เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
“ยูชิงซู คุณ ตายแน่!”
บนเตียงขนาดใหญ่ปรากฎร่างชายผู้หนึ่งที่แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความโกรธ เขาใช้มือทั้งสองของเขากำรอบลำคอของหญิงสาวแล้วออกแรงบีบอย่างแรง
หายใจไม่ออก!
หญิงสาวเพี่งจะตื่นมาก็ถูกชายผู้นั้นรัดคอโดยที่เธอยังไม่ทันรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอสัมผัสได้แค่เพียงว่าออกซิเจนในปอดค่อย ๆ จางลง และความปรารถนาที่จะเอาตัวรอดจากสัญชาตญาณของเธอ ทำให้เธอต้องยกมือขึ้นเพื่อจับมือของอีกฝ่ายแล้วพยายามดึงมันออกจากกัน
แต่เธอก็สู้แรงของเขาไม่ไหว การต่อต้านของเธอกลับทำให้เขาออกแรงเพิ่มขึ้นไปอีก ดวงตาทั้งสองของชิงซูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ประสาทการรับรู้ของเธอค่อย ๆ เลือนลาง สติของเธอกำลังจะหลุดลอยไป
ปัง!
แม่บ้านพังประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นภาพดังนั้น เธอรีบรุดเข้าไปคว้าแขนของชายผู้นั้นออก “นายน้อยคะ นายน้อย ปล่อยสิคะ ปล่อย! นายหญิงกำลังจะตายแล้วนะคะ”
“เธอสมน้ำหน้าที่โดนมันแล้ว!” เขาส่งเสียงรอดไรฟัน ดวงตาทั้งสองของเขาเต็มไปด้วยความคับแค้น
แม่บ้านพบว่าร่างของชิงซูนั้นค่อย ๆ อ่อนแรง จนเกือบนิ่งสนิทในที่สุด แม่บ้านจึงรีบคุกเข่าขอร้องข้างเตียง “นายน้อยคะ ถ้าฉันปล่อยให้นายน้อยพลั้งมือฆ่านายหญิงไปแล้ว แล้วอย่างนี้คุณจะให้ฉันมีหน้าไปพบคุณท่านได้อย่างไร วิญญาณของคุณท่านคงจะไม่มีทางสงบสุขแน่ ๆ ” แม่บ้านร่ำไห้
‘คุณย่า?’
อารมณ์ของ ‘จ้านซือซั่ว’ สั่นคลอนเมื่อได้ยินแม่บ้านเอ่ยถึงคุณย่า แรงบีบที่มือจึงค่อย ๆ คลายลง
ชิงซูใช้โอกาสนี้ดึงมือของซือซั่วออก แล้วลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เธอหอบหายใจแล้วเขยิบถอยหลังด้วยใบหน้าซีดเผือด
“นายน้อยคะ ไหน ๆ วันนี้คุณทั้งสองก็จะหย่ากันแล้ว จากนี้คุณก็ไม่ต้องทนเห็นหน้านายหญิงต่อไปอีกแล้ว!ปล่อยเธอไปเถิดค่ะ” “นายน้อยได้โปรดเห็นแก่หน้าแม่ของนายหญิงที่เคยช่วยชิวิตคุณท่านไว้ด้วยนะคะ ฉันขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรนายหญิงเลย อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นอย่างนี้อีกเลยนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้นายน้อยซือซั่วก็สงบลง เขาผละลุกออกจากเตียงแล้วคว้าเสื้อมาสวมไว้ด้วยท่าทีเย้อหยิ่ง
“ใบหย่าฉันจะให้เฟินฉีส่งมาให้ เธอเซ็นเสร็จก็รีบไสหัวออกไปซะ!อย่าให้ฉันได้เห็นหน้าเธอที่นี่อีก!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อพูดจบเขาก็จากไปพร้อมแม่บ้านตามไปด้วย
ประตูถูกปิดอย่างรุนแรงจนเสียงนั้นดังกระเทืยนโสตประสาทของชิงซู เธอเอามือทาบอกด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดขาว สมองของเธอสับสน
เธอก้มศีรษะลงและมองสำรวจดูรอยช้ำบนร่างกายที่เปลือยเปล่าของตนเองอย่างไม่เชื่อสายตา
เหตุการณ์เมื่อสักครู่นอกจากจะทำให้เธอเกือบจะลมหายใจลงในนาทีสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอื่นบนร่างกายที่เธอได้รับ
เมื่อสติของเธอกลับมาทำให้เธอรู้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบนกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน
ชิงซูไม่พบเสื้อผ้าของสตรีในห้องแต่งตัว ตู้เสื้อผ้ามีเพียงแค่เสื้อเชิ้ต กับกางเกง และชุดสูทสีทึบสำหรับผู้ชายเท่านั้น
เธอจึงทำได้แค่เลือกหยิบเสื้อเชิ้ต และกางเกงขายาวสีดำมาสวมใส่ แต่ไซส์มันใหญ่เกินไป ขากางเกงนั้นยาวลงไปกองกับพื้นห้องจนเกิดเป็นภาพที่ดูไม่จืดเลย
ความเจ็บปวดบนร่างกายของเธอยังไม่บรรเทาลง ขมับของเธอเต้นเป็นจังหวะ ชิงซูทรุดตัวลงบนโซฟา แล้วหลับตาพลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในไม่ช้าความทรงจำอื่นที่ไม่ใช่ของเธอก็แทรกเข้ามาในหัวของเธอเต็มไปหมด
ผ่านไปพักใหญ่ เธอจึงค่อย ๆ ยกเปลือกตาขึ้น เธอได้เรียบเรียงเหตุการณ์ผ่านความทรงจำทั้งหมดของเจ้าของร่างเดิมก่อนที่เธอจะเสียชีวิต และในที่สุดก็ได้ข้อสรุปสองประการ
เธอได้กำเนิดใหม่จาก ‘หลัวหยาน’ สู่ร่างของ ‘ยูชิงซู’
เจ้าของร่างเดิมชิงซูนั้นเป็นคุณหญิงน้อยกำพร้าแม่ แม่ของเธอจากไปด้วยอาการป่วยที่ยากเกินรักษา ส่วนพ่อของเธอนั้นเป็นผู้ชายสารเลวที่ไม่เอาถ่าน อีกทั้งชิงซูยังหลงรัก ‘จ่านซือซั่ว’ อย่างสุดหัวใจ
ก๊อก ก๊อก
เสียงคนมาเคาะประตู พร้อมด้วยเสียงเรียกที่เย็นชาของใครคนหนึ่ง “นายหญิง คุณอยู่ในนั้นหรือเปล่า?”
ชิงซูจัดการพับแขนเสื้อ และม้วนกางเกงขึ้นก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตู ชายร่างสูงที่ดูเย็นชายืนอยู่ข้างหน้าเธอพร้อมกับเอกสารในมือของเขา
“เฟินฉี” เธอค้นหาความทรงจำเกี่ยวกับชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ยากเย็นนัก
เขายื่นปากกาพร้อมเอกสารการหย่าให้เธอ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “นายหญิง คุณซือซั่วส่งให้ผมมาดำเนินการเรื่องการหย่าระหว่างคุณ กับนายน้อยซือซั่ว นี่เป็นข้อตกลงทั้งหมด กรุณาเซ็นชื่อในเอกสารด้วย”
ชิงซูเหลือบมองเอกสารการหย่าร้างที่ถูกส่งมา เธอนึกถึงคำที่แม่บ้านพูดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ เธอถึงตระหนักได้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบการแต่งงานปีที่สองของเจ้าของร่างเดิมและจ่านซือซั่ว
นี่เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง เอกสารการหย่าก็ถูกร่างขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหรอ? ‘เห็นได้ชัดว่า ซือซั่วรังเกียจชิงซูได้มากเพียงใด’
เธอหยิบเอกสารขึ้นมาพร้อมเซ็นชื่อลงไปอย่างรวดเร็ว
“เสร็จแล้ว” ชิงซูยื่นเอกสารกลับไปให้เฟินฉี
เฟินฉีรู้สึกประหลาดใจกับการยินยอมอย่างง่ายดายของชิงซู ก่อนที่เขาจะเข้ามาหาชิงซู เขาได้รับคำสั่งจากคุณซือซั่วว่า ‘หากชิงซูไม่ยินยอม ก็ให้บังคับเธอพิมพ์ลายนิ้วมือลงไปให้ได้’
“คุณชิงซู คุณจะไม่อ่านข้อตกลงการหย่าหน่อยเหรอครับ?” เฟินฉีรับมันไว้โดยไม่รีบร้อนกล่าว
ชิงซูเลิกคิ้วแล้วตอบว่า “ไม่ล่ะ”
“คุณไม่อยากรู้หรอกว่าคุณจะได้อะไรหลังจากการหย่าร้างในครั้งนี้” เฟินฉีขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามย้ำอีกครั้ง
ชิงซูถลกขากางเกงขึ้นอีกครั้ง แล้วยิ้มตอบกลับไปว่า “ไม่นิ ไม่เห็นมีอะไรต้องอยากรู้เลย” เธอไม่ต้องดูก็เดาได้ไม่ยาก ‘ผลลัพธ์คงมีได้แค่สองอย่าง คือทำให้เธอล้มละลาย หรือไม่ก็ไล่เธอให้พ้นจากบ้านไปโดยไม่ได้ทรัพย์สินใด ๆ ไม่ว่าจะวิธีไหนก็แล้วแต่ เพราะคงไม่เกินความสามารถของทนายมืออาชีพไปได้หรอก
เมื่อเห็นท่าที่เฉยเมยของชิงซู เฟินฉีก็หลับตาแล้วตอบกลับไปว่า “คุณชิงซู คุณหยูเฉิงแค่ต้องการให้คุณย้ายออกจากบ้านไปโดยไม่ได้รับทรัพย์สินใด ๆ เท่านั้น”
“ถ้างั้นฉันก็ฝากขอบคุณเจ้านายของคุณแทนฉันด้วยก็แล้วกัน” เธอยังทำท่าเฉยเมยต่อ ชิงซูเจ้าเดิมจะรักจ่านซือซั่วมากเท่าไร แต่เธอไม่สน เพราะเธอเองไม่ได้รัก
เธอไม่อยากอยู่กับคนที่อยู่ดี ๆ ก็ทำร้ายเธออย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เล่นเอาซะเธอเกือบตายรอบสอง มันไม่ง่ายที่รอดชีวิตได้ เธอต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้
เฟิงฉีจ้องมองไปยังลำคอขาวเรียวของเธออย่างไม่ตั้งใจ
“คุณอยากให้ผมช่วยเรียกหมอมาให้ไหมครับ?”
เมื่อชิงซูได้ยินคำเหล่านี้ก็สะกิดให้เธอนึกขึ้นได้ ถึงรอยแดงปื้นใหญ่รอบลำคอที่เกิดขึ้น หวนให้นึกถึงความรู้สึกที่ใกล้จะขาดใจตายกลับเข้ามาอีกครั้ง
เธอส่ายหัว “ไม่ ฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ขอให้คุณรีบเก็บสัมภาระแล้วออกไปให้จากที่นี่ให้เร็วที่สุดด้วยครับ” น้ำเสียงของเฟิงฉีเย็นชา
ชิงซูพยักหน้าโดยไม่ลังเล เธอถกขากางเกงขึ้นพร้อมกับเดินเท้าเปล่ากลับไปยังห้องของเธอทันที ซือซั่วเกลียดชิงซูเป็นอย่างมาก เขาแทบไม่อยากเห็นหน้าเธอ เพราะฉะนั้นระยะห่างระหว่างห้องของเธอและเขาจึงห่างออกมาพอสมควร
หลังจากเดินมาได้สักพัก ในที่สุดก็ถึงห้องของเธอ
เดิมทีห้องนี้เป็นเพียงแค่ห้องที่ไว้ใช้สำหรับเก็บของ แต่เมื่อเธอได้จดทะเบียนสมรสกับจ่านซือซั่ว ห้องนี้ก็กลายเป็นห้องนอนของเธอไป เธอผลักบานประตูออก แล้วพาขากางเกงที่ยาวพะรุงพรังลากผ่านทางเดินแคบ ๆ เข้าไปในห้อง
ห้องนี้มีขนาดเล็กมากซะจนไม่อาจจะขยับตัวไปไหนได้เลย ทั้งห้องมีเพียงแค่เตียงนอน และโต๊ะเครื่องแป้งเล็ก ๆ เท่านั้น
ของส่วนตัวของชิงซูมีไม่มากนัก เธอมีแค่เสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชิ้น และเครื่องสำอางค์เล็กน้อยแค่นั้นเอง เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดแจงยัดเสื้อผ้าสองสามชิ้นใส่กระเป๋าเดินทางของเธอ จากนั้นก็ถือมันออกไป
“เอาล่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้วล่ะเฟินฉี ฉันไปก่อนนะ ไปแล้วไปลับไม่หวนกลับน่ะ!” พฤติกรรมของชิงซูตอนนี้ราวกับนกน้อยที่ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ
“จะไปไหนคะพี่สาว?” ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวที่สวมชุดสูทคนหนึ่งก้าวออกมา ปลายของรองเท้าส้นสูงของเธอกระทบกับกระเบื้องหินอ่อนเกิดเป็นเสียงดังก้อง เสียงพูดของเธอนั้นนุ่มนวลน่าฟัง
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"