เพราะคำว่าครอบครัวเคยสมบูรณ์ ปวีร์ในวัยเด็กรับไม่ได้เมื่อพ่อแม่แยกทางกันเพราะเหตุผลของผู้ใหญ่ กระทั่งพ่อมีภรรยาเลยโทษผู้หญิงของพ่อว่าเป็นมือที่สาม ความเกลียดชังถูกระบายออกมาทางการกระทำ เมื่อแม่เลี้ยงมีลูกติด เกิดสัมพันธ์ลับๆระหว่างเขากับเฌอเอมหญิงสาววัยยี่สิบสองปี เธอผู้มีโลกอันสดใส แค่ต้องทุกข์ระทมเพราะต้องทอดเรือนร่างให้ผู้ชายที่เธอเคยเคารพและรักมาก เมื่อแม่ของเธอก้าวเท้ามาเป็นแม่เลี้ยงของเขา บัดนั้นปวีร์ก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน
“ทำไมแม่ต้องขนของออกจากบ้าน”
เสียงของเด็กหนุ่มวัยหัวเลี้ยวหัวต่อเอ่ยถามผู้เป็นแม่ครั้นเห็นหอบหิ้วกระเป๋าหลายใบ ปวีร์ลูกชายคนเดียวของครอบครัวภักเจริญเกียรติ ปีนี้ชายหนุ่มมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ และอีกไม่กี่เดือนจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาชั้นที่หก
ปวีร์เดินลงมาจากห้องนอนของตัวเองในช่วงสิบโมง วันนี้เขาแอบตื่นสายสาเหตุมาจากการเล่นเกมดึกมากกว่าทุกคืน เพราะเป็นวันหยุดเลยไม่ถูกดุอย่างเช่นวันธรรมดาที่ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน ทว่าแววตาที่ทอดมองมารดา ยังคงแฝงด้วยความสงสัย ทำไมแม่ถึงขนข้าวของออกไปราวจะไม่อยู่ด้วยกัน
“แม่ต้องไปแล้ว”
“ไปแล้ว – ไปไหน”
เด็กชายเอียงคอถามในความสงสัยนั้น กมลเนตรย่อตัวลง มองใบหน้าลูกชายด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย หากนับตั้งแต่วันนี้ย้อนหลังไปเกือบห้าปี ต้องอยู่กับความอึดอัด ไม่มีความสุขในชีวิตคู่เหมือนแต่ก่อนและทะเลาะกับพ่อของลูกบ่อยครั้ง
“วีร์อยู่ที่นี่กับพ่อนะลูก”
“ทำไมครับแม่ – ทำไมผมต้องอยู่กับพ่อคนเดียว แม่จะไปไหน”
คำถามยังถูกส่งมาถี่ๆ ทำกมลเนตรไม่กล้าเปิดปากในการตัดสินใจของตัวเอง แต่วันนี้จำเป็นต้องพูดเพื่อให้แก้วตาดวงใจอย่างปวีร์ได้เข้าใจ
“พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้วว่า...”
“...”
“เราจะแยกทางกัน”
ประโยคที่ได้ยินสะเทือนไปถึงหัวใจปวีร์ เขาไม่ใช่เด็กน้อยเสียจนแปลความหมายไม่ออก รับรู้มาตลอดว่าพ่อกับแม่ระหองระแหงกันมานาน ทว่าคนเป็นลูกก็ย่อมต้องการความรักความอบอุ่นที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมกันสามคนพ่อแม่ลูก
นี่คือสิ่งที่เด็กชายปวีร์ต้องการ...
อีกทั้งไม่นึกว่าวันนี้มันจะมาถึง ต่อให้มีสัญญาณบอกมานานก็ทำใจยอมรับไม่ได้
“แม่ไม่รักพ่อแล้วเหรอ”
ปวีร์ถามเสียงสั่นมองหน้าผู้ให้กำเนิดทั้งดวงตาแดงก่ำ น้ำตาล้นในเบ้าแทบจะร่วงเผาะอาบแก้มอยู่รอมร่อ เช่นเดียวกับกมลเนตร ไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้ก็พลันร่วงพลู หยาดน้ำสีใสไหลอาบแก้ม ต้องเป็นฝ่ายเดินออกจากบ้านหลังนี้และไม่สามารถพาลูกไปได้
“พ่อกับแม่ตัดสินใจกันแล้วนะวีร์”
“ตัดสินใหม่สิครับ ทำไมต้องแยกกัน”
“...”
ปุริมที่ยืนมองจากประตูห้องทำงาน เมื่อคืนเขานอนในห้องนั้น รู้สึกไม่ต่างจากกมลเนตร พยายามสานสัมพันธ์อันสั่นคลอนมานานหลายปี แต่มันก็ไม่เป็นผล ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนคนไม่รู้จักกัน อีกคนมีสังคมจนหลงลืมหน้าที่ของว่าภรรยา อีกคนทำงานจนหลงลืมคำว่าหัวหน้าครอบครัว หันหน้าเข้าหากันคือทะเลาะ ต่างฝ่ายต่างเอาตัวเองเป็นใหญ่ มองความคิดของกันและกันติดลบไปหมด
อยู่กันไปก็มีแต่ทะเลาะ...
เมื่อปัญหาของทัศนคติเกิดขึ้น ปัญหาการใช้ชีวิตคู่ก็ตามมา ปุริมรู้สึกโทษตัวเองที่ประคับประคองคำว่าพ่อแม่ลูกไว้ไม่ได้ ก็อย่างว่า คำว่ารักคำเดียวไม่สามารถทำให้ครอบครัวไปต่อได้ ความรู้สึกที่มีหมดลงชนิดที่ว่าไม่สามารถก่อติดขึ้นมาใหม่ได้ ฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือแยกย้าย
“พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันไม่ได้”
“แล้วแม่จะไปไหน”
“ไปต่างประเทศ”
“แม่ไม่ไปได้ไหม”
คนอายุน้อยร้องขอทั้งน้ำตาที่ไม่อาจกลั้น ไม่อยากอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทว่าคำร้องขอนั้นไม่เป็นผล เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองหมดรักกัน ก็เหลือเพียงการทำหน้าที่พ่อและแม่ของลูกเท่านั้น กมลเนตรกอดลูกชายที่ยืนน้ำตาหลั่งริน จูบเข้าที่หน้าผากหนึ่งทีเป็นการสั่งลาเพราะต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะได้เจอปวีร์อีกตอนไหน
“อยู่กับพ่อนะลูก แม่จะโทรมาหาบ่อยๆ”
“แม่...”
“แม่ไปแล้วนะวีร์”
“ไม่ ไม่ไปนะ”
“...”
กมลเนตรก้าวขาไปทั้งน้ำตา แต่เป็นความรู้สึกเสียใจที่ต้องห่างลูก ไม่ใช่เพราะการเลิกราในครั้งนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดบีบรัดกันทั้งสามคน แต่ถ้าฝืนทุกอย่างมันจะพังไปมากกว่านี้
ดวงตาแดงก่ำยืนนิ่งมองรถของแม่ขับออกไป น้ำตาของเด็กผู้ชายไหลรินทว่าเงียบไม่มีเสียง ด้านหลังคือสายตาอ่อนไหวของผู้เป็นพ่อ สงสารลูกไม่น้อยเมื่อครอบครัวต้องสาแหรกออกจากกัน แต่กระนั้นก็ยืนหยัดจะมอบความรักความอบอุ่นให้ลูกชายรู้สึกว่าไม่ขาด
“วีร์”
“...”
“ปวีร์”
“เพราะน้าชญาใช่ไหม”
คนอายุน้อยเอ่ยถามทั้งที่ยังให้หันหลังให้พ่อ เขาแอบเห็นว่าชญาณัฐ พนักงานในบริษัทของพ่อสนิทสนมกันเกินงาม ปุริมพลันถอนหายใจ ก้มหน้ามองพื้นเล็กน้อยเหมือนคนรู้สึกผิด เขาสนิทสนมกับพนักงานตัวเองก็จริง แต่มันไม่ใช่สาเหตุของการเลิกราในครั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกมลเนตรได้ตกลงเพื่อยุติมานานเกือบปี ทว่ายังอยู่ด้วยกันเพื่อรอเวลาเหมาะสม ตั้งใจว่าจะรอให้ลูกชายเรียนจบในระดับสูงกว่านี้ ก็เหมือนว่าคนทั้งสองอดทนฝืนต่อไม่ไหว กระทั่งวันนี้มันมาถึง วันที่ปวีร์ต้องรับรู้แล้วว่าพ่อกับแม่ไปต่อด้วยกันไม่ได้
ส่วนชญาณัฐที่เด็กหนุ่มพูดถึง ต้องยอมรับตามตรงว่าเธอคือผู้หญิงคนใหม่ แต่ทว่ามาหลังจากเขาตกลงกับอดีตภรรยาแล้วเรียบร้อย เธอไม่ได้เข้ามาเป็นมือที่สาม ซ้ำยังเป็นกำลังใจในตอนที่เขาสิ้นหวังกับคำว่าครอบครัวอย่างมาก และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นความรู้สึกดีๆ ระหว่างเขากับเธอ
“อย่าเข้าใจผิดตาวีร์”
“ถูกต่างหาก น้าชญาทำให้พ่อเปลี่ยนใจ”
“ไม่ใช่”
“ไม่มีน้าชญา พ่อกับแม่ก็ยังอยู่ด้วยกัน”
เป็นความคิดที่ต้องการเอาครอบครัวที่สมบูรณ์กลับคืนมา ปวีร์กำลังงอแงไม่ฟังในเหตุผลที่มันเกิด คนหมดรักกันไม่สามารถทนฝืนอยู่ด้วยกันได้ ปุริมเข้าใจ กมลเนตรเข้าใจ แต่ปวีร์ไม่ยอมเข้าใจและไม่ยอมรับกับสิ่งที่เผชิญอยู่
“มันขึ้นอยู่กับคนสองคน”
“ขึ้นอยู่กับคนที่สามด้วย!! น้าชญาทำให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้”
เด็กหนุ่มกำลังเสียใจ ปุริมเข้าใจดี พูดหรืออธิบายอะไรออกไป ก็คงไม่ยอมฟังในเหตุผล ในตอนนี้ลูกกำลังโทษผู้หญิงอีกคน เข้ามาทำให้ครอบครัวต้องแยกจากกัน ปวีร์เองที่กำมือแน่น ขบฟันแทบจะแหลกละเอียด ยืนนิ่งทว่าตัวสั่นกระทั่งวิ่งกลับขึ้นห้องตัวเองไปร้องไห้คนเดียว
“อึก”
น้ำตาลูกผู้ชายไหลครั้งแรกเมื่อพ่อแม่แยกทางกัน เคยได้ยินเพื่อนเอาปัญหาแบบนี้มาเล่า เคยปลอบใจให้เพื่อนเข้าใจในปัญญาของผู้ใหญ่ แต่พอเป็นเรื่องครอบครัวตัวเอง ปวีร์กลับไม่เข้าใจและไม่ทำใจยอมรับ
“เพราะคนครอบครัวนั้น – ทำครอบครัวเราเป็นแบบนี้ ผมเกลียด..อึก เกลียด”
"คืนนั้นผมเป็นของพี่แล้ว คืนนี้พี่เป็นของผมได้ไหม" ภาคต่อรุ่นลูกของพ่อเลี้ยงปรเมศ ลูกชายคนเดียวที่ถูกส่งไปเรียนเมืองนอก เพื่อกลับมาสานต่องานที่ไร่ ความบังเอิญของปฐพีที่ทำให้พบกับพยาบาล เขาขอความช่วยเหลือเพราะจะถูกตามยิงกบาลเพราะดันไปยุ่งกับเมียชาวบ้านโดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าคนคุยมีผัว ทว่าได้วนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้นหญิงสาวก้าวเท้าเข้ามาในไร่ภูมิดิน ทำหน้าที่เป็นพยาบาลส่วนตัวให้พ่อ ความบังเอิญที่ได้เจอ แต่ต่อจากนี้จะเป็นความตั้งใจ
ธนานักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่แต่งงานกับภรรยาแต่ไม่สามารถมีลูกได้ด้วยเหตุผลหลายประการ กระทั่งตัดสินใจรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม แต่โชคชะตากลับพลัดพรากภรรยาที่อยู่กินกันมาหลายปีไปด้วยอุบัติหตุุ เป็นเหตุให้ธนาต้องเลี้ยงบุญธรรมมาโดยลำพัง จนเติบโตเป็นสาว เพราะความไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขมาตั้งแต่แรก ทำให้ความหวั่นไหวเกินขึ้นและเกินเลยจนเปลี่ยนสถานมาเป็นผัวเมีย
หิรัญ เศษตรศวรรษศิลา หนุ่มใหญ่วัย 49 ปี ผู้ประสบความสำเร็จทุกด้านทั้งเรื่องการงานการเงินอำนาจและบารมี แต่อาภัพเรื่องความรักแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้งก็ถูกนอกใจทั้ง 2 ครั้ง เมื่อเจ็บมาหลายครั้งหลายหนก็อยากจะปิดตายเรื่องหัวใจและมุ่งหน้าทำธุรกิจให้เป็นหนึ่งที่สุด ทว่าโชคชะตาก็พาให้เขามาเจอแม่หม้ายลูกติด ความรักเกิดจากความสงสารคำนี้มีอยู่จริง จนกระทั่งเปิดใจอีกครั้งแต่สุดท้ายประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย
“ขอร้องอย่าทำ” จากจะอธิบายว่าทำไมถึงไม่ได้ขออนุญาตก็ต้องเปลี่ยนการขอร้องให้ปรเมศหยุดการกระทำตรงหน้า “ฉันไม่ชอบคนแหกกฎ โดยเฉพาะเด็กที่เกิดเมื่อวานอย่างเธอ” “หนูขะขอโทษ อ๊ะ"
ประธานบริษัทที่ต้องการเลขาคนใหม่เข้ามาทำงานในสัญญาจ้าง 6 เดือน เมื่อคนเก่าต้องลาคลอด ทว่าโชคชะตากับนำพาอดีตคนรักเข้ามาอีกครั้งในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"