อีธาน มัฟเวล อดีตเขาคือมาเฟียหนุ่มผู้มากด้วยอิทธิพล แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นกับเขา ทำให้ชายหนุ่มต้องพลัดพรากจากหญิงสาวผู้เป็นที่รัก เมื่อเขาถูกทำร้ายอาการสาหัสเจ็บเจียนตาย ชายหนุ่มใช้เวลารักษาตัวเกือบสิบปีกว่าจะหายดี จนสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้ก็ร่วมสิบกว่าปี และเมื่อเขาหายดีจึงตัดสินใจเลือกทำอาชีพที่สุจริต นั่นคือการโรงแรม ระยะเวลาไม่ถึงปี ทำให้เขาฟื้นฟูฐานะทางด้านการเงินได้อย่างน่ามหัศจรรย์ แต่ก็มีเรื่องสำคัญที่ทำให้เขาค้างคาใจ นั่นคือผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ เมื่อชายหนุ่มได้พบกับเธอโดยบังเอิญ จึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้เธอมาเป็นภรรยาของเขาด้วยความเต็มใจ โดยที่ชายหนุ่มไม่ทราบว่าเธอมีลูกกับเขา แถมยังได้ลูกแฝดอีกด้วย และนั่นจึงเป็นที่มาของเรื่องนี้ เล่ห์ร้ายใจปรารถนา ฝากผลงานชุดนี้ไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ ซึ่งซีรีส์ชุดนี้มีด้วยกันทั้งหมด 4 เรื่องนะคะ) แม่ทูนหัวของพ่อเสือหนุ่ม/ เล่ห์ร้ายใจปรารถนา/ I love my friend เพื่อนรัก (เผลอ) รักเพื่อน/ สะดุดรัก Lady cook //กดค้นหา ชอนซา ก็จะเจอทุกผลงานเลยค่ะ
ทางด้านอีธานหลังจากลองขับรถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดราคาเหยียบห้าสิบล้าน ชายหนุ่มได้พาฮันน่าแวะเข้าไปภายในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง เพื่อรับประทานมื้อกลางวัน แม้ผู้จัดการสาวจะพยายามปฏิเสธแต่ก็ไม่สามารถขัดใจ ลูกค้าวีไอพีรายใหญ่ของโชว์รูมได้
"ทำไมไม่กลับไปส่งฮันน่าก่อนค่ะ คุณอีธานทำแบบนี้หลายครั้งแล้ว ซึ่งคุณก็รู้ไม่ใช่เหรอคะ ฮันน่าไม่ชอบออกมาทานข้าวกับลูกค้าแบบนี้ ถ้าบอสรู้อาจจะไม่พอใจได้" เมื่ออยู่ภายในห้องตามลำพังกับลูกค้าหนุ่ม ฮันน่าทำใจดีสู้เสือพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ทั้งที่ภายในใจของเธอนั้นมันสั่นระริกราวกับลูกนกตกน้ำ เมื่อชายตรงหน้ามีอิทธิพลเกินกว่าที่เธอนั้นจะสามารถหลบหลีกได้
"ผมแค่พาคุณแวะมาทานข้าว ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย" ในขณะที่พูดอีธานได้ลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมายืนอยู่ด้านหลังของเธอ ก่อนจะก้มลงเข้าไปคร่อมหญิงสาวร่างอรชรเอาไว้ แล้วกระซิบลงไปที่ข้างใบหูของฮันน่าเบาๆ
"หนึ่งล้านแลกกับการที่คุณนอนอ้าขาให้ผม" วาจานี้ช่างเชือดเฉือดจิตใจของฮั่นน่าเหลือเกินไม่เคยมีผู้ชายคนไหนใช้คำพูดให้เธอรู้สึกเจ็บปวด ราวกับโดนของมีคมทิ่มแทงลงมากลางใจ ได้มากขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต
"แม้ว่าฉันจะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการเงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นคน ของฉันมันก็มีเท่าเทียมกับคุณ" น้ำเสียงฮันน่านุ่มนวลแผ่วเบา แต่เต็มไว้ด้วยความตั้งมั่นและเด็ดเดี่ยว พร้อมกับแฝงความรู้สึกเจ็บปวดไว้ในคราวเดียวกัน เมื่อเธอนั้นกำลังคิดว่าอีธานควรจะให้เกียรติสตรีเพศแม่มากกว่านี้
"ผมอยากจะรู้จังว่าลีลาของผู้หญิง เจ้าพยศอย่างคุณจะเด็ดแค่ไหนกัน" อีธานพูดพร้อมกับฉายแววตาเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่เดิมแล้วหยิบไวน์มารินแล้วส่งให้กับฮันน่า
หญิงสาวรับมาพร้อมกับจิบเบาๆ ตามมารยาท แต่เขากลับรบเร้าให้เธอดื่มจนหมดแก้ว ในขณะที่อีธานมองมาที่หญิงสาวด้วยแววตาที่หวานหยาดเยิ้ม แต่แอบแฝงความร้ายกาจซ่อนเอาไว้อย่างน่ากลัว
"ลองชิมดูสิ อร่อยนะ" อีธานพูดพร้อมกับตักอาหารใส่จานให้ฮันน่า และนี่มันคือเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาก็ว่าได้ ที่ตักอาหารใส่จานให้กับ ผู้หญิงที่มาทานข้าวด้วย ส่วนมากหญิงสาวจะเป็นฝ่ายบริการเขามากกว่า แต่ฮั่นน่ามักจะเฉยชากับเขาทุกครั้งเวลาที่เธอนั้น ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับอีธาน ไม่ต่างจากการถูกบังคับและนั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกพอใจในตัวของเธอ
"ขอบคุณค่ะ" น้ำเสียงของฮันน่าฟังดูราบเรียบราวกับว่าเธอนั้นกล่าวขอบคุณเขาไปตามมารยาท
ภายในห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา แต่บรรยากาศกับไม่อำนวย เมื่อหญิงสาวที่เขาพามาไม่เล่นด้วย เธอลงมือรับประทานอาหาร แต่สายตากลับมองไปยังนาฬิกาที่ข้อมือบ่อยครั้งครั้ง โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ เมื่อใจของเธอนั้นอยากออกไปให้พ้นๆ จากห้องนี้เสียที เพราะทุกครั้งเขาไม่เคยพาเธอมารับประทานอาหารภายในห้องแบบนี้ มันจึงทำให้ฮันน่ารู้สึก หวั่นใจไม่น้อย ถ้าหากอีธานจะคิดไม่ซื่อกับเธอ มันคงกลายเป็นเรื่องง่ายดายมากขึ้นเมื่ออยู่ในที่ลับตาคนแบบนี้
"คุณปิดแอร์หรือเปล่าคะทำไมร้อนจัง" ฮันน่า ถามชายหนุ่มออกมาพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นบนใบหน้า ความรู้สึกภายในกายของเธอมีความอยากจะปลดปล่อยกับชายตรงหน้าทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าแปลกใจทั้งที่เธอนั้นไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน
"หึ!..." เสียงตอบจากในลำคอของนิทานดังขึ้นพร้อมกับยกยิ้มแล้วฉายแววตาร้ายกาจขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาทางด้านหลังของฮันน่าอีกครั้ง
"ร้อนมากหรือเปล่า ถอดสูทออกสิ" เสียงทุ้มกระซิบลงไปที่ข้างใบหูเขาหญิงสาว เพียงแค่เธอได้ยินน้ำเสียงของเขา ก็กระตุ้นให้อารมณ์ในกายพลุกพล่านขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะเวลานี้กายของเธอมันกำลังพยศหัวใจ และกำลังจะทำในสิ่งที่เธอนั้นพยายามที่จะหนีห่าง
"ผมถอดให้" ฮันน่านั่งนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด เธอยอมให้อีธาน ถอดเสื้อสูทออกอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นเขาได้โอบประคองร่างอรชรตรงไปที่เตียงนอน มือหนาของเขาได้รูดซิปที่ด้านหลังเลื่อนลงช้าๆ เธอใส่เดรสสีชมพูซึ่งเป็นชุดฟอร์มของโชว์รูม
"อย่าค่ะ" มือเรียวดันอกแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้ แม้ว่าเธอนั้นจะพยายามควบคุมร่างกายไม่ให้เตลิดไปกับความต้องการที่มี แต่ก็รู้ดีว่าเธอคงยับยั้งชั่งใจได้เพียงแค่ไม่นาน เมื่อความต้องการที่มีนั้นเริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ทุกครั้งที่นอนกับผม คุณจะได้เช็คหนึ่งล้านบาท อย่าปฏิเสธไปเลยฮันน่า ผมรู้ว่าคุณก็มีความต้องการไม่ต่างจากผมในตอนนี้" ชายหนุ่มพูดออกมาในขณะที่มือของเขาอยู่ไม่เป็นสุข และในเวลานี้ชุดเดรสของเธอก็ได้หลุดออกจากอก เหลือเพียงแค่บราสีสด ที่เผยให้เห็นเนินอกขาวอวบจนน่าฟัด
เรือนร่างอรชรถูกจับกดให้นอนราบกับเตียง แล้วพอีธานก็ค่อยๆ ดึงชุดเดรสของเธอออกจนพ้นเรียวขาขาว ในเวลานี้เรือนกายของเธอมีเพียงแค่บราและชุดชั้นในตัวจิ๋ว ปิดบังร่างกายในส่วนที่หวงแหนเอาไว้เอาไว้เท่านั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปจัดการชุดของตัวเอง ซึ่งเขาใช้เวลาถอดมันออกอย่างช่ำชองราวกับคนชำนาญ ที่เคยผ่านสนามพิศวาสมานับไม่ถ้วน เผยเห็นซิกแพคที่อยู่ภายใต้ไรขนที่ขึ้นแซมอย่างเห็นได้ชัด จนหัวใจของฮันน่าเต้นตึกตัก อย่างไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต
"อืม...คุณอีธาน" เสียงหวานร้องเรียกชื่อชายหนุ่มออกมา เมื่อเขากำลังบรรจงสอดมือลงไปใต้บราของเธอ เขาค่อยๆ บีบนวดแล้วคลึงเบาๆ ในขณะที่มืออีกข้างของเขากำลังใช้ความพยายามในการปลดตะขอออก ขณะที่ความเป็นชายของเขาเริ่มพองตัวขึ้นเรื่อยๆ จนเวลานี้เป้ากางเกงบ๊อกเซอร์คับแน่นจนตุง พร้อมสำหรับการเปิดศึกกับเธอ
ใบหน้าคมคายเข้าหาใบหน้ารูปไข่ จากนั้นบทจูบอันเร่าร้อนก็ได้เริ่มขึ้น อีธานโลมเลียริมฝีปากอิ่มจนทั่วทั้งบนและล่าง เธอเองก็พยายามปากอ้ารับลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้าไปในโพรงปาก เพื่อสัมผัสกับลิ้นเล็กที่แตะกระหวัดเกาะเกี่ยวปลายลิ้นโต้ตอบแลกเปลี่ยนรสหวานกันไปมาอย่างไม่รู้จักพอ
"อืม...อื้ม" เสียงครางจากในลำคอของคนทั้งคู่ดังขึ้นมาเป็นระยะ ในขณะที่บราและชุดชั้นในตัวจิ๋วของเธอถูกอีธานเกี่ยวทิ้งลงไปอยู่ใต้เตียง พร้อมกับบ๊อกเซอร์ของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในเวลานี้ร่างกายของคนทั้งคู่เสียดสีกันจนเริ่มที่จะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ คงไม่มีอะไรมาฉุดรั้งให้อีธานยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ลงได้
"สวยจัง คุณรู้ตัวหรือเปล่า ผมไม่เคยเห็น ผู้หญิงคนไหนมีสรีระร่างกายที่สวยงามเท่ากับคุณก่อนเลยในชีวิต" ในขณะที่พูดมือของเขาได้ลูบไล้ไปทั่วกายของเธอ พร้อมกับใช้สายตาคมกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะมาหยุดโฟกัสที่อกตูมสองข้าง ซึ่งเขายอมรับว่ามันเต่งตึงขึ้นมาจากธรรมชาติ โดยที่เธอนั้นไม่ได้ศัลยกรรมมาก่อน
"อืม...อ๊า..." ฮันน่าร้องอุทานออกมาเสียงหลงเมื่อเม็ดบัวของเธอถูกริมฝีปากของอีธานคาบเกี่ยวเอาไว้ เขาใช้ปลายลิ้นหยอกล้อกับปลายยอดปทุมถันอย่างเมามัน ราวกับคนคลั่งในรักก็ไม่ปาน เขาอมแล้วดูดกลืนทรวงอกอิ่มจนสาแก่ใจ มือหนาค่อยๆ เลื่อนลงต่ำแล้วสอดเข้าไปที่กลีบกุหลาบงามบานเบ่งของเธอ จากนั้นเขาได้ใช้นิ้วคลี่แล้วสอดเข้าไปตรงกลางร่องเสียว การกระทำของเขาทำให้ร่างเล็กบิดเร้าไปมาด้วยความรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว
น้ำเหนือ ธนาลักษณ์ (อายุ 32ปี) ชายหนุ่มผู้ถูกเลือกให้ผิดหวังจากความรัก จนเขาคิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะรักใคร สุดท้ายชายหนุ่มก็เลือกที่จะหยุด แต่ไม่ใช่การยุติเรื่องบนเตียง เขาเลือกที่จะซื้อกินมากกว่า เพราะเขาเชื่อว่าผู้หญิงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์เลือกเงินมากกว่าความรัก เฉกเช่นอดีตคนรักของเขาที่หนีไปแต่งงานกับเศรษฐีดูไบ จนทำให้เขากลายเป็นผู้ชายไร้หัวใจมาจนถึงทุกวันนี้ ทานตะวัน ประสบโชคดี(อายุ 20ปี) ชื่อนี้มาจากดอกทานตะวัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียว ใจเดียว แต่ชีวิตของเธอกลับพบเจอแต่ปัญหา หลังจากบิดาติดการพนันอย่างหนัก ดาวเรืองผู้เป็นมารดาจึงคิดหาทางออก โดยการนำลูกสาวไปฝากไว้กับคุณนายจันทร์ฉาย (ทวดเล็ก) เพราะกลัวมารุตจะขายลูกสาวให้กับเจ้าหนี้ของเขา ซึ่งล้วนมากด้วยอิทธิพลในธุรกิจสีเทา
นารา หญิงสาวต่างจังหวัดอายุยี่สิบปี รูปร่างผอมเพรียวแลดูสมส่วน เธอเป็นหญิงสาวน่ารัก มองโลกในแง่ดี บ๊องแบ๊ว ใครเห็นต่างก็ชอบในความสดใสน่ารักของเธอ แต่ใครเล่าจะรู้ลึกๆ แล้ว หญิงสาวแค่สร้างมันขึ้นมา เพื่อเป็นกำแพงในใจที่ปวดร้าว เมื่อบิดากับมารดาต้องหย่ากัน เธอเจ็บลึกไปถึงก้นบึ้งหัวใจ แต่ยังทำตัวสดใสร่าเริง เพื่อให้มารดากับน้องชายรับรู้ว่าเธอสามารถ ที่จะเป็นเสาหลักที่ดีและแข็งแรงให้กับครอบครัวได้ พอจบมัธยมปลาย เธอตัดสินใจเรียนต่อแค่อนุปริญญา เพราะหวังว่าเรียนจบมาแล้วจะได้หางานทำทันที เพื่อให้น้องชายเพียงคนเดียวที่อายุห่างกันกับเธอเพียงแค่สองปีได้เรียนต่อ และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่นาทีน้องชายคนเดียวของเธอสอบติดแพทย์ นาราไม่ลังเลเลย เมื่อเรียนจบเธอรีบเดินทางไปหาป้าที่กรุงเทพฯทันที ทั้งที่ขาดการติดต่อกันมานานหลายปีแล้ว เธอหวังจะไปขออาศัยระหว่างที่หางานทำ ชีวิตของเธอจะผกผันแปรเปลี่ยนหักเหเพียงใด เมื่อเดินทางมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ ภูตะวัน พ่อเลี้ยงหนุ่ม หล่อล่ำสูงขาวกล้ามโต หุ่นนายแบบ อายุสามสิบห้าปี ที่มีไร่องุ่นส่งออกรายใหญ่ของประเทศ ไร่ของเขาอยู่ทางภาคเหนือ แต่ทว่าโรงงานผลิตไวน์อยู่แถวชานเมือง เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อไฟแรง ที่บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างหมายตา แต่เขากลับไม่เคยประกาศหรือควงผู้หญิงคนใดให้เห็นเลยสักราย สถานะของเขาคือโสด ชายหนุ่มเคยมีแฟน แต่รักครั้งนั้นมันยังฝังใจ เมื่อแฟนสาวอันเป็นที่รักนอกใจ หนีไปแต่งงานกับหนุ่มลูกครึ่ง เมื่อครั้งที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศ ความสนิทชิดใกล้หรือที่เขาเรียกว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิด มันเลยทำให้ความรักของเขาและเธอขาดสะบั้นลงไม่เป็นท่า แต่ตอนนี้เรื่องวุ่นๆ กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา แน่นอนมันอาจจะไม่สงบอีกต่อไป และชีวิตของเขาต้องกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อเธอคนนั้นเดินเข้ามาในบ้านของชายหนุ่ม
นายนิโคลัส เคลดัลซ่าร์ คนสนิทมักเรียกเขาว่านิค อายุ 32 ปี เขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์น่าค้นหา ด้วยหน้าตาที่เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ ยิ่งทำให้น่าหลงใหล เขามีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ จมูกโด่งเป็นสันนัยน์ตาสีฟ้า สะกดทุกสายตาที่จ้องมอง เขามีน้องสาวหนึ่งคนชื่อนิโคล เมื่อบิดาเสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย เขาจึงกลับมาดูแลและสานต่อธุรกิจที่เมืองไทย ครอบครัวของเขาทำเกี่ยวกับผลไม้แปรรูปหลายชนิด เขาเป็นชายหนุ่มที่สาวๆ ต่างก็หมายตา แต่ดูเหมือนว่าเขานั้นจะไม่เคยมองใคร นอกจากเธอผู้หญิงคนนั้น หล่อนขอให้เขาช่วยเป็นแฟนเธอแค่คืนเดียว โดยที่เขานั้นได้เสนอข้อแลกเปลี่ยน ด้วยการมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเธอ ภายใต้เงื่อนไขแค่วันไนท์สแตนด์ จบแล้วแยกทางไม่มีอะไรค้างคาใจ และที่เขานั้นต้องแปลกใจคือเธอยอมตกลงอย่างง่ายดาย ที่สำคัญกว่านั้นนิโคลัสยังได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ นางสาวพริมโรส มารยาทงามเลิศ ทุกคนมักจะเรียกเธอว่าพิมพ์ เธออายุ 23 ปี เรียนมหา'ลัยปีสุดท้าย อีกไม่นานเดือนกว่าก็จะจบแล้ว เธอเป็นสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ลูกครึ่งไทยเยอร เธอถูกอบรมเลี้ยงดูแบบไทยแท้ มารดาของเธอสอนให้รักนวลสงวนตัว เมื่อนางเคยพลาดพลั้งมีอะไรกับบิดาของพริมโรสจนตั้งครรภ์ เพราะความรักทำให้คนตาบอด เมื่อมารดาของเธอได้รู้ความจริงว่าชายอันเป็นที่รักนั้น เขาแค่หลอกลวงหวังแค่เสพสมจากกายของเธอ เขาไม่ยอมรับทารกน้อยในครรภ์ แต่นางก็อดทนกล้ำกลืนเลี้ยงดูพริมโรสจนเติบใหญ่ ได้อย่างสง่างามเธอสวยอย่างมีคุณภาพและทรงคุณค่าในตัว แต่ทว่าทุกอย่างกลับซ้ำรอยเดิม เมื่อพริมโรสเสียใจที่แฟนหนุ่มคบหาดูใจกันมานานถึงเจ็ดปี ตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจวบจนจะจบปริญญาตรี แค่เธอไม่ยอมชิงสุกก่อนห่าม เขากลับประชดด้วยการนอกกายนอกใจเธอ มิหนำซ้ำผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนสนิทของพริมโรส หญิงสาวเสียใจจนแทบเสียสติ และแล้วเธอก็ประชดแฟนเก่าด้วยการหาใครสักคนมาเป็นแฟน เธอหวังเพียงแค่อยากแสดงให้เขาได้รู้ว่าเธอนั้นไม่แคร์ จนกระทั่งเธอยอมตกปากรับคำ มีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับนิโคลัสผู้ชายที่พบกันในผับ ที่สำคัญเธอนั้นไม่รู้จักกับเขามาก่อน.. ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ
เหมราช ชาติดำรงกุลชัย ชายหนุ่มรูปงามที่สาวๆ ต่างก็หมายตา หนึ่งในนั้นชื่อว่าคาเรนสาวลูกครึ่ง ที่สวยหุ่นเซ็กซี่ หล่อนมาฝึกงานที่บริษัทเขา จากนั้นหญิงสาวก็ทำความคุ้นเคย จนกระทั่งสนิทกัน เหมราชไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอนั้น อยู่ในสถานะไหน แต่เธอก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขานั้นควงไปไหนมาไหนบ่อยที่สุด แต่ทว่าวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นกับครอบครัวของเขา เมื่อบิดาล้มป่วยแล้วเสียชีวิตลงกะทันหัน การเงินที่บริษัทเริ่มมีปัญหา แต่ก็มีเพื่อนสนิทของบิดายินดีที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา โดยมีข้อแลกเปลี่ยน ให้เหมราชแต่งงานกับพิ้งค์พลอยลูกสาวของเพื่อนบิดา ที่เธอนั้นมีอายุห่างมากกว่าชายหนุ่มถึงสิบสองปี เมื่อเขาไม่มีทางเลือก และดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ได้รักเขา เหมราชจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่แล้วเขากลับตกหลุมรักภรรยาของตัวเอง ขณะที่เธอนั้นเฉยชาและหมางเมินใส่เขา เหมือนกับว่าเธอนั้นไร้หัวใจ ซึ่งซึ่งภายในใจของเธอนั้นมีชายอีกคนอยู่ตลอดเวลา ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
นายอามันต์โด้ เดฟวารา มีชื่อไทยว่านักรบหนุ่ม นักธุรกิจเนื้อหอมลูกครึ่งไทยอังกฤษ อายุสามสิบปี สูงใหญ่หล่อล่ำเป็นที่หมายตาของสาวน้อยสาวใหญ่ เมื่อเขาเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนทุกคนมักจะหลงใหลในเสน่ห์ของอาร์มันโด้ ที่มีความเป็นชายเนื้อแน่นกำยำกล้ามเป็นมัดๆ การกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ เพราะปมในอดีต ที่ทำให้เขามีความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายมาหลายสิบปี ซึ่งปมแค้นครั้งนี้ อาร์มันโด้จะไม่มีวันให้ครอบครัวของเธอนั้นมีความสุข อยู่บนกองเงินกองทองที่บิดาของเธอ เคยคดโกงตระกูลบิดาและมารดาของเขาไป จนบุพการีต้องฆ่าตัวตาย ก่อนจะทิ้งจดหมายผูกปมแค้นนี้เอาไว้ เพื่อรอวันให้ลูกชายได้ล้างแค้นทวงทุกอย่างคืนกลับมา นางสาวนารี กศิเทพพาณิชย์ อายุยี่สิบหกปี ลูกสาวคนเล็กของตระกูลกสิเทพพาณิชย์ ใครเล่าจะรู้ว่าเธอขมขื่นเพียงใด กับความทุกข์ตรม เมื่อบิดามารดารักลูกไม่เท่ากัน ทุกคนปฏิบัติกับเธอราวกับนารีเป็นทาสรับใช้ ทั้งที่เธอนั้นเป็นลูกในไส้ของแม่พิกุลกับพ่อศรเทพ แต่บิดากับมารดากลับรักลูกสาวคนรองกับพี่ชายคนโตมากกว่าเธอ ส่งเสียให้เรียน โรงเรียนดีๆ มหาวิทยาลัยดังๆ ไกลถึงเมืองนอกเมืองนา ส่วนนารีนั้น ตั้งแต่ประถม มัธยม จวบจนเข้ามหาวิทยาลัย โชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้กู้ทุนรัฐบาลเรียน แม้จะได้เข้าศึกษา แต่บิดามารดาก็ได้ส่งเสียให้เรียนแค่โรงเรียนของรัฐ จวบจนจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยที่เรียนก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่นารีกลับเรียนจบด้วยการคว้าเอาเกรดนิยมอันดับหนึ่งมาครองจนได้ แต่นั่นกลับไม่ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวเลยแม้แต่น้อย วันเกิดของรวีพิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากวันนี้ มีแขกคนสำคัญมาร่วมงานด้วย เขานั้นคืออาร์มันโด้นักธุรกิจหนุ่มที่รวีนั้นหมายมั่นปั้นมือจะเอาชายหนุ่มมาเป็นคู่นอนให้ได้ แขกที่มาร่วมงานต่างก็แต่งองค์ทรงเครื่องประชันโฉมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะเจ้าของวันเกิด ที่ใส่ชุดราตรีเกาะอกสีแดงโชว์เต้าขาวอวบ เปิดแผ่นหลังโชว์เนื้อหนังมังสา จนใครต่อใครต่างก็ชื่นชมในความงามและเซ็กซี่ของรวี
เมื่อเขาคือเจ้าชีวิต เธอจึงไม่มีสิทธิ์คิดจะต่อรอง มันถูกต้องแล้วเหรอ กับการที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องยอม ซึ่งบางครั้งเขาก็ทำเหมือนกับว่าเธอนั้นไม่มีหัวใจ ผู้ชายอย่างเขามันคือวาร้าย ที่จ้องแต่จะทำลายชีวิตของเธอ หลายคนอาจจะมองว่าเขาเย็นชาไม่มีหัวใจ แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ออสตินทำลงไปทั้งหมด ก็เพื่อหวังแค่ว่าจะได้ใกล้ชิดกับเธอ เพียงแค่เขาอาจจะแสดงออกในทางที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ แล้วต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน เขาถึงจะเผยความในใจออกมา เพราะทุกวันใบพลูก็เห็นเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า จนเธอคิดว่าตัวเองคงเกิดมาเพื่อให้ออสตินเอาเปรียบ เมื่อเขาไม่ต่างจากเจ้าชีวิตที่จ้องแต่จะเอาเปรียบเธอ
(คลื่นรักอสูร) ...เพราะเธอขึ้นเรือผิดลำ คลื่นร้ายจึงซัดแทบกระเจิง... “เธอมันก็แค่ผู้หญิงขายตัว จะมาทำเล่นตัวเรื่องมากไม่ได้รู้ไหม ต่อให้เป็นสินค้าด้อยคุณภาพยังไงก็เถอะ ก็ต้องหัดรู้จักตามใจแขกบ้าง แต่นี่อะไรหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ คนสอนไม่บอกหรือยังไงว่าไอ้ละครเล่นตัวนี่มันน่ารำคาญไม่ได้ดึงดูดลูกค้าเลย” บารเมษฐ์ต่อว่าพร้อมกวาดสายตามองเหยียดหยามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนคลายมือออกจากปลายคางอย่างช้า ๆ “ฉันไม่ได้มาขายตัวสักหน่อย” คนได้รับอิสรภาพรีบบอกเขา “หืม” เขาทำหน้าไม่เชื่อ “ฉันแค่ขึ้นเรือผิดลำ ฉันไม่ได้มาขายตัวจริง ๆ คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะคะคุณบารเมษฐ์” วินาทีนี้เธอกลัวเขามากกว่าใครบนเรือลำนี้เสียอีก เลยเลือกที่จะบอกความจริงกับเขาไป “ขึ้นเรือผิดลำ?” คนพูดหรี่ตาลงอย่างสงสัย “ใช่ค่ะ ฉันขึ้นเรือผิดลำจริง ๆ” “แบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะสองคนในห้องเครื่องนั่นถึงได้ลุกลี้ลุกลนนัก” บารเมษฐ์นึกไปถึงท่าทางของอนุชิตกับธาวิน ซึ่งดูเหมือนมีเรื่องเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา “คุณรู้แบบนี้แล้วก็ปล่อยฉันไปเถอะคุณบารเมษฐ์ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ” นีนนาราขอความเห็นใจจากเขา แต่สายตาที่เขามองกลับมานั้นมันว่างเปล่าชอบกล “รู้อะไรไหมนีนเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฉันเลย เธอเป็นคนอยู่ผิดที่ผิดทางเอง เพราะงั้นเธอก็ต้องรับสภาพที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เองเหมือนกัน” “ห้ะ คุณ นี่คุณ คุณทำไมเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้” หญิงสาวต่อว่าเขา ก่อนจะหน้าซีดหน้าเซียวลง เพราะเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอของเขาบ่งชัดว่าคืนนี้เธอไม่รอดแน่ “ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!” นีนนาราดิ้นหนีเขาก็จับกดลงที่เดิม “งานก็คืองานนะคนสวย มาขายตัวก็คือมาขายตัว อย่าทำเสียเรื่องสินีน” บารเมษฐ์ย่อมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่แล้ว เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนอีกแน่ “ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงล่ะ ว้าย!”
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
บนท้องฟ้ากว้างใหญ่เหนือมหานครเซี่ยงไฮ้ เมืองที่ไม่เคยหลับใหลยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกระฟ้าทอดยาวเป็นเส้นแสงสว่าง สีเงินระยิบระยับเหมือนดวงดาวที่หลุดลอยมาอยู่ใกล้ผืนดิน แต่ละมุมเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นอายของการแข่งขันและความเร่งรีบ ฟู่ ชิงชวน CEO หนุ่มหล่อผู้เป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจชั้นนำ กำลังยืนทอดมองวิวจากกระจกในห้องทำงานชั้นบนสุดของตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัท "เฉิงหยวนกรุ๊ป" เขาเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน ชีวิตที่ใครหลายคนอิจฉา แต่เบื้องหลังดวงตาคมกริบที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ กลับมีร่องรอยของบาดแผลลึกซ่อนอยู่ในหัวใจ บาดแผลที่เกิดจากการทรยศของคนรักเก่า ลู่ ซูฉิน ผู้หญิงที่เขาเคยรักสุดหัวใจ แต่เธอเลือกทิ้งเขาไปเพื่อแต่งงานกับคนอื่น… การทรยศครั้งนั้นทำให้ฟู่ ชิงชวนสูญเสียความเชื่อใจในความรัก และปิดกั้นหัวใจของตัวเองจากผู้หญิงทุกคน มันกลายเป็นแรงผลักดันให้เขามุ่งมั่นและเข้มแข็ง แต่ขณะเดียวกันก็สร้างกำแพงในใจที่ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ในขณะเดียวกัน ฟาง ซีอัน สาวงามผู้เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น กำลังเดินทางกลับมายังประเทศจีนหลังจากใช้ชีวิตในต่างแดนนานนับสิบปี ความทรงจำในวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความรักและเสียงหัวเราะถูกแทนที่ด้วยความโศกเศร้าจากการสูญเสียบุพการี เธอเลือกที่จะกลับบ้านเกิดเพื่อหวังจะได้สัมผัสความอบอุ่นที่หายไปและรู้สึกใกล้ชิดกับพ่อแม่อีกครั้ง แต่เมื่อกลับมาถึง เธอก็ต้องเผชิญกับปัญหาจากลุง ฟาง จงฉิน น้องชายคนเดียวของพ่อ ติดเหล้าและการพนันอย่างหนัก ลุงของเธอสะสมหนี้สินหลายร้อยล้านหยวน และพยายามขอยืมเงินจากเธอเพื่อใช้หนี้ …ฟาง ซีอันจึงตัดสินใจสมัครงานที่บริษัทเฉิงหยวนกรุ๊ป ไม่เพียงเพื่อความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ในครอบครัวอีกด้วย การพบกันครั้งแรกของทั้งสองคน เป็นเพียงเรื่องบังเอิญในสายตาของใครหลายคน แต่สำหรับโชคชะตาแล้ว มันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแสนซับซ้อนแต่เต็มไปด้วยความรัก…
เพราะข้าอ้วนท่านอ๋องเลยไม่อยากแต่งกับข้าใช่ไหม
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"