อยากเล่าเรื่องราวของรักแรก และความรักในช่วงของวัยรุ่นวัยเรียน วัยมหาวิทยาลัย วัยที่น่ารัก ความรักที่ต้องลุ้น รักที่ต้องให้ใจ รักที่มันใสใส แต่แฝงไปด้วยความหื่น เรื่องนี้จะมีความใสใส... หรือเปล่าต้องลองอ่านดู การันตีความสนุก ความฟิน ให้ผู้อ่านได้จิกหมอนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคู่ของ มีมี่กับลีโอ คนแรกของกันและกัน เป็นคู่ที่มีอยู่ในเรื่อง Stumble Love รักสะดุดใจ น้องสาวของลินค่ะ ขนมผิงกับติ๊ดชึ่ง ทอมกับผู้ชายเนิร์ด พี่คีตากับหญิง รุ่นพี่ที่รักจริงหวังฟัน และคู่เกย์น่ารัก กุ้งเต้นกับตุ๊กตุ่น คู่วายในเรื่องที่คุณธิดาแต่ง พอไปวัดไปวาได้ไหม นักอ่านช่วยวิจารณ์หน่อยนะคะ ถ้าได้จะแต่งวายสักเรื่อง ++++++ สปอย “เอ่อ...ก็รู้แล้วลงจากตัวเขาได้ยัง” เธอผลักอกเขาเบา ๆ “ไปอาบน้ำด้วยกันนะ เดี๋ยวเขาอาบให้มี่เอง” เขาชักชวนเธอ เพราะรู้สึกตรงกลางร่างงามฉ่ำแฉะไปหมดแล้ว “มี่รู้ไหมเขามีความสุขที่สุดเลย” บอกเธอด้วยน้ำเสียงดีใจปนปลื้มสุด ๆ “อือ...” เธอยิ้มกลับส่งสายตาหวานให้ “แต่เดี๋ยวเขามีเรื่องจะถาม” ลีโอเอ่ยมาน้ำเสียงจริงจัง จ้องหน้าโดยใช้นิ้วมือของเขายึดใบหน้าเธอให้ตรึงอยู่กับที่ “เรื่องอะไร...” “ทำไมมี่ใส่ถุงยางอนามัยคล่องจัง เขายังไม่ค่อยเป็นเลย” เขาถามน้ำเสียงจับผิด เธอส่ายหน้าหน้าแดงไม่ยอมตอบ “บอกมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นเขาจะเอาตัวเองต่อ” พูดพลางขยับอัดแท่งลงร่องแน่น “บ้าเหรอลีโอเดี๋ยวถุงแตก” เธอร้องห้ามบิดตัวหลบปลายจมูกที่ซุกไซ้ลงมา “ไหนบอกมาก่อนเร็ว ๆ” เขาหยัดร่างใช้สองมือคร่อมหน้าเธอไม่ให้ขยับ “แหม...อยู่หอ ไอ้พวกเด็กหอมันไม่มีอะไรทำกัน ก็เลยซื้อมาลองหัดใส่ดูเผื่อได้ใช้” เธอตอบคำถามทำหน้าอาย ๆ “ผู้หญิงสมัยนี้มันจริง ๆ เลย” เขาพูดขึ้นก่อนจะก้มลงจุ๊บไปที่ปากที่กำลังจะเถียง “แต่ก็ได้ใช้เห็นไหม” “ครับที่รัก มีมี่ของลีโอเก่งไปทุกเรื่อง แต่เรื่องบนเตียงเราค่อยมาเรียนรู้พร้อมกันนะ พรุ่งนี้เขาจะหาท่าใหม่ ๆ มาบ้าง ตัวเองจะได้ไม่เบื่อ” พูดส่งเสียงทะเล้นปนทะลึ่ง “บ้า...ลีโอเนี่ย...” ว่าพลางทุบหน้าอกเขาอีกครั้ง “ไปอาบน้ำดีกว่า ดึกแล้วนะพรุ่งนี้ขอบตาเขาจะช้ำ” เธอรีบบอกเขา เพราะเลยเวลานอนมามากโขแล้ว “เขาว่าอย่างอื่นอาจจะช้ำมากกว่าขอบตาอีกนะ” พูดจบก็แกล้งกระแทกลำตัวเบา ๆ “ไอ้ลีโอ ไอ้ลามก...” “มี่เรียกเขาว่า ไอ้...ใช่ไหม ต้องลงโทษสถานเดียว” ลีโอกอดรัดมีมี่แน่น ซุกไซ้จมูกและปลายลิ้นไปทั่ว กว่าสองคนจะได้อาบน้ำนอนก็ใกล้รุ่งเต็มที...ฟ้าเหลืองเลยงานนี้
"ลีโอตัวเองได้คณะอะไรอะ"
มีมี่ถามลีโอ ตอนเจอกันที่โรงอาหารของโรงเรียนในเวลาพักกลางวัน เพราะเพิ่งได้รู้ผลโควตาที่ประกาศออกมาวันนี้ มีข่าวว่ามีคนติดมหาวิทยาลัยชื่อดังของภาคเหนือด้วย หนึ่งในนั้นมีชื่อลีโอติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา แพร่สะพัดไปทั้งโรงเรียน แต่ทั้งสองเรียนอยู่คนละห้องเลยไม่รู้เรื่องการสมัครเรียนมหาวิทยาลัยของอีกฝ่าย
"แต่เราติดโควตาแล้วนะมีมี่ วิศวกรรมศาสตร์โยธา มหาลัย...น่ะ" เขาบอกข้อมูลแก่เธอและชื่อมหาวิทยาลัยชื่อดังของเชียงใหม่ สีหน้าแสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัดส่งยิ้มแก้มแทบปริด้วยความดีใจ
"จริงดิ...ดีใจด้วยนะ" เธอตะโกนออกมาแสดงความยินดีด้วย ลีโอกำลังจะขยับกายเข้าหาเธอกำลังจะอ้าปากคุยกันในประโยคต่อไป แต่เพื่อนเขาลากตัวไปเสียก่อน เขายกมือป้องปากพร้อมตะโกนบอก
"เย็นนี้โทรหานะ"
แล้วทั้งสองโบกมือและส่งยิ้มให้แก่กัน
มีมี่ลุ้นตัวโก่งตอนเข้าไปดูผลโอเน็ตและแกตแพต โดยที่ตอน Admission มีมี่ก็ลงคณะเดียวกับลีโอ ไม่ยอมเลือกคณะอื่นเลย ซึ่งจะทำให้เธอเสียโอกาสดี ๆ ไป
แต่ด้วยความที่อยากเรียนคณะเดียวกันกับลีโอที่ได้โควตาไปก่อนหน้านั้นแล้ว จึงต้องทำแบบนี้
"กรี๊ด!!! เย้ ๆ ...มีมี่ติดคณะเดียวกันและสาขาเดียวกับลีโอด้วย...สุดยอดไปเลย ดีใจจริง ๆ โว้ย" สองคนโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ
ด้วยการเรียนของมีมี่ที่ไม่ขี้เหร่และติดท็อปของโรงเรียนเสมอ ทำให้เธอได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของภาคเหนือ...เรื่องวุ่น ๆ กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้แหละ
วันรับน้อง....
เมื่อฤดูกาลรับน้องมาถึง ซึ่งสองในนักศึกษาทั้งหมดนั้น เป็นคู่รักกัน
"เฮ้ย...ใครที่ยังไม่ได้แจ้งชื่อเข้าค่ายมาทางนี้เลยนะ" เสียงรุ่นพี่แว้ดมาแต่ไกล มีมี่ส่งยิ้มให้ลีโอ รอดูว่าลีโอจะไปค่ายไหน เพราะในการเข้ากลุ่มจะแยกเข้าแถวหญิงชาย ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มีมี่ได้เข้าเรียน มีผู้หญิงไม่ถึงยี่สิบคน
ลีโอพยายามยกนิ้วให้มีมี่ว่าเป็นกลุ่มที่สอง ซึ่งมีมี่ก็คอยดูสัญญาณที่ลีโอส่งให้ทางมือ ส่วนโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอื่น ๆ น่ะเหรอโดนรุ่นพี่ยึดทั้งหมด
สรุปแล้วมีมี่ก็ได้อยู่กลุ่มเดียวกับลีโอและเธอก็จับมือเพื่อนผู้หญิงอีกหนึ่งคนให้ไปด้วยกัน
"คืนนี้ต้องไปเจอกันก่อนนะ ที่...เวลาหนึ่งทุ่มตรง ถ้าใครไม่ไปก็ไม่ต้องไปค่าย" เสียงพี่ผู้ชายที่คุมทีมว้ากอยู่ ถ่ายทอดการนัดหมายในคืนนี้มา ลีโอส่งซิกมาทางมีมี่บอกไม่ให้มีมี่ไป รู้อยู่แล้วว่าคืนนี้พวกผู้ชายยิงยาว เพราะเป็นคืนวันศุกร์และไปออกค่ายวันจันทร์ ซึ่งพวกนี้ก็จะเมาปลิ้นกันแทบทุกคน จะมีทำอะไร ๆ กันในทางที่ผู้ชายทั้งแท่งเขาทำกันอีก
"หญิงแกไปไหม" เสียงมีมี่ถามหญิง เพื่อนคนใหม่ในสาขาที่เรียนด้วยกัน จากการที่ได้พูดคุยกันแล้วรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก เลยเกี่ยวก้อยเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน
"พ่อเราไม่ให้ไปหรอก พี่เขาก็ขู่ไปงั้นแหละ แต่ฉันเตือนแกก่อนนะมี่ว่า แกไม่ต้องไป แล้วเราเจอกันวันจันทร์ทีเดียวนะแปดโมงเช้าหน้าตึก" เสียงหญิงบอกมีมี่ก่อนจะกลับบ้านเมื่อคุณพ่อขับรถมารับถึงคณะที่รับน้อง มีมี่พยายามมองหาลีโอ แต่เขาถูกรุ่นพี่ลากตัวไปไหนไม่รู้ตั้งแต่แยกแถว
เตี่ยเช่าคอนโดให้มีมี่เธอมาอยู่เดี่ยว ๆ เพราะเหตุผลไม่มีเพื่อนที่สนิทและใครที่ไว้ใจได้ที่จะมาอยู่ด้วย อีกอย่างส่วนใหญ่ก็อยู่หอหญิงหรือหอพักใน ซึ่งมีจำนวนจำกัดและพักบ้านญาติ
มีมี่นั่งดูนาฬิกาที่ผนังห้องพักบอกเวลายี่สิบนาฬิกา ที่ตอนนี้เธอดูกระสับกระส่ายเพราะเป็นห่วงลีโอ ไม่เห็นเขาโทรศัพท์เข้ามาหาเหมือนเช่นทุกวัน
'ไปไหนของเขานะ ปกติโทรศัพท์มาแล้ว' มีมี่บ่นกับตัวเองในใจ
"ติ๊ง ๆ” เสียงข้อความทางไลน์ในมือถือของมีมี่ดังขึ้น
เธอจึงรีบเปิดข้อความอ่านหน้ารุ่นพี่ทีมว้ากของกลุ่มสองส่งรูปถ่ายมาเป็นกลุ่มและในรูปนั้นมีลีโอ ซึ่งโดนแต่งหน้าแต่งตาจนจำแทบไม่ได้ส่งมาให้ด้วย
"ลีโอ...โดนรุ่นพี่แกล้งแน่เลย" เธอรีบแต่งตัวและหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นพาดบ่า ก่อนที่จะโบกตุ๊ก ๆ หน้าคอนโด ตรงไปยังร้านที่รุ่นพี่ได้นัดหมายไว้
"วี้ด...วิ้ว...ดูสิว่าใครมา โอ๊ย แม่ง...มันแน่ว่ะ เป็นผู้หญิงคนเดียวกล้ามากนะ...ไอ้น้องรัก" รุ่นพี่เอ่ยทักทายที่ล้วนแต่เป็นผู้ชายทั้งนั้น เดินเข้ากอดไหล่ตบหัว บ้างคนก็ลูบหลัง ลีโอซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอรวมกับเพื่อนในรุ่นเดียวกัน มองมาเป็นตาเดียวกัน ลีโอหน้าแดงจัดด้วยความไม่พอใจที่รุ่นพี่ทำกับแฟนตนเองอย่างนั้น
"มี่มาทางนี้" เขาส่งเสียงดังเข้มเรียกเธอและเดินมาดึงข้อมือเธออย่างแรง ก่อนที่จะกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน
"มาทำอะไร" เขาต่อว่าเธอแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่พอใจอย่างแรง
"ก็มี่เป็นห่วงลีโอ ไม่เห็นโทรหาเขาเลย" เธอกระซิบตอบ
ปาร์ตี้เป็นไปด้วยความสนุกสนาน มีทั้งรุ่นพี่ที่เป็นผู้หญิงที่เพิ่งมาถึง อยู่ในกลุ่มด้วยสองสามคน เกือบ ๆ จะห้าทุ่มเสียงรุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้น
"เฮ้ย...มาสนุกกัน อ้าว ใครยังไม่ได้ดื่ม...มารับแก้วของตัวเองเลย..." เสียงรุ่นพี่เรียกให้ทุกคน ซึ่งต่างทยอยกันไปรับเครื่องดื่มกันคนละแก้ว ซึ่งพวกผู้ชายในนั้นและรุ่นพี่ต่างรู้ดีว่าเครื่องดื่มที่ว่าผสมยาปลุกเซ็กซ์อย่างอ่อนลงไปด้วย เพราะหลังจากปาร์ตี้นี้ก็จะพากันไปรับน้องในรูปแบบแปลกใหม่ที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าโปรเจกต์ "ขึ้นขี่"
มีมี่รับแก้วเครื่องดื่มมาโดยไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรผสมอยู่บ้าง ทุกคนที่อยู่ในงานต่างเมามายและกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนาน
มีมี่ไม่เคยแม้จะเที่ยวผับหรือย่างกรายเข้ามาในที่แบบนี้เลยและไม่เคยอยู่ในหัวสมองของเธอด้วย หญิงสาวเป็นคนรักเรียนและใฝ่ดีตามคำสอนของเตี่ย ตอนที่เรียนเชียงราย เธอก็อยู่หอพักหญิงมาโดยตลอด มีอาจารย์เป็นผู้ดูแลหอพัก
"มี่อย่าดื่ม" เสียงลีโอตะโกนบอกเธอแข่งกับเสียงเพลงที่ดีเจเปิดเสียงดังลั่นกำลังเพิ่มจังหวะให้ทุกคนที่อยู่ในร้านโยกย้ายส่ายสะโพกเต้นแร้งเต้นกากัน
"อะไรนะ" มีมี่พยายามถามตะเบ็งเสียงแข่งกับเพลงที่ดังสนั่นลั่นไปทั้งร้าน ลีโอพยายามบอกว่าอย่าดื่มและตัวเขาเองได้แอบเทแก้วของเขาไปตรงกระถางต้นไม้ตั้งอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว
"เฮ้ย...ไอ้มี่ดื่มสิ แหม...รุ่นพี่ให้ของไม่ดื่ม นี่ถือว่าไม่ให้เกียรติกันนะโว้ย" เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่มขู่ขึ้น ทำอย่างกับว่าเธอเป็นรุ่นน้องผู้ชายคนหนึ่ง พยายามยัดเยียดส่งแก้วแตะริมฝีปากและบีบปากบังคับให้อ้าปากรับเครื่องดื่ม ก่อนจะเทลงคอมีมี่อย่างทุลักทุเล
กามเทพแสนกลช่างล้อเล่นกับความรักของสามคู่หนุ่มสาว ให้เกิดความรักที่มีทั้งความสุข ทั้งความทุกข์ปะปนกันไป พรหมลิขิต หรือว่า เนื้อคู่ ใครนะที่จะมีด้ายสีแดงผูกกันไว้ หากสองเราเป็นคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันจริงหรือ หลิน สาวน้อยจากเชียงรายผิวขาวเนียนสวย สะอาดสะอ้าน ปากนิด จมูกหน่อย ยิ้มเก่ง ขยันทำงาน และตั้งใจเรียน ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง จะมาเสียเอาตอนสุดท้าย กับชายหนุ่มที่ทั้งหล่อและรวย หลินจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต จากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับพี่พีค นายพีระ หรือว่า พี่พีค ซีอีโอหนุ่ม เจ้าของโรงแรมใหญ่กลางกรุง หน้าตาดีหล่อเหลา ฐานะร่ำรวย ร่างกายกำยำ หุ่นกระชากใจ เป็นที่หมายปองของสาว และเขาได้ชื่อเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ ถ้าเขาจะคบกับผู้หญิงคนไหน เขาจะให้เวลาเธอแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ชายหนุ่มผู้ที่ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ความสัมพันธ์นั้นที่มันเกิดขึ้น คือ ความผิดพลาด หรือความตั้งใจกันแน่ ในเมื่อตัวเธอรักเขาเข้าไปแล้ว ความรักที่เกิดขึ้นของหลิน เธอจะทางสมหวังในความรักหรือเปล่า พีคจงใจนอนกับหลิน หญิงสาวที่แสนจะธรรมดา ที่ทำไมดึงดูดใจเขายิ่งนัก เขาคิดยังไง มันเป็นแค่ความใคร่ หรือความต้องการของผู้ชายกันแน่ หรือ เขาแค่อยากชนะผู้หญิง ที่วิ่งหนีเขาก็เท่านั้น เพียงชั่วข้ามคืน สิ่งที่เขาทำ มันจะเปลี่ยนชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอดกาล ในเรื่องยังมีอีกหลายคู่ ความรักของแพรวาและกฤษ รักแรกของกันและกัน รวมถึงความรักของพ่อหนุ่มเนื้อหอมเจ้าเสน่ห์อย่างอย่างนายภุชงค์ มาติดตามกันค่ะว่า ผู้หญิงแบบไหนจะกลายมาเป็นเจ้าสาวของพ่อหนุ่มคนนี้ และเธอคนนั้นจะเป็นคนหยุดเขาได้หรือไม่ ขนมผิงกับติ๊ดชึ่ง ทอมกับผู้ชายเนิร์ด พี่คีตากับหญิง รุ่นพี่ที่รักจริงหวังฟัน และคู่เกย์น่ารัก กุ้งเต้นกับตุ๊กตุ่น คู่วายในเรื่อง --------- เขาทำดีกับเธออย่างนี้คนเดียว หรือว่ากับผู้หญิงทุกคนนะ คิดถึงเรื่องแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกหนาวเข้าไปในใจ ‘พี่พีคคงเห็นเราเป็นของเล่นชิ้นใหม่ ของใหม่ เขาคงยังไม่เบื่อ แล้วถ้าเขาเบื่อเราล่ะ ไม่... ฉันจะไม่รอให้เขามาบอกลา หรือทิ้งฉันก่อนแน่ ๆ’ หลินรีบเก็บโต๊ะอาหาร เธอหยิบกระเป๋าถือ รีบเดินออกจากห้องไปทันที ++++++ สปอย “เอ่อ...ก็รู้แล้วลงจากตัวเขาได้ยัง” เธอผลักอกเขาเบา ๆ “ไปอาบน้ำด้วยกันนะ เดี๋ยวเขาอาบให้มี่เอง” เขาชักชวนเธอ เพราะรู้สึกตรงกลางร่างงามฉ่ำแฉะไปหมดแล้ว “มี่รู้ไหมเขามีความสุขที่สุดเลย” บอกเธอด้วยน้ำเสียงดีใจปนปลื้มสุด ๆ “อือ...” เธอยิ้มกลับส่งสายตาหวานให้ “แต่เดี๋ยวเขามีเรื่องจะถาม” ลีโอเอ่ยมาน้ำเสียงจริงจัง จ้องหน้าโดยใช้นิ้วมือของเขายึดใบหน้าเธอให้ตรึงอยู่กับที่ “เรื่องอะไร...” “ทำไมมี่ใส่ถุงยางอนามัยคล่องจัง เขายังไม่ค่อยเป็นเลย” เขาถามน้ำเสียงจับผิด เธอส่ายหน้าหน้าแดงไม่ยอมตอบ “บอกมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นเขาจะเอาตัวเองต่อ” พูดพลางขยับอัดแท่งลงร่องแน่น “บ้าเหรอลีโอเดี๋ยวถุงแตก” เธอร้องห้ามบิดตัวหลบปลายจมูกที่ซุกไซ้ลงมา “ไหนบอกมาก่อนเร็ว ๆ” เขาหยัดร่างใช้สองมือคร่อมหน้าเธอไม่ให้ขยับ “แหม...อยู่หอ ไอ้พวกเด็กหอมันไม่มีอะไรทำกัน ก็เลยซื้อมาลองหัดใส่ดูเผื่อได้ใช้” เธอตอบคำถามทำหน้าอาย ๆ “ผู้หญิงสมัยนี้มันจริง ๆ เลย” เขาพูดขึ้นก่อนจะก้มลงจุ๊บไปที่ปากที่กำลังจะเถียง “แต่ก็ได้ใช้เห็นไหม” “ครับที่รัก มีมี่ของลีโอเก่งไปทุกเรื่อง แต่เรื่องบนเตียงเราค่อยมาเรียนรู้พร้อมกันนะ พรุ่งนี้เขาจะหาท่าใหม่ ๆ มาบ้าง ตัวเองจะได้ไม่เบื่อ” พูดส่งเสียงทะเล้นปนทะลึ่ง “บ้า...ลีโอเนี่ย...” ว่าพลางทุบหน้าอกเขาอีกครั้ง “ไปอาบน้ำดีกว่า ดึกแล้วนะพรุ่งนี้ขอบตาเขาจะช้ำ” เธอรีบบอกเขา เพราะเลยเวลานอนมามากโขแล้ว “เขาว่าอย่างอื่นอาจจะช้ำมากกว่าขอบตาอีกนะ” พูดจบก็แกล้งกระแทกลำตัวเบา ๆ “ไอ้ลีโอ ไอ้ลามก...” “มี่เรียกเขาว่า ไอ้...ใช่ไหม ต้องลงโทษสถานเดียว” ลีโอกอดรัดมีมี่แน่น ซุกไซ้จมูกและปลายลิ้นไปทั่ว กว่าสองคนจะได้อาบน้ำนอนก็ใกล้รุ่งเต็มที...ฟ้าเหลืองเลยงานนี้
ณ ไร่สิงขร มีคุณสิงขร หรือ ดำ (40 ปี) เป็นเจ้าของ มีทั้งสวนลำไย ลิ้นจี่ บ่อเลี้ยงปลา ไร่ นา อีกเป็นพันๆ ไร่ เขาแต่งงานกับคุณเด่นนภา หรือ ไก่ มีลูกสาวคนโตชื่อ ข้าวผัด หรือ นางสาวดรุณี (18 ปี) ลูกชายคนเล็ก (15 ปี) ชื่อว่า สีหราชย์ หรือ ข้าวโพด ครอบครัวสิงขรรับเอา ไผท หรือ ไผ่ (36 ปี) เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เรียนรวมสถาบันเดียวกันที่มาขออาศัยพึ่งใบบุญ เพราะไผทรักกันกับดาริน (30 ปี) หรือ เหมย ลูกสาวคนจีนในตลาดเมืองกำแพงเพชร และเขาได้พาเธอออกจากบ้าน เป็นวิวาห์เหาะมาเมื่อ 5 ปี ก่อน เพราะครอบครัวของดารินจะจับเธอคลุมถุงชนกับลูกเจ๊กในตลาดเช่นเดียวกัน แต่เพราะดารินตั้งท้องลูกของไผท ก่อนสิ้นปีนั้นดารินก็ได้คลอดน้อง ผิงผิง หรือเด็กหญิงดาริกา ซึ่งกำลังน่ารักน่าชัง พูดจ้อๆ ร้องเพลงทั้งวัน สวรรค์กลั่นแกล้งคุณพ่อของดารินตามมาเจอ แล้วก็ฉุดเอาลูกสาวของพวกเขากลับไป โดยไม่ฟังเสียงร้องของไผทและเด็กสาวตัวน้อยๆ ดารินร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เธอถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้ และพาเธอไปอยู่ด้วยที่อเมริกาทันทีหลังเสร็จพิธีแต่ง ทำให้ไผทที่เคยเป็นผู้ชายที่รักลูกรักเมียทำแต่งาน เสียใจเอามากๆ เขากลายเป็นนักดื่มที่สามารถดื่มได้ทุกเวลา ภาระในการเลี้ยงดูเด็กหญิงดาริกา จึงตกเป็นของข้าวผัดไปโดยปริยาย ข้าวผัดพยายามทำดีกับน้าไผทและตั้งใจว่าจะให้เขากลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ น้าไผทคือผู้ชายที่ดรุณีรักและประทับใจ แต่สิ่งที่เธอเดิมพันเอาไว้ คือหัวใจของเธอ และชีวิตที่เหลืออยู่ แต่อุปสรรคไม่ได้มีแค่เรื่องอายุ แต่มีทั้งคุณสิงขรและคุณเด่นนภาที่ไม่อยากเห็นลูกสาวของพวกเขาต้องได้สามีเป็นพ่อหม้ายลูกติด เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป มาติดตามกันค่ะ
ด้วยคำว่า “เงิน” คำเดียว และฐานะที่ด้อยกว่า ที่ทำให้คนอย่างบุรินทร์ เขาตัดสินพวกเธอว่า เป็นพวกสิบแปดมงกุฎที่กำลังเข้ามาปอกลอกบูรณี พี่สาวของตัวเอง เขาไม่คิดว่า อติคุณ ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่อายุแก่กว่าเป็นสิบปีได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงแก่กว่าคนนั้น เธอมีเงิน และอรุณวนา เธอผู้เป็นพี่สาวของพี่เขยที่เขาคิดว่าเป็นตัวแสบ เธอจะต้องรับผิดชอบในการกระทำของน้องชาย เพื่อพิสูจน์ว่าความรักแท้นั่นมีอยู่จริง แต่สุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ต่อเล่ห์ร้ายของตัวเอง ก็คือตัวเขาเอง และเมื่อถึงเวลานั้น เธอจะให้อภัยและยอมรักว่าเธอรักเขา และพร้อมที่จะใช้ชีวิตไปกับผู้ชายคนนี้ที่ตั้งแง่รังแกและรังเกียจเธอตั้งแต่ต้นหรือไม่
ปอป่านถูกอาเฟื่องรัตน์เรียกตัวกลับเมืองไทย แต่ในวันที่จัดงานต้อนรับเธอ คุณอากลับประกาศนี่คืองานหมั้น พร้อมกับ นายธราเทพ หญิงสาวทั้งน้อยใจและตัดพ้อว่าทำไมคุณอาทำแบบนี้ เฟื่องรัตน์ป่วยเป็นเนื้องอกที่สมองและเธอคิดว่าคงไม่มีเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว เธอจึงตัดสินใจเลือก ธราเทพ เพื่อนและพี่จ๋าในวัยเด็กของปอป่านให้เขาเป็นสามีเฉพาะกิจของหลานสาว ธราเทพบอกกับเฟื่องรัตน์ว่าเขารักปอป่าน และเป็นผู้พิทักษ์ของเธอ ด้วยทรัพย์สินที่มากเกินไป กับคุณอาชัยนันท์ลูกนอกสมรสของคุณปู่และลูกของเขาคงสร้างปัญหาให้กับปอป่านบ้าง เธอตั้งป้อมกับเขา แต่ธราเทพจะเอาชนะหัวใจของหญิงสาวได้หรือไม่
เธอเป็นแค่เหยื่อของแม่เลี้ยงขี้อิจฉา และวางแผนกำจัดเธอให้ออกไปจากชีวิต แล้ววันหนึ่งยายแม่เลี้ยงก็ทำสำเร็จ เมื่อเธอถูกมอมยาและนำตัวไปขายซ่อง เขาเป็นเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย แต่เธอกลับคิดว่า เขาคือคนที่คิดทำลายและทำร้ายเธอ เขาเพียงเห็นเธอในครั้งแรก หัวใจของเขาก็เต้นแรง และยิ่งใกล้ชิดเธอมากเท่าใด เขาก็ประจักษ์แก่ใจว่า เขาอยากจะเป็นคนดูแลและคุ้มครองเธอไปตลอดชีวิต ต้องกราบขออภัยหากชื่อกับนามสกุลไปพ้องกับใคร และชื่อสถานที่ต่าง ๆ เป็นเพียงการสมมุติขึ้นมาเท่านั้นค่ะ คุณธิดาขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่อุดหนุนผลงานของคุณธิดามาโดยตลอด เป็นกำลังใจที่มากล้นจนไม่อาจละจากงานเขียน คุณธิดาพยายามปั่นผลงานใหม่ ๆ ออกมาสู่สายตาของทุกท่านแบบตั้งใจ หวังว่าคงจะสนุกกับเรื่อง กรงรักร้อนภรรยาคนเถื่อนนะคะ เป็นอีกเรื่องที่อยากให้คุณได้อ่านค่ะ คำโปรย “คุณมันเป็นคนร้ายใช่ไหม คุณกล้าดียังไงถึงทำกับฉันแบบนี้” มยุรดามุ่งเข้ามาทำร้ายเขา และทุบตีอินทนิลยกใหญ่ “ไปกันใหญ่แล้วคุณ ผมเป็นคนช่วยคุณนะ” เขาหวากใส่หน้าของเธอเช่นกัน อินทนิลพยายามปกป้องตัวเอง เขารวบมือและแขนของเธอเอาไว้ แล้วกอดรัดร่างที่มุ่งจะทำร้ายเขาให้สงบนิ่งลง “หลักฐานอยู่ทนโท่ว่าคุณเป็นผู้ร้ายลักพาตัว คุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอยังลั่นปากพูดในสิ่งที่อยากพูด รู้ทั้งรู้ว่าเสียเปรียบ และเธออยู่ในฐานะที่ไม่สามารถสู้เขาได้ด้วยซ้ำไป “จะเล่ายังไงดีนะ” อินทนิลพูดคุยกับเธอตลอดตอนที่เธอไม่ได้สติ ตอนนี้ร่างเล็ก ๆ และนุ่มนิ่มของมยุรดาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอนั่งอยู่บนตักของร่างใหญ่ ลำแขนของเขาพาดกอดรัดรวบหน้าอกหน้าใจ ปลายคางแหลม ๆ ของเขาจรดวางอยู่ที่ต้นคอของเธอ ในหัวใจของมยุรดาเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่เคยมีชายใดได้เข้ามาใกล้เธอแบบนี้ นอกจากคุณพ่อเท่านั้น อินทนิลขยับตัวให้ตัวเองนั่งดี ๆ และไม่มีทีท่าจะปล่อยหญิงสาว “อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันกลัวแล้ว ฉันขอร้องล่ะ” เธอพูดกับเขาอย่างแผ่วเบา รับรู้ได้ถึงลมหายใจของชายหนุ่มที่เป่ารดอยู่ข้างแก้ม เขาถอนหายใจดังเฮือก เหมือนที่คุณหมอสุชาดาบอกว่า ระวังจะโดนผู้หญิงคนนี้เข้าใจผิด แล้วตอนนี้เธอก็กำลังเข้าใจเขาผิดอยู่จริง ๆ “อย่าทำอะไรฉันนะ” น้ำเสียงสั่นเครือ อินทนิลรู้สึกสงสารเธอจับใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าบอกเธออย่างไร เพื่อลบล้างในสิ่งที่เธอคิด
หัวใจเจ้าสาวจอมเกเร อีวาน บันตี ดารุจ พี่ชายต่างมารดาที่รักน้องสาวมาก เขาแค่อยากช่วยให้งานแต่งงานของน้องสาวไร้อุปสรรค ไม่ให้มีอะไรมาขัดขวาง เขาจึงตัดสินใจทำเรื่องบ้าบอลงไป อีวานจับเอาดาวประดับ ลูกสาวเจ้าปัญหาของคุณเภาเจ้าบ่าวของน้องสาวไปกักขัง หลังจากนั้นก็มีเรื่องอลหม่านและอลเวงเกิดขึ้นมากมายให้นักอ่านได้ติดตามลุ้นไปกับนักเขียนค่ะ เรามาลุ้นไปด้วยกันว่า เรื่องของอีวานกับดาวประดับจะลงเอยอย่างไร สุดท้ายแล้วนิยายของคุณธิดาแทบทุกเรื่องจะเป็นนิยายโรมานซ์ มี NC ให้พอเลือดสูบซีด อย่างไรฝากให้ทุกท่านติดตามผลงานของคุณธิดาไปตลอด ให้สนุกไปกับการอ่านนะคะ และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพกายและสุขาภพใจแข็งแรง มีเงินใช้กันทั่วหน้าค่ะ
แรกเริ่มเขา 'ซื้อ' เธอมาเพื่อบำบัดความใคร่ เมียชั่วคราวที่มีไว้แก้เหงา แต่สุดท้ายแล้ว...เมียชั่วคราวนั่นแหละ ที่อยากได้เป็นเมียจริงๆ ผู้หญิงสู้ชีวิตอย่างนับดาว...ไม่ยอมแพ้โชคชะตาที่นำพาตนเองไปรับบทน่าอดสู เธอถูกหลอกจากคนที่ไว้ใจที่สุด!! กับการ 'ขายตัว' เขาเหยียดหยามสารพัด ดุถูกจนเธอเจ็บช้ำเจียนตาย เธอเลือกทางหนี เพื่อจบปัญหาน่าปวดหัวครั้งนี้.... ขอเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตแบบใหม่ แต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอ ในเมื่อเขาชิงชังเธอนักหนานี่นา?????
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง