให้เขาต้องละริมฝีปากออกห่าง เมื่อเขาจูบลงไปแต่เธอกลับปิดปากแน่น “คุณไม่ต้องฝืนใจตัวเองหรอกนะ ผมไม่บังคับคุณจนกว่าคุณจะเต็มใจ” ประโยคของเขาทำให้เธอชะงักและอึ้งไป
“เดี๋ยวพลอยไปเอาเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วกันค่ะ” เขาทำท่าจะตามมา เธอเลยรีบปรามเอาไว้ “พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องพลอยดีกว่า ยืนรอตรงนี้มันหนาว” “ไม่ได้ค่ะ” “กลัวพี่เหรอ” “กลัวค่ะ” เธอตอบตามตรง จะไปอวดดีว่าไม่กลัวเขา เดี๋ยวก็เจอดีเข้าหรอก “พี่ไม่ทำอะไรหรอก ถ้าพลอยไม่ยอม” “แน่ใช่ไหม” เธอพูดอย่างไม่ไว้ใจ “แน่ครับ” เขาเอานิ้วไปเกี่ยวไว้ทางด้านหลัง ก่อนจะฉีกยิ้มให้เธออย่างบริสุทธิ์ใจ “พลอยไม่ไว้ใจพี่เจตน์หรอกค่ะ พี่น่ะเสือผู้หญิง รออยู่นี่แหละค่ะ พลอยจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้” เธอรีบตัดบท ไม่ยอมใจอ่อนง่าย ๆ พลอยไพลินเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบชุดให้เขา พอหันมาก็ต้องสะดุ้ง “อุ๊ย! พี่เจตน์เข้ามาตอนไหนคะ พลอยบอกว่าให้รออยู่ข้างนอกไง” “ห้องน้องพลอยเรียบร้อยจังเลยครับ หอมด้วย” เขาได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากห้องนอนของเธอ “ชุดพี่เจตน์ค่ะ” เธอยื่นให้เขา เขาก็รับมาถือเอาไว้ “ชุดน้องพลอยหอมจังเลยครับ” เจตน์ยกขึ้นมาดม ก่อนจะยิ้มหวานให้เธอ “เวลาพี่เจตน์จีบผู้หญิงก็ใช้มุขนี้เหรอคะ” “พี่ไม่เคยจีบผู้หญิง” “จะบอกว่าผู้หญิงวิ่งเข้าหาพี่เองเหรอคะ” “น้องพลอยเห็นยังไงก็อย่างนั้นแหละ” “...” เธอเงียบไม่ได้ตอบโต้ “หึงพี่เหรอ” เขาเดินเข้าหา ก่อนจะใช้มือดันไปที่ตู้เสื้อผ้า ทำให้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ใครจะไปหึงพี่กันล่ะคะ” “น้องพลอยก็เปียกไปหมดแล้ว เปลี่ยนชุดพร้อมพี่ไหม” “อุ๊ย! อย่ามาลามกกับพลอยนะคะ” เธอยกขึ้นกอดอกเมื่อเขาหลุบสายตามองต่ำลง “ยังไม่ตอบเลยว่าหึงพี่เหรอ” เขาขยับเข้าไปใกล้ พลางกระซิบถามตรงริมหู ลมหายใจร้อนแรงของเขาเป่ารดอยู่ตรงพวงแก้มหอมกรุ่น “ไม่ได้หึงค่ะ” เธอตอบเขาออกไป ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด การใกล้ชิดกับผู้ชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือร้ายแบบเขา ทำให้เธอใจสั่น พยายามจะอยู่ให้ไกลจากเขา เพราะรู้ว่าหัวใจตัวเองคงทานทนไม่ไหว แต่ก็เผลอเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาในชีวิตอยู่ร่ำไป “อย่าค่ะ” เธอดันใบหน้าของเขาออกห่าง เมื่อเขาทำท่าจะก้มลงมาประทับริมฝีปากกับกลีบปากหวานฉ่ำของเธอ
เรื่องราวของภพและภาม ความรักมั่นคงของพวกเขาทำให้ฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
เขาคือท่านประธานนิรันดร์ ท่านประธานที่อยู่ห้องพักข้างๆ แถมยังชอบเรียกเธอให้ไปหาตอนดึกๆ ดื่นๆ
“เฮีย! ขึ้นมาทำไม ทำไมไม่ไปนอนที่ห้องตัวเอง” “ทีเมื่อกี้เรียกร้องจะให้นอนด้วย” “นั่นมันเมื่อก่อนนะ แต่ตอนนี้ไม่อยากให้นอน” “ใจร้าย...” เขาบ่นอุบ ซุกหน้าเข้าหาอกอวบๆ ของเมีย “เฮีย... จะมาซงมาซุกทำไมนี่” “พอได้เฮียเป็นผัวก็จะไล่ใช่ไหม เห็นเฮียเป็นของตาย” “ไม่ใช่ อัญกลัวเฮียจะลักหลับอัญ” เธอนิ่วหน้ายังเจ็บตรงหว่างขาอยู่เลย “เฮียไม่ลักหลับหรอก ชอบแบบดิ้นได้มากกว่า โอ๊ย! หยิกทำไมนี่ ยัยเด็กซาดิสม์” “ถ้าจะนอนด้วยกันก็อย่าลามกนะคะ” อัญชัญอ้าปากหาวอีก ซุกหน้าเข้าหาหมอน แต่เขาดึงศีรษะของเธอให้มาซุกหน้าเข้าหาอกกว้างของเขาแทน “ซุกตรงนี้” “เฮียไม่ใช่หมอนเสียหน่อย” เธอบ่นเสียงอู้อี้อยู่ที่อกเขา ตาปรือด้วยความง่วง ตะกายมือกับเขากอดเขาเหมือนเขาเป็นหมอนข้าง
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เนี่ยหลิง ตายแบบ งงๆ และได้ไปเกิดใหม่แบบ งงๆ ในโลกลมปราณของผู้ฝึกตนและพร อีก สอง ข้อ พร้อมธนู และลูกธนูหนึ่งชุด แหวนมิติเก็บของหนึ่งวง อย่าถามหา เหตุผล ว่าทำไม เนี่ยหลิงก็ไม่รู้เช่นกัน หวังว่า มันจะดี
วามสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ทำให้เธอ...ท้องไม่มีพ่อ .................... “คูน...คุณ” ชมพลอยทรุดตัวนั่งใกล้ร่างหนาที่หันมองเธอด้วยสายตาแปลกใจ เธอทักทายเขาด้วยภาษาสากล “คูณนอนกับช้านม้าย ฉันซิงนะ” บุรุษที่ชมพลอยเข้าไปทักคือ ภาคินทร์ ภักดีธำรง หรือหมอธาม ในวัยสามสิบปีที่มาเรียนแพทย์เฉพาะทางเพิ่มเติมในประเทศเยอรมัน เขายังคงมองหน้าคนเสนอตัวให้ด้วยสายตาตกใจปนประหลาดใจ เขาพบเจอผู้หญิงที่ชวนไปหลับนอนหลายคน ทว่ากลับไม่มีใครสักคนที่บอกให้รู้ว่า ครองพรหมจรรย์ ในตอนนั้นภาคินทร์คิดว่า สาวสวยตรงหน้าเมาจึงพูดในเรื่องตรงกันข้ามกับการกระทำ ผู้หญิงบริสุทธิ์คงไม่ชวนผู้ชายหลับนอนด้วย “วันไนท์สแตนด์งาย...สนใจไหม” “ได้สิ” ภาคินทร์ยิ้มและตอบรับทันที อาจเป็นเพราะเขาถูกใจในความสวยงามบนใบหน้า ผิวขาวลออตา และรูปร่างที่น่าฟัดอย่าบอกใคร ภาคินทร์เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป กิเลสตัณหาเกิดขึ้นได้หากเจอคนถูกใจ
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"