ความรักระหว่าง นายหัวอานนท์ และ แพรวา เป็นอันต้องจบสิ้น หลังจากที่เขารู้ว่าคนที่ทำให้น้องสาวเขาต้องตายคือพี่ชายของเธอ ไฟแค้นที่เกิดขึ้นในใจเขา หนทางเดียวจะกำจัดพ้น คือการเหยียบย่ำน้องสาวของมันให้เจ็บช้ำมากที่สุด “ที่ผ่านมา พี่นนท์รักแพรจริงหรือเปล่า หรือรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าแพรเป็นน้องสาวของพี่ชัช เลยตั้งใจจะหลอก” ดวงตากลมโตมองริมฝีปากหยักได้รูปอย่างลุ้นคำตอบ “ฉันไม่เคยรักเธอ ได้ยินแล้วเชิญออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้” เขาพูดน้ำเสียงเยือกเย็น ใบหน้าหล่อเหลาไม่เผยความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น “แพรเข้าใจแล้วค่ะ” เสียงหวานตอบรับอย่างแผ่วเบา หัวใจบัดนี้แหลกสลายไม่มีชิ้นดี “เข้าใจแล้วก็ออกไปซะ!! ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ” เขาตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดัน คำยืนยันจากริมฝีปากหยักได้รูป ทำให้แพรวาปล่อยน้ำตาให้ไหลทะลักเหมือนทำนบแตกอย่างอดกลั้นไม่ไหว ก่อนพยายามพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงย่างกรายออกจากห้องด้วยจิตใจบอบช้ำ
ปัง!!! เสียงปืนที่ดังมาจากข้างบนของบ้าน ทำให้อานนท์ที่เพิ่งกลับจากการตรวจงานในฟาร์มไข่มุกกำลังย่างกรายเข้าข้างในถึงกับชะงัก ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้และรีบวิ่งไปยังที่มาของเสียง
มือใหญ่จับลูกบิดประตูพร้อมเปิดเข้าไปอย่างรวดเร็ว ภาพเบื้องหน้าคือร่างอรชรของน้องสาวนอนจมกองเลือด เขารีบประคองกรรณิการ์เข้าสู่อ้อมกอด ทั่วเรือนร่างเต็มด้วยเลือด ใจของเขาแทบแหลกสลายเห็นคนที่รักในครอบครัวเพียงคนเดียวกำลังจะจากไป
“หนูนิด ทำแบบนี้ทำไม” อานนท์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พี่นนท์ หนูนิดขอโทษ อย่าโกรธหนูนิดเลยนะคะ” พูดด้วยน้ำเสียงของคนใกล้สิ้นลมหายใจเต็มที เธอเจ็บปวดราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“พี่จะพาหนูนิดไปโรงพยาบาล อดทนหน่อยนะครับ”
ขณะชายหนุ่มกำลังอุ้มร่างน้องสาวเข้าสู่อ้อมแขน กรรณิการ์เอื้อมมือขึ้นสัมผัสใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายเพียงคนเดียว ผู้ชายคนนี้คือคนที่รักเธอและดูแลเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่บุพการีเสียชีวิต เธอก็อยู่กับอานนท์กันสองคน
“พี่นนท์โกรธหนูนิดหรือเปล่าคะ” เสียงที่เปล่งออกเบาเหลือเกิน สติค่อย ๆ เลือนรางทุกที ทว่าเธอยังคงอดทนเพื่อฟังคำตอบจากปากพี่ชาย
“พี่ไม่เคยโกรธหนูนิดเลย” ส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย
กรรณิการ์ได้ยินคำตอบจากปากพี่ชาย รู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง อย่างน้อยคนที่เธอรักและเคารพมากที่สุดก็ยังให้อภัยเสมอ แม้จะทำให้ผิดหวังก็ตาม ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ ปิดลงเชื่องช้า มือเรียวที่ประคองใบหน้าคมคายร่วงลงสู่พื้นห้อง หญิงสาวจากไปอย่างสงบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“หนูนิด หนูนิด” เสียงทุ้มพยายามเรียกชื่อน้องสาวซ้ำหลายครั้ง หวังให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมา สุดท้ายเหลือแต่ความว่างเปล่า ไม่เข้าใจทำไมทุกคนในครอบครัวถึงทิ้งเขาไว้เพียงลำพังบนโลกใบนี้
“แค้นนี้ต้องชำระ” กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงด้วยความน่ากลัว เขาต้องหาตัวคนผิดมารับโทษให้ได้ ให้สาสมกับสิ่งที่เขาต้องสูญเสีย ชีวิตของมันต้องพังพินาศเป็นร้อยเท่า
ภายในงานศพกรรณิการ์ แขกส่วนใหญ่เป็นเพื่อน ๆ ของอานนท์และคนงานบนเกาะ เนื่องจากอานนท์ไม่ชอบความวุ่นวาย จึงจัดงานด้วยความเรียบง่าย อีกทั้งเรื่องการเสียชีวิตของกรรณิการ์ เขาไม่ต้องการให้ใครรับรู้ เพราะต้องการหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ การสูญเสียครั้งนี้มันยากจะทำใจได้จริง ๆ
“หนูนิดหลับให้สบายนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น พี่สัญญาจะหาตัวต้นเหตุที่ทำให้หนูนิดเป็นแบบนี้มารับโทษให้ได้” เขาดูภาพของน้องสาวก่อนนำมากอดแนบอก
“นายหัวครับ”
“ว่าไง” หันขวับมองบุคคลมาใหม่ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิท
“ผมเจอเบาะแสสำคัญ เกี่ยวกับคุณหนู” ว่าพลางยื่นรูปภาพใบหนึ่ง พร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง
อานนท์ยื่นมือรับรูปใบนั้น เพ่งเล็งอย่างละเอียด ในภาพถ่ายคือผู้ชายหน้าตาหล่อคนหนึ่งโอบกอดกรรณิการ์จากด้านหลัง ก่อนเขาจะกวาดสายตาอ่านจดหมายเขียนด้วยลายมือกรรณิการ์กล่าวถึงบุคคลนามว่าชัชชัย
“พี่ชัช ถ้าพี่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว นิดคงจากไปไกลแสนไกลแล้วนะคะ นิดขอโทษสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา อาจจะหึงหวงพี่ชัชไปบ้าง เพราะนิดรักพี่ชัชมากนะคะ ของคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ
ลาก่อน”
หลังจากอานนท์อ่านจดหมายจบ เขาขยำกระดาษแผ่นนั้นด้วยความแค้นแทบอยากจะฉีกร่างคนที่กล้าย่ำยีกรรณิการ์เป็นชิ้น ๆ ให้สาสมกับสิ่งที่น้องสาวของเขาต้องเจอ
เตชินท์มองเจ้านายหนุ่ม โดยไม่พูดอะไรสักคำเพียงแค่สังเกตท่าทีของอานนท์เท่านั้น เขารับรู้ถึงความเกลียดชังจากคนตรงหน้า
“แกไปสืบข้อมูลมันมาให้ฉัน”
“ครับ นายหัว” เตชินท์รับคำแล้วเดินจากไปทันใด
“พี่สัญญาจะลากคอไอ้คนชั่วมาให้ได้”
หลังพ้นงานศพกรรณิการ์ อานนท์กลับมาทำงานที่ฟาร์มไข่มุกตามปกติ ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คือเขาต้องอยู่เพียงลำพัง ไร้ร่างของกรรณิการ์
ชายหนุ่มกวาดสายตามองรอบ ๆ เกาะภายในห้องทำงาน ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความภาพทรงจำของกรรณิการ์ มันทรมานเหลือเกิน กว่าจะสลัดความคิดเหล่านั้นไปพ้นจากศีรษะ เขาต้องใช้ความพยายามมากมายเพื่อจะผ่านแต่ละวัน
“พ่อแม่ครับ ผมขอโทษที่ไม่สามารถดูแลหนูนิดได้ตามสัญญาที่ให้ไว้ ตอนนี้หนูนิดไปหาพ่อกับแม่แล้วนะครับ คงมีแต่ผมที่ยังคงโดดเดี่ยว” เสียงทุ้มกล่าวอย่างแผ่วเบา ภายในใจเจ็บปวดอย่างยิ่ง
ขณะอานนท์กำลังจมอยู่กับความคิดของตนเอง ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็เปิดออก เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง
“ไอ้นนท์” ภูชิตเอ่ยทักทายอานนท์ ซึ่งกำลังยืนหันหลังมองวิวนอกหน้าต่างกระจก
“ภูชิต” อานนท์หมุนตัวกลับไปมองพลางเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบา ใบหน้าคมคายฉายความฉงน ไม่เข้าใจทำไมเพื่อนรักถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ก็ในเมื่อเพิ่งไปต่างประเทศกว่าจะกลับก็อีกนาน
“ว่าไงไอ้นนท์! ตกใจมากเหรอ” ส่งยิ้มอ่อนแก่คนตรงหน้า
“ทำไมกลับมาแล้ว”
“เคลียร์งานเสร็จเร็วนะ เลยกลับก่อนกำหนด เรื่องหนูนิดกูเสียใจด้วยนะ” เอ่ยพลางลอบมองเพื่อนรัก
“อืม” ตอบรับสั้น ๆ ในลำคอ ไม่อยากให้เพื่อนเห็นถึงความอ่อนแอของตัวเอง เพราะเขาคือคนเข้มแข็งที่สุด
“งั้นคืนนี้ไปคลายเครียดกัน พวกไอ้มิตรไอ้แมนก็มา” เพราะไม่อยากให้อานนท์เครียดมากมาย จึงเอ่ยชวนไปผับที่เคยไปประจำ อย่างน้อยเพื่อนจะคลายความเสียใจลงบ้าง
ณ ผับหรูชื่อดัง
ทั้งสี่หนุ่มเพื่อนซี้อย่าง อานนท์ ภูชิต มิต แมน นั่งดื่มเหล้าอย่างสร้างสรรค์ โดยข้างกายของพวกเขามีบรรดาสาว ๆ นั่งคลอเคลียไม่ห่าง พวกเขามักจะมาสังสรรค์ที่ผับแห่งนี้เป็นประจำ ตามประสาผู้ชาย
ผับแห่งนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เพราะจะมีเพียงลูกค้าวีไอพีเท่านั้นที่เข้ามาได้ ซึ่งเหมาะกับพวกเขาอย่างยิ่ง เนื่องจากพวกเขาเป็นคนมีชื่อเสียง จึงไม่อยากตกเป็นข่าวกับใครทั้งสิ้น
“เฮ้ย นนท์ทำไมเงียบ กูรู้ว่ามึงกำลังเศร้าเรื่องน้องสาว แต่มึงมาเที่ยวผับนะ” แมนพูดขึ้นทำลายบรรยากาศ เขาไม่ต้องการให้เพื่อนเศร้า ทว่ากลับกลายเป็นการพูดขยี้จุดมากขึ้น เลยทำให้อานนท์หวนนึกถึงกรรณิการ์
“กูกลับก่อนละกัน” อานนท์ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง แล้วเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟา ท่ามกลางความงุนงงของมิต แมน และภูชิต
ความสัมพันธ์ที่ดีในวัยเด็กระหว่าง กรรวี และ อคิน เป็นอันต้องจบลง เมื่อเธอดันเป็นต้นเหตุทำให้ภรรยาและลูกของเขาต้องตาย แม้เธอจะทำดีสักแค่ไหน ก็ไม่อาจลบล้างความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอได้... “ทำไมต้องปิดบังเกรซด้วย ฮื้อ ๆ” “หึ! คงรู้แล้วใช่ไหม” เสียงทุ้มกล่าวอย่างเยือกเย็น “ฮึก ฮื้อ เกรซขอโทษ” “มันสายไปแล้ว!! ต่อให้เธอขอโทษสักหมื่นครั้ง แอนนี่คงไม่มีทางฟื้นขึ้นมา” เขายิ่งเพิ่มแรงบีบใบหน้างาม “แล้วจะให้เกรซทำอย่างไร ถ้าจะแค้นเกรซขนาดนี้ ฆ่าให้ตายเถอะ” “ความตายสำหรับเธอมันง่ายเกินไป!!” อคินยอมปล่อยมือออกจากใบหน้างาม ลุกขึ้นหันหลังออกจากห้องไม่อยากจะมองคราบน้ำตาบนใบหน้าหญิงสาว กลัวจะใจอ่อน “เกรซต้องทำอย่างไรพี่คินถึงจะยอมให้อภัย” เธอวิ่งไปกอดเขาจากด้านหลัง ใบหน้าแนบชิดหลังแกร่ง ความอบอุ่นจากการโดนคนตัวเล็กกอด แทบจะทำให้เขาใจอ่อน มือหนาแกะแขนเรียวออกจากร่างกายตนเอง หันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว พร้อมจับไหล่มนทั้งสองข้างของเธอ “เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะฉันจะทรมานให้เธอเจ็บปวดจนทนไม่ไหว อีกอย่างฉันบอกหลายรอบแล้วใช่ไหมว่าอย่าเรียกเหมือนสนิทกัน จำใส่สมอง!!” มือหนาผลักกรรวีอย่างแรงจนล้มลง ศีรษะกระแทกกับพื้นห้อง
'แก้วลดา' สาวการตลาดที่พลาดพลั้งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ 'อนาวิล' ประธานหนุ่ม ในคืนงานเลี้ยงบริษัทโดยไม่ตั้งใจแต่มันไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เมื่อเธอดันไปหลอกเขาเรื่องลูกก่อนจะถูกลงทัณฑ์อย่างไม่ไยดีจากผู้ชายไร้หัวใจ “ระหว่างแก้วกับคุณรดา คุณธันย์เลือกใคร” เจ็บแต่จบดีกว่าปล่อยให้คาราคาซัง ที่ผ่านมาเธอทนให้เขาย่ำยีมากพอถึงคราวต้องปกป้องตัวเองบ้าง “เธอถามอะไรของเธอ แก้วลดา” “รบกวนช่วยตอบด้วยค่ะ ระหว่างแก้วกับคุณรดา คุณเลือกใคร” “รำคาญจริงอยากไปไหนก็ไปสิวะ ฉันก็ไม่อยากรั้งแล้วเหมือนกัน นับวันยิ่งทำตัวน่ารำคาญมากขึ้น ผู้หญิงแบบเธอ ฉันจะหาใหม่กี่คนก็ได้ อยากไปก็ไปเลย แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ”
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง