จุดเริ่มต้นมันเกิดขึ้นจากความผิดพลาด~~ เพียงเพราะแค่เอกสารฉบับเดียวเท่านั้นที่ฉันดันเซ็นผิด!! ใครจะไปคิดว่ามันจะนำพาชีวิตของฉันให้ผกผันอย่างที่ใครก็ไม่อาจจะคาดเดาได้...
อุ๊บ!!
“อี๊ดดดด อ่อย อัน นะ อ่อย อัน”
อึก...อึก!!
“อ่อยยย อันนนนน...~~”
และนั่นก็เป็นภาพความทรงจำสุดท้ายของฉันที่เกิดขึ้น ก่อนที่สติของฉันจะดับวูบไป โดยที่ฉันทำได้เพียงแค่ตั้งคำถามตัวเองในใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน...
เฮือกกก ~~
“แฮ่ก แฮ่ก แค่ก แค่ก เฮือก...” ทันทีที่ฉันฟื้นคืนสติ ฉันก็รีบหอบเอาอากาศเข้าหายใจให้เต็มปอดอย่างกับคนที่เพิ่งฟื้นขึ้นจากการสำลักน้ำ
"โอ๊ย...มึนหัวจัง" ฉันพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะพยายามรวบรวมสติที่เบลอจากฤทธิ์ยาสลบให้กลับมา
และเมื่อสติสัมปชัญญะของฉันได้ฟื้นคืนตัวจนแทบจะเป็นปกติแล้ว ภาพความทรงจำก่อนที่ตัวเองจะสลบลงไปก็ทำให้ฉันถึงกับเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ พร้อมกับออกอาการลุกลี้ลุกลนหลังเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองถูกลักพาตัวมา
"ทะ...ที่ไหน...ที่นี่มันที่ไหน"
ฉันใช้สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณโดยรอบจนพบว่าตัวเองได้ถูกจับมายังสถานที่ที่เหมือนกับโกดังเก็บของแห่งหนึ่ง ก่อนที่คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับสมองที่พานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น...
ความทรงจำที่ฉายโชว์เข้ามาในโสตประสาททีละฉากทีละตอนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้ฉายภาพหลังจากที่ฉันเลิกงานวันสุดท้ายก่อนหยุดสุดสัปดาห์ ฉันที่ตั้งใจจะไปเดินเล่นหาของกินที่ตลาดนัดใกล้ ๆ ที่ทำงานดั่งที่เคยทำเป็นประจำ อีกทั้งความรู้สึกที่ฉันยังจำได้ดีถึงความอยากกินลูกชิ้นร้านโปรด ความตั้งใจที่มุ่งมั่นตั้งแต่ก่อนเลิกงานทำให้ฉันเดินจ้ำเท้าไปอย่างเร่งรีบ พร้อมกับก้มหน้าหาเศษเหรียญที่อยู่ในกระเป๋าไปพร้อมกัน
โดยไม่ทันได้เอะใจเลยว่า...การเดินไปตลาดนัดของฉันในวันนี้มันจะเป็นเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของฉันไปตลอดกาล...
"เอ...อยู่ไหนน๊า ~~" ฉันงึมงำกับตัวเองหลังจากก้มคว้านหาเศษเงินในกระเป๋าไม่เจอสักที
และในจังหวะเพียงแค่เสี้ยวนาทีนั้นเอง ในขณะที่ฉันกำลังก้ม ๆ เงย ๆ หาเศษเหรียญในกระเป๋าอยู่นั้น ฉันที่ไม่ทันได้คาดคิดว่าวันนี้เส้นทางที่ฉันกำลังเดินไปมันจะมีอันตรายซ่อนอยู่ อีกทั้งยังไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างจนไม่ทันได้สังเกตว่าบัดนี้ที่ข้างกายของฉันได้ถูกเหล่าชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ตรงเข้ามาประชิดตัว
"อ่ะ...นี่พวกคุณ" ในขณะที่ฉันกำลังจะออกปากร้องทักออกไปตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ปากที่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงโวยวายหรือกรีดร้องขอความช่วยเหลือใด ๆ ออกไปก็กลับถูกผ้าผืนบางโป๊ะเข้ามาที่ใบหน้า โดยปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกายเจ้ากรรมก็ดันเผลอสูดดมสารที่อยู่บนผ้าผืนนั้นเข้าไปเต็มปอดอย่างไม่รู้ตัว
"อ่ะ...อื้ออออ..." และสิ่งที่ฉันสูดดมเข้าไปนั้นก็ได้ทำให้ฉันถึงกับภาพตัดไปแทบจะในทันที...โดยที่ฉันทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้เป็นสิ่งสุดท้ายอยู่ในลำคอ...
สิ้นกระบวนการทางสมองประมวลภาพเหตุการณ์ที่เกิดจนครบถ้วน ฉันถึงกับหัวใจเต้นสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัวทันที ภาพความจำที่ตอกย้ำให้ฉันเข้าใจถึงสถานการณ์คับขันที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่นั้น ส่งผลทำให้ดวงตากลมโตสวยเบิกกว้าง พร้อมกับปากที่ร้องโวยวายลั่นออกไปตามสัญชาตญาณของความกลัวที่เกิดขึ้นของมนุษย์
"กรี๊ดดดดด~~ นะ...นี่พวกนายจับฉันมาทำไม ปล่อยฉันไปนะไอ้พวกบ้า!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายของฉันดังขึ้นทันที พร้อมกับตัวเองที่พยายามหยัดตัวลุกขึ้นยืน แต่ทว่า...กลับถูกชายร่างกำยำหน้าถมึงทึงที่ยืนอยู่ไม่ไกลกดไหล่เอาไว้ไม่ให้ขยับได้ดั่งใจปรารถนา
“เหอะ...ฟื้นสักทีนะ ปล่อยให้กูรอได้ตั้งนาน”
และเสียงเยือกเย็นทุ้มกังวานที่ถูกส่งออกมาจากร่างของคนคนหนึ่ง เสียงที่ฟังดูทรงอำนาจอย่างบอกไม่ถูก ช่างเป็นเสียงที่ทำให้ฉันถึงกับเงียบลงแทบจะในทันที
ฉันค่อย ๆ หันหน้ามองไปยังต้นทางของเจ้าของเสียงที่เปล่งออกมาเมื่อครู่ แต่น่าแปลกตรงที่...ทั้งที่แม้ว่าใจของฉันกำลังร้อนรนอยากจะรู้ความจริงถึงเหตุผลที่เขาลักพาตัวฉันมามากแค่ไหน แต่ทว่า...สัญชาตญาณข้างในของฉันมันกลับบอกว่าฉันไม่ควรต่อรองหรือกวนประสาทคนตรงหน้าในเวลานี้
และทันทีที่สมองสั่งการออกมาอย่างนั้น สายตาของฉันก็หลุบมองต่ำอย่างอัตโนมัติทันที โดยไม่ลืมที่จะมองไปยังผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง สายตาของฉันมองตรงเริ่มพินิจพิจารณาตัวตนของเขาไล่จากปลายเท้าขึ้นไปยังศีรษะ ภาพรองเท้าหนังสัตว์ชั้นดีราคาแพงหูฉี่ที่ไขว่ห้างกระดิกเป็นจังหวะอยู่ตรงหน้าทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าคนคนนี้ต้องเป็นหัวหน้าของพวกคนที่จับตัวฉันมาอย่างแน่นอน
"หึ...อยากเห็นหน้าจังว่าเป็นไอ้ตาถั่วที่ไหนมาจับคนผิดตัวได้เนี้ย...เดี๋ยวแม่จะแจ้งความให้เข็ด" ฉันงึมงำพร้อมกับเลื่อนสายตามองสูงขึ้นไป
แล้วภาพกางเกงสูทสีดำสนิทที่ทาบทับอยู่บนร่าง มันช่างดูรับเข้ากับสัดส่วนของขาอันเรียวยาวคู่นั้นที่กำลังไขว่ห้างอยู่ จนฉันเผลอแอบคิดเอาเองว่า...นี่ขนาดว่าเขายังไม่ยืนเต็มความสูงยังดูหุ่นดีขนาดนี้ ถ้าได้เห็นเขาเต็ม ๆ ตาเขาจะดูดีมากขนาดไหน
(หึ๊ยยยย...มันใช่เวลาไหมเนี้ยยัยลิน...ตั้งสติ ๆ)
และในขณะที่ฉันกำลังสำรวจผู้ชายมาดสุขุมที่นั่งสง่าอยู่ตรงหน้าอยู่นั้น เขาที่เหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังถูกฉันพินิจพิจารณาร่างกายของเขาอย่างเสียมารยาท และคงด้วยความไม่พอใจที่ตนเองถูกจับจ้องไม่วางตาแบบนั้น เขาถึงกลับปล่อยพลังเสียงทำลายล้างโสตประสาทใส่หูฉันทันที
“มึงมองพอหรือยัง...ห๊ะ!!” เสียงเข้มที่ตวาดลั่นถึงกับทำให้ฉันสะดุ้งโหยง จนเผลอเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงด้วยความตกใจ
(คุณพระคุณเจ้า...หล่อมาก...คนอะไรหล่อวัวตายควายล้ม หล่อลากกระชากมดลูกจริง ๆ หล่อแบบไร้ซึ่งแรงต้านทาน ใบหน้าคมเข้มที่มีสันกรามขึ้นชัดเจน หนวดและเคราที่ขึ้นปกคลุมแบบชายตะวันออกกลาง ช่างรับกับริมฝีปากหยักหนาที่ถ้าหากยกยิ้มขึ้นคงทำให้ผู้หญิงที่ได้เห็นต่างหลอมละลายราบเป็นหน้ากลองแน่ อีกทั้งจมูกที่โด่งขึ้นเป็นสันสวยที่แม้แต่ผู้หญิงอย่างฉันยังต้องอิจฉา โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำตาลคาราเมลประกายวาวโรจน์คู่นั้นช่างเข้ากันกับคิ้วหนาทรงสวยเสียเหลือเกิน...แม่เจ้า...นี่ยังไม่รวมความผิวที่ว่าขาวดูสุขภาพดี...เฮ้อออ...ช่างเป็นใบหน้าและรูปร่างที่เป็นดั่งเทพประทานสร้างสรรค์อย่างแท้จริง) ฉันที่มองไปยังคนตรงหน้าตาค้าง พร้อมกับสรรเสริญเขาในใจ
แต่ในขณะที่ฉันกำลังตกตะลึงในความหล่อเหลาของคนตรงหน้าอยู่นั้น ฉันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่า ณ เวลานี้ไม่ใช่แค่ฉันเพียงคนเดียวแล้วเท่านั้นที่ตาค้างตกตะลึงในรูปร่างหน้าตาของเขา แต่ทว่า...ตัวของคนตรงหน้าเองเขาก็กำลังตกตะลึงพรึงเพริดมองตาค้าง หลังจากได้เห็นฉันอย่างเต็มตาไม่ต่างกัน...
เมื่อความเสียใจมันทำให้เธออยากลอง!!! "เรามาลอง...กันไหมค่ะ" ประโยคบ้าระห่ำที่ฉันพูดกับคนแปลกหน้าในคืนนั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต... เส้นทางชะตาชีวิตที่เล่นตลก เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว... การโดนทรยศ และ การเจอกันโดยบัญเอิญ จนทำให้เกิดการเดิมพันท้าทายเล่นเกมบ้าๆ กันขึ้นมา โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่า...มันจะนำพาให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!!! ------------------------------------------------------------------------------------------------ ...เธอจำต้องอยู่ต่อไป หรือ ตายเพื่อชดใช้เวรกรรม...ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------ เรื่องย่อ: เอลิซ : หญิงสาวแสนสวยที่แสนซื่อจนถูกคนที่รัก "หักหลัง" จนทำให้ชีวิตของเธอปัดเป๋ และเพียงเพราะเธอแค่ต้องการที่จะประชดชีวิตเท่านั้น แต่การกระทำนั้นก็ดันพาเธอหลงเข้าไปยังเกมสวาทที่เธอเป็นผู้เดิมพัน เซฟ : ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เจ้าของธุรกิจทั้งขาวและเทา เบื้องหลังเขาคือมาเฟียอันดับหนึ่ง เขาที่โชคชะตานำพามาให้เจอกับหญิงสาวคนนั้นแถมยังถูกท้าทายจากเกมเดิมพันอันล่อแหลม และมีหรือที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมปฏิเสธ ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ⚠️คำเตือน⚠️ เนื้อเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีฉากติดเรท เนื้อหาไม่เหมาะสม ความรุนแรงเพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น!!!
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"