เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
"ผมใส่แล้วนะ"
"อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า"
ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
"ขอลิ้นหน่อยสิคะที่รัก อยากดูดลิ้นจัง"
เธอออดอ้อน แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนั้นจะไม่ใส่ใจคำขอ เขากระแทกร่างลงมาไม่กี่ครั้งก็ฟุบลงบนหน้าอกของเธอ
"ผมขอโทษนะครับ คงเหนื่อยเกินไปหน่อยเสร็จเร็วเลย"
ริกะผู้ที่เพิ่งเริ่มบทรักถึงกับหัวเราะในลำคอ เธอกล้ำกลืนความอยากของตัวเองเอาไว้ได้แต่พยักหน้าอย่างยอมรับ
"ไม่เป็นไรค่ะ พักนี้งานคุณยุ่งไม่ได้พักเลยนี่คะ ฉันเข้าใจ"
เป็นความเข้าใจมาเกือบสามเดือนแล้วสำหรับเธอ ริกะนอนมองเพดานเมื่อ เคน คู่หมั้นหนุ่มนอนหลับไปแล้ว ในขณะที่น้องสาวของเธอยังชื้นแฉะและเธอยังต้องการอยู่มาก
ในที่สุดหญิงสาวก็ลุกขึ้นเปิดลิ้นชักคว้าดิลโด้อันยักษ์แล้วถ่างขาของตัวเองออก เธอเปิดระบบสั่นค่อยยัดดิลโด้เข้าไปข้างในช้า ๆ
ทันทีที่ปลายดิลโด้สัมผัสเนื้อสาวก็ทำให้ริกะถึงกับสั่นระริกแล้วครางออกมา
"อ๊า เสียวจังเลย อ๊า ที่รักของริกะเสียวจังเลย อยากเลียจังเลย อ๊า"
ถึงริกะจะครางเสียวขนาดไหน คนที่นอนหมดสภาพอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่น เธอยัดดิลโด้เข้าไปลึกขึ้น มือข้างหนึ่งบีบนมตัวเองแล้วเขี่ยหัวนมใบหน้าดูทรมานเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่เธอคิดในตอนนี้กลับไม่ใช่ใบหน้าของแฟนนุ่มที่กำลังจะแต่งงานกัน แต่กลายเป็นใบหน้าของ ฮาจิ แฟนเก่าสมัยมหาวิทยาลัยที่เลิกกันด้วยเหตุผลที่เธอก็จำไม่ได้
เธอคิดถึงบทรักที่ถึงอกถึงใจของเขา
หลายวันต่อมา
ริกะปารูปที่เธอจ้างนักสืบไปตามสืบแฟนของเธอทิ้งลงถังขยะ จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเขาทำให้ริกะเกิดสงสัย และแล้วก็เป็นจริงอย่างที่เธอคิด ริกะนั่งลงอย่างเจ็บช้ำ เธอร้องไห้อย่างหมดสภาพจนกระทั่งหลับไปในวันที่เขาอ้างงานและไม่กลับบ้าน
ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ว่าเขากำลังอยู่กับผู้หญิงคนนั้น
ริกะตื่นขึ้นมาในสภาพสะลึมสะลือ ได้ยินเสียงตั้งปลุกในวันนี้เธอมีงานเลี้ยงรุ่นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี ริกะรีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า
เธอแวะเข้าสปานวดตัวเพื่อผ่อนคลาย ถึงจะยังเสียใจจนไม่อยากพบใคร แต่วันนี้ในบรรดาเพื่อนเก่าของเธอยังมีแฟนเก่าที่ไม่ได้เจอกันหลายปีรวมอยู่ด้วย
จู่ ๆ ริกะก็อยากพบเขา
วันนี้เธอแต่งตัวสวยด้วยเดรสลายจุดราคาแพง บรรจงใส่น้ำหอมกลิ่นยั่วยวนทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังหวังอะไรกันแน่ เมื่อถึงงานเลี้ยงเพื่อนของเธอมาถึงก่อนหลายคนแล้ว
เสียงทักทายดังขึ้นทันที
"ริกะมาแล้ว โอว้เธอสวยจังเลยแต่ก่อนว่าสวยแล้วตอนนี้ยิ่งสวยกว่าเดิมอีก"
ริกะเป็นสาวสวยเรียบร้อยตั้งแต่สมัยเรียน แต่เบื้องหลังผู้หญิงเรียบร้อยคนนี้กลับตรงกันข้ามกับที่ใคร หลาย ๆ คนคิด
และแล้วคนที่เธอรอคอยก็มาถึง ริกะตกใจมากเมื่อเห็นว่าเขาดูหล่อเหลามากกว่าเดิมอีก ตั้งแต่เขามาถึงก็เอาแต่จ้องเธอจนเธอหน้าแดง และเพื่อน ๆ ของเธอก็ดูเหมือนว่าจะรู้เห็นเป็นใจ จัดให้ริกะกับแฟนเก่าที่ชื่อว่า ฮาจินั่งด้วยกัน
ในตอนแรกที่นั่งดื่มและร้องเพลงในบรรยากาศมืดสลัว ดูเหมือนว่าเขายังคงสุภาพและพูดคุยกับเธอถึงเรื่องราวปัจจุบัน จนกระทั่งกลางดึกเพื่อนหลายคนเมาฟุบแล้ว
ริกะใบหน้าแดงก่ำฮาจิค่อย ๆ ขยับเข้าหาเธอ เขาเอื้อมมือมาโอบเอวเธอใบหน้าหล่อเหลาของเขาอยู่ใกล้เธออย่างแนบชิด จนเพื่อนคนหนึ่งแซวขึ้นมาว่า
"ฮาจินายกับริกะยังคบกันอยู่เหรอ สายตาที่พวกนายมองกันนี่ทำฉันร้อนเป็นไฟเลย"
และแล้วเพื่อนคนนั้นก็ฟุบหลับไป
ริกะมองหน้าฮาจิ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งดูน่าหลงใหล ฮาจิมองเธอเช่นกัน เขาจับมือของเธอแล้วบอกว่า
"ผิวขาว ๆ ของริกะเป็นสีแดงอีกแล้ว เหมือนเดิมสินะดื่มแล้วตัวแดงทุกที"
"อื้ม แต่ก็ดื่มเก่งขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว"
จู่ ๆ ฮาจิก็พูดขึ้นว่า
"เราสองคนความจริงเลิกกันเพราะอะไรนะ ฉันไม่ได้อยากเลิกกับเธอสักหน่อย"
ริกะหัวเราะ
"ไม่รู้สิจำเรื่องที่ทะเลาะกันไม่ได้แล้วตอนนั้นยังเรียนอยู่ด้วยกันทั้งคู่ หลังสอบเสร็จก็ไม่ได้คุยกันแล้วนี่"
ฮาจิจับแหวนหมั้นในมือของริกะเล่น ริกะเพิ่งเห็นเหมือนกันว่าเธอลืมถอดแหวนเฮงซวยนี้ ในขณะที่นิ้วเรียวของเขาไล้ที่ปลายนิ้วของเธอเบา ๆ ฮาจิก้มลงกระซิบชิดใบหูของริกะ
"แฟนเธอเขารักเธอมากเท่าฉันหรือเปล่า เขารู้หรือเปล่าว่าเธอชอบแบบไหน เขาทำให้เธอครางได้เหมือนฉันหรือเปล่า เขาบี้นมให้เธอมั๊ย เขาเลียให้เธอครางเหมือนฉันหรือเปล่า"
"ฮาจิ อย่าพูดเลย เราเลิกกันนานแล้วนะ"
ริกะหน้าแดง คิดถึงสิ่งที่เขาพูดแล้วเธอก็อดรู้สึกเสียวที่ตรงช่องส่วนนั้นไม่ได้ เขากำลังเล้าโลมเธอด้วยคำพูด
"ไม่พูดไม่ได้หรอก อยากเอาริกะแบบนั้นตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว นอนฝันถึงตลอดเลยรู้มั๊ย อัดอั้นจนทนไม่ไหวแล้ว ริกะไม่คิดถึงเรื่องของเราบ้างเลยเหรอ"
ริกะถึงกับตกใจ ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ยังคิดถึงเขาจนเก็บเอาไปฝัน แต่ฮาจิก็เป็นเหมือนกัน แต่เธอก็ต้องโกหกเขาออกไป
"ไม่เลย ฉันมีคู่หมั้นแล้วนะคิดถึงคนอื่นไม่ได้หรอก"
"ริกะดูสิ มันน้อยใจแล้วนะ แต่มันยังสู้มืออยู่เลย"
ฮาจิลูบน้องชายของตัวเองช้า ๆ ยั่วยวนริกะเป็นอย่างยิ่ง ในใจของริกะอยากจะดึงกางเกงของเขาลงมาแล้วยัดเจ้ายักษ์ที่อยู่ในนั้นเข้าปากของเธอ แล้วดูดให้อร่อย
แต่เธอก็ยังอายอยู่มาก ทั้งยังตำหนิตัวเองที่คิดเรื่องแบบนี้กับเขา ถึงคู่หมั้นจะนอกใจแต่พวกเธอยังไม่ถอนหมั้นกันสักหน่อย
"แต่ก่อนเธอชอบดูดไม่ใช่เหรอ จำได้ว่าดูดจนแตกคาปากทุกครั้งเลยไม่คิดถึงบ้างเหรอ"
ริกะหน้าแดงก่ำ คำพูดเชิญชวนให้คิดไปไกลและสัมผัสอันวาบหวามของเขาทำให้เปียกแฉะ ฮาจิรู้ดีว่าจะกระตุ้นเธอยังไง เธอกำลังเมาสองจิตสองใจว่าตัวเองจะกระทำต่ำทรามเหมือนผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเธอได้มั๊ย
ทั้ง ๆ ที่ในใจเรียกร้องขนาดนี้ เธอมั่นใจแล้วว่าตัวเองยังชอบและคิดถึงฮาจิขนาดไหน เธอร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ตอนนี้เธอแน่ใจแล้ว่าตัวเองนั้น....
อยากจะทำอะไรกับเขาจะแย่แล้ว
ฮาจิเหมือนยังยั่วเธอไม่พอ เขาไต่นิ้วเข้ามาที่เรียวขาของเธอ ลูบไล้ช้า ๆ ยังกระซิบออกมาอีก
"เขานอกใจริกะไม่ใช่เหรอ ทำไมยังจะแต่งกับเขาอีกล่ะ ในเมื่อเขาไม่ดีก็เลิกกับเขาสิ คืนนี้จะจัดให้ริกะอิ่มไปเลย ลืมคนนั้นน่ะ ดีหรือเปล่า"
คำพูดของฮาจิทำให้ริกะตกตะลึง
ฝูจื่อหรงก้มหน้าวูบลงมาบดริมฝีปากกับโจวเจ้าเว่ยเบาๆ แต่เจ้าเว่ยต้องการมากกว่านั้น หญิงสาวแลบลิ้นออกมารอรับ นางเป็นฝ่ายสอดความอ่อนนุ่มเข้าไปภายในปากของเขาแทน แม้มือจะยังไม่มีแรงมากนักแต่การยึดเหนี่ยวใบหน้าเขาไว้กลับไม่เป็นปัญหา หญิงสาวบดริมฝีปากสามีอย่างเร่าร้อน "ถอดเสื้อผ้าให้ข้า จื่อหรงถอดให้ข้ามันร้อนเหลือเกิน" เจ้าเว่ยปากสั่นร้อนรนเพราะทนกับความรู้สึกเสียวซ่านที่รบกวนจนรู้สึกทรมานในทุกสัมผัสของเขา พรางนึกขัดใจตนเองที่สิ้นไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั่งเสื้อผ้าของตนเองยังไม่มีปัญญาถอด "เจ้าเว่ยของข้าอย่าได้รีบร้อน เราจะค่อยๆสัมผัสและมีความสุขด้วยกัน" ฝูจื่อหรงจุมพิตปากบาง พลางถอดอาภรณ์ของนางอย่างทะนุถนอม "พี่เต้ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหลีกเลี่ยงข้ามาตลอดเหตุใดถึงยอมโดยง่าย หากข้ามีแรงมากกว่านี้คงได้ปลุกปล้ำเจ้าไปหลายครั้งแล้ว" เจ้าเว่ยกล่าวพลางพยามยามใช้มือคว้ามังกรตัวใหญ่ไว้ในมือจนสำเร็จ อารมณ์ความต้องการเพิ่มทวีขึ้นโดยที่เจ้าเว่ยไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอกำความใหญ่แน่นแล้วลูบไล้ช้าๆ มันร้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือ ภายใจร่างกายและจิตใจของเจ้าเว่ยสั่นระริกด้วยความร้อนและไฟปรารถนา ในที่สุดฝูจื่อหรงก็ถอดอาภรณ์ออกจากร่างบางได้สำเร็จ เจ้าเว่ยดูเหมือนจะมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย นางยังกำมังกรยักษ์แน่นไม่ยอมปล่อย นางเลียริมฝีปากเมื่อมองร่างมันจนฝูจื่อหรงรู้สึกลำคอแห้งผาก รู้สึกอยากกดศีรษะของคนตัวเล็กลงแล้วยัดมังกรเข้าไปในโพรงปากให้นางได้สมปรารถนาเสียเดี่ยวนี้ "ปล่อยมันก่อนเจ้าเว่ย เจ้าต้องไปอาบน้ำ" เขากระซิบเสียงแหบพร่า พยายามแกะมือเล็กที่กอบกำมังกรของเขาอยู่ เจ้าเว่ยต้องปล่อยอย่างอดเสียดาย ใบหน้าของนางฟ้องความต้องการออกมาจนฝูจื่อหรงนึกขัน แนะนำตัวละคร เรื่องย่อ โจวเจ้าเว่ย องค์หญิงแห่งแคว้นเหลียง ทายาทของเผ่าบุปผาขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามล่มเมือง คนของเผ่าบุปผาเป็นเผ่าที่ถือกำเนิดมาจากเทพเซียนรูปโฉมงดงามแต่ต้องคำสาปเรื่องของความรัก หากพวกเขามีความรักจะไม่สมหวังและตายอย่างอนาถด้วยความรักนั้น ฝูจื่อหรง ฮ่องเต้แคว้นชินที่มีเบื้องหลังการครองอำนาจโดยการสนับสนุนของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น รูปโฉมงดงามจนทำให้แข้งขาสตรีอ่อนระทวย เรื่องสตรีสำหรับเขาเป็นเพียงเพื่อมีไว้สนับสนุนบัลลังก์ให้มั่นคงเท่านั้น คนทั่วราชสำนักรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น กระทั่งวันหนึ่งเขาต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับองค์หญิงผู้ลึกลับผู้หนึ่ง ที่เข้ามาพังทะลายกำแพงหัวใจที่เขาตั้งเอาไว้ และ นางผู้นั้นยังทำท่าคล้ายกับว่าไม่อาจอยู่กับเขาได้อีก สตรีผู้หนึ่งซึ่งมีความลับบางประการซ่อนอยู่ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายฝาแฝดขององค์หญิงโจวเจ้าเว่ยโจวเจ้าเว่ยองค์หญิงผู้สามารถเดินทางข้ามมิติได้โดยใช้ขลุ่ยเพรียกบุปผาซึ่งเป็นขลุ่ยวิเศษในการเดินทางข้ามมิติ โจวเจ้าเว่ยเป็นสตรีของเผ่าบุปผาอันลี้ลับ ต้องคำสาปที่ไม่สามารถมีความรักได้ หากนางมีความรักจำเป็นต้องเจ็บปวดจนถึงแก่ความตาย เพราะเหตุนี้โจวเจ้าเว่ย และ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีแก้คำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และ พวกเขาไม่อาจเปิดเผยความลับนี้ให้ ฝูจื่อหรงล่วงรู้ได้ (เรื่องนี้เป็นนิยายภาคต่อของต้องมนต์บุปผาค่ะ)
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เหวินเฟยเทียนเป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่เห็นแก่ตัวที่สุดโดยเขามีผู้ช่วยคนสำคัญก็คือเฉินลี่จู เด็กสาวที่เขาได้ช่วยเอาไว้จากหมู่บ้านขอทานเมื่อนานมาแล้ว เขาเพียงใช้นางเพื่อหวังผลประโยชน์ในขณะที่เฉินลี่จูกลับมอบหัวใจให้เขาจนหมดใจ กระทั่งวันหนึ่งก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อเหวินเฟยเทียนไม่เห็นความสำคัญของนางอีกต่อไป เขากำลังจะแต่งงานกับคุณหนูซุนซื่อผู้มอบผลประโยชน์ให้เขาได้มากกว่านาง จนทำให้นางเสียใจและหนีเตลิด เพราะนางหนีจากเขาทำให้เหวินเฟยเทียนกินไม่ได้นอนไม่หลับใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น เขาตามหานางและสุดท้ายได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนามว่าหลี เด็กหญิงซึ่งมีใบหน้าคล้ายคลึงเขาราวกับถอดแบบออกมา! นิยายเรื่องนี้เป็น ประเภท ดราม่า และ มีเด็กในเรื่องค่ะ
องค์หญิงหลิวอี้เฟยถูกส่งตัวไปแต่งงานกับอ๋องชราต่างแคว้นโดยไม่เต็มใจยังถูกคุมตัวโดยหัวหน้าองครักษ์ผู้เหี้ยมโหดที่คิดสังหารนางเพราะนางดันไปรู้ความลับดำมืดของเขาโดยบังเอิญ ด้วยความกลัวตายนางจึงคิดหนี! หมายเหตุ เรื่องนี้เป็นนิยายแนวโรมานซ์ ปมไม่หนักจบแบบสุขนิยมนะคะ
อยากหนีก็หนีไป แต่ถ้าตามเจอเมื่อไหร่ รับรอง! ได้ทรมานกว่าเดิมแน่..!! LEE ZONMIN (อีโซมิน) ชายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี จีน ชีวิตแสนมืดมนผลักดันให้เขาต้องดิ้นรน กว่าจะมีวันนี้ได้ ... เจ้าของคาสิโนและคอมเพล็กซ์ห้างสรรพสินค้าที่กัมพูชา และ มาเก๊า เขาตามหาหญิงสาวคนหนึ่งและเธอพยายามหนี "ถ้าคิดจะหนีก็หนีให้รอด!!" BUA YONHWA (บัว หรือ ยอนฮวา) หญิงสาวลูกครึ่งไทยเกาหลีสุดแสนน่ารักชีวิตครอบครัวอบอุ่น ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ... แต่ชีวิตกับพลิกผันเมื่อเจอกับคนเลวแบบเขา " ฉันไม่รู้จักคุณ!!"
ในชีวิตของเจ้าอี้เฟยไม่ว่าจะกี่ภพชาติ เธอก็ต้องการเคียงข้างเขาเพียงผู้เดียว ชีวิตหลังความตายนอกยินยอมแลกฐานะเซียนอันเกิดจากการสร้างกุศลอย่างหนักมาตลอดชีวิตเพื่อแลกกับการได้พบเขา เงื่อนไขภายใน100 วันเท่านั้นที่นางจะสามารถทำให้เขาหลั่งน้ำตาจากรักแท้เพื่อนาง หากนางทำไม่สำเร็จ วิญญาณนี้ต้องแตกสลายไปตลอดกาล การข้ามภพข้ามชาติมาเพื่อเขาครานี้ จะคุ้มค่ากับความสิ่งที่นางยินยอมแลกแล้วหรือไม่ เจ้าอี้เฟยไม่สนใจ เพียงได้พบท่านและได้ใช้ชีวิตอยู่กับท่าน แม้จะเพียงแค่ 100 วัน ข้าก็นับว่า ตายไม่เสียดายแล้ว โจวเจี๋ยหลุน นายแพทย์หนุ่มนักบริหาร ที่มักจะฝันถึงหญิงสาวคนหนึ่งอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาบังเอิญได้พบกับคนในฝันของเขา เธอคนนั้นได้กลายเป็นคนไข้ของเขา และ มีคู่หมั้นหมายแล้ว เรื่องราวเพิ่งเริ่มต้นเมื่อเธอคนนั้นป่วยหนัก และถูกถอนหมั้น เธอจึงตรอมใจอาการทรุดอย่างรวดเร็ว แต่โจวเจี๋ยหลุนก็สามารถยื้อชีวิตของเธอเอาไว้ได้ เรื่องราวเริ่มแปลกประหลาด เมื่อผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อีกทั้งยังตามตื๊อเขาอย่างเปิดเผย จนเขาประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นกันแน่!!!
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
"ไง...หลบหน้าผัวมาหลายวัน" คนตัวโตกดเสียงมาอย่างไม่น่าฟัง ยิ่งเธอขัดขืนเขายิ่งเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือ "ปล่อยนะพี่ริว พี่ไม่ใช่ ผัว..." เสียงเล็กถูกกลื้นหายในลำคอ เมื่อโดนคนใจร้ายตรงหน้าระดมจูบไปทั้งใบหน้า อย่างไม่ทันตั้งตัว ริวถอนจูบออก เสมองคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน "ผัว...ที่เอาเธอคนแรกหนะ" "พี่ริว..." เจนิสตะเบ่งเสียงด้วยสีหน้าอันโกรธจัด "ทำไม เรียกชื่อพี่บ่อยแบบนี้ละครับ" ริวเอ่ยพร้อมกับสบตาคนตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน "คิดว่าคืนนี้เธอจะรอดเหรอ" ริวตะเบ่งเสียงขึ้นมา จนร่างบางถึงกับชะงัก "ปล่อย...นะ คนเลว" ยิ่งเธอต่อต้านเขายิ่งรุนแรงกับเธอมากขึ้น "เอาดิ...เธอตบ ฉันจูบ..." ริวเอ่ยพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาดุดัน
เพราะปากพล่อย พัฒน์ชนะจึงพนันขันต่อกับเพื่อนสนิทว่าจะแอ้มสาวสวยอย่างภัทรานิษฐ์ในคืนเลี้ยงรุ่นให้จงได้ โดยหารู้ไม่ว่าหากไม่ได้มีใจให้แล้วการพนันครั้งนี้หรือจะสำเร็จ เพราะแอบรัก เธอจึงยอมมอบกายให้ชายหนุ่มที่เป็นรักแรกและรักเดียวไปครอบครอง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอนั้นจะไม่มีวันสมหวังในรักครั้งนี้ก็ตาม +++++++++++++++ ชุดเกาะอกสีฟ้าของภัทรานิษฐ์ถูกพัฒน์ชนะร่นมันลงไปกองที่เอวคอดได้รูป ก่อนจะรั้งซิลิโคลนที่หญิงสาวสวมแทนบราออกไปด้วย เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มไร้อาภรณ์ใดๆ ปิดกั้น ริมฝีปากร้อนๆ ของชายหนุ่มเฝ้าจูบ ดูดเม้มรอบฐานดอกบัวคู่สวยทั้งสองข้าง มือก็ขย้ำขยี้ฟ้อนเฟ้นจนตั้งชันก่อนที่พัฒน์ชนะจะอ้าปากรับยอดอกสีสวยเข้าไปดูดเม้มอย่างหิวกระหาย “อะ…มะ…ไม่นะ”ภัทรานิษฐ์บิดเร้าร่างกายไปมา ความรู้สึกมันเหมือนเธอถูกโยนลงจากหน้าผา บริเวณหน้าท้องบิดเกร็ง อยากผลักใสแต่อีกใจกลับอยากได้สัมผัสจากผู้ชายที่แสนร้ายกาจคนนี้ รู้ว่าเขาร้าย รู้ว่าเขาน่ากลัวแต่เธอก็ยังชอบเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย “สวยไปทั้งตัวเลยรู้ไหมยี่หวา แฟนเธอนี่โชคดีจริงๆ”พัฒน์ชนะบ่นพึมพำชิดหน้าอกอวบ ที่เขาสลับดูดเม้มด้วยปากและฟ้อนเฟ้นด้วยมือไปมาทั้งสองข้างไม่ได้หยุด สีหน้าของภัทรานิษฐ์แสดงออกเหมือนเธอกำลังเจ็บปวดแต่สีหน้าแบบนั้นสำหรับคนมากประสบการณ์อย่างพัฒน์ชนะมันคือความสุขที่เธออยากให้เขาสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่าต่างหาก “ไม่นะ…ปะ…ปล่อย” แม้ร่างกายจะโอนอ่อนไปตามแรงสัมผัส แต่จิตใจของภัทรานิษฐ์ยังคงต่อต้านแม้จะเหลือความกล้าอีกไม่มากแล้วก็ตามที เพราะบางครั้งสติของเธอก็ล่องลอยไปกับสัมผัสของพัฒน์ชนะเหมือนกัน “ยี่หวา” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างสนิทสนมทั้งๆที่ก่อนหน้าไม่เคยได้ทำความรู้จักเธอด้วยซ้ำ ภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ พยายามขอร้องให้เขาหยุดการกระทำนี้ แต่ท่าทางของเธอยิ่งกระตุ้นความต้องการของพัฒน์ชนะมากขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มรั้งชุดเกาะอกของภัทรานิษฐ์อีกครั้ง คราวนี้มันลงไปกองอยู่ที่หัวเข่าของเธอ โดยที่ภัทรานิษฐ์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอเป็นคนยะสะโพกขึ้นด้วย “ พี่แพท…อย่าทำอะไรยี่หวาเลยนะ" ภัทรานิษฐ์รู้ว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่า แต่เธอไม่อาจป้องกันสายตาของพัฒน์ชนะไม่ให้มองรูปร่างของเธอได้เลย ตัวเธอร้อนผ่าวเพราะความกลัวและขัดเขินต่อสายตาของเขา หญิงสาวยกขาขึ้นมากันสิ่งสำคัญอย่างห่วงแหน ++++++++++ เรื่องนี้แนวโรมานซ์ร้อนแรงนะคะ มีดราม่าบ้าง โดยรวมแล้วสนุกจึงอยากให้โหลดค่า
ทีปต์อุทานเบาๆ กับภาพที่เห็น… มาลิลล์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยมีหมอนสีขาวสองใบรองไว้ที่แผ่นหลัง ทำให้สองเต้าคัพเอฟอวบใหญ่มหึมา นูนเด่นอวดสายตาของทีปต์ และสิ่งที่ทำเอาเลือดกำเดาของทีปต์แทบสาดทะลักออกมา ก็คือของดีที่กำลังเปิดเปลือยอยู่ระหว่างเข่าสองข้างตั้งชัน มือข้างหนึ่งจับกล้วยหอมดุนดันเข้าออกเป็นจังหวะ “อ่า… ลุงทีปต์จ๋า กระแทกหนูเถอะค่ะ… อูย… ของลุงใหญ่เหลือเกิน… ซี้ดดดด… เห็นแล้วอยากสุดๆ” มาลิลล์หลับตาพริ้ม…
ในฐานะผู้ช่วยธรรมดา การส่งข้อความหาซีอีโอในกลางดึกเพื่อขอภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ถือเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ สุดท้ายฉวี่ชิงฮวนไม่ได้รับภาพยนตร์ใดๆ ทว่าซีอีโอตอบกลับว่า แม้ว่าเขาไม่มีภาพยนตร์ที่จะแบ่งปันให้ แต่เขาสามารถเสนอการสาธิตสดด้วยตนเองได้ หลังจากคืนที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ฉวี่ชิงฮวนเตรียมตัวถูกไล่ออกแล้ว แต่เจ้านายกลับเสนอว่า "แต่งงานกับผมเถอะ ลองคิดพิจารณาด้วย" "คุณฟู่ คุณล้อเล่นกับฉันใช่ไหม"