พระเอกซึ่งเป็นหมอเจ้าของโรงพยาบาล และ เป็นมาเฟีย เขาถูกบังคับให้หมั้นกับนางเอก เธอเป็นนักเขียนนิยายอยู่ในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อนแล้ว
พระเอกซึ่งเป็นหมอเจ้าของโรงพยาบาล และ เป็นมาเฟีย เขาถูกบังคับให้หมั้นกับนางเอก เธอเป็นนักเขียนนิยายอยู่ในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อนแล้ว
สำนักพิมพ์ you and me
แทนขับรถยนต์หรูสีขาวเข้ามาจอดหน้าสำนักพิมพ์ you and me หลังจากขับรถออกมาจากงานแต่งมิลินใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็มาถึงซึ่งเวลาในขณะนี้สองทุ่มครึ่ง
" ขอบใจอีแทนที่มาส่ง" หวานกล่าวขอบคุณเพื่อนรักด้วยสีหน้าวิตก ทีแรกเธอกะจะขับรถกลับมาก่อนแต่แทนขออาสาขับมาส่งเพราะทั้งคู่ตอนไปก็ไปด้วยกันอีกอย่างแทนเองก็เป็นห่วงเธอที่ขับรถกลับดึก ๆ มันอันตราย
" เออ เลิกทำหน้างั้นได้แล้วเดี๋ยวหน้าก็เหี่ยวหรอก "
" อีแทนมึงนี่ปากหมา ฉันเครียดอยู่นะ!! "
" เออ ๆ ๆ ขอโทษไปได้แล้วกูรอที่รถ "
" ขึ้นไปด้วยกันไหม ?"
" อยากให้ขึ้น? "แทนเลิกคิ้้วถามอย่างกวนประสาทเพื่อนสาว
" อือ ฉันกลัวร้องไห้แล้วไม่มีใครปลอบ " หวานก้มหน้าตอบอย่างเศร้าใจและเธอยังกังวลกับเรื่องงานอีก
" อือก็ไป ไม่อยากเห็นคนแถวนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง เออแล้วก็เลิกได้แล้วนะไอ้ขี้แงเวลาแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เนี่ยหัดลองนั่งนิ่ง ๆ แล้วลองคิดหาวิธีแก้ปัญหาอื่นแทนการมานั่งร้องไห้ ปกติมึงก็ดูเข้มแข็งนะ "
" แกไม่ได้ด่าฉันใช่ไหม ?"
" กูแนะนำมึงไม่ใช่ด่า อย่าทำตัวโง่!"
"อีแทน!! "หวานแหวใส่เพื่อนรักทันทีอย่างไม่สบอารมณ์กับคำด่าของเพื่อนรัก
" รีบไม่ใช่เหรอ ยังจะมามองกูอีกจะไปไหมเนี่ย! "
"อือลง" หวานตอบแทนด้วยน้ำเสียงอ่อนก่อนจะเปิดประตูรถก้าวขาเรียวเล็กลงแล้วเดินเข้าไปในสำนักพิมพ์พร้อมกับแทนเพื่อนของเธอ
"หวาน ทันทีที่ทั้งสองมาถึงแพรวเธอเป็น บก. ของสำนักพิมพ์จึงเอ่ยเรียกพร้อมกับเหลือบสายตามองชายหนุ่มที่เดินมาพร้อมกับเธออย่างสงสัยว่าเป็นใคร
" ได้เรื่องว่ายังไงบ้างคะ?"
"มิ้มได้ข้อมูลบางส่วนมาแล้วว่าคอมหวานถูกแฮก "
" แล้วรู้ไหมว่าเป็นใคร? "
" เท่าที่พี่ดูจากแหล่งที่มา มันแฮกจากสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ร้านกาแฟ XXX แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครต้องลองเจาะข้อมูลดูอีกที กราฟพูดขึ้นพร้อมกับหมุนโน๊ตบุ๊คมาให้ทุกคนดูภาพเส้นทางของแฮกเกอร์ "
" ค่ะ พี่กราฟ "
"หวานมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า "แพรวเอ่ยถาม
"หวานก็ไม่รู้เหมือนกันพี่แพรว "
"พี่ว่าคนที่จ้างแฮกเกอร์เอาข้อมูลนี่ต้องเป็นคนที่ต้องการผลงานของหวานมากแน่ ๆ "
"แล้วเราพอมีวิธีไหนที่จะแจ้งความเอาผิดกับสำนักพิมพ์ฝั่งนู้นได้ไหมคะ"
" ได้จ้ะ ต้องรวบรวมข้อมูลงานเขียนของเราไว้ให้มากที่สุด "
" ก่อนอื่นมึงหาคนทำก่อนไหมอีหวาน" แทนโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ก็ยังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ ทำให้ทุกคนหันไปมองตามเสียงพูดของแทน
"เดี๋ยวพี่จะเป็นคนหาข้อมูลของแฮกเกอร์และคนทำเองครับ "
" บอกให้เฮียกูจัดการดีกว่าเร็วกว่าเยอะ " คราวนี้แทนเงยหน้าขึ้นพูดอีกครั้งพร้อมกับจ้องมองไปที่กราฟด้วยสายตาดุดันก่อนจะแสยะยิ้มมุมปาก เขาพอจะมองออกว่ารุ่นพี่ของหวาน นั้นคิดเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน
" ไม่อยากรบกวน "
" นั่นสิหวานเดี๋ยวพี่ช่วยหาเองอีกอย่างงานของเราคู่แข่งเยอะ "
"มึงอยากรู้ภายในหนึ่งวัน หรือมึงจะรอ ไม่รู้ว่าจะได้วันไหนไอ้คนทำมันคงทิ้งข้อมูลให้ค้นหาได้ง่าย ๆ หรอกนะ "
" ว่าไงหวาน? " มิ้มเพื่อนของเธอถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของเธอ อือ งั้นเดี๋ยวให้คุณเทวินช่วยก็ได้ค่ะพี่กราฟ หวานกล่าวกับรุ่นพี่ด้วยสีหน้าเกรงใจเมื่อต้องปฏิเสธความช่วยเหลือ
" งั้นพี่กราฟก็ช่วยมิ้มรวบรวมข้อมูลเอาผิดพวกนั้น "
กราฟพยักหน้าตอบรับแค่นั้น ก่อนจะตวัดสายตาไม่พอใจที่ถูกขัดมองไปที่แทน แต่แทนเองก็ได้แต่แสยะยิ้มร้ายมุมปากอย่างสะใจ
" หวานรู้จักคุณเทวินด้วยเหรอ? " แพรวเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อเธอไม่คิดว่าหวานจะรู้จักกับนักธุระกิจใหญ่และมีอำนาจอย่างเทวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงธุระกิจ
" ค่ะ คุณเทวินเป็นสามีของเพื่อนหวานเองที่แต่งงานวันนี้ "
" ว้าว ไม่คิดเลยว่าที่หวานไปงานแต่งวันนี้จะเป็นงานแต่งของคุณเทวิน " มิ้มโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หวานเธอก็ได้แต่ยิ้มบาง ๆ ให้เพื่อนเธอเท่านั้นก่อนจะเอ่ยขอบคุณทุกคน
" ขอบคุณทุกคนมากนะคะ "
" ไม่เป็นไรหวานยังไงเราก็ทำงานที่เดียวกัน " แพรวตอบรับด้วยรอยยิ้มพร้อมกับตบไหล่หวานเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ
" แล้วนั่นใครหวาน? " เมื่อจบการสนทนาเรื่องงาน มิ้มเธอจึงเอี่ยวหน้ากระซิบถามหวานพร้อมกับเบี่ยงสายตาไปทางแทนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงเก้าอี้ข้าง ๆ หวานแวบหนึ่ง
" อ๋อเพื่อน ลืมแนะนำเลยค่ะนี่แทนเพื่อนหวานเอง "
เธอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับแทนพร้อมกับสะกิดแขนแทนให้สนใจเธอและคนอื่น ๆ ที่นั่งประชุมกันอยู่กลางห้องทำงาน เขาจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ทุกคนอย่างขอไปทีก่อนจะกับมาเล่นโทรศัพท์ต่อทำให้หวานถึงกับยิ้มแห้งให้ทุกคนทันทีที่เพื่อนเธอทำเป็นไม่สนใจ และ ทุกคนก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ---
ครืนนน ครืนนนน
ระหว่างที่เธอกำลังจะกลับบ้านหลังคุยงานเสร็จโดยมีแทนขับรถมาส่งเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หวานจึงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายข้างของเธอขึ้นมาเมื่อเห็นเป็นเบอร์ของผู้เป็นพ่อเธอจึงช่างใจอยู่นานแต่ก็ยังไม่กดรับสาย
" ใครโทรมาทำไมไม่รับ? "
" พ่อ "
" ก็รับสิมึงจะมัวแต่จ้องโทรศัพท์ทำไม? "
" ไม่อยากรับคงโทรมาเรื่องแต่งงาน ฉันเบื่อ " หวานพูดขึ้นด้วยสีหน้าเครียดอีกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงานก่อนจะทำการปิดเครื่องโทรศัพท์โดยไม่รับสายจากนั้นจึงเก็บเข้ากระเป๋าสะพายข้างของเธอ เธอได้แต่ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างเบื่อหน่าย
" เฮ้อออ! "
" ทำใจซะยังไงมึงก็ต้องได้แต่งอยู่ดี "
" มึงหาคำพูดดีกว่านี้ได้ไหมอีแทน! " หวานแหวใส่เพื่อนรักอย่างหงุดเหงิดอีกครั้ง
" ก็มันจริง " แทนตอบแค่นั้นจากนั้นทั้งคู่ก็เงียบจนมาถึงบ้านหวาน
" ขอบใจที่มาส่ง "
" อือ เข้าบ้านได้แล้วอย่าคิดมากแล้วแอบร้องไห้อีกล่ะ "
" ร้องแน่ " เธอทิ้งท้ายคำพูดแค่นั้นใส่เพื่อนรักอย่างไม่จริงจังนักด้วยใบหน้าอมยิ้มก่อนจะเปิดประตูก้าวขาลงจากรถและเดินเข้าบ้านแต่ก็ไม่วายที่จะเอี่ยวหลังมาโบกมือบ้ายบ่ายให้เพื่อนรักที่กำลังจะขับรถออกไป
" ฉันจะทำให้พี่เธอรู้จักการสูญเสียเหมือนที่มันทำกับพี่ชายฉัน คนทรยศ อย่างมันต้องตาย หรือการตายสำหรับมันจะง่ายไป เธอคิดว่าไงล่ะ ? " "อย่าทำอะไรพี่ชายลินเลยนะคะ "
เขาแต่งงานกับเธอเพราะผลประโยชน์ แต่เธอแต่งงานกับเขาเพราะรัก อีกทั้งพี่สาวยังเป็นแฟนเก่าของเขา....
" ถ้าฉันยังไม่เบื่อเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ...นอกจากเธอจะนอนถางขาให้ฉันเอาจนกว่าฉันจะเบื่อไปเอง! "
“โดนกูเปิดบริสุทธิ์ตั้งแต่คืนเข้าหอ จนถึงตอนนี้มี คxx ของไอ้ตัวไหนกระแทกส่วนนั้นของมึงบ้างแล้วล่ะ?”
ในฐานะที่เธอมีทรัพย์สินนับพันล้านและเป็นลูกสาวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างลับๆ โดยรัฐบาล เฉียววานก็ถูกจัดสรรพ่อแม่ให้ในที่สุด แต่ไม่คาดคิด เธอถูกขับออกจากครอบครัวถึงสามครอบครัว การฝึกฝนความสัมพันธ์เป็นญาติพี่น้องก็ล้มเหลวซ้ำๆ จนกระทั่งเธอถูกตระกูลฮั่วรับอุปการะ เฉียววานที่น่าสงสารถูกพ่อแม่บุญธรรมทุ่มเงินให้ตามใจ แสดงความรักอย่างสุดโต่งจนดูเหนือจริง ทำให้บางคนอิจฉาจนบ้าคลั่ง ปล่อยข่าวลือว่า "เฉียววานไม่มีความสามารถใดๆ เลย ต้องอาศัยการทำตัวน่าสนสารเพื่อเรียกร้องความสนใจจากตระกูลฮั่ว!" แต่วันถัดมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศยืนต้อนรับด้วยตัวเอง “ศาสตราจารย์เฉียว ห้องแล็บของคุณเตรียมพร้อมแล้ว” มหาเศรษฐียื่นสัญญาให้ “บอส รายงานการเงินปีนี้กำไรเพิ่มขึ้น 300%!” องค์กรแฮกเกอร์นานาชาติก็เกิดความวุ่นวาย “พี่ใหญ่ ถ้าคุณไม่ออนไลน์ ระบบการเงินจะล่มแล้ว” เมื่อความลับของเฉียววานถูกเปิดเผยทีละอย่าง ทั้งโลกออนไลน์ก็เดือดดาล กู้ซือหาน ผู้ทรงอำนาจและเย็นชาแห่งเมืองจิง จู่ๆ ก็จับเธอไว้ที่มุมกำแพง นิ้วของเขาลูบไล้ริมฝีปากของเธอเบาๆ “คุณนายกู้ เล่นสนุกมากพอหรือยัง? ถึงเวลากลับบ้านไปมีลูกได้แล้ว” เฉียววานหน้าแดงก่ำ “ใคร ใครจะไปมีลูกกับคุณล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ และหยิบบัตรดำวงเงินไม่จำกัดใส่มือเธอ “มีลูกคนหนึ่ง จะมอบเกาะส่วนตัวให้ให้หนึ่งเกาะ”
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY