“ถ้าเจ็บตรงไหนบอกผมนะครับ” หมอดนัยสอดนิ้วมือ 2 นิ้วเข้าไป “ค่ะ...อื้มมม คุณหมอขา อื้อ ๆ ” “เจ็บหรือครับ” คุณหมอตกใจที่เธอร้องครางแบบนั้น “เสียวมากเลย..อื้ม ๆ ลึกอีกสิคะ คุณหมอขา”
ตอนที่ 1
รสสุคนธ์ วิสุทธิ์ มีชื่อเล่นว่า รส เรียนจบพยาบาลและมาทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐได้เกือบหนึ่งปีแล้ว เธอได้มีโอกาสมาทำงานพิเศษที่คลินิกของนายแพทย์ดนัย ก้องวัฒนะกุล หมอเชี่ยวชาญทางด้านสูตินารี
รสสุคนธ์จบการศึกษาระดับมัธยมปลายด้วยคะแนนเฉลี่ย 4.00 แต่ด้วยฐานะทางบ้านค่อนข้างขัดสน เธอจึงเลือกเรียนคณะพยาบาล เพราะรสสุคนธ์รู้ว่าการเรียนแพทย์นั้นมันต้องใช้เงินทองอีกมากมายถึงแม้ว่าเธอจะสอบทุนเรียนแพทย์ได้ก็ตาม แต่เธอก็เลือกที่จะเรียนพยาบาล เพราะจบเร็วกว่าแพทย์ และถ้ารสสุคนธ์เรียนจบเร็ว เธอก็จะได้ช่วยพ่อแม่ส่งเสียน้องชายคนเล็กเพื่อร่ำเรียนต่อไป
รสสุคนธ์เรียนจบคณะพยาบาล ก็เข้าทำงานทันที เพราะเธอต้องไปทำงานใช้ทุนตามที่เธอได้ทุนจากงบช่วยเหลือของโรงพยาบาลรัฐ เงินเดือนมากกว่าสามหมื่นห้าพันบาทเป็นอะไรที่เธอต้องการมากในยามนี้ เพราะต้องส่งเงินไปช่วยทางบ้าน ให้พ่อแม่และน้องชายของเธอที่กำลังเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ปีหนึ่งอยู่ ณ ตอนนี้
รสสุคนธ์มีความสุขกับงานดี และเธอก็ได้มีโอกาสมารับงานพิเศษช่วยงานคลินิกของหมอดนัย ด้วยวัยยี่สิบห้าของเธอ รสสุคนธ์เป็นหญิงสาวที่ได้รับพรจากพระเจ้าให้เกิดมาเป็นคนสวย ความสูงของเธอเข้าขั้นดีกรีนางงามถึง 170 ซม. รูปร่างดีหุ่นนาฬิกาทรายผิวพรรณขาวสะอาดเนียนตาน่าสัมผัส ใบหน้ารูปไข่สวยหวานดวงตากลมโตคมสวย ดวงตาเธอเป็นสิ่งที่เธอภูมิใจอย่างมาก ยามที่ใครได้เห็นก็อดไม่ได้ที่อยากทำความรู้จักเธอ แววตาขี้เล่นและเป็นมิตรของเธอทำให้ผู้ชายหลายคนหลงใหลในตัวเธอแทบจะทุกคน
ปากบางๆ สีชมพูอ่อนรับกับใบหน้าเรียวรูปไข่ ทรวงอกไม่ต้องบอกเลย...ผู้ชายทุกคนที่ได้เห็นถึงกับเหลียวมองเมื่อยามเดินผ่านเธอจนคอแทบหักกันเลยทีเดียว และวันไหนที่เธอสวมใส่กางเกงออกกำลังกายรัดรูปไปฟิตเนสละก็...โอ่ววว์ แม่เจ้า!!!...ก้นงอนงามของเธอช่างน่าลูบไล้...เนินเนื้อหน้าอกเต่งตึงที่โดดเด่นเห็นชัด...ผู้ชายหลายคนถึงกับจินตนาการไปไหนต่อไหน
หมอดนัยที่เป็นนายจ้างของเธอเองก็เช่นกัน...เขาเป็นหมอหนุ่มสูตินารีที่หน้าตาหล่อเหลา และด้วยวัยที่มากกว่ารสสุคนธ์เกือบสิบปี ทำให้รสสุคนธ์ไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่ หมอดนัยเป็นลูกคนจีนและมีฐานะร่ำรวย..หมอดนัยเป็นผู้ชายเจ้าชู้อย่างร้ายกาจแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยอมสยบให้กับเธอ หมอดนัยตามจีบรสสุคนธ์อยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเล่นด้วยสักเท่าไหร่ และการที่หมอดนัยเอาแต่เจ้าชู้ ก็เลยทำให้ไม่มีเวลารุกหนัก ๆ เพื่อจีบรสสุคนธ์อย่างจริงจังซะที มีแต่หมาหยอกไก่เท่านั้น
รสสุคนธ์นั้นไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ เพราะตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งานอย่างเดียว ใครขายเวรให้เธอก็รับไว้หมด แถมวันนี้เธอกำลังจะรับจ๊อบพิเศษดูแลผู้ป่วยที่บ้านของหมอดนัยเป็นวันแรกอีกด้วย แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องกับเธอเสียก่อน
คุณหมอหนุ่มหลังจากตรวจคนไข้เสร็จ ก็รีบตรงไปยังลานจอดรถเพื่อจะไปคลินิกของตัวเอง แต่โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นก่อนจะเอื้อมเปิดประตูรถ
“สวัสดีค่ะคุณหมอ วันนี้รสคงไปทำงานให้คุณหมอไม่ได้ รสปวดท้องเมนหนักมาก ตอนนี้ลุกไม่ขึ้นเลยค่ะ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่ารส ตอนนี้คุณอยุ่ไหน”
“อยู่ในห้องพักพยาบาลค่ะ ตอนนี้รสกินยาแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักก็คงดีขึ้น”
“ได้ครับ งั้นเดี๋ยววันนี้ผมจะให้แพรพลอยไปดูแลคุณพ่อผมแทนคุณไปก่อน คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ..คุณหมอ เอ่อ! แต่ถ้าน้องพลอยจะทำงานนี้เอง รสก็ไม่ว่าอะไรนะคะ คุณหมอจ้างน้องพลอยตลอดเลยก็ได้ รสทำแค่คลินิกอย่างเดียวก็ได้ค่ะ” รสสุคนธ์รีบเสนอ เพราะไม่อยากให้แพรพลอยไปทำแทนแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ และอีกอย่างเธอก็ยังไม่เคยรับงานนี้มาก่อน จึงเสนอยกหน้าที่นี้ให้แพรพลอยทำแทน
เสียงที่ดังมาจากประตูคลินิกเปิดออก เรียกความรู้สึกของแพรพลอยให้กลับมาอย่างรวดเร็ว......หญิงสาววัยใกล้เคียงกับเธอเดินเข้ามา.....ร่างระหง...ผมยาวถึงกลางหลัง เธอดูสวยผิวเนียนขาวสะอาด เธออยู่ในชุดฟอร์มของสายการบิน แพรพลอยเดาว่าเธอน่าจะเป็นแอร์โฮสเตส....ร่างระหงเดินมาหยุดตรงหน้าของเธอ แพรพลอยส่งยิ้มทักทายก่อนจะพูดขึ้นว่า
“คลินิกยังไม่เปิดค่ะ....คุณหมอจะมาตอนห้าโมงเย็น....ลงชื่อจองคิวแล้วนั่งคอยสักครู่นะคะ” แพรพลอยรีบบอกสาวงามท่านนี้
“ไม่เป็นค่ะ ดิฉันรอได้ พอดีว่าหมอดนัยนัดให้มาตรวจวันนี้” หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมกับยื่นบัตรนัดของเธอให้กับแพรพลอย
“ค่ะ งั้นรบกวนนั่งรอคุณหมอสักครู่นะคะ” หญิงสาวนั่งลงตรงเก้าอี้ ที่จัดเตรียมไว้
ไม่นานนักหมอดนัยก็ขับรถหรูมาจอดที่หน้าคลินิกของตัวเอง และเดินถือกระเป๋าแบบเจมส์บอนด์เข้ามาภายใน ผ่านไปได้สักครู่เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย
“เชิญคุณดาวิกาที่ห้องตรวจค่ะ” เสียงของแพรพลอยเอ่ยขึ้นเมื่อถึงคิวนัดของเธอ ร่างระหงจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องตรวจไป
สัญญาเมียลับๆ นำพาเธอสู่เกมรักอันตราย ที่มีเขาเป็นผู้ควบคุม เมื่อหนี้สินบังคับให้เธอต้องแลกเรือนร่าง... แต่หัวใจกลับถูกเขาช่วงชิงไปโดยไม่รู้ตัว เตยหอม หญิงสาวผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและอกหักจากแฟนหนุ่มเธอกำลังจะฆ่าตัวตาย แต่ได้รับข้อเสนอสุดอันตรายจาก ทิวัตถ์ นักธุรกิจหนุ่มผู้ทรงอิทธิพล เขาเสนอให้เธอมาเป็น "เมียลับๆ" ในตำแหน่งเลขาฯ ส่วนตัว เพื่อบำเรอความสุขของเขา แลกกับการใช้หนี้ทั้งหมดของเธอ ด้วยความจำเป็น เตยหอมจึงยอมรับข้อเสนอ โดยเซ็นสัญญาลับที่เธอไม่ได้อ่านอย่างละเอียด ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อของทิวัตถ์ ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว
"ความแค้น...สั่งให้ทำลาย" "แต่หัวใจ...สั่งให้รัก" "ท่ามกลางไฟแค้นที่แผดเผา เขาจะเลือกเส้นทางใด...เมื่อหัวใจทรยศต่อแผนการ" ภาคินัยต้องเผชิญกับความเจ็บปวด เมื่อเนตรดาว ภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตในเวลาต่อมาพร้อม ๆ กับชายชู้ ความแค้นจึงมาลงที่น้องสาวของชู้รักอย่างอัญชลิดา แต่ว่าหัวใจของภาคินัย...กลับทรยศต่อแผนการ ภาคินัย หรือภีม พ่อเลี้ยงหนุ่มเจ้าของไร่องุ่นที่อำเภอสะเมิง ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อเนตรดาว ภรรยาของเขาประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตในเวลาต่อมาพร้อม ๆ กับชายชู้ที่ชื่อรณพีร์ ความแค้นที่ถูกหักหลังทำให้ภาคินัยวางแผนแก้แค้น โดยยื่นข้อเสนอให้ อัญชลิดา หรืออัญน้องสาวของรณพีร์ มาทำงานที่ไร่องุ่นของเขา ภาคินัยใช้ความใกล้ชิดล่อลวงอัญชลิดา หวังจะทำลายเธอให้เจ็บปวดเหมือนที่เขาเคยได้รับเพื่อแก้แค้น แต่ในที่สุดเขากลับหลงรักเธอ
หญิงสาวที่ถูกวางยาปลุกเซ็กซ์ แล้วหนีออกมาเจอกับชายแปลกหน้า เขาช่วยเธอหนีรอดมาได้ แต่ในเมื่อยาออกฤทธิ์ขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็จำเป็นต้องช่วยเธอ และครั้งนั้นก็ทำให้เธอท้องกับเขาโดยไม่รู้ตัว เรื่องย่อ หญิงสาวที่ท้องกับชายแปลกหน้า จนมารู้อีกครั้ง ว่าเขาคือเจ้านายของเธอในเวลาต่อมา มณีมันตรา นักศึกษาสาวที่ถูกมารดาขายให้กับนายกำธรเสี่ยเงินกู้รายใหญ่ประจำหมู่บ้าน เสี่ยหื่นกามคนดังกล่าวได้วางยาปลุกเซ็กซ์เธอ แต่ว่ามณีมันตราก็ดิ้นรนต่อสู้จนหนีออกมาได้และได้รับการช่วยเหลือจากจากชายแปลกหน้ารูปหล่อคนหนึ่งเผอิญว่าเขาขับรถผ่านมาแถวนั้นพอดี แต่อนิจจา ในเมื่อยาปลุกเซ็กซ์ออกฤทธิ์ขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวก็ไม่อาจฝืนต่ออารมณ์ทางเพศของตัวเองได้ เธอจึงจำเป็นต้องขอร้องให้ชายแปลกหน้าช่วยเหลือเธอ แต่มณีมันตราก็โชคร้ายซ้ำสองที่ตั้งท้องกับชายแปลกหน้าคนนั้น หนึ่งเดือนผ่านไปเธอมีโอกาสได้พบเขาอีกครั้งเมื่อเข้าไปทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เธอก็ไม่กล้าบอกกับเขาเพราะว่าชายแปลกหน้าคนนั้นคือคือภาณุภัทร์ประธานหนุุ่มที่เป็นผู้บริหารในเครือของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งและเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ
บริษัทหลักทรัพย์และที่ปรึกษาการลงทุน เอสเอ็มที จำกัด มีกฎเหล็กที่บ้าบอ โดยห้ามพนักงานแต่งงานหรือเป็นแฟนกัน หากฝ่าฝืนจะถูกไล่ออก แต่เมื่อมีกฏก็ย่อมมีคนแหกกฏดังคู่รักคู่นี้ เมญารินทร์กับติณห์ภัทรคู่รักที่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ภายในบริษัท มาถูกขจรเกียรติเจ้านายของฝ่ายหญิงจับได้เสียก่อน เมญารินทร์จึงยอมไปเจรจากับขจรเกียรติและรับข้อเสนอของเขาเพื่อให้ความรักของเธอและติณภัทรยังคงเป็นความลับต่อไปด้วยการเอาตัวเข้าแลกโดยที่แฟนหนุ่มของเธอไม่รู้
“เธอนี่...สวยเซ็กซี่จังเลยนะ ฉันมองคนไม่ผิดจริงๆ ฉันจะทำให้เธอมานอนครางอยู่ใต้ร่างของฉันให้ได้" “ อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ฉันจะหาเงินมาใช้คืนให้คุณจนครบทุกบาททุกสตางค์”
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...