ทันใดนั้น! สายตาของประสบโชคคนขับรถของตะกูลอดิศวรก็สะดุดตากับชายร่างสูงผมยาวประบ่าคนหนึ่ง เขาสวมแว่นตาดำทรงเท่ เดินออกมาจากประตูด้วยท่าทางมาดมั่น ราวกับนายแบบที่กำลังเดินเฉิดฉายอยู่บนเวที คนขับรถวัยกลางคนขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่คุ้นหน้าชายหนุ่มคนนี้เลย หรือว่าจะเป็นพวกดาราที่มาถ่ายละครแถวที่สนามบินกันแน่!
“ไปกันครับพี่โชค?” ชายวัยกลางคนที่กำลังครุ่นคิดเงยหน้ามองก่อนจะตกตะลึงเมื่อชายคนเมื่อสักครู่มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
ก่อนจะถอดแว่นตาดำออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมเข้มที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อก่อน ประสบโชคถึงกับตาโตด้วยความตะลึงงัน
“พี่โชค!!! จำผมไม่ได้เหรอครับ?” ปุณณภพเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณภพ!!!” ประสบโชคอุทานด้วยความตกใจ
“คุณภพจริง ๆด้วย!!!!...โห่..ไม่เจอกันนาน หล่ออย่างกับพระเอกหนังแน่ะ เล่นเอาผมนี่จำไม่ได้เลย โถววๆๆทำไมคุณถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะครับ?” ประสบโชคเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
“อะไรกันพี่โชคผมไปเรียนเมืองนอกแค่ไม่กี่ปีเอง พี่ก็จำผมไม่ได้แล้วรึ” ปุณณภพตอบ
“คุณภพหล่อขึ้นมากเลยครับ” ประสบโชคเอ่ยชม
“แต่ผมว่าไอ้ทรงผมแบบนี้ อาจจะขัดใจคุณพ่อเอาได้นะครับ” ประสบโชครีบเตือน ก่อนเดินมาลากกระเป๋าให้กับลูกเจ้านายเพื่อพาเขาไปขึ้นรถที่จอดอยู่
เช้าวันต่อมา
แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องนอนหรูหราของหนุ่มหล่อทายาทตระกูลดังเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พันล้านที่เพิ่งกลับมาจากการไปเรียนต่อยังต่างประเทศ เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังลั่นไปทั่วห้องไม่สามารถปลุกให้เขาตื่นจากห้วงนิทราได้ ชายหนุ่มพลิกตัวไปมาบนเตียงนุ่ม ก่อนจะกดเลื่อนนาฬิกาปลุกแล้วคว้าหมอนข้างมากอดเอาไว้อย่างสบายใจแล้วหลับต่อ
ในขณะเดียวกันที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของตระกูลอดิศวร บรรยากาศในการประชุมเต็มไปด้วยความตึงเครียด คุณรังสิมันต์ประธานบริษัท มองนาฬิกาด้วยสีหน้าไม่พอใจ เพราะบุตรชายคนเดียวของเขายังไม่มาถึงที่ประชุม
“นี่เจ้าภพมันไปไหน ทำไมมันยังไม่มาอีก” คุณรังสิมันต์เอ่ยถามเลขา ฯ คนสวยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ดิฉันโทรไปตามให้แล้วค่ะ แต่คุณภพไม่ยอมรับสายเลยค่ะท่านประธาน” เลขาสาว ฯ ตอบด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ผู้เป็นบิดาถึงกับส่ายหน้าแล้วถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบุตรชายของเขาถึงได้เป็นคนที่ไม่ตรงต่อเวลาเช่นนี้ ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยการเปิดตัวซีอีโอคนใหม่ของบริษัทอยู่
“แปดโมงครึ่ง!!! เฮ่ย!!!..ตายแล้ว ๆ !!! ทำไมถึงตื่นสายแบบนี้วะเนี่ย!” ปุณณภพร้องลั่นห้องนอนหรูราวกับมีใครเอาน้ำเย็นมาราด เขากระโดดลงจากเตียงนุ่มราวกับสปริงดีดตัว ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าในตู้โยนใส่กระเป๋าเป้อย่างลวกๆ แล้วรีบวิ่งลงบันไดมาด้วยความเร็วแสง
“พี่แย้ม! พี่แย้ม! ผมยืมมอเตอร์ไซค์หน่อยซิ!” ปุณณภพตะโกนลั่นบ้าน ขณะที่นายแย้มกำลังเข็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจเข้ามาจอด หลังจากพาภรรยาไปจ่ายตลาดมาหมาดๆ นายแย้มรีบยื่นกุญแจให้เจ้านายหนุ่มอย่างงง ๆ ราวกับกำลังส่งไม้ผลัดในการแข่งขันวิ่งโอลิมปิกยังไงยังงั้น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“คุณภพจะรีบไปไหนครับเนี่ย? หน้าตาตื่นเหมือนเหมือนวิ่งหนีอะไรมาอย่างนั้นแหละ!” นายแย้มถามเจ้านายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพลางมองเจ้านายหนุ่มที่กำลังสวมหมวกกันน็อกอย่างรีบร้อน
“ผมมีประชุมสำคัญเช้านี้ แต่ดันตื่นสายเนี่ยสิพี่แย้ม! สงสัยเมื่อคืนจะปาร์ตี้กับเพื่อนเพลินไปหน่อย” ปุณณภพตอบอย่างรีบร้อย
“ระวัง ๆ ด้วยนะครับคุณภพ รถผมมันเบรกไม่ค่อยดี” นายแย้มเตือนด้วยความเป็นห่วง และพลางมองเจ้านายหนุ่มสตาร์ทมอเตอร์ไซค์แล้วบิดคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับจะไปแข่งรถในสนาม
ปุณณภพบิดมอเตอร์ไซค์คู่ใจของคนสวนออกมาจากบ้านด้วยความเร็วสูง เขามีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เขาจึงขับรถราวกับกำลังขับยานอวกาศที่ทะยานออกนอกโลก ก่อนจะพลางมองนาฬิกาบนข้อมือเป็นระยะๆ แล้วสบถขึ้นในใจราวกับกำลังท่องบทสวดไล่ปีศาจแห่งการจราจรที่กำลังติดขัด
“โอ๊ย! จะติดอะไรนักหนาวะเนี่ย!” ปุณณภพบ่นพึมพำ ก่อนจะตัดสินใจเบี่ยงมอเตอร์ไซค์ออกไปซ้ายสุด เพื่อแซงรถยนต์ที่จอดติดกันเป็นแถวยาว ราวกับขบวนรถไฟ
ในขณะที่เขากำลังเร่งความเร็วอยู่นั้น ปุณณภพก็ได้ยินเสียงแตรรถยนต์คันหนึ่งดังลั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่ร่างของเขาจะกระแทกเข้ากับรถสปอร์ตหรูคันหนึ่งเข้าอย่างจัง
โครม!!!!!
เสียงดังสนั่น ราวกับฟ้าผ่าลงกลางเมือง ของร่างเขากระเด็นออกจากมอเตอร์ไซค์ไปนอนแอ้งแม้งวัดถนนอยู่บนพื้นราวกับซุปเปอร์แมนที่เพิ่งถูกคริปโตไนต์เล่นงาน ส่วนมอเตอร์ไซค์คู่ใจของนายแย้มก็ล้มลงนอนตะแคงล้อหมุนฟรีอยู่ริมถนน
“เฮ้ย!!!!” ปุณณภพอุทานด้วยความตกใจ