เขา คือเฮดว้ากตัวร้ายที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความดุ! โหด! ส่วนเธอคือเด็กปีหนึ่งที่ไม่เคยเกรงกลัวเขาเลยสักนิด ยิ่งได้รู้จักทำให้เขารู้ว่า เธอ! ไม่ใช่วัยรุ่นธรรมดาทั่วไป เธอปิดบังอะไรอยู่กันแน่ เขาจะต้องรู้มันให้ได้! ซีรีส์ชุดมาเฟียตามรัก ประกอบด้วยเรื่อง 1.ยัยตัวร้ายกับนายสายโหด จบแล้ว 2.เฮดว้ากตัวร้ายกับยัยมาเฟีย จบแล้ว
กริ๊ง... กริ๊ง...
“อื้อ” ฉันเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกบนหัวเตียง ก่อนจะบิดตัวไปมา เอ๊ะ ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย!
07:30
“ฮะ! เจ็ดโมงครึ่ง ซวยล่ะ”
ฉันพูดออกมาอย่างตกใจก่อนจะรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ เพื่ออะไรน่ะเหรอ ก็อาบน้ำน่ะสิ วันนี้มีปฐมนิเทศนักศึกษาปีหนึ่งใหม่ทุกคน และทางมหา’ลัยเขานัดตอนแปดโมงครึ่ง และตอนนี้ฉันเหลือเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น! จะไปทันไหมเนี่ย ไม่น่าตื่นสายเลยฉัน
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ฉันใช้เวลาอาบน้ำเพียงแค่สิบนาที ก่อนจะรีบออกมาแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว แล้วหยิบเสื้อนักศึกษาพอดีตัว กระโปรงคลุมเข่าหน่อยมาใส่จะได้ดูเรียบร้อย ทรงผมก็ปล่อยเอา หน้าไม่ต้องแต่งละ สายแล้ว
กุญแจรถฉันอยู่ไหน อยู่ไหน อยู่ไหน!
ฉันเปิดลิ้นชักหากุญแจรถลัมโบร์กีนีรุ่นใหม่ล่าสุดของฉัน โอ๊ย ทำไมยิ่งรีบยิ่งช้า อ่า นี่ไงเจอแล้ว เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ ฉันก็วิ่งออกจากคอนโด พุ่งตัวเข้ารถคันหรูและขับออกไปด้วยความเร็ว ฉันว่าต้องมีคนด่าหรือแช่งฉันบ้างล่ะ เล่นขับปาดหน้าแซงซ้ายแซงขวาแทบจะทุกคันแบบนี้ แถมยังเหยียบเกือบมิดไมล์
นั่นไง! หลังขับรถด้วยชั่วโมงเร่งรีบทั้งยังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายบนท้องถนน ฉันก็ขับมาถึงมหาวิทยาลัยที่ได้สมัครไว้สักที
เอี๊ยดดดดดดดดดด!
เสียงจอดรถดังสนั่นหวั่นไหวทั่วบริเวณของฉัน เรียกสายตาผู้คนให้หันมามองทั้งชายและหญิง ตอนนี้ใครจะชมใครจะด่าไม่สนใจทั้งนั้นแหละ ฉันรีบ!
หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว ฉันก็รีบวิ่งสี่คูณร้อยเข้าไปในในตัวอาคารทันที เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงแค่สิบนาที การปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ก็จะเริ่มขึ้น
พลั่ก ตุ้บ!
บ้าเอ๊ย ชนใครอีกล่ะเนี่ย ฉันเงยหน้ามองคนที่ฉันชนอย่างไม่สบอารมณ์นัก โอเค ฉันผิดฉันยอมรับ แต่ตอนนี้มันใช่เวลาจะมามองสำรวจผู้ชายตรงหน้าไหมเล่า ถึงเขาจะหล่อก็เถอะ
คนอะไรหน้าตาดีชะมัด ใบหน้าฟ้าประทานเนียนใสไร้สิว ไหนจะริมฝีปากได้รูปนั่น โอ้... พระเจ้าคงทำงานหนักแน่ ๆ เขาถึงได้หล่ออย่างไร้ที่ติแบบนี้ ช่างลงตัวเหลือเกิน พ่อเทพบุตรของฉัน...
“เดินภาษาอะไรของเธอเนี่ยฮะ! คนยิ่งรีบ ๆ อยู่”
เพล้ง! จบกันความเคลิบเคลิ้ม
อ๊าย มันด่าฉัน! เอาคำชมของฉันคืนมา ไม่น่าหลงเคลิบเคลิ้มไปกับรูปลักษณ์ภายนอกของอีตาบ้านี่เลย คนเขาอุตส่าห์ชมว่าหล่อ ไอ้ปากปีจอเอ๊ย นอกจากไม่คิดจะช่วยแล้ว ยังทำหน้ากวนส้นตี_ ใส่อีก หงุดหงิดเป็นคนเดียวหรือไงล่ะ ฉันก็หงุดหงิดเป็นเหมือนกันนะ ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย ฉันละสายตาออกจากเขาก่อนจะก้มมองนาฬิกาเรือนหรูที่อยู่บนเรียวแขนสวยของฉัน
ตายแล้ว อีกห้านาที!
“ขอโทษนะคะ ที่ดิฉันชนคุณเมื่อกี้ ซึ่งดูจากสถานการณ์แล้วคุณก็ไม่ได้เจ็บอะไรมาก เพราะคนที่ดูท่าว่าจะเจ็บนั้นเป็นดิฉัน อ้อ คุณไม่ได้รีบคนเดียวนะคะ ฉันก็รีบเหมือนกัน คุณน่าจะเป็นสุภาพบุรุษให้มากกว่านี้นะคะ ฉันไปล่ะ ขอโทษอีกครั้งค่ะ”
หลังจากพูดกับคนตรงหน้าจบ ฉันก็รีบวิ่งตรงไปยังสถานที่ที่มหาวิทยาลัยได้จัดเตรียมไว้ ก่อนจะไล่สายตามองหาเก้าอี้ที่ว่าง เมื่อเจอแล้วฉันก็รีบพาร่างที่แสนจะบอบบางของฉันเข้าไปนั่งทันที
นั่งได้สักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนสะกิด พอหันไปมองด้านข้างก็เจอกับผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งส่งยิ้มที่เกือบจะเห็นฟันครบทุกซี่มาให้ พร้อมทั้งจ้องมองมาที่ฉันด้วยแววตาตื่นเต้น จนฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบเธอ
“เธอชื่ออะไรเหรอ เราชื่อน้ำฟ้านะ เรียกเราว่าฟ้าก็ได้”
อืม...เท่าที่สังเกตเธอก็ดูเหมือนจะเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร แถมยังดูร่าเริงเกินปกติเสียด้วยซ้ำ ผูกมิตรเอาไว้ก่อนดีกว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าเข้ากันไม่ได้ก็ต่างคนต่างอยู่แค่นั้น
ฉันยิ้มให้คนตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมพูดว่า “หวัดดี เราชื่อแพรวา เรียกเราว่าแพรวก็ได้”
“เธอเรียนสาขาอะไรเหรอ”
“ฉันเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เธอล่ะ”
“เฮ้! จริงเหรอ งั้นก็ดีสิ เพราะฉันก็สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เหมือนกัน ดีเลยเราจะได้เรียนด้วยกัน เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”
“อื้ม”
พรึ่บ!
จู่ ๆ ก็มีผู้ชายหน้าตาดีมานั่งลงข้าง ๆ ฉัน หล่อเสียด้วยนะ จนยัยฟ้าแทบจะเก็บอาการระริกระรี้เอาไว้ไม่อยู่ ก็เล่นสะกิดฉันพร้อมกับมองคนมา ใหม่ตาเยิ้มแบบนี้ จะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงถ้ามันไม่ได้บ้าผู้ชาย! ฉันมองคนข้าง ๆ ด้วยสายตาปกติ ไอ้หล่อก็หล่ออยู่หรอกแต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย!
“นี่พวกเธอชื่ออะไรกันเหรอ”
“เราชื่อฟ้านะ ส่วนคนนี้อะชื่อแพรว เราสองคนเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ แล้วเธอล่ะ ชื่ออะไรเรียนอะไรเหรอ” ฉันได้แต่นั่งยิ้มขำกับความช่างจ้อของยัยฟ้า ที่นอกจากจะแนะนำตัวเองแล้วยังแนะนำตัวให้ฉันด้วย สดใสร่าเริงสมกับบุคลิกของนางจริง ๆ
“เราชื่อรัน เรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เหมือนกัน เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”
ฉันพยักหน้ารับทราบ แล้วการปฐมนิเทศก็เริ่มต้นขึ้น
เรื่องที่ปฐมนิเทศก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเรื่องเกี่ยวกับระเบียบวินัยใน มหาวิทยาลัยแล้วก็พูดถึงแผนการเรียนการสอนของคณะวิศวกรรมในแต่ละสาขา ทั้งยังมีเหล่าคณาจารย์หลายท่านออกมาให้ความรู้ และมีรุ่นพี่หลายคนมาชี้แนะแนวทางการเรียนให้อีกด้วย
ส่วนใหญ่พวกฉันไม่ค่อยฟังหรอก คุยกันเองเสียมากกว่า น่าแปลกที่เราสามคนเข้ากันได้ดีมากและสนิทกันอย่างรวดเร็ว จากที่เกร็งก็เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ดูอย่างนายรันที่เริ่มหลุดอาการตุ้งติ้งออกมาให้เห็น ส่วนน้ำฟ้าก็มีมุมที่ฉันคาดไม่ถึงหลุดออกมาเหมือนกัน
“ไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนตรงนั้นกันเถอะ เราจะได้คุยต่อ”
ยัยฟ้าชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่ว่า ก่อนจะเดินนำไปอย่างรีบร้อน เพราะกลัวจะมีคนแย่งโต๊ะที่หมายตาไว้
“นี่ แกใช่ไหม ที่มีเรื่องกับมาร์คัสของฉันนะฮะ!”
ระหว่างที่เรานั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ก็มีเสียงผู้หญิงเข้ามาถามหาว่าฉันไปมีเรื่องกับใครสักคนที่ชื่อว่ามาร์คัส
“ฉันเนี่ยเหรอคะ!”
ฉันถามกลับด้วยความไม่เข้าใจว่าฉันไปมีเรื่องกับใครตอนไหน ก่อนจะใช้สายตามองเธอกลับอย่างท้าทาย เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คิดว่าฉันกลัวหรือไง ถือว่ามาสามคนแล้วแพรวคนนี้จะกลัวเหรอ เหอะ
“ก็ใช่นะสิ ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร” คนที่ยืนข้าง ๆ ยัยคนแรกพูดขึ้น ฉันมองหน้าพวกมันนิ่ง ๆ ก่อนจะพูดว่า
“ขอโทษนะคะ” ฉันพูดขอโทษซึ่งพวกมันก็ยกยิ้มอย่างพอใจ แต่ขอโทษนะฉันยังพูดไม่จบ
“ที่ฉันพูดว่าขอโทษ เพราะอยากจะทราบว่า ฉันไปมีเรื่องตอนไหน วันนี้วันเปิดเทอมวันแรกของฉัน และที่สำคัญฉันไม่รู้จักคนที่ชื่อมาร์คัสอะไรนั่นด้วย กรุณาเข้าใจใหม่ด้วยนะคะ”
“แกแน่ใจเหรอว่าไม่มีเรื่อง ก็คนที่แกชนเมื่อเช้าไง นั่นแหละมาร์คัส แฟนฉันเอง”
อ๋อ ที่แท้ก็นายปากปีจอนั่น
“ก็ถ้าเป็นคนเมื่อเช้า ฉันพูดขอโทษเขาไปแล้วค่ะ ที่สำคัญมันเป็นอุบัติเหตุ”
“หึ นี่แกคิดจะอ่อยแฟนฉันใช่ไหม ฉันชื่อมินนี่ จำใส่หัวแกเอาไว้เลยนะว่าเขาเป็นของฉัน อย่ามาเสนอหน้า ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอกับนายนั่นเป็นอะไรกัน และฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายบ้านั่นด้วย ทางที่ดีเธอควรไปบอกคนของเธอดีกว่านะ ไม่ใช่ตามมาหาเรื่องฉันแบบนี้ แล้วถ้ากลัวแฟนของเธอจะทิ้งไปมากละก็ ฉันแนะนำว่าให้ล่ามเขาเอาไว้ซะ ถ้าให้ฉันเดานายนั่นคงเจ้าชู้มากสินะ เธอถึงได้มาระแวงชาวบ้านเขาแบบนี้ ผู้ชายก็แบบนี้แหละมักมากไม่รู้จักพอ”
“อ๊าย นี่แกด่ามาร์คัสงั้นเหรอ แกรู้ไหมว่ามาร์คัสเป็นใครน่ะฮะ! จัดการมันเลยมินนี่”
“ใช่ จัดการมันเลย” เพื่อนทั้งสองของยัยมินนี่พูด
“ช้าก่อนยัยพิ้งยัยกรีน” มินนี่หันไปพูดกับเพื่อนของเธอ ก่อนจะคุยกับฉันอีกครั้ง
“แกเพิ่งเข้ามาใหม่คงยังไม่รู้อะไร เพิ่งอยู่ปีหนึ่งอย่าเพิ่งซ่า ฉันเป็นรุ่นพี่เธอหัดให้ความเคารพกันบ้าง ไม่งั้นแกจะอยู่ไม่สุข”
ได้ข่าวว่าฉันไม่ได้เป็นคนหาเรื่อง คำพูดช่างย้อนแย้งเหลือเกินนะยัยป้านี่
“ขอบคุณนะที่เป็นห่วงฉัน แต่เอาเวลาที่มาพูดจาไร้สาระ ไปหาอะไรทำที่มันสร้างสรรค์ดีกว่าไหม ปากบอกว่าเป็นรุ่นพี่ แต่การกระทำไม่ได้ต่างไปจากเด็กสามขวบ ไม่ได้มีความน่าเคารพ ถ้ามีรุ่นพี่แบบนี้ฉันไม่มีซะยังดีกว่า อ้อ แล้วก็บอกไว้ตรงนี้เลยนะว่า อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
หึ ถ้าอยากมีเรื่องก็มาสิ ฉันพร้อม!
“อ๊าย แก แก” ป้ามินนี่ก็กรี๊ดร้องซะหนวกหู ดีดดิ้นเร่า ๆ ด้วยความขัดใจ พร้อมกับถลาจะมาทำร้ายฉัน
“หยุด!!!”
“...”
“มีเรื่องอะไรกัน ถึงได้มากรีดร้องโวยวายแถมยังจะมาตบกันต่อหน้านักศึกษาที่นี่อีก ไม่อายกันหรือไง ที่นี่มันมหาวิทยาลัยไม่ใช่ตลาดสดที่มีไว้ให้พวกเธอมีเรื่องกันนะ”
คนที่พูดก็คือนายมาร์คัส คนที่ฉันเดินชนเมื่อเช้าแฟนที่ป้ามินนี่พูดถึงนั่นแหละ เขามากับเพื่อนผู้ชายสามคนรวมทั้งตัวเขาเอง และผู้หญิงสวยอีกหนึ่งคน
หลังแก้ปัญหาไอมารจนผืนดินกลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้ง ก็ถึงเวลาที่เว่ยซือหงต้องไปผจญภัยจริง ๆ เสียที สมบัติวิเศษ สมุนไพรล้ำค่า ทรัพยากรอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ในดินแดนลับ นางจะกวาดให้เรียบ!
โปรย... ชะตาพลิกผันให้เจ๊ใหญ่หงทายาทมาเฟียยุค2000 ต้องไปเกิดใหม่ที่มิติใกล้ล่มสลาย ซึ่งทุกอย่างถูกวัดด้วยความแข็งแกร่ง ทั้งพลังปราณ พลังธาตุ ทั้งนางยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องรับผิดชอบ ทว่าเมื่อลืมตาตื่นความทรงจำกลับเลือนราง นางกลายเป็นก้อนแป้งน้อยโดยสมบูรณ์! ผักก็ต้องปลูก มารก็ต้องกำจัด ความทรงจำยังเลือนรางอีก สวรรค์ท่านกลั่นแกล้งข้าหรือไร?
คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด... เมื่อเรื่องราวความรักของม่านไหมโรยไปด้วยกลีบกุหลาบที่ถูกก้องเกียรติสร้างขึ้นมา ชวนให้หลงมัวเมากับฉากหน้าอันแสนหวานยากจะถอนตัว กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นว่าเธอถูกหนามแหลมคมของดอกกุหลาบที่ชื่นชอบคอยทิ่มแทงให้เธอเจ็บแล้ว ราวกับโลกทั้งโลกแหลกสลาย ความไว้ใจที่มีมาพังทลายลง! คนที่มั่นคงและซื่อสัตย์ในรักอย่างเธอต้องมานั่งเสียใจนอนร้องไห้ ต้องเจ็บปวดจากการกระทำของคนที่เธอรักและไว้ใจที่สุด เธอจะเลือกอะไรระหว่างอดทนยอมรับชะตากรรมความเจ็บปวดที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อและให้อภัยเขาในที่สุด หรือ! เดินหน้าเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคนที่หวังดีกับเธอตลอดมา เป็นกำลังใจให้ม่านไหมด้วยนะคะ ............................................... ตัวอย่างบางส่วนในนิยายค่ะ “ทำแบบนี้ทำไม” คำถามแผ่วเบาที่ออกจากปากของม่านไหม ทำให้ชายหนุ่มได้สติ ก้องเกียรติตวัดสายตาดุร้ายมองเธอ เขาไม่ตอบเลือกที่จะหันหลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบมาแต่งตัว “ทำไมไม่ตอบ ทำแบบนี้ทำไม!” เสียงของม่านไหมดังขึ้น หญิงสาวไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มหันหลังให้ เธอเดินเข้าไปแล้วกระชากให้เขามามองหน้าเธอทันที “ตอบสิ ทำแบบนี้ทำไม ม่านทำอะไรผิดเหรอ พี่ถึงได้ไปมีคนอื่นแบบนี้!” ม่านไหมโวยวาย สองมือของเธอทุบลงบนอกของเขา
เพราะว่ารักจึงยอม เพราะรักถึงรอ รอที่จะได้ยินคำว่ารัก รอวันที่เธอชัดเจน... .......... ตัวอย่าง “หยุดร้องก่อนได้ไหมฉาย” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด หลังจากที่เขานั่งทนฟังเสียงร้องไห้ของหญิงสาวมาร่วมชั่วโมงกว่าเกือบจะสองชั่วโมงได้ “ฉายไม่ได้อยากร้อง แต่ว่ามันหยุดไม่ได้ ฮึก! แล้วพี่สงจะให้ฉายทำยังไง” หญิงสาวตอบกลับพลางสะอื้นไห้ .......... “นานแล้วนะครับฉาย พี่ทรมาน” น้ำเสียงทุ้มฟังดูเซ็กซี่ดังขึ้นข้างหู “พี่สง!” “พี่รักฉายมากฉายก็รู้ แล้วตอนนี้มันก็นานมาก ๆ แล้วที่เราไม่ได้รักกัน ฉายไม่สงสารพี่เหรอครับ” เขายังคงหว่านล้อมเธอด้วยคำพูดจนจันทร์ฉายเริ่มลังเล ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากพร้อมพูดต่อ “รักของพี่มีให้ฉายแค่คนเดียว ทั้งหัวใจพี่ก็มีแค่ฉาย จะทำอะไรก็นึกถึงแต่ฉาย แบบนี้... พี่ควรได้รางวัลหรือยังครับ” พูดแล้วก็เป่าลมร้อนเข้าหูเธอจนคนตัวเล็กย่นคอหนี “ตะ แต่ว่าฉายท้องอยู่นะคะ” “เลยช่วงอันตรายมาแล้วครับ หมอก็อนุญาตฉายก็รู้ พี่สัญญาว่าจะระวัง” “แต่ว่า” “ให้พี่ทักทายลูก ต่อแขนต่อขาให้ลูกนะครับคนดี พี่สัญญาว่าจะทำเบา ๆ นะครับ นะ” สงกรานต์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะระดมจูบไปตามซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว “คะ ครั้งเดียวนะคะ” “ขอบคุณครับ” เมื่อได้รับคำอนุญาตสงกรานต์ก็ไม่คิดเกรงใจอีกเขาตะโบมจูบจันทร์ฉายด้วยความคิดถึงและความรักทั้งหมดที่มี ลิ้นหนาพัวพันกับลิ้นเล็กดึงดูดความหอมหวานของกันและกัน ก่อนจะประคองเธอนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ สองมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธอด้วยความชำนิชำนาญ
ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกนอกสมรสเธอไม่เคยปริปาก โดนกลั่นแกล้งสารพัดก็ไม่เคยพร่ำบ่น เห็นว่าเธอไม่มีปากเสียงแล้วจะเอาอะไรที่เป็นของเธอไปก็ได้เหรอ? ฝันไปเถอะ! ถึงเวลาที่เธอจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองแล้ว ระวังตัวไว้ให้ดีละ เตือนแล้วนะ... .......... ตัวอย่าง 1 “ดี! งั้นมาดูกัน ว่าระหว่างฉันกับเธอใครกันแน่ที่พูดความจริง แต่เธอคงไม่ถือใช่ไหมพริมา ถ้าต้องใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับพี่สาวอย่างฉันน่ะ” กล่าวถามก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเรียบเฉยของน้องสาว อิงอรฉีกยิ้มเยาะเย้ยพลางมองพริมาด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน มือบางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินกลับไปยังประตู ทว่าก่อนที่มือจะทันได้จับลูกบิด น้ำเสียงเย็น ๆ ของน้องสาวที่ดังขึ้นด้านหลังกลับหยุดเธอไว้ “ก็เอาสิคะ ถ้าพี่อิงมั่นใจว่าจะแย่งเขาไปจากฉันได้ก็ลองดู แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าฉันเป็นคนหวงของ ยิ่งรักมากก็หวงมาก และฉันคงไม่ยอมอยู่เฉย ๆ เหมือนที่แล้วมาแน่ อะไรที่เป็นของฉันใครหน้าไหนก็เอามันไปจากฉันไม่ได้ โดยเฉพาะคนหน้าด้านอย่างพี่อิง อย่าได้หวังเลยค่ะ แต่ถ้าพี่คิดว่าพี่แน่ ก็เชิญ แล้วจะได้รู้ ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่พี่คิด เตือนแล้วนะ” “เหอะ” อิงอรอารมณ์เสียเพราะคำพูดของพริมา แต่ไม่ใช่ในคำเตือน เธอหันกลับมามองหน้าน้องสาวแล้วส่งสายตาฟาดฟันกัน ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินออกจากห้องไป .......... ตัวอย่าง 2 “เสียดายจัง ยังไม่ทันได้มองหุ่นเขาเลย พี่พีก็เอามือมาปิดตาพริมซะก่อน เสียดายจริงๆ” “เสียดายทำไม! อยากดูก็มาดูหุ่นพี่นี่ พี่หุ่นดีกว่ามันตั้งเยอะ” ชายหนุ่มพูดเสียงเขียว พริมายู่หน้าตอบ “มันไม่เหมือนกันนี่คะ ของพี่พีพริมได้ดูทุกวัน แต่ของคนอื่นพริมแค่อยากมองเฉย ๆ” เธอยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อ ทั้งยังไม่วายเจื้อยแจ้วไปถึงบรรดาหุ่นไอดอลชายหรือศิลปินที่เธอชื่นชอบจนรพีพัฒน์ใบหน้าเขียวคล้ำเพราะความหึงหวง มองเธอด้วยสายตาคาดโทษ
เมื่อความสัมพันธ์มาถึงจุดเปลี่ยน... เปลี่ยนจาก ‘คนรัก’ กลายเป็น ‘คนอื่น’ จากคนอื่นเป็น ‘คนใจร้าย...’ กว่าจะรู้ตัวว่ารักมากแค่ไหน ก็เกือบสูญเสียคนสำคัญของหัวใจไปแล้ว ………. ตัวอย่าง “ขอโทษนะครับที่ทำร้ายเขมแบบนั้น พี่รู้ว่าพี่ผิด และเขมคงไม่ให้อภัยพี่ง่าย ๆ แต่พี่อยากบอกให้เขมรู้ ว่าพี่รู้สึกผิด และเสียใจกับสิ่งที่พี่ทำลงไป” “...” “พี่ขอโทษนะครับ คือพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเขมนะ พี่แค่โกรธและโมโหมากไปหน่อย” เขมิกายกยิ้มพลางหัวเราะหยันในลำคอ รู้สึกโกรธคนตรงหน้าจนไม่อยากมองหน้าต้องมองเขาด้วยหางตาแทน “ไม่ได้ตั้งใจ... นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะคะ ถ้าคุณตั้งใจขึ้นมามันจะขนาดไหน” “เขมคือพี่” “ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ไปนอกจากเรื่องงาน ระหว่างฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เข้าใจตรงกันนะคะ” นี่เขาทำอะไรลงไป... ถ้าเขาลดอคติลง ฟังเธอสักนิด วันนี้เขาคงไม่ต้องทำร้ายเธอจนทำให้เธอหวาดกลัวเขาแบบนั้น ไม่ต้องเห็นสายตาตัดพ้อต่อว่า ไม่ต้องเห็นสายตาว่างเปล่าของเธอ... หากว่าเขาขอโอกาสกับเธออีกสักครั้ง เธอจะยินยอมมอบมันให้เขาหรือเปล่า?..
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด “ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้” ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจนฉันต้องลดหนังสือในมือลงชะเง้อคอมองไปที่ถนน “เสียงท่อรถแบบนี้ ผ่านด่านตรวจมาได้ยังไงวะ?” ความรู้สึกแรกหลังได้ยินเสียงแสบหู ท่อไอเสียที่ถูกตัดแต่งเพิ่มเสียงให้ดังมากขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินเกิดความรำคาญ และฉันเป็นหนึ่งในหลายคนที่เบ้ปากร้องยี๋ แต่ฉันอาจจะอาการหนักกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็ได้ เพราะฉันกำลังติดพันกับหนังสือนวนิยายที่เพิ่งได้มา มันเป็นหนังสือนิยายทำมือของนักเขียนท่านหนึ่งแต่ติดเรท ที่ฉันพยายามหลบๆ อ่าน เพราะบางทีสายตาของคนอื่นตอนที่มองปกหนังสือก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กๆ ฉันคิดในใจทุกครั้งหากสายตาคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หนังสือในมือฉัน ฉันซื้อมาด้วยสตางค์ที่หาได้ ไม่ได้ไปใครขโมยใครมา แล้วทำไมล่ะ ความชอบส่วนตัวของฉันจึงไปขัดตาคนอื่น จบเรื่องนั้นกันก่อนเถอะค่ะ เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ไอ้รถบิ้กไบค์คันนั้นดันมาจอดใกล้ๆ แปลที่ฉันนอนซุ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่นี่สิ!!
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ” เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
“คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?” ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เพราะรักนางจึงยอมทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับมอบความรักให้สตรีอื่น ในเมื่อเดินมาจนถึงสุดทางแล้วนางก็ไม่คิดจะยื้อไว้อีกต่อไป ไปเถิดข้าปล่อยมือท่านแล้ว ส่วนข้าจะเดินจากไปพร้อมกับบุตรในครรภ์
“ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ” “โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ” ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร “คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ” ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า “ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?” นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน