“พุทโธ่! คุณหลวง ฟังกระผมก่อน...”
“เลิกเห่าเสียที อ้ายคล้าว” พลันหันหลังมองขวับ ดวงตาคมกริบที่ปกติจะฉายแววใจดีปรากฏเปลวไฟมหึมา
“กูสั่งมึงแล้วไปจัดการ ประเดี๋ยวนี้!” เสียงประกาศกร้าวสั่ง ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้โต้แย้ง ‘คุณพระประสิทธิ์’ หรือ ‘นายคล้าว’ จำต้องยอมก้มหน้าตอบ “ขอรับกระผม”
ในเมื่อค้านหัวชนฝาลูกเดียว ใครเล่าจะกล้าขัดใจ ‘คุณหลวงจัน’ โกรธหน้าแดงก่ำราวกับยักษ์ กระแทกไม้ตะพดข่มขู่ว่าอาจมีใครในบ้านได้ถูกเพ่นกบาล รวมถึงนายคล้าวผู้เป็นทั้งบ่าวและมิตรสหาย ดูแลคุณหลวงมานมนานไม่เคยถูกต่อว่ามาก่อนยังถูกตะคอกเสียงดังลั่น
ทั้งบ่าวคนรับใช้และคุณพระประสิทธิ์จึงออกจากห้องรับแขกไปจัดการธุระในทันที ส่วนเจ้าของบ้านคงได้ฤกษ์ไปนั่งรอข่าวดี ต้องเป็นข่าวดี! มิฉะนั้น ด้วยกำลังทรัพย์และอำนาจของท่านเอง คงหาสักหนทางหนึ่งไขว่คว้าเอาของที่ต้องการมาครอบครองจนได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่หญิงงามผู้ต้องตาต้องใจแต่แรกพบเห็น
ถัดจากตัวบ้านใหญ่ประยุกต์สไตล์โคโลเนียล ผสมผสานวัฒนธรรมฝรั่งเข้ากับยุคสมัย ด้านหลังเป็นเรือนไทยรายล้อมด้วยดอกกล้วยไม้ สวนหย่อมและบึงน้ำกว้างเต็มไปด้วยดอกบัวบานสะพรั่ง ชายร่างสูงใหญ่ถอดเสื้อกั๊กกระดุมสองแถวออกวางพาดไว้บนตั่งนั่ง เอื้อมไปหยิบมวนยาสูบขึ้นต่อไฟ
โทสะลูกเล็กค่อยดับมอดลงพร้อมกลุ่มควันที่ลอยขึ้นในอากาศ ขณะมือหนาคีบซิการ์ด้วยปลายนิ้วชี้และนิ้วโป้ง คุณหลวงหนุ่มเงี่ยหูฟังเสียงปลายนิ้วของบ่าวกำลังหมุนโทรศัพท์ดังแกรก ๆ ทีละเลขจนครบเจ็ดตัว ๕๗๙๒๔๘๑ จากห้องรับแขกในอีกฟากหนึ่ง ด้วยโสตประสาทรับรู้เหนือมนุษย์ซึ่งเขาสามารถมองเห็นและได้ยิน
นับเป็นโชคช่วยของเขา บ้านหล่อนไม่ได้ยากจนมากเสียจนยากต่อการใช้โทรศัพท์หรือโทรเลขในการติดต่อ แต่เป็นโรงฝิ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียง ท่านผู้อำนวยการโรงยามีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหลวง แต่กระนั้นก็เป็นที่รู้จักกันในนามเจ๊กอี้ หากได้ไปเทียวตระเวนโรงยาฝิ่นจะพบผู้แต่งตัวตามประเพณีจีนอย่างสวยงามโก้หรูทีเดียว กางเกงแพรจีนปั๊งลิ้ม (ปังลิ้ม) เนื้อผ้านิ่มเป็นเงามันยังกับว่าคนใส่ตัวผอมบางเหล่านั้นจะปลิวไปด้วย บ้างก็สวมเสื้อกุยเฮงสีต่าง ๆ
คุณหลวงจันได้เดินทางไปในวันที่มีผู้คนมากมายเสียหน่อย ก่อนสะดุดเข้ากับบุตรสาวคนงามของหลวงท่าน
เขากำลังจะได้พบหล่อน! แม่แก้วตา...
ดวงตาคู่คมทอดมองบึงบัวบานสีชมพูหวาน ด้วยความคิดคำนึงถึงเจ้าของใบหน้าหวาน ดวงตากลมโตใต้คิ้วเรียวสวย ปลายจมูกเป็นสันงามอย่างลงตัวราวหญิงสาวในภาพวาด กลิ่นหอมอ่อนจากสบู่สมุนไพรปะปนกับยาหม่องโบราณจากหัวเข่าที่หกล้มจนเขียวช้ำ ไม่รู้ว่าไปหกล้มซุ่มซ่ามที่ไหนมา
คงนับได้หนึ่งอาทิตย์พอดี หน้าตาประจิ้มประเจ๋อนั่นยังติดอยู่ในห้วงความทรงจำ
‘รับประทานโทษค่ะคุณ... ฉันไม่เห็น!’
‘ครับ... ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร’
หากไม่ใช่พรหมลิขิตคงเป็นเรื่องแสนบังเอิญ สาวร่างอ้อนแอ้นอรชรในกี่เพ้าตัวสวยแค่เดินชนคนแปลกหน้าในโรงฝิ่นของบิดา แต่คุณหลวงชีกอดันสะดุดหลุมรักอาหมวยเข้า กระทั่งตอนนี้ ทุกวินาทีเดินไปเชื่องช้าจนคุณพระกลับมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ว่าอย่างไร เจ๊กบ้านนั้นจะยกลูกสาวให้ฉันหรือไม่?”
“ยกให้ขอรับ... เพียงแต่”
“แต่?” คิ้วเข้มหนาเลิกขึ้น คุณหลวงคิดอยู่ว่าจะได้สมใจปรารถนาหรือต้องให้มีเรื่องมีราวกัน
“ค่าสินสอดของลูกสาวเจ๊กเรียกมา ผมมีความเห็นว่าค่อนข้างสูง ยังประสงค์จะวานขอเรื่องบ่าว ขอให้ติดตามมาดูแลหล่อนด้วย”
“บ่าวมีกี่คน?”
“มี ๒ คนครับ”
“ให้พามา”
“มากคนมากความนะขอรับ”
“ฉันแลเห็นว่าไม่ใช่ปัญหา บ้านออกจะกว้างขวางใหญ่โต สั่งให้แม่อิ่มไปจัดห้องหับเสียใหม่ ฉันอาจจะปลูกเรือนเพิ่มก็ได้”
“ฤกษ์... เป็นสักช่วงไหนดีขอรับ?”
“เร็วที่สุด”
ในสีหน้าระรื่นบอกชัดแจ้งว่าอยากได้เมียประเดี๋ยวนี้! แลหากว่าทุกอย่างเป็นไปราบรื่นตามคำขอ แม่แก้วตาคนงามคงจะได้เป็นนายหญิงคนแรกของบ้าน ชายโมโหร้ายจึงกลับมาเป็นนายใจดีเช่นเดิม ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาวครบทุกซี่ เห็น... กระทั่งเขี้ยวคมตรงมุมปากที่ยื่นยาวผิดมนุษย์ทั่วไป นัยน์ตาสีแดงสดสวยราวลูกแก้วโลหิต
“ขอบใจมาก เอ้านี่อัฐ... ฝากคุณพระช่วยเป็นธุระจัดการให้ฉันทีเถิด”
-------------------------------
“เตี่ย... จะยกลูกให้คุณหลวงจริงหรือ?” ในน้ำเสียงสั่นไหวตัดพ้อบิดา บนโต๊ะรับประทานอาหารไม้สักสลักด้วยอักษรจีน คนในฝั่งตรงกันข้ามจับตะเกียบคีบผักใบเขียวใส่ถ้วยข้าวให้อย่างพะเน้าพะนอเอาใจ
เรือนร่างอรชรในกี่เพ้าสีแดงสดถักทออย่างสวยงามทั่วทั้งตัว ด้ายสีทองเป็นลวดลายนกกระเรียนขาวบริสุทธิ์ที่หล่อนกำลังสวมใส่เคยเป็นชุดของมารดามาก่อน ‘แก้วตา’ ชมชอบเสื้อผ้าสวย ๆ งาม ๆ แต่ไม่ใช่ในโอกาสนี้ หล่อนหยิบมันขึ้นมาสวมเพื่อเดินเล่นในบ้าน ใจหมายประชดประชันว่าไม่อยากให้เจ้าบ่าวเห็นเป็นคนแรกแต่เป็นบิดามารดา