“เรียบร้อยแล้วครับมัม วันนี้มัมถามผมเป็นรอบที่สิบแล้วนะครับ” เออเนส มาร์ติน หนุ่มหล่ออายุ 25 ปี พูดหยอกเย้ามัมมาริสา เขารู้ดีว่ามัมของเขาตื่นเต้นมากที่จะได้เจอลูกสะใภ้และหลานคนแรกของตระกูลที่ตอนนี้นอนสบายอยู่ในท้องของมาลารินทร์พี่สะใภ้ของเขาได้เกือบสามเดือนแล้ว โดยเซดริกได้นัดทั้งสองครอบครัวเพื่อพบปะพูดคุยทำความรู้จักกันเอาไว้ เพราะจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วในอนาคต และปรึกษาเรื่องการแต่งงานของเขากับมาลารินทร์ด้วย
เซดริก คือพี่ชายต่างมารดาของเขา ที่มัมมาริสารักมาก เพราะเลี้ยงพี่ชายมาตั้งแต่อายุสิบขวบ แม่ของเซดริกเสียไปตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก จนแด๊ดโนแอลได้พบรักกับมัมมาริสาที่เป็นหญิงชาวไทย และแต่งงานกัน ห้าปีต่อจากนั้นมัมก็มีเออเนสป็นลูกชายคนแรกและคนเดียว มัมเองอยากมีลูกสาวมาก และพยายามหลายครั้งแต่ก็ไม่มีสักที จนในที่สุดก็ล้มเลิกความหวังไปโดยปริยาย เซดริกและเออเนสรักกันเหมือนพี่น้องกันจริง ๆ เพราะเซดริกเองก็ช่วยมัมมาริสาเลี้ยงน้องมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาทั้งสองคนจึงสนิทและรักกันมาก
เช้าวันต่อมาแด๊ดโนแอล มัมมาริสา และเออเนสก็เดินทางถึงประเทศไทยโดยเครื่องบินส่วนตัว โดยเข้าพักที่โรงแรม JC ชลบุรี ซึ่งเป็นโรงแรมของตระกูลมาร์ติน ซึ่งทุกโรงแรมของเขาจะสร้างที่พักส่วนตัวไว้บนชั้นสูงสุดของโรงแรมในทุกที่ เพื่อเอาไว้สำหรับบุคคลในครอบครัว หรือญาติสนิท เพื่อไว้ใช้ในการพักผ่อน หรือเวลาเดินทางมาตรวจดูงานในประเทศไทย
ทั้งสามคนใช้เวลาพักผ่อนในวันนี้ได้เต็มที่ ก่อนที่เซดริกและครอบครัวของมาลารินทร์จะเดินทาง มาถึงในวันพรุ่งนี้
เช้าวันต่อมา มัมมาริสาตื่นตั้งแต่เช้าเพราะตื่นเต้นที่จะได้เจอลูกสะใภ้ จนแด๊ดโนแอลถึงกับแซวว่าเห่อลูกสะใภ้จนออกนอกหน้า ซึ่งมัมก็ไม่ได้โกรธ เพราะเธอก็ยอมรับว่ามันคือความจริง
“เซดริกโทรมาบอกว่าจะถึงประมาณ 10 โมงเช้าค่ะ สาเลยให้ทางห้องอาหารเตรียมอาหารไว้รอแล้ว” มัมมาริสาบอกกับแด๊ดโนเอลผู้เป็นสามี แด๊ดพยักหน้ารับรู้ แล้วยิ้มกับความกระตือรือร้นของภรรยาของตัวเอง
เมื่อทุกคนมาถึงหลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เซดริกก็พาทุกคนไปยังห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งมีมัมมาริสา แด๊ดโนแอล และเออเนสรออยู่แล้ว เมื่อทุกคนได้พบกันก็พากันนั่งทานอาหารและพูดคุยอย่างมีความสุข ท่าทางมัมมาริสาจะถูกใจลูกสะใภ้เป็นอย่างมาก ถึงขนาดเอ่ยชมไม่ขาดปาก
นอกจากมาลารินทร์และนางวิมาลาผู้เป็นแม่ได้เดินทางมาแล้ว ก็ยังมีนางปทุมมาศซึ่งเป็นน้องสาวของนางวิมาลาซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของมาลารินทร์ กับปฏิญญา หรือน้องญา อายุ 18 ปี ลูกสาวของนางปทุมมาศ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสาวของมาลารินทร์ร่วมเดินทางมาด้วย ทุกคนพูดคุยกันถูอย่างกคอ ดูเหมือนมัมมาริสาเองก็รู้สึกเอ็นดูและถูกชะตากับน้องญามาก ๆ
เมื่อทานอาหารเช้าเรียบร้อยทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เย็นนี้จะมีปาร์ตี้เล็ก ๆ จัดที่ริมหาดและจะมีการพูดคุยปรึกษากันเรื่องงานแต่งงานของเซดริกและมาลารินทร์ด้วย โดยทั้งสองครอบครัวจะใช้เวลาในการพักผ่อนที่นี่ราว ๆ สามวัน
หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เออเนสก็หยิบหนังสือเล่มโปรดแล้วเดินไปยังสระว่ายน้ำส่วนตัวของชั้นนี้ เขาชอบมานอนอ่านหนังสือหรือว่ายน้ำเล่นที่นี่เพราะสงบเงียบ ไม่มีบุคคลอื่นเข้ามาใช้ เพราะชั้นนี้เป็นชั้นส่วนตัวเฉพาะครอบครัวเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง...
“น้องญา จะไปไหนลูก” นางปทุมมาศเอ่ยถามบุตรสาว เมื่อเห็นเธอในชุดเสื้อคลุมตัวยาว
“น้องญาจะไปว่ายน้ำค่ะแม่พี่เซดริกบอกว่าที่ชั้นของเรามีสระว่ายน้ำส่วนตัวโดยเฉพาะด้วยนะคะแม่ไปด้วยกันไหมคะ?” สาวน้อยเอ่ยชักชวนผู้เป็นมารดา
แต่นางส่วยหัวปฏิเสธ เธอจึงไปแค่เพียงลำพัง
“ชั้นนี้เป็นชั้นเฉพาะครอบครัววันนี้ก็มีแค่คนในครอบครัวเรากับพี่เซดริก คงไม่มีคนอื่นหรอกเนอะ” น้องญาเอ่ยกับตัวเองในใจ
“ว๊าววววว... สวยมากเลยสระก็ใหญ่ด้วย” น้องญาเห็นสระว่ายน้ำแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นกับความสวยงามเป็นอย่างมากสาวน้อยถอดชุดคลุมว่ายน้ำออก เผยให้เห็นรูปร่างสวยสมส่วนในชุดบิกินี่สีดำเธอก้มศรีษะลงเพื่อรวบผมให้เรียบร้อย ..”
“วันนี้ได้ใส่บิกินี่สักทีเนอะ ดีจังที่เป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวเลยไม่มีคนอื่น ไม่งั้นคงไม่กล้าใส่แน่ ๆ” ร่างเล็กลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน โดยไม่ได้สังเกตเลยว่า
มีสายตาคมของใครคนหนึ่งมองเธออยู่
“หึหึ .. ซ่อนรูปไม่เบาเลยนิ” เออเนสพึมพำกับตัวเองเขาเห็นร่างเล็กตั้งแต่เธอเดินเข้ามาแล้วแต่เพราะความตื่นเต้นกับสระว่ายน้ำตรงหน้า ทำให้น้องญามองไม่เห็นเขาเองหรือบางทีเธอคงเห็น แต่อาจทำเป็นไม่เห็นเพราะคงอยากอ่อยเขาเหมือนกับสาว ๆที่เขาเจอมานับไม่ถ้วนนั่นแหละ
เวลา 18.00 น. ปาร์ตี้ริมทะเลเริ่มขึ้นทุกคนมาถึงโดยพร้อมเพรียงกัน วันนี้มีอาหารทะเลสดๆ มากมาย มีโซนบาร์บิคิวอยู่อีกมุมไม่ห่างกันนัก ร่างเล็กของปฏิญญากำลังง่วนอยู่กับการย่างบาร์บีคิว เธอสาละวนย่างไปทาซ้อสไปอย่างสนุกสนานจนได้บาร์บีคิวเต็มถาดใหญ่ คนตัวเล็กจึงถือไปที่โต๊ะอาหารแต่คงเป็นเพราะบาร์บีคิวมันหนักเกินไปเธอจึงต้องยกข้อมือขึ้นจนมันบังสายตา เธอจึงต้องค่อย ๆ เดินไปมองทางไป แต่ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเอง
...ปึ๊กกกกก ..
“โอ้ย..!!” เสียงร้องของน้องญาดังขึ้น ทุกคนตกใจหันมองไปยังต้นเสียงทันที ร่างเล็กล้มลงกับพื้น ถาดกับบาร์บิคิวกระเด็นไปคนละทิศละทาง โดยที่เออเนสนั้นยืนอยู่ใกล้ ๆ คนตัวเล็กที่ล้มอย่างไม่เป็นท่า มาลารินทร์รีบเดินไปดูน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรไปน้องญา ลูกขึ้นก่อนมา พี่ช่วย” มาลารินทร์บอกน้องสาวพลางส่งมือดึงให้น้องสาวลุกขึ้น เธอลุกแล้วก็ล้มลงไปใหม่
“โอ้ยย..เจ็บข้อเท้าค่ะพี่รินทร์” น้องญาบอกพี่สาวพลางทำหน้าเหยเก มาลารินทร์บอกน้องสาวว่าเธอน่าจะขาแพลงแน่ ๆ
“น้องญาเดินถือถาดบาร์บีคิวมาคงไม่ทันเห็นผมน่ะครับ เลยเดินชนกัน” เออเนสบอกพี่สะใภ้ เธอพยักหน้ารับรู้
“พี่ว่าน้องญาขึ้นไปห้องพักเลยมั้ยเดี๋ยวพี่ให้ปริณไปส่ง” มาลารินทร์เอ่ยบอกน้องสาวแต่เขามองหาไม่เห็นน้องชายตัวดีเลย ไม่รู้หายไปไหน
“ที่รักครับมัมให้มาเรียกไปคุยเรื่องงานแต่งงานของเรากับแม่วิครับ” เซดริกเดินมาตามเมีย และเห็นน้องญาที่นั่งอยู่
“น้องญาขาแพลงค่ะ นี่รินทร์จะให้ปริณอุ้มขึ้นไปส่งที่ห้อง แต่ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน ไม่เห็นเลย” มาลารินทร์มองหาน้องชายอีกครั้งในขณะที่มัมกวักมือเรียกลูกชายกับลูกสะใภ้ให้มาเร็ว ๆ
“เดี๋ยวผมพาน้องขึ้นไปส่งเองครับพี่รินทร์เพราะผมก็มีส่วนทำให้น้องเขาเจ็บ พี่กับพี่เซดริกไปคุยกับมัมเถอะครับเรียกใหญ่แล้วนั่น” เออเนสบอกกับพี่สะใภ้
มาลารินทร์สองจิตสองใจ แต่ก็ต้องจำใจให้เออเนสอุ้มน้องญาไป ร่างสูงใหญ่ของเออเนสรวบร่างเด็กสาวขึ้นมาอุ้มพร้อมกับเดินก้าวพรวดๆ ไปยังลิฟท์ของผู้บริหาร โดยไม่พูดอะไรสักคำ กลิ่นหอมอ่อนๆของเด็กสาวกับร่างนุ่มนิ่มของเธอ มันช่างทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่านใจชอบกล
“เห็นตัวแค่นี้ ดูท่าทางใส ๆ ..ไม่น่าเชื่อนะ .. คงวางแผนมาอย่างดีเลยสิท่า .. เหอะ.!! อ่อยเบอร์แรงซะด้วย"
เออเนสคิดในใจพลางยิ้มเหยียดที่มุมปาก