ผู้หญิงก็เหมือนกับหมากฝรั่ง พอเคี้ยวเสร็จจนหมดรสชาติก็แค่คายทิ้ง พลาด! ต้องใช้คำว่าพลาด เพราะฉันดันไปตกหลุมพรางของตัวเอง กะจำทำให้คนที่แอบหลงรักรู้สึกอะไรกับตัวเองบ้าง แต่ดันไปรู้สึกกับผู้ชายสารเลวอย่าง 'เซซัส' ผู้ชายสายเคี้ยว เคี้ยวหมดทุกอย่างที่เป็นผู้หญิง ยกเว้นฉันไว้! แต่การร่วมมือกับเขาทำภารกิจบางอย่าง มันก่อให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อหัวใจตัวเอง ต้องรีบทำให้สำเร็จ ก่อนที่ 'จิน' คนนี้จะหันเหไปสนใจไอ้บ้าเคี้ยวไม่เลือกอย่างเขา "เหมือนโดนฟันแล้วทิ้งเลยอะ" เหอะ ใครกันแน่ที่ฟันใคร "เธอต่างหากปะ ลากฉันขึ้นเตียง ใครผิดไหนตอบ"
Gin (จิน,ยิน) ความหมาย = เป็นเหล้าสีขาว มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ทำมาจากการกลั่นข้าว และผสมกลิ่นรสชาติของสมุนไพร ทุกวันนี้ประเทศอังกฤษเป็นชาติที่ผลิตเหล้าจินได้มากเป็นอันดับหนึ่ง และเหล้าจินของอังกฤษก็ได้รับความนิยม จากนักเลงสุราสูงสุด
ในที่สุด... ในที่สุด สอบปลายภาพในชีวิตรั้วมหาลัยปีสอง คณะบริหารธุรกิจของฉันก็จบลง กรีดร้องด้วยความดีใจหลังจากออกมาจากห้องสอบ คิดว่าตัวเองต้องทำได้ดีทุกวิชาโดยไม่ติดเอฟ นี่คือหัวสมองของฉันที่ควรจะคิดแบบนั้น และมันต้องได้สิวะ เจ้าของส่วนสูง 168 ซม. ความสูงที่คิดว่าเป็นมาตรฐานของหญิงไทย เธอมีใบหน้าที่น่ารัก ดวงตากลมโต ริมฝีปากบางเล็ก ผมสีดำน้ำตาลถูกก้าวขึ้นเป็นหางม้าไว้อย่างลวกๆ สวมชุดนักศึกษาที่ค่อนข้างจะเรียบร้อย เดินอดอาลัยตายยากมานั่งฟุบที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะตัวเอง
“เฮ้อ ชีวิตในรั้วมหาลัยปีสอง สิ้นสุดลงสักที สถานีต่อไปคือเที่ยว!” ในหัวสมองคิดแต่เรื่องเที่ยวโดยไม่คิดถึงคะแนนสอบที่จะเป็นผลพวงในภายภาคหน้า ‘จิน’ นามของฉันที่เป็นชื่อของเหล้าชนิดหนึ่ง แต่ใช่ว่าฉันจะรู้จักของพวกนี้ดีนะ มันไม่ใช่เลยสักนิด
“ทำไมเกิดมาชีวิตถึงได้รันทดแบบนี้นะ หัวสมองไม่ดีแถมยังไม่ไร้เสน่ห์อีกต่างหาก” ฉันบ่นพึมพำกับชีวิตที่แสนจะรันทดอดสู สอบเข้ามหาลัยได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ นอกจากจะเรียนไม่เก่ง ฉันยังดูไร้เสน่ห์จนเพื่อนในคลาสให้ฉายาว่า “ยัยแห้ง” เพราะรูปร่างผอมเพรียวแต่ไร้ส่วนโค้งเว้า แม้แต่หน้าอกของฉันมันยังแบนราบพอๆ กับแผ่นหลังเลย ท้อแท้กับชีวิตตัวเองชะมัด มีพี่ชายอยู่คนเดียวก็ไม่ค่อยจะกลับมาอยู่ที่บ้าน ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว ดีนะที่บ้านไม่ต้องเช่าเพราะมรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อกับแม่ให้ไว้ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ พวกท่านคงเห็นอนาคตสินะว่าสักวันฉันคงต้องพึ่งพี่ชายตัวเองไม่ได้
หลังจากสอบเสร็จฉันนั่งพักอยู่ในมหาลัยก่อนจะปิดเทอมลง ซึ่งมันคือสิ่งที่ฉันต้องการมากๆ เหตุผลที่ต้องมาสอบคนเดียวเพราะว่าเพื่อนรักของฉันสอบไปแล้ว ฉันเลยต้องมาสอบคนเดียวเนื่องจากวันนั้นฉันตื่นสายและป่วยทำให้มาสอบล่าช้ากว่าปกติ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันควรคิดโปรแกรมไปเที่ยวกับพี่ชายตัวเองดีกว่า ฉันเดินกอดอกไปตามทางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทะเล? น้ำตก? หรือไปตั้งแคมป์ดีนา
ปี้น!
“ว้าย...”
ตุ้บ
เอี๊ยด!
“อูย เจ็บง่ะขับรถบ้าอะไรแบบนี้วะ” ก้นของฉันกระแทกลงกับพื้นปูนอย่างแรงขณะที่รถต้นเหตุจอดลง แถมเป็นรถยี่ห้อหรูหราจนฉันกลืนน้ำลายลงอย่างลำบาก ประตูด้านคนขับเปิดขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมกำลังหรี่มองรถตัวเอง ริมฝีปากได้รูปแดงคล้ำกัดเข้าหากัน เขาเป็นคนที่สูงมากๆ มีผมสีดำแดงละต้นคอ มือหนาเสยผมตัวเองขึ้นไป ฉันมองเห็นรอยสักที่ลำคอแกร่งเป็นรูปใบไม้ ที่คุ้นตามากดูเหมือนจะคล้ายใบเมเปิ้ล ฝ่ามือขวาก็มีรอยสักเป็นรูปตัวการ์ตูนอะไรไม่รู้ เพราะไม่ได้สังเกตอะไรมากขนาดนั้น เขาหรี่สายตามามองฉันด้วยความหงุดหงิด
“เดินข้ามถนนทำไมไม่มองรถวะ”
“เออ...”
“ยัยแห้งเอ่ย ถ้ารถฉันเป็นอะไรขึ้นมา เธอโดนเรียกเงินหมดตัวแน่!” เขาเดินมาดูรถตัวเองโดยไม่สนใจฉันที่นั่งฟุบกับถนน ใบหน้าหล่อหันมามองฉันอีกครั้ง “จะนั่งอ่อยอีกนานมะ หลุมดำของเธอฉันไม่ได้อยากมองนะเว้ย”
“กะ กรี๊ด! อะ ไอ้บ้า ไอ้ลามก”
“ด่าอะไรช่วยดูด้วยนะยัยแห้ง มานั่งแหกให้ดูแบบนี้จะหาว่าฉันลามกหรือไง?”
“ที่ฉันต้องมานั่งฟุบแบบนี้ไม่ใช่เพราะนายขับรถมาเฉี่ยวเหรอไงเล่า” ฉันอารมณ์ขึ้นทันที สายตาของเขามองฉันที่ลุกขึ้นปัดกระโปรงนักศึกษา “มองทำไม?”
“เหอะ ใครกันแน่ที่ผิดวะ รถของฉันวิ่งมาตามทางปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือเธอต่างหาก”
“กะ ก็นั่นแหละถึงยังไงนายก็เฉี่ยวฉันนะ รับผิดชอบหน่อยสิ!” เขาเอียงคอมองฉันด้วยสีหน้าที่โคตรจะดูถูก เอาความจริงฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรหรอกนะ แค่คำขอโทษก็ยังดีนี่นา “อ่อยหรือไงยัยแห้ง”
“วะ ว่าไงนะ?”
“ฉันถามว่าเธอคิดจะอ่อยฉันหรือไง” ฉันอ้าปากเหวอมองร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้ ก้มใบหน้าลงมากวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างของฉันที่ถึงแม้มันจะไม่มีอะไร แต่ก็ต้องปกปิดไว้ “โรคจิต”
“หึ ฉันเจอมาเยอะนะพวกผู้หญิงที่ชอบมาอ่อยให้ฉันเคี้ยวเล่นน่ะ”
“นายหลงตัวเองมากไปหรือเปล่า? ฉันไม่รู้จักนายนะ แล้วฉันจะมาอ่อยนายทำซากอะไร”
“จริงอะ ไม่รู้จักแล้วทำไมถึง... อยากให้ฉันรับผิดชอบจังล่ะ”
“ที่ให้รับผิดชอบคือนายขับรถเฉี่ยวฉัน ไม่ได้หมายถึงให้รับผิดชอบอะไรแบบที่นายคิดนะ” ผู้ชายคนนี้ยังคงยิ้มเยาะ เขาถอนหายใจออกมา “นี่ยัยแห้งไร้เสน่ห์”
“อะ ห๊ะ!”
“เธอนั่นแหละยัยแห้งไร้เสน่ห์ เธอไม่ใช่สเปกฉันว่ะ และก็นะฉันไม่รับผิดชอบให้กับผู้หญิงที่คิดมาอ่อยหรอก”
“นะ นาย!”
“พี่ซัสคะ เสร็จยังคะหนูรอนานแล้วนะ” ฉันชะโงกหน้าไปมองผู้หญิงคนหนึ่งที่โผล่นหน้าแหลมๆ ออกมาจากรถ นั่นมันยัยก้อยเพื่อนคณะเดียวกับฉันที่เป็นดาวคณะนี่นา “อ้าวจิน เธอเองเหรอที่วิ่งตัดหน้ารถพี่ซัส?”
“จิน”
“ใช่คะพี่ซัส จินเป็นเพื่อนร่วมคลาสกับก้อยเอง” เขาคนนี้ที่ชื่อว่า ‘ซัส’ มองฉันด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ แถมบวกด้วยความกวนตีนที่ฉันอยากจะกระโจนไปกัดคอมันให้ขาด “อ่อชื่อจิน”
“เออแล้วจะทำไม?”
“เปล่า ฉันไม่มีเวลาว่างมาเคี้ยวเธอหรอกนะ ที่สำคัญเธอไม่เหมาะจะเป็นหมากฝรั่งให้ฉันเคี้ยวหรอก”
“ห๊า!” ฉันงงกับคำพูดของหมอนี่มากเลยนะ ตั้งแต่คิดว่าฉันอ่อยเขาแล้ว? บ้าหรือเปล่าเจอกันครั้งแรกนี่คิดว่าอ่อยเหรอ คิดได้ไงกัน
“ถ้าเจอกันอีก อย่าอ่อยฉันนะ บอกไว้ก่อนฉันไม่สนหุ่นแห้งๆ และก็ผู้หญิงไร้เสน่ห์... มันเคี้ยวไม่อร่อย”
“นะ นี่นาย!”
“ฉันไม่มีเวลามายืนให้เธออ่อยนะ ฉันจะต้องไปเคี้ยวเพื่อนเธอแล้ว โอเค?” เขายกยิ้มและเดินจากไป ก่อนที่รถหรูจะเคลื่อนผ่านจนฉันที่ยืนอึ้งอยู่ ยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่
“มะ มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย! กรี๊ดดด”
มืดค่ำมาถึง หลังจากที่ยืนงงอยู่ในดงตีนก็เลยกลับมาถึงบ้านสองชั้นที่เงียบสงบ เพราะพี่ชายตัวแสบที่อายุห่างกับฉันสามปี หายหัวไปซุกอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เหนื่อยมากบอกเลย! ไม่ได้เหนื่อยอะไรนะ เหนื่อยกับคนบ้าไง ไอ้บ้าซัส! เกือบจะเรียกเขาว่าสัตว์แล้วนะ แต่ก็เหมือนอะว่าจริงไหมล่ะ
พรึบ
“พะ พี่...” ไฟในบ้านสว่างขึ้น ฉันเห็นแผ่นหลังของผู้ชายที่สูงยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าครัว ก็วิ่งถลาไปกอดรัดร่างสูง ใช่เลยพี่ชายของฉันแน่นอน
“พี่ ‘รัม’ หนูคิดถึงจัง หายหัวไปไหนมาห๊ะ!” ฉันซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง สูดเอากลิ่นกายของพี่รัมที่คิดถึงเข้าปอดให้มากที่สุด แต่ทว่า...
กลิ่นหอมนี่มันไม่คุ้นจมูกเอาเลยแหะ แถมพี่รัมยังยืนนิ่งไม่ไหวติงเลยสักนิดที่น้องสาวแสนสวยกอดรัดอยู่ ฉันเพ่งสายตาที่สั้นของตัวเองมองไปที่ท้ายทอยก็เบิกตากว้าง เพราะ... พี่รัมไม่มีรอยสักรูปปีกนางฟ้าสีดำอยู่ที่ท้ายทอย ใบหูทั้งสองข้างที่ติดต่างหูสีดำอีกนับสิบ ไหนจะทรงผมสีดำสนิทที่ไถข้าง ฝ่ามือของฉันปล่อยออกจากเอวหนา ค่อยๆ มองร่างสูงที่หันมาสบตากับฉัน
“พะ พะ พี่ ‘เคียนติ’...” ใบหน้าหล่อนิ่งเฉย แถมส่งสายตาเย็นชามาให้ เขาคนนี้คือเพื่อนของพี่รัมที่ฉัน “แอบรัก” ใช่ ฉันแอบรักพี่เคียนติมาตั้งแต่สมัยที่พี่เขายังเรียนอยู่ที่มหาลัยเดียวกับพี่รัม กระทั่งมาถึงตอนนี้ที่ทั้งคู่เรียนจบแล้ว ฉันก็ยังคงแอบรักเขาอยู่ และพี่เคียนติเองก็รู้มาตลอดว่าฉันรู้สึกยังไงกับเขา แต่เขาเป็นผู้ชายที่ไม่เคยแสดงออกว่ารู้สึกยังไง เขาเป็นบุคคลที่อ่านยากมากจนฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ฉันถอยหลังจนไปชนเข้ากับขอบโต๊ะและมันก็ซ้ำกับบริเวณก้นที่เพิ่งถูกไอ้บ้าซัสเฉี่ยวมา
“แขนไปโดนอะไรมา?”
“อะ เออ... หนู” ฉันไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับเขาด้วยซ้ำ นอกจากจะกลัวเขาแล้ว มันยังใจเต้นทุกครั้งที่สบตากับเขา แถมยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้กอดเขา สูดกลิ่นกายของเขาเข้ามาในปอดและฉันสัญญาเลยว่าจะไม่ให้กลิ่นของพี่เคียนติเล็ดลอดออกจากปอดผ่านโพรงจมูกออกมาแน่
“นะ หนูล้ม”
“ทำยังไงถึงได้ล้ม โตแล้วนะ”
“หนูเปล่าล้มเอง รถเฉี่ยวก็เลยล้ม” ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วย แต่จำต้องมองตาเขา พี่เคียนติถอนหายใจออกมา เขากวาดสายตามองไปรอบบ้านจนฉันมึนงง “ไปเก็บของ”
“อะไรนะ พี่เคียนติให้หนูทำอะไร?”
“เก็บของ เสื้อผ้าของเธอทั้งหมด แล้วไปอยู่กับพี่”
“!”
“ให้เวลายี่สิบนาที”
“ดะ เดี๋ยวสิพี่เคียนติ หนูไม่เข้าใจ”
เกิดอะไรขึ้น!เมื่อจู่ๆ แม่ดันส่งใครไม่รู้มาดูแลผม ทั้งที่ผมไม่ได้ต้องการเลยสักนิดกับคำว่า 'ว่าที่คู่หมั้น’ จะมาดูแลผมนับจากนี้เป็นต้นไป เฮ้ย บ้าไปแล้ว สายเคี้ยวอย่างผมไม่มีวันแต่งงานหรอกนะเว้ย ! ฝันไปเถอะว่าจะหยุด 'พี่บอลสายเคี้ยว' ไปได้ แถมสาวเจ้าที่เป็นคู่หมั้นผม อายุเพียงแค่สิบเจ็ดปี! แม่กำลังให้ผมแต่งงานกับเด็กเหรอวะ ไม่มีทางหรอกเป็นไงเป็นกัน! จะทำให้ทนไม่ได้ จนต้องถอนหมั้นไปเลย... คอยดู “อยากมีผัวจนตัวสั่นเลยหรือไง? อายุแค่นี้ไปเรียนให้จบดีกว่ามะ” “ไม่ได้อยากมีผัวจนตัวสั่นหรอกค่ะ เพียงแต่หนูต้องมาทำหน้าที่ของตัวเองก็เท่านั้น” ในเมื่อมาทำเพราะหน้าที่ ผมก็จัดให้แล้วกัน... จัดการให้หายไปจากชีวิตของผมไง หึ
เมื่อฉันถูกรุกรานจากเด็กรุ่นน้องที่ขยันมาหาฉันอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร รู้แค่ว่าเขามันเป็นเด็กสายเคี้ยว แต่ถ้าจะมาจับฉันทำเมีย ฝันไปก่อนนะเบบี๋! เพราะฉันไม่สนใจ... ไม่คิดจะมองใคร คนที่มองมีอยู่คนเดียว เพื่อนสนิทที่ไม่เคยคิดอะไรกับฉันเลยสักนิด "อาร์" เด็กคนนั้นเริ่มรุกฉันมากขึ้น "โย" เพื่อนที่ฉันแอบรักก็หงุดหงิดใจ เลยประกาศบอกทุกคนว่าฉันคือเมียของเขา หากแต่ว่ามันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีใจสักนิด เพราะเขาเองก็ให้ฉันจีบรุ่นน้องให้เพื่อเป็นการตอบแทน ความเสียใจนำพามาซึ่งความผูกพันบางอย่าง ในขณะที่ฉันเศร้า อาร์กลับทำให้ฉันยิ้มออก และขณะเดียวกันเพื่อน (ที่แอบรัก) ก็เปลี่ยนไปราวกับไม่ใช่เพื่อนคนเดิมอีกต่อไป
วี บีทีเอสเป็นต้นเหตุ! เพราะนักร้องเกาหลีที่เมียผมคลั่งไคล้นักหนา เป็นเหตุทำให้ผมเริ่ม "เบื่อ"มันมากขึ้นทุกวัน ลำพังคบกันก็แทบจะไม่มีเวลาให้กันอยู่แล้วเพราะเธอเรียนหนัก แต่เวลาอยู่ด้วยกันทำไมจะต้องพูดถึงแต่วี บีทีเอส! มันเป็นใครวะไม่รู้จักเว้ย! เห็นมันนิ่งกับผม แต่กับวีแตกต่างกันฉิบหาย นักร้องเกาหลีกับผัว? เป็นคุณจะเลือกใคร มันไม่ใช่เพียงเพราะเบื่อ แต่มันดันมีเงาของใครอีกหลายคนเข้ามานับไม่ถ้วน ผลสุดท้ายถ้าไม่ใช่แบบที่คิด ปัญหาที่เกิดขึ้นคำว่า 'เบื่อ' คงถึงทางตัน "นาย... มีคนอื่นใช่ไหม" "เปล่า" "ถ้าไม่ นายจะบอกเลิกฉันทำไม"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง