หัวใจเจ้าสาวจอมเกเร อีวาน บันตี ดารุจ พี่ชายต่างมารดาที่รักน้องสาวมาก เขาแค่อยากช่วยให้งานแต่งงานของน้องสาวไร้อุปสรรค ไม่ให้มีอะไรมาขัดขวาง เขาจึงตัดสินใจทำเรื่องบ้าบอลงไป อีวานจับเอาดาวประดับ ลูกสาวเจ้าปัญหาของคุณเภาเจ้าบ่าวของน้องสาวไปกักขัง หลังจากนั้นก็มีเรื่องอลหม่านและอลเวงเกิดขึ้นมากมายให้นักอ่านได้ติดตามลุ้นไปกับนักเขียนค่ะ เรามาลุ้นไปด้วยกันว่า เรื่องของอีวานกับดาวประดับจะลงเอยอย่างไร สุดท้ายแล้วนิยายของคุณธิดาแทบทุกเรื่องจะเป็นนิยายโรมานซ์ มี NC ให้พอเลือดสูบซีด อย่างไรฝากให้ทุกท่านติดตามผลงานของคุณธิดาไปตลอด ให้สนุกไปกับการอ่านนะคะ และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพกายและสุขาภพใจแข็งแรง มีเงินใช้กันทั่วหน้าค่ะ
กิ๊ก... เสียงกดรีโมตรถเพื่อเปิดประตูดังขึ้น
ดาวประดับเปิดประตูรถสปอร์ตสีขาวคันเก่งของตัวเองและกำลังจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ทันใดนั้นผ้าสี
ขาวชื้น ๆ ก็ลงมาประกบที่จมูกและปากของเธอ ลมหายใจที่สูดเข้าไปแรง ๆ กลิ่นฉุนกึกที่เข้าไปเต็มปอดของเธอ ทำให้แข้งขาของเธอเริ่มอ่อนแรง ดาวประดับรับรู้ได้ถึงร่างของผู้ชายตัวใหญ่ที่สอดมือปิดปากเธออยู่ด้านหลัง แล้วยังสอดแขนอีกข้างรั้งร่างของเธอเอาไว้ สติของเธอดับวูบลงไปในทันที
ชายคนนั้นพาร่างของเธอเข้าไปไว้ในรถของเธอ แล้วตัวเขาขึ้นไปนั่งประจำคนขับรถชายหนุ่มสตาร์ตรถก่อนจะขับออกไปจากตรงนั้น
“ขอโทษนะคุณดาว ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพื่อให้การแต่งงานของคุณพ่อของคุณผ่านไปซะก่อน” เขากับพูดกับร่างที่ไร้สติ ดาวประดับนั่งคอพับคออ่อนอยู่ที่เบาะข้าง
จังหวัดภูเก็ต ห้องแต่งตัวเจ้าสาว สิราณี ทรัพย์สมุทร เธอมีสีหน้าเคร่งเครียด จ้องมองตัวเองในกระจก ชุดแต่งงานสีขาวยาวปกคลุมคร่อมไปถึงปลายเท้า ช่างกำลังบรรจงติดดอกไม้บนผ้าคลุมผมสีขาว ช่างคนนั้นส่งยิ้มให้อย่างพึงพอใจในผลงานของตัวเอง
“สวยมากเลยนะคะคุณต้า”
สิราณียังคงมีสีหน้าเศร้าสร้อย ไม่มีใครมาร่วมงานแต่งงานของเธอเลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นลุง ป้า น้า อา หรือว่าญาติ ๆ คนไหน เพราะไม่มีใครสนับสนุนและเห็นดีไปกับเธอด้วย
คุณเภา ราษฎร์บูรณะ เจ้าบ่าวของเธอ เป็นผู้ชายที่อายุมากกว่าสิราณีเกือบยี่สิบห้าปี ถึงแม้จะฐานะดีมาก ทุกคนต่างเตือนให้เธอหาคนที่อายุไล่ ๆ กันมาเป็นคู่ชีวิต และนั่นเป็นเหมือนจุดแตกหักที่ทำให้ทุกคนตัดขาดจากสิราณี
ยกเว้นพี่ชายของเธอเท่านั้น พี่อีวาน เขาเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างและคอยเป็นกำลังใจให้เธอเสมอ คุณเภาไม่ใช่ผู้ชายที่จะฉกฉวยเอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง อีวานเชื่ออย่างหมดใจว่า คุณเภารักสิราณีจริง ๆ และทั้งคู่ได้แสดงออกมาว่าอยากจะอยู่ด้วยกันจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
“พี่ ๆ มีใครเห็นพี่เต็ม พี่ชายของต้าบ้างไหมคะ”
“ยังไม่เห็นมาในงานเลยนะคะคุณต้า” หทัยคนรับใช้ที่คุณเภาจ้างให้มาเป็นคนดูแลส่วนตัวของสิราณีตอบขึ้น
“ไปไหนของเขานะ ต้าโทรหาพี่เต็มตั้งหลายรอบแล้วก็ไม่รับสาย ก็รู้อยู่ว่าเป็นวันสำคัญของต้าแท้ ๆ ไหนรับปากว่าจะมางานนี้ด้วย พี่เต็มนะพี่เต็ม”
น้องสาวบ่น เพราะรู้สึกขาดความมั่นใจลงไปนิดหนึ่ง คุณเภาเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวของเธอ
“เสร็จหรือยังจ๊ะ” เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ส่งยิ้มมาให้กับสิราณี แววตาของเขาแสดงออกมาว่าทั้งยินดีและดีใจมาก ๆ
“เสร็จแล้วค่ะ” แทนที่จะยิ้มตอบเขาแต่เธอกลับทำหน้ายุ่งเหยิง
“เป็นอะไรไปละจ๊ะ ทำไมต้าจึงทำหน้ายุ่ง ๆ แบบนี้ ฮึ...”
“ก็พี่เต็มนะสิคะ ยังไม่มาอีก” ทำเสียงน้อยอกน้อยใจ
“เต็มอาจจะติดงานหรือเปล่า” คุณเภาจับมือของเธอไปกุมเอาไว้
“ก็นัดกันแล้วนี่คะ พี่เต็มรับปากกับต้าอย่างหนักแน่น รับปากว่าจะยกเลิกทุกงานเพื่อจะมางานแต่งของต้า ทำไมถึงได้เบี้ยวกันก็ไม่รู้ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องค่ะ” เธอถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“ข้อนั้น ผมรู้แล้ว ตอนนี้พวกเราจะรอพี่เต็มคนเดียวไม่ได้แล้วนะ เพราะว่ามันจะเสียฤกษ์ อีกอย่างแขกผู้ใหญ่ก็มาคอยกันเต็มไปหมด” เขาชี้ให้เธอดูนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง
“ค่ะ ต้าทราบค่ะ” เธอลุกขึ้นตามแรงฉุดของคุณเภา คล้องแขนเขาพร้อมที่จะเดินออกมาจากห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก บริกรเคาะอยู่ที่หน้าประตู หทัยรีบเดินไปเปิดในทันที
ช่อดอกไม้ช่อใหญ่ถูกยื่นเข้ามาในห้อง หทัยรีบรับเอาไว้ แล้วหยิบการ์ดที่เสียบอยู่ขึ้นมาดู
“อ่านสิหทัย” คุณเภาเอ่ยปากอนุญาต
“ค่ะคุณเภา” เธอก้มหน้าลงไปอ่านการ์ดใบนั้น
“ยินดีกับต้า น้องรักของพี่ด้วย ขอให้วันนี้เป็นวันที่ต้ามีความสุขที่สุดนะครับ รักน้องสาวของพี่มาก พี่เต็ม”
“อ้าว แค่นี้หรือ” สิราณีพูดขึ้น
“มีอีกค่ะ” หทัยรีบพลิกกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่พับมาด้วยกันคลี่ออกอ่าน
“พี่ติดงานด่วนมาก งานด่วนจริง ๆ เลี่ยงไม่ได้จริง ๆ พี่ขอโทษต้าด้วยนะ แล้วเมื่อพี่เสร็จธุระ พี่จะกลับมาให้ต้าเลี้ยงข้าวครับ พี่เต็ม”
“ดูสิคะคุณเภา พี่เต็มทำกับต้าอีกแล้วนะคะ เบี้ยว ไม่มางานนี้จริง ๆ ด้วย”
“คงเป็นเรื่องงานจริง ๆ ละมั้งที่เป็นเหตุผลให้พี่เต็มของต้ารีบยกต้าให้ผมตอนที่ผมไปขอ เพราะเขายุ่งมากจนไม่มีเวลาดูแลคุณ” คุณเภาออกอาการหัวเราะ
สิราณีหันมายิ้มหวานให้เขา ยังไม่ทันที่จะก้าวออกไปจากห้อง ชมนาถเดินเข้ามาหาด้วยหน้าตาตื่น
“คุณเภาคะ” ออกอาการสั่น สบตากับผู้เป็นเจ้านายแบบกริ่งเกรง
“มีอะไรหรือ ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันไม่อนุญาตให้ใครที่บ้านมาร่วมงานนี้”
คุณเภาดูไม่ชอบอกชอบใจนักที่เห็นชมนาถมาที่นี่ สิราณีรีบขยับมือบีบมือของคุณเภาเพื่อปราม สีหน้ายิ้มแย้มของคุณเภาเมื่อกี้หายไปแล้ว
“คุณนาถมีอะไรหรือคะ ถึงได้มาที่นี่” สิราณีถามแทน
“เอ่อ...” ชมนาถอึกอัก
“อ้ำอึ้งอยู่ได้ รีบพูดเข้านาถ งานแต่งงานของฉันกับคุณต้ากำลังจะเริ่มแล้วนะ” เสียงกร้าวและนัยน์ตาดุส่งไปถึงชมนาถ
“ค่ะ คะ... คือ คุณเภาคะ คุณหนูดาวไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน ตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ” ท่าทีร้อนใจด้วยความเป็นห่วงดาวประดับมาก ๆ
คุณเภาสั่นหน้าแบบระอาใจ นัยน์ตาไม่มีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินเลย
กามเทพแสนกลช่างล้อเล่นกับความรักของสามคู่หนุ่มสาว ให้เกิดความรักที่มีทั้งความสุข ทั้งความทุกข์ปะปนกันไป พรหมลิขิต หรือว่า เนื้อคู่ ใครนะที่จะมีด้ายสีแดงผูกกันไว้ หากสองเราเป็นคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันจริงหรือ หลิน สาวน้อยจากเชียงรายผิวขาวเนียนสวย สะอาดสะอ้าน ปากนิด จมูกหน่อย ยิ้มเก่ง ขยันทำงาน และตั้งใจเรียน ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง จะมาเสียเอาตอนสุดท้าย กับชายหนุ่มที่ทั้งหล่อและรวย หลินจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต จากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับพี่พีค นายพีระ หรือว่า พี่พีค ซีอีโอหนุ่ม เจ้าของโรงแรมใหญ่กลางกรุง หน้าตาดีหล่อเหลา ฐานะร่ำรวย ร่างกายกำยำ หุ่นกระชากใจ เป็นที่หมายปองของสาว และเขาได้ชื่อเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ ถ้าเขาจะคบกับผู้หญิงคนไหน เขาจะให้เวลาเธอแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ชายหนุ่มผู้ที่ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ความสัมพันธ์นั้นที่มันเกิดขึ้น คือ ความผิดพลาด หรือความตั้งใจกันแน่ ในเมื่อตัวเธอรักเขาเข้าไปแล้ว ความรักที่เกิดขึ้นของหลิน เธอจะทางสมหวังในความรักหรือเปล่า พีคจงใจนอนกับหลิน หญิงสาวที่แสนจะธรรมดา ที่ทำไมดึงดูดใจเขายิ่งนัก เขาคิดยังไง มันเป็นแค่ความใคร่ หรือความต้องการของผู้ชายกันแน่ หรือ เขาแค่อยากชนะผู้หญิง ที่วิ่งหนีเขาก็เท่านั้น เพียงชั่วข้ามคืน สิ่งที่เขาทำ มันจะเปลี่ยนชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอดกาล ในเรื่องยังมีอีกหลายคู่ ความรักของแพรวาและกฤษ รักแรกของกันและกัน รวมถึงความรักของพ่อหนุ่มเนื้อหอมเจ้าเสน่ห์อย่างอย่างนายภุชงค์ มาติดตามกันค่ะว่า ผู้หญิงแบบไหนจะกลายมาเป็นเจ้าสาวของพ่อหนุ่มคนนี้ และเธอคนนั้นจะเป็นคนหยุดเขาได้หรือไม่ ขนมผิงกับติ๊ดชึ่ง ทอมกับผู้ชายเนิร์ด พี่คีตากับหญิง รุ่นพี่ที่รักจริงหวังฟัน และคู่เกย์น่ารัก กุ้งเต้นกับตุ๊กตุ่น คู่วายในเรื่อง --------- เขาทำดีกับเธออย่างนี้คนเดียว หรือว่ากับผู้หญิงทุกคนนะ คิดถึงเรื่องแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกหนาวเข้าไปในใจ ‘พี่พีคคงเห็นเราเป็นของเล่นชิ้นใหม่ ของใหม่ เขาคงยังไม่เบื่อ แล้วถ้าเขาเบื่อเราล่ะ ไม่... ฉันจะไม่รอให้เขามาบอกลา หรือทิ้งฉันก่อนแน่ ๆ’ หลินรีบเก็บโต๊ะอาหาร เธอหยิบกระเป๋าถือ รีบเดินออกจากห้องไปทันที ++++++ สปอย “เอ่อ...ก็รู้แล้วลงจากตัวเขาได้ยัง” เธอผลักอกเขาเบา ๆ “ไปอาบน้ำด้วยกันนะ เดี๋ยวเขาอาบให้มี่เอง” เขาชักชวนเธอ เพราะรู้สึกตรงกลางร่างงามฉ่ำแฉะไปหมดแล้ว “มี่รู้ไหมเขามีความสุขที่สุดเลย” บอกเธอด้วยน้ำเสียงดีใจปนปลื้มสุด ๆ “อือ...” เธอยิ้มกลับส่งสายตาหวานให้ “แต่เดี๋ยวเขามีเรื่องจะถาม” ลีโอเอ่ยมาน้ำเสียงจริงจัง จ้องหน้าโดยใช้นิ้วมือของเขายึดใบหน้าเธอให้ตรึงอยู่กับที่ “เรื่องอะไร...” “ทำไมมี่ใส่ถุงยางอนามัยคล่องจัง เขายังไม่ค่อยเป็นเลย” เขาถามน้ำเสียงจับผิด เธอส่ายหน้าหน้าแดงไม่ยอมตอบ “บอกมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นเขาจะเอาตัวเองต่อ” พูดพลางขยับอัดแท่งลงร่องแน่น “บ้าเหรอลีโอเดี๋ยวถุงแตก” เธอร้องห้ามบิดตัวหลบปลายจมูกที่ซุกไซ้ลงมา “ไหนบอกมาก่อนเร็ว ๆ” เขาหยัดร่างใช้สองมือคร่อมหน้าเธอไม่ให้ขยับ “แหม...อยู่หอ ไอ้พวกเด็กหอมันไม่มีอะไรทำกัน ก็เลยซื้อมาลองหัดใส่ดูเผื่อได้ใช้” เธอตอบคำถามทำหน้าอาย ๆ “ผู้หญิงสมัยนี้มันจริง ๆ เลย” เขาพูดขึ้นก่อนจะก้มลงจุ๊บไปที่ปากที่กำลังจะเถียง “แต่ก็ได้ใช้เห็นไหม” “ครับที่รัก มีมี่ของลีโอเก่งไปทุกเรื่อง แต่เรื่องบนเตียงเราค่อยมาเรียนรู้พร้อมกันนะ พรุ่งนี้เขาจะหาท่าใหม่ ๆ มาบ้าง ตัวเองจะได้ไม่เบื่อ” พูดส่งเสียงทะเล้นปนทะลึ่ง “บ้า...ลีโอเนี่ย...” ว่าพลางทุบหน้าอกเขาอีกครั้ง “ไปอาบน้ำดีกว่า ดึกแล้วนะพรุ่งนี้ขอบตาเขาจะช้ำ” เธอรีบบอกเขา เพราะเลยเวลานอนมามากโขแล้ว “เขาว่าอย่างอื่นอาจจะช้ำมากกว่าขอบตาอีกนะ” พูดจบก็แกล้งกระแทกลำตัวเบา ๆ “ไอ้ลีโอ ไอ้ลามก...” “มี่เรียกเขาว่า ไอ้...ใช่ไหม ต้องลงโทษสถานเดียว” ลีโอกอดรัดมีมี่แน่น ซุกไซ้จมูกและปลายลิ้นไปทั่ว กว่าสองคนจะได้อาบน้ำนอนก็ใกล้รุ่งเต็มที...ฟ้าเหลืองเลยงานนี้
ณ ไร่สิงขร มีคุณสิงขร หรือ ดำ (40 ปี) เป็นเจ้าของ มีทั้งสวนลำไย ลิ้นจี่ บ่อเลี้ยงปลา ไร่ นา อีกเป็นพันๆ ไร่ เขาแต่งงานกับคุณเด่นนภา หรือ ไก่ มีลูกสาวคนโตชื่อ ข้าวผัด หรือ นางสาวดรุณี (18 ปี) ลูกชายคนเล็ก (15 ปี) ชื่อว่า สีหราชย์ หรือ ข้าวโพด ครอบครัวสิงขรรับเอา ไผท หรือ ไผ่ (36 ปี) เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เรียนรวมสถาบันเดียวกันที่มาขออาศัยพึ่งใบบุญ เพราะไผทรักกันกับดาริน (30 ปี) หรือ เหมย ลูกสาวคนจีนในตลาดเมืองกำแพงเพชร และเขาได้พาเธอออกจากบ้าน เป็นวิวาห์เหาะมาเมื่อ 5 ปี ก่อน เพราะครอบครัวของดารินจะจับเธอคลุมถุงชนกับลูกเจ๊กในตลาดเช่นเดียวกัน แต่เพราะดารินตั้งท้องลูกของไผท ก่อนสิ้นปีนั้นดารินก็ได้คลอดน้อง ผิงผิง หรือเด็กหญิงดาริกา ซึ่งกำลังน่ารักน่าชัง พูดจ้อๆ ร้องเพลงทั้งวัน สวรรค์กลั่นแกล้งคุณพ่อของดารินตามมาเจอ แล้วก็ฉุดเอาลูกสาวของพวกเขากลับไป โดยไม่ฟังเสียงร้องของไผทและเด็กสาวตัวน้อยๆ ดารินร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เธอถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้ และพาเธอไปอยู่ด้วยที่อเมริกาทันทีหลังเสร็จพิธีแต่ง ทำให้ไผทที่เคยเป็นผู้ชายที่รักลูกรักเมียทำแต่งาน เสียใจเอามากๆ เขากลายเป็นนักดื่มที่สามารถดื่มได้ทุกเวลา ภาระในการเลี้ยงดูเด็กหญิงดาริกา จึงตกเป็นของข้าวผัดไปโดยปริยาย ข้าวผัดพยายามทำดีกับน้าไผทและตั้งใจว่าจะให้เขากลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ น้าไผทคือผู้ชายที่ดรุณีรักและประทับใจ แต่สิ่งที่เธอเดิมพันเอาไว้ คือหัวใจของเธอ และชีวิตที่เหลืออยู่ แต่อุปสรรคไม่ได้มีแค่เรื่องอายุ แต่มีทั้งคุณสิงขรและคุณเด่นนภาที่ไม่อยากเห็นลูกสาวของพวกเขาต้องได้สามีเป็นพ่อหม้ายลูกติด เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป มาติดตามกันค่ะ
ด้วยคำว่า “เงิน” คำเดียว และฐานะที่ด้อยกว่า ที่ทำให้คนอย่างบุรินทร์ เขาตัดสินพวกเธอว่า เป็นพวกสิบแปดมงกุฎที่กำลังเข้ามาปอกลอกบูรณี พี่สาวของตัวเอง เขาไม่คิดว่า อติคุณ ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่อายุแก่กว่าเป็นสิบปีได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงแก่กว่าคนนั้น เธอมีเงิน และอรุณวนา เธอผู้เป็นพี่สาวของพี่เขยที่เขาคิดว่าเป็นตัวแสบ เธอจะต้องรับผิดชอบในการกระทำของน้องชาย เพื่อพิสูจน์ว่าความรักแท้นั่นมีอยู่จริง แต่สุดท้ายคนที่พ่ายแพ้ต่อเล่ห์ร้ายของตัวเอง ก็คือตัวเขาเอง และเมื่อถึงเวลานั้น เธอจะให้อภัยและยอมรักว่าเธอรักเขา และพร้อมที่จะใช้ชีวิตไปกับผู้ชายคนนี้ที่ตั้งแง่รังแกและรังเกียจเธอตั้งแต่ต้นหรือไม่
ปอป่านถูกอาเฟื่องรัตน์เรียกตัวกลับเมืองไทย แต่ในวันที่จัดงานต้อนรับเธอ คุณอากลับประกาศนี่คืองานหมั้น พร้อมกับ นายธราเทพ หญิงสาวทั้งน้อยใจและตัดพ้อว่าทำไมคุณอาทำแบบนี้ เฟื่องรัตน์ป่วยเป็นเนื้องอกที่สมองและเธอคิดว่าคงไม่มีเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว เธอจึงตัดสินใจเลือก ธราเทพ เพื่อนและพี่จ๋าในวัยเด็กของปอป่านให้เขาเป็นสามีเฉพาะกิจของหลานสาว ธราเทพบอกกับเฟื่องรัตน์ว่าเขารักปอป่าน และเป็นผู้พิทักษ์ของเธอ ด้วยทรัพย์สินที่มากเกินไป กับคุณอาชัยนันท์ลูกนอกสมรสของคุณปู่และลูกของเขาคงสร้างปัญหาให้กับปอป่านบ้าง เธอตั้งป้อมกับเขา แต่ธราเทพจะเอาชนะหัวใจของหญิงสาวได้หรือไม่
เธอเป็นแค่เหยื่อของแม่เลี้ยงขี้อิจฉา และวางแผนกำจัดเธอให้ออกไปจากชีวิต แล้ววันหนึ่งยายแม่เลี้ยงก็ทำสำเร็จ เมื่อเธอถูกมอมยาและนำตัวไปขายซ่อง เขาเป็นเหมือนพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย แต่เธอกลับคิดว่า เขาคือคนที่คิดทำลายและทำร้ายเธอ เขาเพียงเห็นเธอในครั้งแรก หัวใจของเขาก็เต้นแรง และยิ่งใกล้ชิดเธอมากเท่าใด เขาก็ประจักษ์แก่ใจว่า เขาอยากจะเป็นคนดูแลและคุ้มครองเธอไปตลอดชีวิต ต้องกราบขออภัยหากชื่อกับนามสกุลไปพ้องกับใคร และชื่อสถานที่ต่าง ๆ เป็นเพียงการสมมุติขึ้นมาเท่านั้นค่ะ คุณธิดาขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่อุดหนุนผลงานของคุณธิดามาโดยตลอด เป็นกำลังใจที่มากล้นจนไม่อาจละจากงานเขียน คุณธิดาพยายามปั่นผลงานใหม่ ๆ ออกมาสู่สายตาของทุกท่านแบบตั้งใจ หวังว่าคงจะสนุกกับเรื่อง กรงรักร้อนภรรยาคนเถื่อนนะคะ เป็นอีกเรื่องที่อยากให้คุณได้อ่านค่ะ คำโปรย “คุณมันเป็นคนร้ายใช่ไหม คุณกล้าดียังไงถึงทำกับฉันแบบนี้” มยุรดามุ่งเข้ามาทำร้ายเขา และทุบตีอินทนิลยกใหญ่ “ไปกันใหญ่แล้วคุณ ผมเป็นคนช่วยคุณนะ” เขาหวากใส่หน้าของเธอเช่นกัน อินทนิลพยายามปกป้องตัวเอง เขารวบมือและแขนของเธอเอาไว้ แล้วกอดรัดร่างที่มุ่งจะทำร้ายเขาให้สงบนิ่งลง “หลักฐานอยู่ทนโท่ว่าคุณเป็นผู้ร้ายลักพาตัว คุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอยังลั่นปากพูดในสิ่งที่อยากพูด รู้ทั้งรู้ว่าเสียเปรียบ และเธออยู่ในฐานะที่ไม่สามารถสู้เขาได้ด้วยซ้ำไป “จะเล่ายังไงดีนะ” อินทนิลพูดคุยกับเธอตลอดตอนที่เธอไม่ได้สติ ตอนนี้ร่างเล็ก ๆ และนุ่มนิ่มของมยุรดาอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอนั่งอยู่บนตักของร่างใหญ่ ลำแขนของเขาพาดกอดรัดรวบหน้าอกหน้าใจ ปลายคางแหลม ๆ ของเขาจรดวางอยู่ที่ต้นคอของเธอ ในหัวใจของมยุรดาเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่เคยมีชายใดได้เข้ามาใกล้เธอแบบนี้ นอกจากคุณพ่อเท่านั้น อินทนิลขยับตัวให้ตัวเองนั่งดี ๆ และไม่มีทีท่าจะปล่อยหญิงสาว “อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันกลัวแล้ว ฉันขอร้องล่ะ” เธอพูดกับเขาอย่างแผ่วเบา รับรู้ได้ถึงลมหายใจของชายหนุ่มที่เป่ารดอยู่ข้างแก้ม เขาถอนหายใจดังเฮือก เหมือนที่คุณหมอสุชาดาบอกว่า ระวังจะโดนผู้หญิงคนนี้เข้าใจผิด แล้วตอนนี้เธอก็กำลังเข้าใจเขาผิดอยู่จริง ๆ “อย่าทำอะไรฉันนะ” น้ำเสียงสั่นเครือ อินทนิลรู้สึกสงสารเธอจับใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าบอกเธออย่างไร เพื่อลบล้างในสิ่งที่เธอคิด
ผู้เป็นย่าเป็นคนที่มีเซนส์ ท่านรู้อะไรล่วงหน้าเสมอ แทบจะไม่เคยพลาด และครั้งนี้ก็เหมือนกัน เนื้อคู่ที่แท้จริงของหลานชายกำลังจะมา ทำให้ท่านดี๊ด๊ามากกว่าทุกคน เฝ้ารอคอยอย่างใจจดจ่อ แล้วหญิงปริศนาก็โผล่มา มาทำให้หัวใจของเขาต้องปั่นป่วน และปลุกความเป็นชายให้ลุกโชน แต่ไปดูว่า แท้จริงแล้วใครเป็นคนทำให้พระเอกของเราแข็ง อุบ... (ไม่เอา ไม่เล่าสิ ปิดปากตัวเองให้สนิทเลย) ไปติดตามกันได้เลยค่ะ ฝากเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ ++++ บนหนทางแห่งชีวิตรัก เวลาไม่ใช่ตัวกำหนดความมั่นคง แต่เป็นหัวใจรักที่ภักดีต่อกันต่างหาก อดีตที่เคยเลวร้ายของทั้งมณียาและอาคเนย์ คงทำให้เขาและเธอได้นำมาเป็นบทเรียนของชีวิต ที่จะครองคู่สุขสมใจกันไปตลอดจนหมดลมหายใจ แล้วตายจากกัน โดยที่ทั้งคู่จะไม่หวั่นแม้อุปสรรคใด ๆ ที่จะเกิดมาในวันข้างหน้า ขอเพียงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในตอนนี้ให้มีความสุขมากที่สุดก็พอ
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?