"เธอมาหาน้องชายฉันเพราะอยากขายตัวแลกหนี้ใช่ไหม .. เสียใจด้วยนะเพราะฉันไม่ใช่ไอ้วิลเซนต์ แล้วผู้หญิงอย่างเธอน่ะ อย่าว่าแต่เอาตัวแลกหนี้หลักล้านเลย แค่หลักร้อยฉันยังเสียดายเงิน" วิลเซอร์ หนุ่มหล่ออายุ 24 ปี เป็นชาวฝรั่งเศสโดยกำเนิด และเป็นหนึ่งในลูกชายแฝดสาม ที่รู้จักกันในนามทริปเปิลวิล เขาเป็นแฝดคนกลางของพี่น้องฝาแฝดชายสามคน หรือบางคนเรียกเขาว่า V2. ครอบครัวพวกเขาเป็นมาเฟียกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ย่าตาทวด มีกิจการตั้งแต่ขาวไปจนถึงเทา เขาเป็นคนเงียบๆ เนี้ยบ และเฉียบขาด สิมิลัน หรือ เก้า เด็กสาวอายุ 22 ปี ที่ชีวิตอาภัพเหลือเกิน เพราะตั้งแต่สูญเสียพ่อไป ชีวิตของเธอก็เริ่มเสียศูนย์และดิ่งลงเหว ชีวิตตกอับขั้นสุดแม้กระทั่งคนที่เธอเรียกว่าแม่ ยังทำให้เธอผิดหวังและเจ็บปางตาย เธอพยายามรักษาบ้าน ที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อไว้เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ แต่สุดท้ายก็ถูกทริปเปิลวิลล์ยึดไป สิมิลันขอเข้าพบเจ้าหนี้ หวังว่าจะได้รับความเมตตาจากพวกเขาบ้าง แต่เธอคิดผิดถนัด เพราะนอกจากเขาจะไม่ช่วยแล้ว ชีวิตเธอกลับยุ่งวุ่นวายมากกว่าเดิมเสียอีก ชีวิตเธอจะขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงเหว มาลุ้นไปด้วยกันค่ะ "ญาตาวีมินทร์" นิยายเซ็ทมาเฟียตระกูลทริปเปิลวิลล์ แฝดสามสุดหล่อที่มีบุคลิกและนิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิง มีทั้งหมดสามเรื่องตามแผนผังดังนี้ค่ะ แผนผังตัวละคร ชุดทริปเปิลวิลล์ สุภาพบุรุษมาเฟีย (คู่หลัก) วิลสัน+พุทธมิกา = วินเนอร์ - วินนี่ / วิโอร่า - วีโอเล็ต (คู่รอง) จอนนี่-วันมาตา = มาร์ติน – มารียา หลงกลรักมาเฟีย (คู่หลัก) วิลเซอร์+สิมิลัน = สมิหลา – อันดามัน / วิคเตอร์ – พีพี - ลันตา (คู่รอง) อัลเฟรด-ดาหลา = ลีออง – รีอัล ผัวมาเฟียเมียกำมะลอ (คู่หลัก) วิลเซนต์+ไอด้า = วิลตัน-วิลแฮม-วิลล์ด้า-วิลลาเบลล์ (คู่รอง) นาวิน+ยิปซี = ราเชลล์ – ดาวินซี คำเตือน - นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ขอองนามปากกา "ญาตาวีมินทร์" แต่เพียงผู้เดียว ห้ามเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดละเมิดถือว่าทำผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 15 17 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
“พ่อคะ พ่ออย่าเป็นอะไรไปนะคะ พ่อได้ยินเสียงเก้ามั้ยพ่อ ฮือ ๆๆ “ ฉันวิ่งตามรถเข็นของโรงพยาบาลที่กำลังเข็นพาพ่อไปที่ห้องฉุกเฉิน โดยมีฉันและแม่วิ่งตามไปติด ๆ
“ญาติคนไข้รอที่ด้านนอกก่อนนะคะ” ฉันถูกพยาบาลกันเอาไว้ไม่ให้เข้าไปในห้องฉุกเฉิน ร่างเล็กทรุดลงนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่หน้าห้องเพราะไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่ารอคอยให้ประตูห้องนั้นเปิดออกมาเท่านั้น
“ฮึก ฮืออออ” ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นจนแม่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พยุงฉันให้ลุกขึ้นจากพื้น แล้วจูงมือให้มานั่งบนเก้าอี้แทน
“ใจเย็น ๆ เก้า พ่อต้องไม่เป็นอะไร ทำใจดี ๆ ไว้ก่อน” แม่บอกกับฉันพร้อมกับลูบไหล่ฉันเบา ๆ ฉันจ้องมองแม่ที่ตอนนี้สีหน้าและแววตาของท่านดูปกติมาก ๆ ไม่ได้ร้องไห้ปานจะขาดใจเหมือนฉันเลยสักนิด ถ้าใครมาเห็นตอนนี้ต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินคนนี้คือภรรยาของผู้ชายที่เพิ่งถูกเข็นเข้าไปด้วยอาการเพียบหนักขนาดนั้น ต้องเข้มแข็งขนาดไหนกัน ถึงได้เฉยชาได้ขนาดนี้
“แม่ไม่เป็นห่วงพ่อเหรอ ทำไมแม่ไม่ร้องไห้เลย” ฉันเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ แม่มองหน้าฉันแล้วถอนหายใจแรง ๆ แต่ไม่ตอบคำถาม
ฉันนั่งรอด้วยความทุกข์ทรมาน เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาทีมันช่างเนิ่นนานเหลือเกิน ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น สักพักหนึ่งประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกพร้อมกับคุณหมอสาวสวยที่เดินออกมาหยุดยืนที่หน้าประตูห้อง
“เชิญญาติคุณนาธัสด้านในด้วยค่ะ” ฉันเด้งออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วแล้วถลันเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที พร้อมกับมองหาพ่อ แต่ไม่เห็นท่านเลย
“เชิญญาตินั่งก่อนค่ะ” คุณหมอผายมือให้ฉันกับแม่นั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้า
“หมอไม่อยากแจ้งให้ญาติทราบข่าวแบบนี้เลย แต่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอให้ญาติทำใจดี ๆ นะคะ ตอนนี้คุณนาธัสเสียแล้ว ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน หมอและทีมแพทย์พยายามช่วยคนไข้อย่างสุดความสามารถแล้ว หมอเสียใจด้วยนะคะ” คุณหมอกล่าวด้วยน้ำเสียงสะเทือนใจ
“มะ..ไม่จริงใช่ไหมคะคุณหมอ ไม่จริงใช่ไหมแม่ พ่อยังไม่ตาย ฮือ ๆๆๆ” ฉันก้มหน้าลงร้องไห้ เอามือกุมหน้าอก ความรู้สึกตอนนี้มันเจ็บปวดเหมือนหัวใจถูกกรีดด้วยของมีคมซ้ำๆ จนไม่เหลือชิ้นดี
“ตอนนี้หมอย้ายคุณนาธัสไปไว้ที่ห้องด้านในสักสองชั่วโมงก่อนนะคะ เดี๋ยวทางโรงพยาบาลจะออกเอกสารรับรองการเสียชีวิตให้ ทางญาติจะได้นำไปแจ้งทำใบมรณะบัตร” ฉันได้ยินคุณหมอพูดกับแม่ และชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ แต่ฉันไม่ได้สนใจฟังมันเลย
ฉันเดินเข้าไปยังห้องด้านใน เห็นพ่อนอนอยู่บนเตียงเข็นของคนไข้ ฉันโผเข้าไปกอดท่านแล้วร้องไห้ จะให้ฉันเชื่อว่าท่านตายแล้วได้ยังไง ในเมื่อสามชั่วโมงก่อนหน้านี้เราสองคนพ่อลูกยังพูดคุยหยอกล้อเล่นกันที่บ้านอยู่เลย ฉันมองหน้าของท่านแล้วใช้นิ้วมืออังที่ปลายจมูก แต่ท่านก็ไม่หายใจแล้วจริง ๆ
“พ่อจ๋า พ่อทิ้งเก้าไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม แล้วเก้าจะอยู่ยังไง ฮือๆๆ” ฉันพร่ำรำพันกับศพของพ่ออยู่แบบนั้น จนแม่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับมองใบหน้าของพ่อแล้วเอื้อมมือมาลูบแก้มที่ซีดเซียวของท่านเบาๆ
“ฉันรักคุณนะคะคุณนาธัส ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยรักฉัน แต่ฉันก็รักคุณคนเดียวมาตลอด อโหสิกรรมให้กันและกันนะคะ” ฉันหันไปมองหน้าแม่เพราะแปลกใจกับคำพูดที่ออกมาจากปากท่าน แม่ก้มหน้าลง น้ำตาไหลริน แต่ท่านไม่สะอื้นและไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาอีกเลย
งานศพของพ่อฉันถูกจัดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ โดยมีเพื่อนๆ และหุ้นส่วนของพ่อ รวมถึงลูกน้องที่บริษัทมาร่วมงานกันมากมาย เพราะพ่อเป็นที่รักของทุกคน ท่านใจดีและมีเมตตากับลูกน้องมาก ทำให้ลูกน้องต่างก็รักและอาลัยที่ท่านมาด่วนจากไปกระทันหันแบบนี้
หนึ่งเดือนผ่านไป
ฉันเดินเข้ามาในบ้านก็พบกับจดหมายและใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่วางกองอยู่บนโต๊ะ มีทั้งใบแจ้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์และใบแจ้งชำระค่าประกันชีวิตรายปีของฉันที่พ่อทำไว้ให้ด้วย
"แม่คะ ใบแจ้งหนี้ทำไมมันเยอะขนาดนี้ล่ะคะ?” ฉันเอ่ยถามแม่ที่ตอนนี้ท่านนั่งเงียบ ๆ อยู่บนโซฟาแล้วมองมาที่ฉัน
“ก็ปกติพ่อแกเป็นคนจ่าย นี่พ่อแกตายไปแล้วก็เลยไม่มีคนจ่ายน่ะสิ ฉันจะไปเอาที่ไหนมาจ่ายให้ตั้งเยอะแยะขนาดนี้” ฉันหันหน้ากลับไปมองแม่ทันที .. ใช่ค่ะ ฉันกำลังงง
ตั้งแต่ฉันจำความได้พ่อทำงานคนเดียวมาตลอด โดยแม่มีหน้าที่เป็นแม่บ้านเท่านั้น ค่าใช้จ่ายทั้งหมดพ่อจึงเป็นคนจ่ายเพียงคนเดียว แต่ที่ฉันงงคือตอนนี้พ่อตายไปแล้ว แต่แม่ไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ แล้วพวกเราจะอยู่ต่อกันได้ยังไง เพราะตอนนี้ฉันเพิ่งเรียนแค่ปีสอง จะให้ฉันออกมาทำงานหาเงินกลางคันก็คงจะไม่ได้แน่นอน
“ตอนนี้พ่อไม่อยู่แล้ว เราจะทำยังไงกันดีคะ แม่พอจะมีเงินสะสมบ้างไหม หนูพอมีเงินเก็บอยู่บ้างแม่อยากลงทุนทำอะไรสักอย่างไหมคะ เผื่อว่าแม่อยากจะทำ....”
"มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันนะ มันเป็นหน้าที่ของพ่อแก ถ้าพ่อแกไม่อยู่ แกก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ” แม่พูดจบก็เดินขึ้นชั้นบนไป ทิ้งฉันยืนอึ้งเป็นรอบที่สอง
ฉันกับแม่ไม่ค่อยสนิทกันมากนักหรอก จำความได้ว่าตั้งแต่เด็ก ฉันจะสนิทกับพ่อมากกว่า ในความทรงจำของฉันจึงมีพ่ออยู่เสมอ ถึงแม่จะเลี้ยงดูและอยู่กับฉัน แต่ก็มีความผูกพันกันแปลก ๆ เหมือนมีเส้นบาง ๆ กั้นระหว่างฉันกับแม่อยู่ แต่ถ้าใครคิดว่าฉันไม่ใช่ลูกของแม่ คิดผิดนะคะ เพราะฉันเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อกับแม่จริง ๆ ในใบเกิดและสำเนาทะเบียนบ้านก็บอกชื่อของบิดามารดาอย่างชัดเจนว่า นางสาว “สิมิลัน หิรัญเมฆาสกุล” เป็นบุตรสาวของนายนาธัส และนางเจนจิรา หิรัญเมฆาสกุล
พ่อกับแม่ของฉันเป็นคนจังหวัดพังงา และเคยอาศัยอยู่ที่เกาะสิมิลันมาก่อน พอฉันเกิดมาพ่อกับแม่จึงตั้งชื่อว่า สิมิลัน ซึ่งเป็นภาษายาวี หรือมลายู แปลว่า เก้า ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเล่นของฉัน เพราะเกาะสิมิลันจะมีหมู่เกาะน้อยใหญ่อยู่รวมกันทั้งหมดเก้าเกาะ จึงเรียกกันว่า หมู่เกาะสิมิลัน
พ่อเล่าว่าพบรักกับแม่ที่นี่ เวลาที่พ่ออยู่กับฉันสองคน ท่านมักจะเล่าเรื่องราวสมัยตอนหนุ่ม ๆ ให้ฟัง พ่อจะพูดถึงแม่ด้วยความรักเสมอ พ่อบอกว่าฉันได้รับมรดกความสวยมาจากแม่ ไม่ว่าจะเป็นผิวขาวอมชมพู ผมตรงดกดำยาวสลวย เครื่องหน้าสวยคมชัด ริมฝีปากกระจับ รูปร่างสูงโปร่ง หุ่นดี รวมถึงน้ำเสียงที่ไพเราะของฉันด้วย
แต่น่าแปลกที่ความรู้สึกของฉันกลับคิดว่าทั้งหมดที่พ่อบรรยายถึงแม่กับความเป็นจริงที่ฉันเห็น มันไม่มีอะไรตรงกันเอาเสียเลย
Write Talk: เมื่อเจ็ดปีก่อนคุณพ่อมินทร์ท่านจากไปด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ความรู้สึกสูญเสียรวมถึงเหตุการณ์ในห้องฉุกเฉินและคำพูดของคุณหมอในวันนั้นมินทร์ยังจำได้ทุกคำจนถึงทุกวันนี้ เมื่อมีโอกาสจึงได้นำมาถ่ายทอดลงในนิยายเรื่องนี้ด้วย แต่ถึงแม้ว่าท่านจะจากเราไปแล้ว แต่พ่อยังอยู่ในใจของลูกคนนี้เสมอค่ะ 🖤
เพราะเธอเป็นรักครั้งแรกและรักเดียว เขาจึงทุ่มเทให้เธอทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการทรยศหักหลัง และเมื่อวันหนึ่งที่เธอต้องกลับเข้ามาในชีวิต เขาจึงยินดีรับเธอไว้เพื่อชดใช้ในสิ่งที่เธอเคยทำในอดีต ฟาริส เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตแบบธรรมดา แต่วันหนึ่งเขากลับถูกหักหลังจาก "มัต" ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักหมดหัวใจ หลังจากนั้นมุมมองและศรัทธาเกี่ยวกับความรักของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล มัตตัญญุตา เด็กสาวที่ศรัทธาและมั่นคงในความรัก แล้ววันหนึ่งเธอกลับต้องเลือกทรยศแฟนของตัวเอง แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อเธอจำเป็นต้องกลับมาหาเขาอีกครั้ง ในฐานะใหม่ที่ไม่ใช่คนรัก แต่กลับกลายเป็น ทาส แทน แนะนำตัวละคร ฟาริส ลูกชายคนเล็กของแด๊ดแอลตัน กับมัมสายป่าน (จากเรื่องเมื่อ Playboy ตัวร้ายต้องแพ้พ่ายยัยตัวเล็ก ) มัตตัญญุตา หรือ มัต ตัวละครใหม่ คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ขอองนามปากกา "ญาตาวีมินทร์" แต่เพียงผู้เดียว ห้ามเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดละเมิดถือว่าทำผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 15 17 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
พุทธมิกาหัวใจแตกสลายเมื่อเห็นชายคนรักที่เธอเฝ้ารอคอยมาตลอด เขากลับมาแล้ว แต่กลับมาพร้อมลูกสาวฝาแฝดและภรรยาคนสวยที่ยืนอยู่ต่อหน้าของเธอในตอนนี้ "พี่วิลล์รู้จักเธอหรือเปล่าคะ?" "พี่ไม่รู้จักครับ" วิลสัน มาเฟียหนุ่มรูปหล่อแห่งทริปเปิลวิลล์ ด้วยนิสัยส่วนตัวที่สุภาพและใจดี ทำให้ทุกคนที่รู้จักให้ฉายาเขาว่า "สุภาพบุรุษมาเฟีย" แต่หากใครกล้ามาล้ำเส้น เขาก็พร้อมจะส่งพวกมันไปลงนรกทันที พุทธมิกา ครูสาวคนสวย ผู้เสียสละชีวิตสุขสบายในเมืองกรุง ไปเป็นครูอาสาบนดอยที่ห่างไกลความเจริญ เพราะที่นั่นคือที่ที่ทำให้ชีวิตของเธอมีอิสระไร้พันธนาการ เมื่อบุปเพนำพาให้หนุ่มสาวคู่นี้มาเจอกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาจะเป็นไปอย่างไร มาติดตามกันได้เลยค่ะ แผนผังตัวละคร ชุดทริปเปิลวิลล์ สุภาพบุรุษมาเฟีย วิลสัน-พุทธมิกา = วินเนอร์ - วินนี่ (แฝดชาย) / วิโอร่า - วีโอเล็ต (แฝดหญิง) จอนนี่-วันมาตา = มาร์ติน – มารียา หลงกลรักมาเฟีย วิลเซอร์-สิมิลัน = สมิหลา – อันดามัน (แฝดหญิง) / วิคเตอร์ – พีพี - ลันตา (แฝดสาม) อัลเฟรด-ดาหลา = ลีออง – รีอัล ผัวมาเฟียเมียกำมะลอ วิลเซนต์-ไอด้า = วิลตัน-วิลแฮม-วิลล์ด้า-วิลลาเบลล์ (แฝดสี่) นาวิน-ยิปซี = ราเชลล์ – ดาวินซี คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น
วิลเซนต์ มาเฟียหนุ่มนักรัก เจ้าของสโลแกน "ไม่ง่ายแต่ได้ไม่ยาก"และ"ไม่มั่วแต่ทั่วถึง" เมื่อจะถูกมัมจับคลุมถุงชน ก็แหกถุงแม่งเลย.. "ไอด้า แต่งงานกะพี่ไหม" "พี่วิลล์จะบ้าเหรอ" "มาเป็นเมียของพี่เถอะ" วิลเซนต์ มาเฟียหนุ่มแฝดสาม ลำดับสุดท้ายของทริปเปิลวิลล์ พ่อรูปหล่อนักรักและไม่เคยพักเรื่องเจ้าชู้ ด้วยความที่รูปหล่อและฐานะที่แสนจะร่ำรวยครบเรื่องจนเป็นที่หมายตาของสาวสดและไม่สดทั้งหลายแหล่ ที่จ้องจะจับเขาให้อยู่หมัด ร้อนถึงมัมเคธี่ที่กลัวว่าถ้าปล่อยให้วิลเซนต์เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้ สักวันหนึ่งคงได้มีสาวอุ้มท้องป่องๆ มาร้องขอสิทธิ์ความเป็นสะใภ้แน่ ๆ มัมเคธี่จึงเลือกวิธีคลุมถุงชน แต่พ่อกะล่อนคนนี้จะยอมง่ายๆ เหรอ ไอด้า สาวน้อยวัยสดใส เธอเป็นลูกสาวเพื่อนรักของพ่อกับแม่ของวิลเซนต์ เขากับเธอเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กจึงค่อนข้างสนิทกัน และเธอก็แอบประทับใจวิลเซนต์มาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเล่นพ่อแม่ลูกกันกี่ครั้งก็จะต้องขอเป็นเจ้าสาวของวิลเซนต์เสียทุกครั้งไป แต่นั่นมันก็แค่ความคิดในวัยเด็ก แล้วเรื่องราวจะเป็นยังไงเมื่อจู่ๆ เขามาขอให้เธอเป็นเมียกำมะลอ แต่งงานกับเขาแบบหลอก ๆ แล้วเธอล่ะจะยอมอยู่ในตำแหน่งนี้ไหม ... ***น้องไอด้า ลูกสาวคนกลางของแด๊ดแอลตันกับมัมสายป่าน จากเรื่อง เมือ playboy ตัวร้ายต้องแพ้พ่ายยัยตัวเล็กค่ะ*** คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของนามปากกา "ญาตาวีมินทร์" แต่เพียงผู้เดียว ห้ามเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดละเมิดถือว่าทำผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 15 17 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ แผนผังตัวละคร ชุดทริปเปิลวิลล์ สุภาพบุรุษมาเฟีย คู่หลัก-วิลสัน-พุทธมิกา คู่รอง-จอนนี่-วันมาตา หลงกลรักมาเฟีย คู่หลัก-วิลเซอร์-สิมิลัน คู่รอง-อัลเฟรด-ดาหลา ผัวมาเฟียเมียกำมะลอ คู่หลัก-วิลเซนต์-ไอด้า คู่รอง-นาวิน-ยิปซี
"ไอ้ฟาบริซ ไอ้ปากหมา ผู้ชายปากกรรไกรแบบนี้ใครเขาจะเอามาทำพืชทำพันธุ์ห๊ะ" "แล้วเธอล่ะ ปากแจ๋วขนาดนี้ใครเขาจะเอาทำเมีย ใครได้ไปซวยตายห่า อยู่ขึ้นคานไปเถอะจะได้ไม่เป็นภาระให้ผัวกับพ่อผัวแม่ผัวในอนาคต" แอลลี่ สาวสวยลูกครึ่งฝรั่งเศส-ไทย ปัจจุบันเรียนอยู่คณะบริหารธุรกิจปี 4 อายุ 22 ปี เธอมีหัวใจรักให้กับชายคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ผู้ชายคนนั้นคือฟาเบียน ลูกชายคนโตของเซดริกและมาลารินทร์ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อแม่ของเธอ หรือที่เธอเรียกเขาว่า เฮียฟา เขาดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กเพราะเขาอายุมากกว่าเธอ และเติบโตมาด้วยกัน ในสายตาของเธอเขาคือฮีโร่และเทพบุตร ฟาบริซ ชายหนุ่มรูปหล่อลูกครึ่งฝรั่งเศส-ไทย อายุ 24 ปี ลูกชายคนกลางของเซดริกและมาลารินทร์ เขาเป็นน้องชายของฟาเบียน ชายผู้เป็นเทพบุตรของแอลลี่ ฟาบริซเป็นชายหนุ่มรูปหล่อและมีเสน่ห์ ปากหวาน เอาใจเก่งจนสาวๆ หลงมานักต่อนัก แต่นิสัยเหล่านี้จะกลับตาลปัตรทันทีเมื่อเขาได้อยู่กับแอลลี่ หญิงสาวที่เป็นคู่กัดตลอดกาล แล้วกามเทพไปทำอีท่าไหนถึงจับให้เขากับเธอมาคู่กัน จะหวานหรือบรรลัย ติดตามอ่านกันค่ะ แอลลี่ (ลูกสาวคนโตของแอลตัน-สายป่าน ในเรื่อง เมื่อPlayboy ตัวร้ายต้องแพ้พ่ายยัยตัวเล็ก) ฟาบริซ (ลูกชายคนกลางของเซดริก-มาลารินทร์ ในเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ ) คำเตือน - นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ขอองนามปากกา "ญาตาวีมินทร์" แต่เพียงผู้เดียว ห้ามเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดละเมิดถือว่าทำผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 15 17 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
"เด็กคนนี้คือใครคะเออเนส ทำไมมาหาคุณถึงที่นี่ได้ ปกติคุณไม่เคยพาใครมานอกจากมินนี่นิคะ" "แค่เด็กในบ้านน่ะ เขาเอาขนมไทยมาให้" "ขนมหน้าตาประหลาดนะคะ คุณชอบทานเหรอ" "เคยชอบนะ แต่ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว" ปฏิญญา : เธอเป็นเด็กสาวหน้าใส มองโลกทั้งใบเป็นสีชมพู ด้วยความอ่อนต่อโลกและด้อยประสบการณ์ จึงรู้ไม่เท่าทันคนเจ้าชู้เงียบอย่างเขา เออเนส : หนุ่มหล่อเนี๊ยบ เจ้าชู้เงียบและเย็นชา ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจ นั่นแหละ ..คือนิยามในความเป็นเขา เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ถ้าเบื่อแล้วก็เขี่ยทิ้งเหมือนเป็นสิ่งที่ไร้ค่า เมื่อหนุ่มสาวที่นิสัยต่างกันสุดขั้วมาเจอกัน มันจะเกิดอะไรขึ้นหนอ ? ** เรื่องนี้เป็นเรื่องคู่น้อง ของนิยายเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ (เซดริก-มาลารินทร์) นะคะ คู่พิเศษ เซนส์- น้ำฟ้า เซนส์: เด็กชายที่พ่อกับแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุพร้อมกัน ชีวิตของเขาจึงไม่เหลือใครเลย โชคดีที่เจ้านายของพ่อ (แด๊ดโนแอลพ่อของเออเนส) รับเลี้ยงดูอุปการะ และเอ็นดูจนท่านรับเขาเป็นลูกบุญธรรม ทำให้เขามีอนาคตและมีการศึกษา น้ำฟ้า: สาวไทยแท้ แต่ต้องย้ายตามคุณแม่ที่แต่งงานใหม่กับชาวฝรั่งเศส ทั้งเธอและพี่ชายจึงมาใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างแดนตั้งแต่เด็ก จนได้พบกับรักแรกและรักครั้งสุดท้ายของเธอ
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น