เรื่องราวความรักของเดย์ บอดี้การ์ดหนุ่มคู่ใจของแทนไท กับสาวน้อยยูมิ เด็กสาวข้างบ้านของพรพระพาย เจอหน้าเป็นต้องทะเลาะกัน กลายเป็นคู่กัดประจำบ้าน จากเรื่อง รักร้าย มาเฟียลูกติด
เรื่องราวความรักของเดย์ บอดี้การ์ดหนุ่มคู่ใจของแทนไท กับสาวน้อยยูมิ เด็กสาวข้างบ้านของพรพระพาย เจอหน้าเป็นต้องทะเลาะกัน กลายเป็นคู่กัดประจำบ้าน จากเรื่อง รักร้าย มาเฟียลูกติด
ยูมิ ยลดา สาวน้อยวัย 17 ปี เท่าที่จำความได้แม่ของเธอมีสามีมาแล้วสองคน ไม่รวมพ่อชาวญี่ปุ่นที่เธอไม่เคยเห็นหน้า มีเพียงคำบอกเล่าของ รตี ผู้เป็นแม่เท่านั้น
...พ่อของเธอกลับประเทศของเขาไปตั้งแต่แม่ตั้งท้องเธอ เธอไม่เคยรู้ว่าทำไมพ่อถึงทิ้งเธอกับแม่ไป เพราะแม่ไม่เคยให้เหตุผล แต่เธอก็ไม่เคยร้องคร่ำครวญหาพ่อ
ตอนยลดาอายุ 5 ขวบ แม่ของเธอพามาเช่าบ้านหลังใหม่ ทำให้เธอได้เจอกับพี่สาวใจดี พาย พรพระพาย เธอมักจะมาเล่นที่บ้านของ พรพระพายเป็นประจำ จริงๆ แล้วแทบจะกินนอนที่บ้านพรพระพายด้วยซ้ำ
แม่ของยลดาไม่ค่อยมีเวลาให้ กลางคืนก็ออกไปทำงานปล่อยให้เธอที่เป็นเด็กนอนหลับอยู่บ้านเพียงลำพัง เธอจึงชอบมานอนกับ พรพระพาย เพราะความที่ยลดาได้ใกล้ชิดกับพรพระพายจึงซึมซับนิสัยดีๆ ของพรพระพายไว้มาก ถ้าไม่มีพรพระพายเธอคงเป็นเด็กใจแตกไปแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งพี่พายของเธอก็ต้องไปอยู่ที่อื่นเพราะพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่
แม่ของยลดาทำงานร้านอาหาร จะออกไปทำงานช่วงเย็นกว่าจะกลับก็ดึกดื่น บางวันก็กลับมาในเวลารุ่งเช้า เหมือนดั่งวันนี้ที่แม่ของเธอกลับมาพร้อมผู้ชายคนใหม่
"ยูมิ นี่น้าวุธจะมาอยู่กับเราที่นี่ ไหว้น้าเขาสิ" แม่พาผู้ชายคนใหม่มาแนะนำให้ยลดารู้จัก เธอเพียงปรายตามอง ไม่ให้ความสนใจ นั่งดูทีวีรายการโปรดของเธอต่อ
"นี่แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ" รตีถามเสียงดังลั่นด้วยความไม่พอใจที่ลูกสาวทำเป็นเฉยเมย
"นี่ลูกสาวพี่เหรอ โตเป็นสาวแล้วนะเนี่ย หน้าเหมือนตุ๊กตาเลย" ผู้ชายของรตีพูดขึ้น แต่สายตาที่เขามองมาทางยลดามันเหมือนเสือที่เจอเหยื่ออันโอชะ
"ทำไม สนใจ?" รตีหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่พอใจนัก
"พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบเด็ก ชอบแบบพี่มากกว่า" วุธบอก ก่อนจะก้มลงไปขบเม้มที่ใบหูของรตี
"อายยูมิมันบ้างสิ" รตีพูดด้วยความเขินอายราวกับสาวแรกรุ่น
"ไม่เห็นต้องอายเลยคนรักกัน" วุธพูดพร้อมทั้งซุกไซ้ซอกคอของรตี แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องมาที่เด็กสาว
"นี่ พี่จั๊กจี้" รตีเอ่ยว่า แต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม ก่อนจะพากันเดินหายเข้าห้องนอนไป
"อื้อ...วุธ...พี่เสียว...อ๊า...ดูดนมพี่แรงๆ...อื้ม...แบบนั้น...อ๊า"
"พี่นี่ร้อนแรงจัง...ผมอยากจะกระแทกพี่แรงๆ แล้ว...อ๊า"
เสียงร้องครวญครางของรตีกับวุธ ทำให้ยลดาไม่อาจทนนั่งฟังอยู่ได้ เธอจำใจต้องเดินหนีออกไปนอกบ้าน ทั้งที่อยากจะนั่งดูทีวีรายการโปรดต่อให้จบ
ทุกครั้งที่รตีไม่อยู่บ้าน วุธมักจะเข้ามาถึงเนื้อถึงตัว พูดจาสองแง่สองง่ามกับยลดา เธอพยายามที่จะหลบเลี่ยงตลอด เธอเคยบอกผู้เป็นแม่ แต่แม่ของเธอไม่เคยเชื่อ กลับกลายเป็นว่าเธอเป็นฝ่ายให้ท่า อยากได้ผัวของแม่ ยลดาจึงไม่เคยบอกอีกเลย ได้แต่คอยระวังตัวเอง อยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนี้
แต่แล้ว ขณะที่ยลดานอนเล่นเกมในสมาร์ตโฟน จู่ๆ วุธก็เปิดประตูห้องนอนของเธอเข้ามา ทั้งที่เธอล็อคประตูแล้ว แต่เขาใช้กุญแจสำรองไขเข้ามา
"เข้ามาทำไม ออกไปนะ" ยลดาเอ่ยปากไล่เสียงดัง
"น้าก็แค่จะเข้ามาถามว่ายูมิกินอะไรหรือยัง" วุธถามราวกับห่วงใยแต่สายตาเหมือนพวกหื่นกาม
"ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปจากห้องยูมินะ" ยลดาหวาดกลัวถอยหนีไปชิดหัวเตียง
"อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า น้าจะทำให้ยูมิมีความสุขที่สุด" วุธค่อยๆ เดินเข้ามาหายลดาช้าๆ
"ออกไปนะ ไม่งั้นยูมิจะร้องให้แม่ได้ยิน" ยลดาข่มขู่ น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
"เรียกให้คอแตกอีแก่นั่นก็ไม่ได้ยินหรอก"
"แม่! แม่!" ยลดาตะโกนเรียกคนเป็นแม่เสียงสุดเสียง
"น้าบอกแล้วว่าอีแก่มันไม่ได้ยินหรอก อีแก่มันออกไปทำงานแล้ว ไม่มีทางมาขัดขวางความสุขของเราหรอกหนูยูมิ" วุธพูดเหมือนพวกโรคจิต
"แม่!" ยลดาตะโกนเรียกเสียงดังลั่น ก่อนจะรีบวิ่งลงจากเตียงเพื่อจะออกจากห้องนอน
หมับ!
วุธวิ่งตามกระชากแขนของยลดา แล้วจับเธอเหวี่ยงลงไปบนเตียงอย่างแรง จนเธอทั้งเจ็บทั้งจุก
"โอ๊ย! อย่าเข้ามานะ" ยลดาร้องด้วยความเจ็บ พยายามหาทางหนี แต่ก็ถูกดึงข้อเท้าไว้ วุธตามขึ้นมาคร่อมตัวเธอไว้ เธอพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่ก็โดนเขายึดข้อมือไว้กับเตียง
"เป็นของน้าเถอะนะ น้าจะทำให้ยูมิมีความสุขจนลืมไม่ลงเลย" น้ำเสียงอันหื่นกระหาย พร้อมทั้งพยายามซุกไซ้ซอกคอของเด็กสาว
"ไม่นะ! ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยยูมิด้วย" เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังลั่นห้อง
ยลดาพยายามดิ้นหนีสุดชีวิต เธอกระแทกเข่าไปที่กล่องดวงใจของไอ้ผู้ชายบ้ากาม เมื่อได้โอกาสตอนมันนอนตัวงอด้วยความจุก เธอก็คว้าแจกันที่ตู้ข้างเตียงทุ่มไปที่หัวของมัน จนเลือดไหลอาบ
"โอ๊ย! อีเด็กบ้า" เสียงของมันร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
ยลดาได้ทีรีบวิ่งหนี เธอวิ่งมาถึงหน้าประตูบ้าน ก็เห็นคนเป็นแม่เดินกลับมา เธอจึงวิ่งไปแอบที่ห้องเก็บของ
"ว๊าย! มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมวุธถึงเป็นแบบนี้ เลือด!" รตีร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อเห็นแจกันแตกกระจาย และเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากหัวของสามีหนุ่ม
"ก็ฝีมือลูกสาวพี่น่ะสิ ผมแค่เข้ามาเตือนว่าให้อ่านหนังสือบ้าง ไม่ใช่นั่งเล่นแต่เกม คงไม่พอใจ เลยคว้าแจกันมาทุ่มใส่หัวผมเนี่ย พี่รีบพาผมไปหาหมอก่อนเถอะ เลือดจะไหลหมดตัวแล้ว"
"ไปๆ ดูสิเลือดออกเยอะเลย" รตีที่ปักใจเชื่อพูดอย่างเป็นห่วง
"นังลูกไม่รักดี อย่าให้เจอตัวนะ แม่จะเอาให้ตายคามือเลย ดูสิมาทำวุธขนาดนี้" รตีประกาศกร้าว ก่อนจะพยุงวุธออกไป
ยลดาเห็นดังนั้นจึงรีบออกมาจากห้องเก็บของ เธอตัดสินใจหนีออกจากบ้าน เธอรีบเข้าไปเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดยัดใส่กระเป๋าเป้ แล้วก็หยิบกระปุกออมสินของเธอไปด้วย รีบออกจากบ้านไปทันที ด้วยกลัวว่าแม่ของเธอจะกลับมาเสียก่อน
มาเฟียหนุ่มมีธุรกิจในเครือมากมาย มีลูกชายวัย 3 ขวบที่เกิดจากผู้หญิงที่เขารัก แต่เธอทิ้งเขากับลูกไปกับผู้ชายที่รวยกว่า เขาจึงกลายเป็นผู้ชายเย็นชา เห็นผู้หญิงเป็นเพียงที่ระบายความใคร่ จนได้มาเจอเธอ... ....................... แทน แทนไท มาเฟียหนุ่มในวัย 29 ปี เจ้าของธุรกิจมากมายทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย มีลูกชายวัย 3 ขวบที่เกิดจากผู้หญิงที่เขารักมาก แต่เธอก็ทิ้งเขากับลูกไปกับผู้ชายคนอื่นที่ในเวลานั้นรวยกว่าเขา ซึ่งในตอนนั้นลูกชายอายุเพียง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายเย็นชา เห็นผู้หญิงเป็นเพียงที่ระบายความใคร่ และนั้นก็เป็นแรงผลักดันให้เขาทำทุกวิถีทางที่จะเป็นหนึ่งในด้านธุรกิจ เขาใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปี ก็กลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดคนหนึ่ง ทำให้มีผู้หญิงยอมพลีกายให้เขานับไม่ถ้วน พาย พรพระพาย หญิงสาวในวัย 22 ปี พึ่งเรียนจบ ชีวิตของเธอต้องพลิกพลัน จากเด็กที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่แล้วอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็พากชีวิตของพ่อกับแม่เธอไปตลอดกาล ในตอนที่เธอกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปี 2 แต่ยังโชคดีที่พ่อแม่ของเธอยังมีเงินประกันชีวิต ที่จะสามารถส่งเธอเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้ เมื่อเรียนจบเธอได้เข้าทำงานในตำแหน่งเลขานุการของบริษัทในเครือแทนไท คอร์ปอเรชั่น อาชิ ด.ช.อินทัช เด็กชายวัย 3 ขวบ ลูกชายของแทนไทกับดารินเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด ดูโตกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ได้นิสัยของผู้เป็นพ่อมาเต็มๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วอาชิเป็นเด็กร่าเริง คุยเก่ง อ้อนเก่ง เมื่ออยู่กับพรพระพาย
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
ซุนเหยา เจ้าของร้านอาหารจีน ที่มีอยู่หลายสาขาทั่วประเทศ เธอทำงานหนักจนหมกสติไป เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวแปดคนหาม สวมชุดแดงมงคล กำลังจะเข้าพิธีแต่งาน
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
© 2018-now MeghaBook
บนสุด