“ขอร้องอย่าทำ” จากจะอธิบายว่าทำไมถึงไม่ได้ขออนุญาตก็ต้องเปลี่ยนการขอร้องให้ปรเมศหยุดการกระทำตรงหน้า “ฉันไม่ชอบคนแหกกฎ โดยเฉพาะเด็กที่เกิดเมื่อวานอย่างเธอ” “หนูขะขอโทษ อ๊ะ"
“ขอร้องอย่าทำ” จากจะอธิบายว่าทำไมถึงไม่ได้ขออนุญาตก็ต้องเปลี่ยนการขอร้องให้ปรเมศหยุดการกระทำตรงหน้า “ฉันไม่ชอบคนแหกกฎ โดยเฉพาะเด็กที่เกิดเมื่อวานอย่างเธอ” “หนูขะขอโทษ อ๊ะ"
"ฉันทำไม่ได้"
"ทำไมถึงทำไม่ได้ พ่อเลี้ยงก็ทำให้มันจบๆ ไปก็สิ้นเรื่อง"
ร่างเปลือยไร้เสื้อผ้าอาภรณ์โวยวายกับคนตรงหน้า เธอยืนแก้ผ้าเพื่อให้ปรเมศได้ทำเรื่องอย่างว่า แต่อีกฝ่ายกับยืนตัวแข็งทื่อไม่มีอารมณ์ร่วมในครั้งนี้
"กานต์ขอร้อง กานต์เบื่อที่ต้องตอบคำถามพ่อๆ แม่ๆ ว่าทำไมยังไม่มีลูก"
"ไม่ต้องขอร้อง"
ปรเมศปฏิเสธกับเรื่องบนเตียง มันอาจจะเป็นความตายด้านไปแล้วก็ได้ เขาไม่เคยมีอารมณ์กับผู้หญิงไหนนอกจากแฟนเก่าที่เสียชีวิตไปเมื่อสิบปีที่แล้ว กานต์กนก ภรรยาคนปัจจุบันที่แต่งกันด้วยธุรกิจ ผู้ใหญ่ทั้งสองคลุมถุงชนในการแต่งงานครั้งนี้ ปรเมศเองไม่ได้มีใครมานับสิบปีและยินยอมแต่งงานกับกานต์กนกเพราะแม่ร้องขอเพื่อทำให้มันจบๆ ไปเพราะไม่อยากมีปัญหา แม้กานต์กนกจะมีใจให้ปรเมศอยู่บ้าง แต่ก็รู้ตัวว่าเป็นได้แค่ภรรยาในนาม ผู้เป็นสามีชัดเจนมาตลอดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอมันธุรกิจไม่ได้รักหรือรู้สึกลึกซึ้งอะไร แต่ทว่ากานต์กนกก็คิดเสมอว่าความดีของเธอจะทำให้สามีใจอ่อนเข้าสักวัน แต่มันก็นานร่วม 3 ปี ปรเมศยังเป็นคนใจแข็งเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือปากคอเลาะร้ายไม่เคยถนอมน้ำใจกันสักครั้ง
"พ่อเลี้ยงเราแต่งงานกันมา 3 ปีไม่เคยมีอะไรกัน"
"......."
"กานต์จืดซืดขนาดนั้นเลยเหรอ"
"......."
"รูปร่างหน้าตาของกานต์ มันกระตุ้นต่อมความเงี่ยนของพ่อเลี้ยงไม่ได้เลยเหรอ"
ปรเมศเบือนสายตาไปทางอื่น กานต์กนกกระทืบเท้ากระเพื่อมสั่นไหวไปทั้งร่าง ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนขี้เหร่หรือไม่มีความเซ็กซี่จนไม่เร้าใจแต่อย่างใด ชายหนุ่มยึดถือในใจเสมอจะไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่ได้รักและกานต์กนกคือหนึ่งในเงื่อนไขนั้น เขาไม่รักเธอมันก็ไม่แปลกที่ปรเมศจะไม่ยอมมีอะไรด้วย ต่อให้คนตรงหน้ายั่วยุจนความเป็นบุรุษเพศแข็งขึ้น เขาก็จะไม่ทำ
"พูดจาอะไรให้เกียรติตัวเองด้วย มันดีแค่ไหนที่ผมไม่ย่ำยีและถีบหัวส่ง อย่าทำให้ผมเหลืออดหรือต้องร้ายไปมากกว่านี้"
ปรเมศแค่นเสียงตามไรฟันกับพฤติกรรมของกานต์กนกที่ยัดเยียดตัวเองเกินงาม ทะเบียนสมรสเป็นแค่กระดาษใบเดียว กานต์กนกจะเป็นเจ้าชีวิตของเขาไม่ได้
"นะคะพ่อเลี้ยง ทำลูกให้กานต์เถอะ กานต์อายที่ทุกคนต่างรุมถาม" เข้ากอดปรเมศแน่น ใบหน้าซุกลำคอขบเม้มเป็นการยั่วเย็ดให้เกิดอารมณ์ มือน้อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวลายสำหรับใส่ทำงานในไร่ของปรเมศ กลิ่นเหงื่อจากการตากแดดปะทะจมูกเป็นกลิ่นจางๆ ก็ไม่อาจต้านทานอารมณ์กำหนัดที่เกิดขึ้นของกานต์กนกได้ ในยามที่กระดุมหลุดทุกเม็ดแผงอก ก็ปรากฏหน้าอกหนาเป็นลอนๆ มีแต่กล้ามเนื้อ ขณะนี้มันล่อตาล่อใจหญิงตรงหน้าเป็นอย่างมาก กานต์กนกยกฝ่ามือน้อยๆ แนบแผงอกลูบวนไล่ ทั้งยังเขี่ยสะกิดยอดเม็ดสีน้ำตาลเข้มปรเมศเป็นการลากชายหนุ่มเข้าห้วงเสน่หา
"ใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปจากห้องฉัน"
ผลักคนร่างเปลือยออกจากออกอ้อมกอดและจับกานต์กนกแต่งตัวราวกับตุ๊กตาบาร์บี้ จากนั้นปรเมศก็ลากคนตัวเล็กกว่าออกจากห้อง เสียงร้องโวยวายดังลั่นทั่วบ้าน คนงานที่สนิทก็ต่างรู้ดีว่าทั้งคู่เป็นผัวเมียแค่ในนามเท่านั้น
"พ่อเลี้ยง" ตะคอกเสียงอย่างไม่พอใจ เขาทำกับเธออย่างไม่ใช่เมีย
"นี้เมีย" ชี้หน้าตัวให้ปรเมศหันมอง ว่าคนที่ยืนตรงนี้ตรงนี้คือเมียในสมรสถูกต้องตามกฎหมาย
"ก็ยังเห็นว่าเป็นเมีย ถึงไม่ทำอะไรต่ำๆ ไปมากกว่านี้ อย่าทำให้เหลืออดแค่กระดาษแผ่นเดียวมันไม่ได้มีค่ากับฉันขนาดนั้น"
ตอกกลับอย่างไม่แยแสความรู้อีกคน เลือกที่จะแต่งงานกับเขาตั้งแต่แรกก็ต้องรับให้ได้กับปากไม่มีหูรูดและความไม่ถนอมน้ำใจใคร ปรเมศเป็นคนตรงๆ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ ยกเว้นก็แต่จะมีบางสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าไม่สมควรจะพูดก็จะกลายเป็นคนอีกบุคลิก
"สะอาด"
"......"
"สะอาด!!!" เรียกคนขับรถประจำไร่ภูมิดินที่อยู่ด้านหน้าของบ้าน
"ครับพ่อเลี้ยง" คนขับรถวิ่งหน้าตื่น ในมือยังถือผ้าเช็ดรถกำลังทำความสะอาดและขัดเหงาหลังจากล้างคราบดินคราบโคลนเสร็จ
"ไปส่งคุณกานต์ที่บ้าน" พูดจบก็เดินย้อนกลับเข้าห้องทำงาน หย่อนกายลงเก้าอี้หนังสีดำเอนศีรษะผิงพนักแหงนใบหน้าขึ้นและพ่นลมหายใจออกปลายจมูกเฮือกใหญ่ เขาต้องเผชิญกับปัญหาโลกแตกปัญหาการอยากได้หลานสืบทอดสกุลให้ตระกูลภูมิดิน ทั้งยังต้องประสาทเสียกับอีกคนที่อยากเสียตัวให้เขาตลอดเวลา
มันยากมากที่จะต้องฝืนใจทำเรื่องอย่างว่ากับคนที่ไม่ได้รัก ปรเมศไม่ใช่ผู้ชายมักมาก ไม่ค่อยสนใจเรื่องประเภทนี้สักเท่าไหร่วันๆ ตั้งหน้าตั้งตาเข้าไร่เข้าสวนธุรกิจที่สานต่อจากคุณปู่
ไร่ภูมิดินทำเกษตรเกี่ยวกับผักผลไม้เป็นหลัก ปลูกพืชออร์แกนิคสลับการปลูกตามธรรมชาติ รูปแฟนเก่ายังคงตั้งไว้บนโต๊ะทำงานไม่เคยอยากมันออกไปไหนและทุกคนก็รู้ว่าผู้หญิงนี้คือรักแรกและรักเดียวของปรเมศที่มี
"ผมคิดถึงคุณ" มือหนาสัมผัสเข้าที่กรอบรูป ใช้หัวแม่มือลูบใบหน้าบนกรอบรูป ปรเมศส่งยิ้มให้กับคนในกระดาษแผ่นเล็กด้วยความคิดถึง สิบปีที่ห่างกันไปความรู้สึกไม่เคยลดน้อยลง
ตกดึก
ปรเมศลืมตาขึ้นหลังจากหลับพักสายตาไปชั่วครู่ แสงที่สว่างจ้าจากโคมไฟดวงสวยดับลงเหลือเพียงความมืดอย่างแปลกประหลาด บรรยากาศในเงียบเป็นปกติอย่างเช่นทุกวันไม่ลมฟ้าลมฝนที่จะทำให้ไฟฟ้าดับลงได้
"ไฟดับ"
แต่เปล่าเลย ไฟในห้องกลับติดๆ ดับๆ ราวกับมีคนมาเปิดปิดสวิชไฟเล่น ปรเมศเหยียดกายลุกจากเก้าเปิดประตูออกมาด้านนอก ในขณะที่เดินสำรวจไฟในบ้านก็พลันเห็นเงาสีดำเปิดประตูหน้าบ้านออกไป ตอนนี้เขากำลังคิดว่าอาจเป็นขโมย ผลผลิตในไร่เริ่มออกอาจจะเป็นไปได้ว่าต้องมีโจรเข้ามาขโมยของ
ชายหนุ่มรีบย้ำเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินตามเงาตะคุ่มให้ทันออกมาด้านหลังและหวังจะจับส่งตำรวจให้ได้หากเป็นโจรจริงๆ
"หยุด" เข้าประชิดร่างปริศนาห่างกันไม่กี่คืบ ก็ตกใจเมื่อร่างนั้นหันมาปรากฏเป็นใบหน้าอดีตคนรักที่เสียชีวิตไปแล้ว
"มินตรา" ไม่ได้ตกใจกลัวแต่อย่างใดกลับดีใจด้วยซ้ำที่ได้เจอเธออีกครั้ง นานมากที่ไม่เจอมินตราแม้กระทั่งในความฝัน คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ปรเมศอย่างสดใสอย่างที่ไม่เคยเห็นกับรอยยิ้มแบบนี้
"คุณมาหาผม"
"......" ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแต่รอยยิ้มในมุมปากที่ส่งให้ปรเมศเรื่อยๆ มินตรายังคงเหมือนเดิมยิ้มสวยไม่มีที่ติแม้ไม่ได้เจอกันนานนับสิบปี
"ผมคิดถึง"
เดินเข้าใกล้มินตรา สองแขนอ้าเตรียมสวมกอดคนที่คิดถึง เพียงแต่โอบร่างคนรักแทนที่จะได้กอดรัดตัวเธอแต่กลายเป็นการสวมกอดตัวเอง มินตราหายไปต่อหน้าตาต่อปรเมศอย่างเหลือเชื่อ
"มิน มิน!!" ตะโกนเรียกสุดเสียง พลางกวาดสายตามองหาหมุนตัวเป็นรอบ 360 องศา ไปแล้ว!! มินตราหายไปจากปรเมศอีกครั้ง
"มิน!!!!"
เฮือก!! สะดุ้งตื่นกลางดึก ปรเมศยังนั่งบนเก้าอี้ทำงาน เขาเผลอหลับไปตั้งแต่นอนไหนก็ไม่รู้ มีเพียงแฟ้มออเดอร์จากลูกค้าสั่งผลผลิตในไร่กางไว้บนโต๊ะ เมื่อกี้เขาแค่ฝัน ฝันถึงคนรักที่จากไปนานแสนนาน เป็นครั้งแรกตั้งแต่มินตราจากไปแล้วเก็บมาฝันเพราะความคิดถึงสุดหัวใจ
เหงื่อซึมตามกรอบหน้า ปรเมศยกหลังมือปาดเช็ดมันออก จากนั้นเก็บแฟ้มต่างๆ ที่กองอยู่ตรงหน้าให้เป็นระเบียบ ก่อนจะปิดไฟและล็อคประตูห้องทำงานไม่ให้ใครเข้ามาโดยพลการแล้วเดินขึ้นห้องนอนในเวลาเที่ยงคืน
เพราะคำว่าครอบครัวเคยสมบูรณ์ ปวีร์ในวัยเด็กรับไม่ได้เมื่อพ่อแม่แยกทางกันเพราะเหตุผลของผู้ใหญ่ กระทั่งพ่อมีภรรยาเลยโทษผู้หญิงของพ่อว่าเป็นมือที่สาม ความเกลียดชังถูกระบายออกมาทางการกระทำ เมื่อแม่เลี้ยงมีลูกติด เกิดสัมพันธ์ลับๆระหว่างเขากับเฌอเอมหญิงสาววัยยี่สิบสองปี เธอผู้มีโลกอันสดใส แค่ต้องทุกข์ระทมเพราะต้องทอดเรือนร่างให้ผู้ชายที่เธอเคยเคารพและรักมาก เมื่อแม่ของเธอก้าวเท้ามาเป็นแม่เลี้ยงของเขา บัดนั้นปวีร์ก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ธนานักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่แต่งงานกับภรรยาแต่ไม่สามารถมีลูกได้ด้วยเหตุผลหลายประการ กระทั่งตัดสินใจรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม แต่โชคชะตากลับพลัดพรากภรรยาที่อยู่กินกันมาหลายปีไปด้วยอุบัติหตุุ เป็นเหตุให้ธนาต้องเลี้ยงบุญธรรมมาโดยลำพัง จนเติบโตเป็นสาว เพราะความไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขมาตั้งแต่แรก ทำให้ความหวั่นไหวเกินขึ้นและเกินเลยจนเปลี่ยนสถานมาเป็นผัวเมีย
หิรัญ เศษตรศวรรษศิลา หนุ่มใหญ่วัย 49 ปี ผู้ประสบความสำเร็จทุกด้านทั้งเรื่องการงานการเงินอำนาจและบารมี แต่อาภัพเรื่องความรักแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้งก็ถูกนอกใจทั้ง 2 ครั้ง เมื่อเจ็บมาหลายครั้งหลายหนก็อยากจะปิดตายเรื่องหัวใจและมุ่งหน้าทำธุรกิจให้เป็นหนึ่งที่สุด ทว่าโชคชะตาก็พาให้เขามาเจอแม่หม้ายลูกติด ความรักเกิดจากความสงสารคำนี้มีอยู่จริง จนกระทั่งเปิดใจอีกครั้งแต่สุดท้ายประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย
ประธานบริษัทที่ต้องการเลขาคนใหม่เข้ามาทำงานในสัญญาจ้าง 6 เดือน เมื่อคนเก่าต้องลาคลอด ทว่าโชคชะตากับนำพาอดีตคนรักเข้ามาอีกครั้งในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
เพราะรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนจึงยินยอมแต่งงานกับเขา เพราะถูกบังคับเขาจึงเห็นหล่อนเป็นเศษธุลีดินไร้ค่า แม้เป็นเมียแต่ง หล่อนคิดว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรักหล่อนตอบกลับมา ไม่มาก... ก็น้อย แต่ไม่นึกว่าเมื่อเขาหลอกให้หล่อนรักเขาสุดหัวใจ เขากลับขับไล่หล่อนออกมาจากชีวิตด้วยเหตุผลว่า เขาไม่รักหล่อน... "เธอเข้ามาในชีวิตฉันง่ายๆ ก็ช่วยออกไปง่ายๆ ด้วยเถอะ" ถ้อยคำเจ็บปวดทำร้ายที่ตามมาหลอกหลอน แม้ในยามที่หล่อนหลีกลี้จากเขามาได้นานเนิ่น ในวันที่หล่อนเข้มเเข็งและอยู่ได้โดยไม่มีเขา ลูกในท้องที่หล่อนปกปิดเขาเอาไว้ กำลังจะทำให้หล่อนกับเขาหวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในวันที่หล่อนไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว ................................................................ “การแต่งงานของเราเกิดขึ้นเพราะฉันถูกบังคับ การที่ฉันไม่ได้รักเธอ มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจ” ธีภพ วิชญ์วิศิษฐ์ “ความรักของมนอาจจะดูไร้ค่าแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสิ่งเดียวที่มนพอจะให้คุณธีร์ได้ ที่ผ่านมาคุณธีร์แสดงออกเสมอว่าคุณธีร์ไม่ต้องการและทิ้งขว้างมันมาตลอด มันก็ไม่ใช่ความผิดของมนที่สุดท้ายมนจะหมดรัก มนหวังว่าคุณธีร์จะเข้าใจ เหมือนที่มนเคยเข้าใจคุณธีร์” มนพัทธ์ สว่างโชติ
นางไร้หัวใจ ไม่คิดรักองค์ฮ่องเต้แม้เพียงสักครั้ง เขายับยั้งใจ กลับตกอยู่ใต้ห้วงเสน่หาสนมเอกผู้นี้
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY