โปรย... ชะตาพลิกผันให้เจ๊ใหญ่หงทายาทมาเฟียยุค2000 ต้องไปเกิดใหม่ที่มิติใกล้ล่มสลาย ซึ่งทุกอย่างถูกวัดด้วยความแข็งแกร่ง ทั้งพลังปราณ พลังธาตุ ทั้งนางยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องรับผิดชอบ ทว่าเมื่อลืมตาตื่นความทรงจำกลับเลือนราง นางกลายเป็นก้อนแป้งน้อยโดยสมบูรณ์! ผักก็ต้องปลูก มารก็ต้องกำจัด ความทรงจำยังเลือนรางอีก สวรรค์ท่านกลั่นแกล้งข้าหรือไร?
ท่ามกลางเสียงร้องไห้ดังระงม และผู้คนนับพันที่มาร่วมไว้อาลัยให้กับการสูญเสียบุคคลที่ยิ่งใหญ่มากอำนาจอันดับต้น ๆ ของวงการมาเฟียแห่งแดนมาเก๊า
ร่างโปร่งแสงยืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยความสงบ เธอกวาดตาไปยังบุคคลที่รู้จักก่อนมองไปยังกรอบรูปภาพขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ อันเป็นภาพของผู้เสียชีวิต
รูปภาพนั้นสะท้อนภาพใบหน้าของหญิงสาวผู้งดงาม ดวงตากลมโตนัยน์ตาดำขลับมองตรงไปเบื้องหน้าอย่างไม่เกรงกลัวและอนาทรต่อสิ่งใด ทำให้คนที่พบเห็นยำเกรงและเคารพ แม้ว่านั่นจะเป็นเพียงภาพที่ตั้งอยู่ก็ตาม
หญิงสาวเข้าไปใกล้ภาพนั้นเรื่อย ๆ จนยืนชิดกับกรอบรูปหากไม่มีใครเห็นเธอสักคน เพราะคนที่เสียชีวิตและเจ้าของรูปภาพที่ตั้งอยู่คือตัวเธอเอง... เว่ยซือหง ทายาทอันดับสองของตระกูลเว่ย ตระกูลมาเฟียเก่าแก่ของแดนมังกร
จากบุคคลสำคัญของวงการมาเฟีย เจ๊ใหญ่ตระกูลเว่ยที่ขยับตัวทำอะไรมีแต่คนให้ความสนใจ กลับกลายเป็นดวงวิญญาณธรรมดา แม้ยืนตรงหน้าก็ไร้ผู้คนมองเห็น
‘หึ! ร่ำรวยมากอำนาจแล้วอย่างไร สุดท้ายก็ตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?’ เว่ยซือหงคิดพลางยกยิ้มหยันให้กับสัจธรรมชีวิตที่เธอกำลังเผชิญ
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาพลางมองคนที่มาแสดงความอาลัยต่อเธอคนแล้วคนเล่าด้วยแววตาเฉยเมย กระทั่งสั่นไหวเมื่อตรงหน้าคือคนสำคัญในชีวิต
เว่ยซือหงมองภาพครอบครัวที่กอดกันร้องไห้นั้นด้วยความเศร้าและเสียใจ ถ้าเลือกได้เธอก็ไม่ได้อยากจากไปโดยไม่ทันร่ำลาด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์แบบนี้ ทว่าขึ้นชื่อว่าอุบัติเหตุใช่สิ่งที่จะห้ามไม่ให้เกิดขึ้นได้ ต่อให้ระมัดระวังมากแค่ไหน สุดท้ายถ้ามันจะเกิด มันก็เกิดอยู่ดี เจ๊ใหญ่ตระกูลเว่ยจึงจากไปด้วยประการฉะนี้
คำอำลาจากปากของคนในครอบครัวทำเจ๊ใหญ่น้ำตานองหน้า แม้เป็นเพียงวิญญาณก็สามารถร่ำไห้ได้ ความเศร้าโศกอาดูรที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่กับคนเหล่านั้นได้อีกต่อไปทำหญิงสาวเสียใจสุดพรรณนา
มีพบก็ต้องมีจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็นของคู่กัน ถึงตัวจากไปแต่ใจผูกพัน เรายังอยู่ในห้วงความทรงจำของคนเป็นเสมอ เว่ยซือหงเข้าใจดี
ร่างโปร่งแสงแย้มยิ้มบางพร้อมพิธีศพประจำตระกูลสิ้นสุดลง
“โชคดีนะทุกคน ฉันก็คงไปตามทางของฉันเหมือนกัน”
แต่... เป็นวิญญาณแล้วต้องไปไหนอะ? ไหนยมทูตขาวดำ? ไหนแม่น้ำลืมเลือน? ไหนน้ำแกงยายเมิ่ง? ไม่เห็นมี!
ขณะที่หญิงสาวขบคิดด้วยความมึนงง จู่ ๆ ชั้นบรรยากาศโดยรอบก็หมุนวนดูดดวงวิญญาณของเธอเข้าไป กระทั่งแรงดูดของชั้นบรรยากาศหายไปหญิงสาวจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ที่ไหนวะเนี่ย!” เสียงอุทานที่ออกมาจากริมฝีปากสวยได้รูปดังขึ้น เมื่อจู่ ๆ ก็มาโผล่ยังสถานที่ว่างเปล่า ทุกอย่างล้วนขาวโพลน ไม่มีผู้คน ไร้สิ่งก่อสร้าง
กลุ่มหมอกสีขาวยังลอยเอื่อย ก้มมองเท้าตัวเองพบว่าตัวเธอกำลังลอยเช่นกัน หากกลับสัมผัสได้ว่ายืนอยู่ ความรู้ย้อนแย้งนี้คืออะไร?
ความคิดภายในหัวหมุนวน เชื่อว่าคำถามยอดฮิตของเหล่าดวงวิญญาณคงเป็นประโยคที่ว่า ‘ตายแล้วไปไหน’ แน่ เพราะเธอก็ถามตัวเองแบบนี้เช่นเดียวกัน!
คิดไปก็ไม่ได้คำตอบ เว่ยซือหงตัดสินใจเดินไปข้างหน้า โดยระหว่างเดินก็สอดส่ายสายตามองรอบตัวเองไปด้วย น่าแปลกที่เดินมาร่วม 2 ชั่วโมง เธอก็ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดของสถานที่นี้เสียที กลับกันกลุ่มหมอกที่แน่นขนัดในตอนแรกกลับจางลงเรื่อย ๆ พร้อมอากาศบริสุทธิ์
“เดี๋ยวนะ อากาศบริสุทธิ์อย่างนั้นเหรอ?”
“เป็นวิญญาณหายใจได้ด้วย?”
“หรือที่นี่จะเป็นสวรรค์? เป็นไปไม่ได้หรอก”
เจ๊ใหญ่แห่งวงการมาเฟียอย่างเธอ แม้ไม่ได้เข่นฆ่าคนไปทั่ว ใช่ว่ามือจะไม่เปื้อนเลือด แน่ละ ในเมื่อศัตรูบางคนมันต้องการเอาชีวิตเธอ เธอก็ต้องเอาชีวิตมันคืนสิ จะให้เป็นนางเอกยอมคนมองโลกในแง่ดี ทั้งที่สถานะของตัวเองและตระกูลเป็นมาเฟียก็ไม่ใช่เรื่อง ในเมื่อศัตรูหันปืนใส่เธอก่อน เธอก็ต้องหันปืนใส่มันกลับสิถึงจะถูก
เว่ยซือหงสะบัดศีรษะขับไล่ความคิดไร้สาระออกไป ก่อนพิจารณาสถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้อีกครั้ง หญิงสาวยกมือกอดอก ก่อนแขนขวายกขึ้นตั้งฉากแล้วทำมือคล้ายป้องปาก แต่ที่จริงใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้สลับไปมาเพื่อเกลี่ยริมฝีปากตนเอง
อันเป็นท่าประจำเวลาที่เว่ยซือหงใช้ความคิดมาก ๆ
“แม้เราจะไม่ได้ฆ่าคนไปทั่วเป็นผักปลา แต่มือเราก็เปื้อนเลือดเพราะเข่นฆ่าศัตรู ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เราจะได้ขึ้นสวรรค์ หากสถานที่นี้ก็ไม่ใช่นรก… สรุปที่แห่งนี้คืออะไรกันแน่” หญิงสาวครุ่นคิดก่อนแววตาสะท้อนความไม่เชื่อออกมา
“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง จะเป็นไปได้เหรอที่มันจะเหมือนนิยายแนวทะลุมิติอะไรเทือกนั้น ที่พอตายวิญญาณก็ถูกพามายังมิติของเหล่าเทพเซียน... บ้าบอไปกันใหญ่แล้วยายหง นี่มันบ้ามาก เป็นไปไม่ได้หรอก”
“เป็นไปได้สิ” ขณะที่หญิงสาวตบตีกับความคิดตัวเองอยู่นั้น เสียงทุ้มเจือแววอ่อนโยนของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นเบื้องหลัง
เว่ยซือหงสะดุ้งก่อนหันกลับมามองข้างหลังของตนอย่างว่องไว สายตาหญิงสาวสำรวจคนที่จู่ ๆ ก็โผล่มาอย่างไม่เก็บกิริยา ดวงตาหงกวาดมองขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่หลายรอบ ใบหน้าสวยฉายแววฉงน แววตาเจือความสงสัยเด่นชัด
บุรุษวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ สวมชุดจีนโบราณค่อนข้างจะ... คร่ำครึไปหน่อยหรือไม่ แต่งองค์ทรงเครื่องตั้งแต่หัวจรดเท้า อาภรณ์หรูหราสีทองปักด้วยดิ้นทอง เอาจริงดิ?
คนที่ถูกมองสำรวจนอกจากจะไม่ว่าอันใดแล้ว ยังยิ้มและมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยนเจือเอ็นดู จนทำให้เว่ยซือหงทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย หญิงสาวยิ้มแห้งที่เผลอเสียมารยาท
“ขอโทษค่ะ คุณเป็นใครคะ” พอรวบรวมสติได้ก็ถามทันที
“เจ้ากำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่เล่า” ไม่ตอบแต่ถามกลับ
“เทพเซียน?” เอียงคอถามอย่างไม่มั่นใจ หากบุรุษตรงหน้ากลับยกยิ้มและพยักหน้าตอบรับคำพูดของเธอ ดวงตาหงเบิกกว้างอ้าปากค้าง แม้ไม่อยากเชื่อ แต่ตอนนี้ไม่เชื่อไม่ได้แล้ว
ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่เทพเซียนจะเป็นใครไปได้อีก!
“เจ้าคงสงสัยว่าเจ้ามาทำอันใดที่นี่ และสถานที่แห่งนี้คือที่ใด มาเถิด ตามข้ามาแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”
เว่ยซือหงลังเลเล็กน้อยแต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะความลังเล หญิงสาวเดินตามบุรุษชุดจีนโบราณผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเทพเซียนไปต้อย ๆ จนไปหยุดที่เก๋งริมน้ำที่จู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมา
คล้ายบุรุษชุดจีนโบราณรับรู้ความคลางแคลงใจของหญิงสาว จึงวาดมือเบา ๆ พลันนั้นโต๊ะตรงหน้าก็มีกาน้ำชา ถ้วยชา รวมถึงกระดานหมากที่มักเห็นในซีรีส์จีนโบราณบ่อย ๆ ปรากฏขึ้น ดวงตาหญิงสาวแทบถลนจ้องมองสิ่งที่ปรากฏและบุรุษตรงหน้าไม่กะพริบตา ปากก็อ้าค้างเสียกิริยาความเป็นเจ๊ใหญ่ไปโดยปริยาย
“ทีนี้เชื่อข้าหรือยังเล่า”
“เชื่อแล้วค่ะท่านเทพ” หลักฐานชัดเจนเพียงนี้ไม่เชื่อได้หรือ พร้อมเรียกคนตรงหน้าว่าท่านเทพอย่างไม่กระดากปาก
ชักไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่มาเจอเทพเซียนแทนที่จะเป็นยมทูตขาวดำแบบนี้
แต่เอาเถอะ เธอจะมองว่ามันโชคดีไปก่อนแล้วกัน คิดง่าย ๆ มองง่าย ๆ จะได้ไม่ปวดหัวทีหลัง...
หลังแก้ปัญหาไอมารจนผืนดินกลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้ง ก็ถึงเวลาที่เว่ยซือหงต้องไปผจญภัยจริง ๆ เสียที สมบัติวิเศษ สมุนไพรล้ำค่า ทรัพยากรอื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่ในดินแดนลับ นางจะกวาดให้เรียบ!
คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด... เมื่อเรื่องราวความรักของม่านไหมโรยไปด้วยกลีบกุหลาบที่ถูกก้องเกียรติสร้างขึ้นมา ชวนให้หลงมัวเมากับฉากหน้าอันแสนหวานยากจะถอนตัว กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นว่าเธอถูกหนามแหลมคมของดอกกุหลาบที่ชื่นชอบคอยทิ่มแทงให้เธอเจ็บแล้ว ราวกับโลกทั้งโลกแหลกสลาย ความไว้ใจที่มีมาพังทลายลง! คนที่มั่นคงและซื่อสัตย์ในรักอย่างเธอต้องมานั่งเสียใจนอนร้องไห้ ต้องเจ็บปวดจากการกระทำของคนที่เธอรักและไว้ใจที่สุด เธอจะเลือกอะไรระหว่างอดทนยอมรับชะตากรรมความเจ็บปวดที่เธอไม่ได้เป็นคนก่อและให้อภัยเขาในที่สุด หรือ! เดินหน้าเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคนที่หวังดีกับเธอตลอดมา เป็นกำลังใจให้ม่านไหมด้วยนะคะ ............................................... ตัวอย่างบางส่วนในนิยายค่ะ “ทำแบบนี้ทำไม” คำถามแผ่วเบาที่ออกจากปากของม่านไหม ทำให้ชายหนุ่มได้สติ ก้องเกียรติตวัดสายตาดุร้ายมองเธอ เขาไม่ตอบเลือกที่จะหันหลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบมาแต่งตัว “ทำไมไม่ตอบ ทำแบบนี้ทำไม!” เสียงของม่านไหมดังขึ้น หญิงสาวไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มหันหลังให้ เธอเดินเข้าไปแล้วกระชากให้เขามามองหน้าเธอทันที “ตอบสิ ทำแบบนี้ทำไม ม่านทำอะไรผิดเหรอ พี่ถึงได้ไปมีคนอื่นแบบนี้!” ม่านไหมโวยวาย สองมือของเธอทุบลงบนอกของเขา
เพราะว่ารักจึงยอม เพราะรักถึงรอ รอที่จะได้ยินคำว่ารัก รอวันที่เธอชัดเจน... .......... ตัวอย่าง “หยุดร้องก่อนได้ไหมฉาย” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มพูดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด หลังจากที่เขานั่งทนฟังเสียงร้องไห้ของหญิงสาวมาร่วมชั่วโมงกว่าเกือบจะสองชั่วโมงได้ “ฉายไม่ได้อยากร้อง แต่ว่ามันหยุดไม่ได้ ฮึก! แล้วพี่สงจะให้ฉายทำยังไง” หญิงสาวตอบกลับพลางสะอื้นไห้ .......... “นานแล้วนะครับฉาย พี่ทรมาน” น้ำเสียงทุ้มฟังดูเซ็กซี่ดังขึ้นข้างหู “พี่สง!” “พี่รักฉายมากฉายก็รู้ แล้วตอนนี้มันก็นานมาก ๆ แล้วที่เราไม่ได้รักกัน ฉายไม่สงสารพี่เหรอครับ” เขายังคงหว่านล้อมเธอด้วยคำพูดจนจันทร์ฉายเริ่มลังเล ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากพร้อมพูดต่อ “รักของพี่มีให้ฉายแค่คนเดียว ทั้งหัวใจพี่ก็มีแค่ฉาย จะทำอะไรก็นึกถึงแต่ฉาย แบบนี้... พี่ควรได้รางวัลหรือยังครับ” พูดแล้วก็เป่าลมร้อนเข้าหูเธอจนคนตัวเล็กย่นคอหนี “ตะ แต่ว่าฉายท้องอยู่นะคะ” “เลยช่วงอันตรายมาแล้วครับ หมอก็อนุญาตฉายก็รู้ พี่สัญญาว่าจะระวัง” “แต่ว่า” “ให้พี่ทักทายลูก ต่อแขนต่อขาให้ลูกนะครับคนดี พี่สัญญาว่าจะทำเบา ๆ นะครับ นะ” สงกรานต์พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะระดมจูบไปตามซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว “คะ ครั้งเดียวนะคะ” “ขอบคุณครับ” เมื่อได้รับคำอนุญาตสงกรานต์ก็ไม่คิดเกรงใจอีกเขาตะโบมจูบจันทร์ฉายด้วยความคิดถึงและความรักทั้งหมดที่มี ลิ้นหนาพัวพันกับลิ้นเล็กดึงดูดความหอมหวานของกันและกัน ก่อนจะประคองเธอนอนลงบนเตียงอย่างเบามือ สองมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธอด้วยความชำนิชำนาญ
ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกนอกสมรสเธอไม่เคยปริปาก โดนกลั่นแกล้งสารพัดก็ไม่เคยพร่ำบ่น เห็นว่าเธอไม่มีปากเสียงแล้วจะเอาอะไรที่เป็นของเธอไปก็ได้เหรอ? ฝันไปเถอะ! ถึงเวลาที่เธอจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองแล้ว ระวังตัวไว้ให้ดีละ เตือนแล้วนะ... .......... ตัวอย่าง 1 “ดี! งั้นมาดูกัน ว่าระหว่างฉันกับเธอใครกันแน่ที่พูดความจริง แต่เธอคงไม่ถือใช่ไหมพริมา ถ้าต้องใช้ผู้ชายคนเดียวกันกับพี่สาวอย่างฉันน่ะ” กล่าวถามก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเรียบเฉยของน้องสาว อิงอรฉีกยิ้มเยาะเย้ยพลางมองพริมาด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน มือบางคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินกลับไปยังประตู ทว่าก่อนที่มือจะทันได้จับลูกบิด น้ำเสียงเย็น ๆ ของน้องสาวที่ดังขึ้นด้านหลังกลับหยุดเธอไว้ “ก็เอาสิคะ ถ้าพี่อิงมั่นใจว่าจะแย่งเขาไปจากฉันได้ก็ลองดู แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าฉันเป็นคนหวงของ ยิ่งรักมากก็หวงมาก และฉันคงไม่ยอมอยู่เฉย ๆ เหมือนที่แล้วมาแน่ อะไรที่เป็นของฉันใครหน้าไหนก็เอามันไปจากฉันไม่ได้ โดยเฉพาะคนหน้าด้านอย่างพี่อิง อย่าได้หวังเลยค่ะ แต่ถ้าพี่คิดว่าพี่แน่ ก็เชิญ แล้วจะได้รู้ ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่พี่คิด เตือนแล้วนะ” “เหอะ” อิงอรอารมณ์เสียเพราะคำพูดของพริมา แต่ไม่ใช่ในคำเตือน เธอหันกลับมามองหน้าน้องสาวแล้วส่งสายตาฟาดฟันกัน ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินออกจากห้องไป .......... ตัวอย่าง 2 “เสียดายจัง ยังไม่ทันได้มองหุ่นเขาเลย พี่พีก็เอามือมาปิดตาพริมซะก่อน เสียดายจริงๆ” “เสียดายทำไม! อยากดูก็มาดูหุ่นพี่นี่ พี่หุ่นดีกว่ามันตั้งเยอะ” ชายหนุ่มพูดเสียงเขียว พริมายู่หน้าตอบ “มันไม่เหมือนกันนี่คะ ของพี่พีพริมได้ดูทุกวัน แต่ของคนอื่นพริมแค่อยากมองเฉย ๆ” เธอยังคงลอยหน้าลอยตาพูดต่อ ทั้งยังไม่วายเจื้อยแจ้วไปถึงบรรดาหุ่นไอดอลชายหรือศิลปินที่เธอชื่นชอบจนรพีพัฒน์ใบหน้าเขียวคล้ำเพราะความหึงหวง มองเธอด้วยสายตาคาดโทษ
เมื่อความสัมพันธ์มาถึงจุดเปลี่ยน... เปลี่ยนจาก ‘คนรัก’ กลายเป็น ‘คนอื่น’ จากคนอื่นเป็น ‘คนใจร้าย...’ กว่าจะรู้ตัวว่ารักมากแค่ไหน ก็เกือบสูญเสียคนสำคัญของหัวใจไปแล้ว ………. ตัวอย่าง “ขอโทษนะครับที่ทำร้ายเขมแบบนั้น พี่รู้ว่าพี่ผิด และเขมคงไม่ให้อภัยพี่ง่าย ๆ แต่พี่อยากบอกให้เขมรู้ ว่าพี่รู้สึกผิด และเสียใจกับสิ่งที่พี่ทำลงไป” “...” “พี่ขอโทษนะครับ คือพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเขมนะ พี่แค่โกรธและโมโหมากไปหน่อย” เขมิกายกยิ้มพลางหัวเราะหยันในลำคอ รู้สึกโกรธคนตรงหน้าจนไม่อยากมองหน้าต้องมองเขาด้วยหางตาแทน “ไม่ได้ตั้งใจ... นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะคะ ถ้าคุณตั้งใจขึ้นมามันจะขนาดไหน” “เขมคือพี่” “ช่างเถอะค่ะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ไปนอกจากเรื่องงาน ระหว่างฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เข้าใจตรงกันนะคะ” นี่เขาทำอะไรลงไป... ถ้าเขาลดอคติลง ฟังเธอสักนิด วันนี้เขาคงไม่ต้องทำร้ายเธอจนทำให้เธอหวาดกลัวเขาแบบนั้น ไม่ต้องเห็นสายตาตัดพ้อต่อว่า ไม่ต้องเห็นสายตาว่างเปล่าของเธอ... หากว่าเขาขอโอกาสกับเธออีกสักครั้ง เธอจะยินยอมมอบมันให้เขาหรือเปล่า?..
คนที่ไม่เชื่อในความรักอย่างจันทร์เจ้าต้องอยู่ชิดใกล้กับผู้ชายที่หล่อกวนใจจนน่าหยิก ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นยากจะห้ามไหว แต่นาย ‘ชลธี’ กลับทำให้ทุกอย่างดูง่าย เปลี่ยนหัวใจตายด้านให้กลับมาเต้นแรง…
"อ๊ะ..ที่ไหนนี่มืดจัง อึดอัดจังเลย โอ้ย !!ใครถีบหัววะ" "ฮูหยินคลอดแล้วเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ยังมีอีกคนเจ้าค่ะ เบ่งอีกเจ้าคะ " "อุ๊แว" "เป็นคุณหนูเจ้าค่ะฮูหยิน"
"เธอมันก็แค่น้องสาวของผู้หญิงขายตัว ที่หาวิธีทำให้ฉันสนใจไม่ได้ เธอก็วิ่งไปหาคนอื่น" "พี่สาวฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว อย่างที่พี่เข้าใจ" มิริณสวนกลับอรัณอย่างไม่ยอมทันที "เป็นเด็กN มันไม่ได้ต่างกับผู้หญิงขายตัว" อรัณจับข้อมือเรียวเล็กของมิริณเอาไว้แน่น ด้วยความโกรธและโมโห ใบสวยหวานไร้กรอบแว่นตา จ้องมองคนปากร้ายโดยไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด "ถ้าเกลียดผู้หญิงขายตัว เกลียดพี่สาวฉัน เกลียดฉันมากนัก พี่ก็เลิกยุ่งกับฉันเสียทีสิ" มิริณกดน้ำเสียงโดยความไม่พอใจ พร้อมกับสะบัดมือออกจากแขนของอรัณ "ถ้าอยากเป็นเด็กขายตัวตามพี่สาวของเธอนัก ก็มาขายให้ฉันเสียสิ จะได้ไม่ต้องวิ่งหาคนอื่นให้มันเหนื่อย แค่นอนให้ฉันกระแทกก็พอ" "พี่รัณ" มิริณตระโกนใส่หน้าอรัณด้วยความโกรธจัด !! เพี๊ยะ !! พร้อมกับตะเบ่งฝามือฝาดใบหน้าอันหล่อเหลาของอรัณด้วยที่เขานั้นดูถูกเธอไม่หยุด ใบหน้าของอรัณหันไปตามแรงตบและมอง มิริณมาด้วยสายตาดุดัน "ขอซื้อดีๆ ไม่ขาย งั้นก็โดนฉันกระแทกก่อน แล้วค่อยคิดราคามาละกัน" พูดจบอรัณก็ระดมจูบคนตัวเล็กไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความโมโห ใครรอพี่อรัณสายหวานละมุน อบอุ่น ข้ามไปได้เลยจ้า แก๊งค์นี้ไม่มีคนดีอยู่จริง ที่ผ่านมามันเป็นแค่ภาพลักษณ์ อิอิ ถึงคิวเรื่องของพี่อรัณสุดหล่อกันแล้วนะคะ ฝากนักอ่านที่น่ารักติดตามและให้กำลังใจพี่อรัณและนุ้งมิริณกันด้วยนะคะ ใครชอบพระเอกสายละมุน ไม่เหมาะกับนิยายเรื่องนี้ ผ่านไปได้เลยจ้า ส่วนใครชอบพระเอกสายจับกด อ่านโลด อิอิ นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้แต่ง ห้ามคัดลอกหรือลอกเรียนแบบใดๆ ทั้งสิ้นเขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับคนบุคคลในภาพแต่อย่างใด นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหารุนแรงในบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อายุต่ำกว่า18 ปีควรได้รับคำแนะนำ ฝากเป็นกำลังใจให้ไรท์กันด้วยนะคะ เพจ Kim Nayeol คะ เชตเรื่องหนุ่มๆวิศวะทั้ง 4 หนุ่มนะคะ พันธะร้ายนายวิศวะ เรียวตะ x เชอรีน พิษรักร้าย Toxic Love ริกกี้ x นินิว พลาดรักร้ายนายวิศวะ อรัณ x มิริณ คลั่งรักร้ายนายวิศวะ ริว x เจนิส
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
อรอินทร์สาวโสดในโลกปัจจุบันเธออายุ 28 ปี เป็นเพราะตกงานมานานหลายปี ชีวิตเธอเลยอยู่ไปวันๆ อย่างไร้จุดหมาย วันๆ ก็เอาแต่อ่านนิยายอยู่ในห้อง แล้วอยู่ๆ เธอก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนั้นได้เข้าไปอยู่ในนิยายเรื่องหนึ่งที่เธออ่าน กลายเป็นหญิงที่แต่งงานแล้วและกำลังจะขอหย่ากับสามี แล้วเธอจะเลือกหย่ากับเขาเพื่อเล่นไปตามบทในนิยายต่อไปหรือจะเลือกอยู่กับเขาต่อไปดี
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด “ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้” ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...