“คราวหน้าถ้าคิดจะเอาตัวเข้าแลก... ก็แลกให้มันถูกที่... ถูกจุดสิครับ” เมื่อน้องชายตัวดีดันหาเรื่องก้าวเท้าเข้าไปอยู่ในคุกเสียครึ่งขา เพราะดันไปลอบคบหากับหลานสาวสุดที่รักของมหาเศรษฐีไฮโซผู้แสนเจ้าอารมณ์อย่าง ‘ธีร์จุฑา เตชะเกรียงไกร นิคโคล์โล’ แถมสาวเจ้าก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะเสียอีก ความยุ่งยากจึงมาตกอยู่ กับ ‘พิมพ์พิชชา’ ผู้เป็นพี่สาวที่ตัดสินใจบุกไปเผชิญหน้ากับเขาถึงออฟฟิศเพื่อต่อรองไม่ให้น้องชาย คนเดียวต้อง ‘หมดอนาคต’ โดยไม่รู้สักนิดว่านับตั้งแต่วินาทีที่ถูกสายตาอันร้อนแรงจับจ้อง ‘อนาคตของเธอ’ ก็ตกอยู่ในกำมือของเขาเสียแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่คิดจะยกโทษให้ในทีแรก แต่ความกรุ่นโกรธกลับพลุ่งพล่าน และแปรเปลี่ยนไปเป็นความปรารถนาอย่างควบคุมไม่อยู่หลังจากจูบแรกของเธอถูกเขาช่วงชิงมา เพราะฉะนั้นไม่มีวันเสียล่ะที่มหาเศรษฐีหนุ่มจะอนุญาตให้พิมพ์พิชชาหลบหนีไปไหน และโชคยังดีที่เขา ยัง ‘มีงาน’ อีกมากมาย... ซึ่งเหมาะจะ ‘ให้เธอทำ’ เพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับเขา และธีร์จุฑาก็สัญญาว่า เธอจะต้อง ‘สนุก’ ไปกับงานที่ว่านั้น... เช่นเดียวกันกับที่เขาตั้งใจจะสนุกกับเธอ “อย่าลืมที่สั่งล่ะ” เขาหยุดจ้องส่วนอวบอิ่มด้วยสายตาที่มีเล่ห์กล ก่อนจะพูดต่อว่า “สวมชุดนอนนุ่มๆ ที่ผมให้คนเตรียมให้ด้วยล่ะ แล้วคืนนี้ผมจะมาจัดการมันเอง” +++++++++ บางส่วนในเล่ม :: “อีกที!” เขาสั่งเสียงเข้ม เธอตวัดสายตาพ้อ ‘คนเอาแต่ได้แล้วยังจอมบังคับอีก ชาติที่แล้วเป็นฮิตเลอร์หรือไง?' เธอทำอย่างเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้มือแกร่งเคลื่อนขึ้นมาจับท้ายทอยเธอและกดไว้ เขาเป็นฝ่ายส่งจุมพิตร้อนรุ่มผสมกลิ่นไวน์องุ่นเข้ามา ลิ้นร้อนเริ่มรุกราน บดเบียดเข้ามาในโพรงปากหวานของเธอ และมันเกเรพอที่จะตักตวงความหวานอย่างล้ำลึกอ้อยอิ่งนานแสนนาน หญิงสาวเริ่มเคลิ้มและปิดตาตัวเองลงช้าๆ มันน่าเผลอไผลจนศีรษะตัวเองไหวคลอนตามจังหวะละมุนหวานของเขาอย่างไม่รู้ตัว จูบของเขาหวานล้ำ... เนิ่นนานจนส่งผ่านความหวานซ่านลงสู่หัวใจในเวลาอันรวดเร็ว ทำเอาเธอสะท้านหวั่นไหวหัวใจเต้นรัว “แบบนี้... ถึงเรียกว่า ‘จูบ’ สอนไม่มีจำ!” เขาพึมพำเสียงทุ้ม หลังจากถอนจูบออกอย่างจำใจ “พะ...พอแล้วค่ะ จำแล้ว” เอ่ยเบาพลางก้มหน้างุด นิ้วเรียวเกี่ยวปรอยผมขึ้นเหน็บหูกลบเกลื่อนความเขินอายและระบายความร้อนวูบวาบที่เอิบอาบไปทั่วแก้ม ไม่สิ... มันโจมตีไปทั่วสรรพางค์กาย “ยัง... ยังไม่พอ” เขาส่ายศีรษะช้าๆ ก่อนส่งมือเรียวแกร่งทั้งสองข้างเข้าประคองสองแก้มนุ่มดึงเข้ามาบดจุมพิตย้ำหนักๆลงอีกครั้งยังจุดเดิมจนหญิงสาวเริ่มเคลิ้มและเผลอตอบรับสัมผัสจากเขา ลิ้นร้อนรุ่มของเขาสอดผสานตักตวงความหวานภายในริมฝีปากเธอ จูบของเขารื้อฟื้นให้คิดถึง ‘จูบแรก’ ที่เขามอบให้มันยังคงตรึงอยู่ในหัวใจแม้ว่าจะเป็นจุมพิตลงทัณฑ์อย่างดิบเถื่อนไปสักนิด ปากเซ็กซี่ที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานของเขาลูบไล้เรียวปากเธอมันหวานล้ำซาบซ่านราวมากาลองละลายในปากเธออย่างอ้อยอิ่ง หวานซ่าน ทว่าเร่าร้อนในคราวเดียวกันและมันรันจวนดุจสารเสพย์ติดที่ยิ่งจุมพิตก็ยิ่งโหยหาและขาดไม่ได้
ณ อาคารสำนักงานของอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันยิ่งใหญ่แห่งเอเชียตะวันออก เดอะ แลนด์ริช กรุ๊ป ตั้งอยู่บนถนนสีลมตัดกับสาธร พิกัดอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ สนนราคาที่ดินบนอาณาบริเวณนั้น ในปีพอศอนี้ก็ตกตารางวาละ 1 ล้านบาท[ กรมธนารักษ์ประกาศราคาประเมินที่ดินรอบ 1 ม.ค.59- 31 ธ.ค.
62 พื้นที่ที่ราคาสูงสุดอยู่ที่สีลม มีราคาตารางวาละ 1 ล้านบาท] มีเพียงอภิมหาเศรษฐีนิรันดร์กาลเท่านั้นกระมังจึงจะมีสิทธิ์จับจองเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างย่านนี้ได้ เจ้าของดวงตาคู่หวานทอดมองขึ้นไปยังยอดตึกสูงตระหง่านนั้นอย่างหมายมาด ทว่าก็ทำให้หญิงสาวผู้มาเยือนรู้สึกหวาดหวั่นเล็กๆอยู่ภายในเพราะไม่อาจคาดเดาว่าอนาคตนับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตนบ้าง ร่างเล็กถอนหายใจน้อยๆอย่างอ่อนแรงก่อนที่จะรวบรวมความกล้าแล้วสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนเชิดหน้าตั้งตรงและก้าวไปข้างหน้า ภายในอาคารหญิงสาวสัมผัสได้ถึงความโอ่อ่าทว่าโปร่งสบายในคราวเดียวกัน การตกแต่งภายในเป็นไปอย่างเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น ภาพพนักงานประจำเดินกันขวักไขว่บ้างก็ภาพคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่นั่งทำงานในร้านกาแฟแบรนด์ดังระดับโลกมีให้เห็นกันบ่อยๆ รวมทั้งที่แห่งนี้ด้วย ต่างคนต่างมีชีวิตที่มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จในอัตราเร่งจนบางครั้งไม่ต่างกับหุ่นยนต์ หญิงสาวมองโดยรอบแล้วก็พบว่าอาคารแห่งนี้ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เคร่งครัดตามมาตรฐานพอสมควร ไม่นานนักร่างบอบบางสมส่วนของเธอก็ก้าวเข้าไปหยุดยืนที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ภายในตัวตึกของอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไฮโซอันยิ่งใหญ่แห่งนี้
‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ตาพอลรอดพ้นจากเรื่องราวอันเลวร้ายครั้งนี้ให้จงได้!’ พอลหรือทรงพล ศิธานันท์ น้องชายเพียงคนเดียวของเธอ
ร่างเล็กแลกบัตรประจำตัวประชาชนที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ก่อนเข้าไปในส่วนกลางของอาคารเพื่อตรงไปยังหน้าลิฟท์ ไม่นานหญิงสาวก็มายืนบนชั้น 44 ที่เป็นห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูง เธอต้องการพบเขา
“ฉันมาพบคุณธีร์จุฑาค่ะ” พิมพ์พิชชาเผยรอยยิ้มหยิบยื่นไมตรีก่อนเอ่ยขึ้นแสดงเจตนาเมื่อยืนตรงหน้าโต๊ะเลขานุการสาว เธอผ่านด่าน รปภ.ด้านหน้าลิฟท์เป็นด่านที่สามของวันนี้มาอย่างราบรื่น ร่างเล็กอยู่ในชุดแซกแขนกุดคอปกเชิ้ตสีขาวบริสุทธิ์ มีระบายลูกไม้แซมเป็นคลื่นตรงกระดุมผ่าหน้า ดูเรียบร้อยทว่าซ่อนความเปรี้ยวเอาไว้เล็กน้อย หญิงสาวเลือกชุดนี้เพราะมันมีระบายลูกไม้ที่เธอคิดว่าจะช่วยอำพรางหน้าอกอิ่มๆที่มันล้นหน้าล้นใจมากมายเกินปกตินั่นเอง เสื้อเชิ้ตถูกสวมทับด้วยสูทสีเทาที่เข้ากันกับรองเท้าส้นเข็ม ผมสีดำขลับที่ยาวถึงกลางหลังวันนี้ถูกรวบตึงทรงหางม้าแบบง่ายๆ แต่ทั้งหมดนั้นช่วยให้เธอดูเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนที่คล่องทะมัดทะแมงและสุภาพในคราวเดียวกัน
“นัดไว้หรือเปล่าคะ?” เลขานุการสาวสวยหน้าห้องเงยหน้าถาม เธออยู่ในวัยกลางคนไปแล้วแต่ยังดูอ่อนเยาว์แต่กระนั้นสายตาของเลขาสาวก็ไม่ค่อยผูกมิตรกับผู้มาเยือนสักเท่าไรนัก
“เปล่าค่ะ... ดิฉันไม่ได้นัดไว้” หญิงสาวผู้มาเยือนตอบเสียงเรียบฟังดูสุภาพ
“ถ้างั้นคงต้องเสียใจด้วยนะคะ ท่านประธานคงไม่สะดวกค่ะ” เลขานุการสาวบอกโดยไม่ต้องเสียเวลาตริตรอง แววตาเหยียดๆถูกส่งไปตรึงบนร่างบอบบางของผู้มาเยือนนั้นอย่างนึกสมเพช
หญิงสาวหน้าชาวูบ มันก็จริงนะ คนระดับเขา ใครจะเข้าพบได้ หญิงสาวทอดสายตาหมดหวัง
“ฉันมีธุระสำคัญต้องพบคุณธีร์จุฑาให้ได้ ช่วยดิฉันหน่อยได้ไหมคะ?” ร่างเล็กอ้อนวอน จนอีกฝ่ายสงสัยว่าผู้หญิงธรรมดาๆ ตรงหน้ามีธุระสำคัญอะไรนักถึงต้องพบท่านประธานของเธอให้ได้
“งั้นสักครู่ค่ะ” เลขาฯสาวต่อโทรศัพท์สายในเข้าไปยังโต๊ะท่านประธาน เธอพูดด้วยน้ำเสียงเบามากจนหญิงสาวฟังไม่ออกว่าเธอเรียนท่านประธานของเธอว่าอย่างไรบ้าง สักพักเลขาฯสาวก็วางสายลง และเงยหน้าพูดกับเธอ
“ครับ” ท่านประธานรับสายใน ระหว่างบ่ายที่เขาดูเอกสารอยู่นั้น
“ท่านประธานคะ มีแขกมาขอพบนะคะ เธอบอกว่าต้องการคุยธุระสำคัญกับท่านประธานภายในวันนี้ค่ะ” เลขานุการสาวรายงานไปตามสายโทรศัพท์สายในองค์กรแต่สายตาของเธอตรึงอยู่บนหน้าหวานๆ ของพิมพ์พิชชาแล้วไล่มองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วก็มองขึ้นมาใหม่ก่อนที่จะหยุดตรงหน้าอกหน้าใจของหญิงสาวที่มันล้นออกมาเกินความจำเป็น ทำให้เลขานุการสาวอดคิดไม่ได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันที่มาหาผู้ชายถึงหน้าห้องทำงานแบบนี้ มาสมัครงานรึ ไม่ใช่แน่ๆ
‘ก็คงไม่ต่างจากพวกผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มาหาบอสนั่นละมั้ง พวกผู้หญิงหิวเงิน’
“ใครกัน?” ท่านประธานเอ่ยถาม สายตาคมมองเอกสารตรงหน้า เขาแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครที่ไหนจะมาหาเขาน่ะ
“เธอชื่อพิมพ์พิชชาค่ะ” เลขานุการสาวเจ้าของแววตาที่เริ่มไม่เป็นมิตรยังคงตรึงบนใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวแปลกหน้าผู้มาเยือน
“จากไหน?” ธีร์จุฑาถามถึงต้นสังกัดบริษัทที่เธอทำงาน ซึ่งอาจจะเป็นพาร์ทเนอร์ส่งเธอมา แต่...เท่าที่จำได้ วันนี้ไม่ได้นัดใครไว้ ยิ่งงานสำคัญนั่นยิ่งไม่มีทางเลย
“เอ่อ... ท่านประธานถามว่าจากไหนคะ?” สาวใหญ่วัยกลางคนด่านปราการเหล็กถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีไมตรีนัก
“ฉันมาธุระส่วนตัวค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยกิริยาอ่อนน้อม
“เธอบอกว่ามาเรื่องธุระส่วนตัวค่ะ” เลขานุการสาวตวัดสายตามองผู้มาเยือนอย่างเดียดฉัน ‘ผู้หญิงอย่างหล่อนมีธุระส่วนตัวกับท่านประธานด้วยเหรอยะ?’
“ธุระอะไร... “ เขาเปรย ‘ปกติไม่มีธุระส่วนตัวอะไรกับใคร... ยิ่งผู้หญิงอีกไม่มีแน่ๆ’
“ชื่อ?”
“ท่านประธานถามชื่อค่ะ จากคุณอะไรคะ?”
“พิมพ์พิชชาค่ะ พิมพ์พิชชา ศิธานันท์” เธอเอ่ยตอบ
“ผมไม่รู้จักครับ ไม่ดีกว่า ผมมีประชุมในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว คงไม่สะดวก” เขาตอบตัดบท เพราะปกติเขาไม่รับนัดใครพร่ำเพรื่ออยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่จะมีผู้หญิงคนไหนมาอ้างเขาเป็นพ่อเด็กในท้องยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้
“รับทราบค่ะ” เลขานุการสาวรับทราบ วางสายลงก่อนที่จะบอกปฏิเสธหญิงสาวที่มารอพบท่านประธานของเธอ
“ท่านประธานบอกว่าไม่ว่างพบค่ะ และที่สำคัญคือ... ท่านประธานไม่รู้จักคุณ!” เลขานุการสาวตอบน้ำเสียงเรียบเย็นและสีหน้าเหยียดผู้มาเยือนอย่างเห็นได้ชัด
“งั้น... ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวหมุนตัวเดินออกมาอย่างหมดแรงแต่ไม่หมดหวัง ดวงตาคู่สวยสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ‘จะทำยังไงดี...ถ้าไม่คุยกับเขาให้รู้เรื่อง พอลน้องชายเพียงคนเดียวของเราต้องติดคุกหัวโตแน่...’ หญิงสาวครุ่นคิด
เพื่อปกป้องชีวิต... คุณทวดของบุหงาจึงเขียนยันต์วิเศษไว้คุ้มครองหลานสาวผู้ที่จะสืบทอดวิชาเขียนยันต์ แต่ด้วยความซุ่มซ่าม เจ้าหล่อนจึงย้อนอดีตไปสมัยทวารวดี เพื่อหนีการตามล่า บุหงาจึงต้องสวมรอยเป็น ‘แม่นาย’ ทำให้ทุกคนในเรือนรัก เพื่อความอยู่รอด กลับไปยุคเดิมที่จากมาอย่างปลอดภัย นั่นก็คือ... ยุครัตนโกสินทร์ตอนปลาย เพื่อทำหน้าที่สืบทอดวิชาเขียนยันต์เก่าแก่โบราณของต้นตระกูล
คริญาไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยในท่าทีหวงก้างของพศุตม์ เธอรู้ว่า... ในสถานการณ์ที่เธออยู่ในสระว่ายน้ำเย็นฉ่ำในเวลานี้ ผู้ปกครองหนุ่มจะต้องโจนจ้วงตามลงมา ดวงใจสาววัยแรกแย้มเต้นตูม ด้วยความรู้สึกหวั่นไหว แม้รู้ดีแก่ใจว่า ชายหนุ่มคือของต้องห้ามและจะแสลงใจจนเจ็บปวดในวันหนึ่ง เพราะพศุตม์เคยยื่นคำขาดว่า... เขาไม่ชอบเด็กน้อยกะโปโลอย่างเธอ และถ้าเกิดอะไรขึ้นเพราะเธอกล้าเล่นกับไฟยั่วยวนเขา เขาจะไม่มีวันรับผิดชอบ! . ‘คำสั่ง’ จากปากเขามันคือคำเตือนจากผู้ชายอันตราย . เขารวบตัวเด็กในปกครองเข้ามาสวมกอดแน่นราวจะสูญเสีย ความร้อนซ่านกำซาบไปทั้งเรือนกายสาว ส่วนเปลือยสวยสัมผัส แนบชิดแทบทุกส่วนสัดของกายแกร่ง แม้ร่างทั้งสองที่โอบล้อมไปด้วยความเย็นเยียบของสายน้ำ แต่การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวพริ้วพรายตามกระแสน้ำก็ก่อให้เกิดไอความรุ่มร้อนระบายอยู่ในน้ำและพยุงสองร่างให้รู้สึกวาบหวิวแผ่ซ่านถึงกัน... เด็กสาวแรกรุ่นหัวใจเต้นโครมคราม วาบหวิวเมื่อผู้ปกครองหนุ่มประกบริมฝีปากร้อนแรงลงมา ดูดดื่มริมฝีปากสวยอิ่มตึง คริญาตอบสนองจูบเร่าร้อน สอดลิ้นยั่วเย้าให้เขากระดกลิ้นร้อนฉ่าตามมาพัวพัน ร่างเล็กบดเบียดส่วนอิ่มเต็มตึงที่สวยสล้างยั่วยวนสายตาเข้าใกล้แผงอกแกร่งกำยำที่ระบายไปด้วยปอยขนนุ่มกลางอกแกร่งของเขา สร้างความเซ็กซี่ชวนสะท้านยามจ้องมอง เขาบดจูบหนักหน่วงร้อนแรงจนคริญาคราง ไอร้อนสวาทกำลังก่อตัวใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ “...” “ฉันต้องได้เธอ... คริญา”
“นะ.. นายเก่งอยู่แล้ว ทำไมต้องจ้างติวด้วยเหรอ?” “ผมก็... แค่อยากจะทำตามคำสั่งพ่อแค่นั้นล่ะ” เขาเอ่ยเสียงพร่า เป่ารดลมหายใจหอมบนใบหน้าสวย มันใกล้กันจนจะจูบกันอยู่แล้ว “แต่ว่า... พ่อนายคงไม่สั่งให้ติวแบบนี้หรอก” ติวเตอร์สาววางปลายนิ้วเรียวบนอกแกร่งของเขา ที่สวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสองเม็ดเผยให้เห็นอกแกร่งและดูเร้าใจ เธอค่อยๆ ลูบเบาๆ เขามองตามปลายนิ้วเรียวสวยด้วยดวงตาเปล่งประกาย สองคนสบตากัน ไม่นานเธอก็ถอดเสื้อของเขาออก ขณะที่นักเรียนหนุ่มล้วงมือใต้ชายเสื้อทีเชิ้ตตัวโคล่งที่เธอสวมมันเอาไว้โดยปราศจากบราเซีย “อื้อ...” เขาบีบนวดหน้าอกสวยอย่างเบาๆ สะกิดนิ้วโป้งบนยอดทรวงเบาๆ ก่อนถลกเสื้อขึ้นเหนือศีรษะ ถอดออกจนเธออยู่ในสภาพโป๊ “หิวนมจังครับ... ขอดูดนมพี่หน่อยจะได้ไหม” คำเตือน นิยายเรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาบรรยายถึงการแสดงออกของความรักรุนแรง การร่วมรักชัดเจนโชกโชน บางส่วนตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่น่าเอาเยี่ยงย่างหรือเลียนแบบ
"ชลิดา" เป็นเด็กสาวที่โชคร้าย ครอบครัวทิ้งเธอไปไม่ลา เหลือเอาไว้แต่เธอคนเดียว กับชีวิตที่โดดเดี่ยวอ้างว้างท่ามกลางอันตรายที่มองไม่เห็น ทิ้งไว้กับปริศนาว่าเธอและครอบครัวผิดอะไร ในวันที่เหมือนชีวิตเจอฝันร้าย คนเพียงคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วย กลับเป็น 'เขา' ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ศิวะจะพูดดีกับเธอ ฉากหน้า เย็นชา ปากร้าย เจ้าอารมณ์และแสดงท่าทีรังเกียจเธอ "ศิวะ" แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดชลิดา เพียงเพราะหล่อนเป็นคนรักของพี่ชายเขา ที่รอวันตกกระป๋อง เขาอยากให้เธอเลิกรากับพี่ชาย เลิกยุ่งกับคนมีเจ้าของ มันไม่ใช่เพราะศิวะเกลียดชลิดาหรอก แต่เพราะเขารักหล่อนเสียเอง แต่กลับแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงในใจ คนสองคน ที่ฉากหน้าเกลียดชังกัน แต่ต้องนอนเตียงเดียวกันทุกคน บทสรุปจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน... มหาศาลการรัก
...เหตุเพราะน้องชายตัวดี ไปมีความสัมพันธ์ต้องห้าม กับศัตรู หัวเด็ดตีนขาด “เธอ” ก็ไม่มีวันยอมให้น้องชายลงเอยกับลูกสาวของตระกูลที่เคยดูถูกเธออย่างไม่มีดี . ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ หากไม่เพราะ “เขา” ทายาทหนุ่มเสเพลของบ้านนั้น ที่ซ้อนแผนเอาคืนเธอ ทำเอางานนี้ เจ้าหล่อนจะต้องเลือกว่าจะยอมให้น้องชายได้ลงเอยในเรื่องความสัมพันธ์ หรือจะจนมุมไปกับจอมวางแผนที่ตนก็เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้ว.... เขาช่างเจ้าคิดเจ้าแค้น และต้องการเอาชนะเธอมาตั้งแต่ต้น โดยมี “เรือนร่าง” เธอเป็นเดิมพัน +++++++++++++++++++++++++++++++ “ปล่อยฉันไปนะ นี่คุณเล่นบ้าอะไร?” “เล่นบ้าอะไรงั้นเหรอ... ก็เล่นผัวเมียกันยังไงล่ะ” “คนบ้า! มันใช่เวลามาล้อเล่นแบบนี้มั้ย ปล่อยฉันไปนะ!” “เล่นผัวเมียกันจริงๆ มีลูกด้วยกันจริงๆ สักคนสองคน” “คนบ้า เล่นไปคนเดียวเถอะ” “มีลูกกับผม คุณจะได้รู้... ความรู้สึกที่โดนพรากลูกพรากแม่มันเป็นยังไง” “เลว! นรกขุมไหนส่งคุณมาเกิดกัน คนบ้า!” สิ้นเสียงเล็ก จูบร้อนแรงถูกบดขยี้ลงมาอย่างร้ายกาจ เชลยในอ้อมกอดไม่อาจขัดขืนเขาได้แม้แต่น้อย หญิงสาวรู้ตัวดีว่า จุมพิตนี้หาใช่เกิดจากความรัก หากเขาต้องการแค่เพียงลงทัณฑ์เธอ... “คุณ... ไม่นะ พราวไม่อยากท้อง!” หญิงสาวบ่ายหน้าหนีจนหลุดพ้นพันธนาการจุมพิตร้าย ก่อนวอนขอ... “ไม่ทันแล้วครับ คุณต้องท้องและรับรู้ความเจ็บปวดว่าการถูกพรากลูกมันเป็นยังไง” “คนเลว... ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” “ถ้าปล่อย... ก็ยังไม่หายแค้นน่ะสิครับ” ถ้อยคำนั้นแสนธรรมดา หากเจือแววเยือกเย็นพร่าผลาญใจ ส่งให้เชลยสาวในอ้อมกอดรู้สึกหนาวยะเยือกกับสิ่งที่ต้องเจอนับจากนี้....
ดูเหมือนโชคชะตาของ ‘รินรุ้ง’ จะไม่มีวันหนีพ้นจากความวุ่นวายได้ ตอนที่ยังเป็นพนักงานขาย ของรีสอร์ตที่ไทย ก็ต้องคอยรองรับอารมณ์ของลูกค้า พอหนีมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่สเปน ก็ยังไม่วายต้องสู้รบตบมือกับเด็กหญิงจอมแก่แดด ผู้หวงบิดายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ และพร้อมจะใช้ความแสบป่วนหัวผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดพีก เพราะลูกสาวที่ว่าร้าย ยังร้อนแรงไม่ถึงครึ่งของตัวพ่อ งานนี้หญิงสาวคงต้องลงทุนลงแรงอย่างหนัก เพื่อหาทางกำราบสองพ่อลูกให้ได้ ก่อนที่ชีวิตของเธอจะกลายเป็นการตกนรกทั้งเป็น ‘เซคิโอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ’ นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐีชาวสเปน ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงลึกลับที่เขาขโมยจูบเธอในเรือนร้างกลางสายฝน จะกลายเป็นคนเดียวกันกับพี่เลี้ยงคนใหม่ของลูกสาว ที่สำคัญ เขาเคยคิดว่าการขย้ำ ‘ลูกแกะน้อย’ ที่หลงเข้ามาใน ‘รังหมาป่า’ คงเป็นเรื่องง่าย หากตัวอุปสรรคสำคัญที่ชายหนุ่มต้องจัดการเป็นอันดับแรก ถ้าคิดจะเคลมรินรุ้ง ก็ไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็น ‘ลูกหมาป่าตัวน้อย’ ของเขานั่นเอง “เจ็บ” พูดเสียงเครือ “ไหนดูซิ” เซคิโอพุ่งพรวดเข้าไปหา ก่อนจะคุกเข่าลง มองเลือดที่ไหลซึมออกจากเท้าเธอ “กลับห้องก่อน อยากเลือดทะลักหมดตัวหรือไง” เขารีบอุ้มเธอขึ้น น้ำเสียงลนลานเป็นห่วงเจือบงการ “เรื่องของฉัน เลือดนี่มันก็เลือดฉันนะ!” เธอเถียง ที่เจ็บอยู่แบบนี้ เพราะเขาไม่ใช่หรือไง “อย่าดื้อสิ... แต่ถ้าเธออยากเลือดออกจริงๆ ล่ะก็ ฉันมีวิธีที่เจ็บน้อยกว่านี้นะ จะเอาไหม” ++++++++++++++++++++++++++++ เพราะถูกปลดกลางอากาศ ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ รินรุ้ง หงสกรพงษา จึงตัดสินใจรับข้อเสนอไปทำงานสบายๆ ที่สเปน ตามบัญชาของแม่เลี้ยง หากเธอไม่เคยรู้เลยว่า นั่นจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต! . โฉมหน้าสุภาพบุรุษมหาเศรษฐีทายาทสายการบินที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เจ้าของตำแหน่งสุดยอดหนุ่มในฝันหลายปีซ้อนที่สาวน้อย สาวใหญ่ต่างคลั่งไคล้มาตลอด แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ภายใต้ฉากหน้าราวเทพบุตรนั้น เซคิโอ เดอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ ได้ซ่อนคราบซาตานร้ายเอาไว้อย่างมิดชิด หัวใจเขาปิดตายนานกว่าแปดปีหลังสูญเสียคู่หมั้นสาวที่เขารัก มันถูกเปลี่ยนเป็นความแค้นรอวันสะสาง และเมื่อ... ‘ลูกแกะตัวน้อย’ ติดกับดักมาให้เขาแก้แค้น . . กลับกลายเป็นว่า เจ้าหล่อนคือหญิงสาวคนเดียวกันที่ขโมย ‘หัวใจ’ ที่เคยเหี่ยวเฉาของเขาไป เพียงเพราะจุมพิตดื่มด่ำไร้เดียงสา ในค่ำคืนแห่งโชคชะตา ที่เขายากจะลืม!
คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนางร้ายแล้วได้กับพระเอก ทว่าหวางเสี่ยวเหยาเข้าร่างนางร้ายแล้ววิ่งตามตัวประกอบชายแสนจืดจาง เพื่อตามเขามาปลูกผักซะงั้น…
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน