เมื่อสามีของธิดาเป็นถึงทายาทตระกูลพันล้านแต่ดันเป็นหมัน เขาเลยให้เมียรักหลับนอนกับเหล่าหลานชายในบ้านเพราะหวังจะให้เธอท้อง เรื่องผิดเพี้ยนนี้เกิดขึ้นเพราะแม่ผัวเคยประกาศไว้ว่าถ้าธิดากับสามีไม่มีลูกสาวหล่อนก็จะไม่ยอมยกมรดกให้ หน้าที่ทำลูกจึงตกเป็นของหลานชายสุดหล่อทั้งสี่คน...
ผัวอยากให้ท้องกับหลานๆ
ตอน ไม่ท้องก็ไม่ได้มรดก
ภายในบ้านหรูเนื้อที่สิบไร่ใจกลางเมืองใหญ่ ธิดาอาศัยอยู่กับครอบครัวของสามีซึ่งทั้งหมดมีกันอยู่เจ็ดคน คือคุณหญิงแววตาแม่ของสามี สกุล สามีของธิดา และหลานชายอีกสี่คน
ด้วยว่าหลานทั้งสี่ชายเสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่ตอนเครื่องบินตกเมื่อหลายปีก่อน คุณหญิงแววตาจึงส่งเสียเลี้ยงดูพวกเขาต่อ
คุณสกุลสามีรักก็ทำงานแทบจะเจ็ดวันต่อสัปดาห์เพราะต้องดูแลธุรกิจโรงเหล็กต่อซึ่งเป็นธุรกิจสืบทอดของตระกูล ส่วนธิดาเป็นแม่บ้านเต็มเวลาที่มีหน้าที่ดูแลคุณหญิงและอาหารการกินของทุกคนในบ้าน
พรรคหลังมานี้แม่สามีป่วยอิดๆออดๆต้องเข้าโรงพยายาลเป็นว่าเล่น หล่อนบ่นอยากได้หลานสาวซักคนกับธิดาอยู่ตลอด แถมยังขู่กำชับกับลูกชายว่าถ้ามีลูกสาวไม่ได้หล่อนจะไม่ยกสมบัติให้เขากับธิดาเลยซักแดง หนักเข้าก็ขู่ว่าจะเอาเงินและบริษัทกับบ้านขายทอดตลาดแล้วบริจาคให้มูลนิธิเพื่อเด็กกำพร้า
ณ. โรงพยาบาลเอกชนชั้นหนึ่งของประเทศ
หญิงสาววัยกลางคนกำลังนั่งกุมมือตัวเองอยู่หน้าห้องผู้ป่วย เธอตื่นมาส่งแม่ผัวแต่เช้าเพราะหล่อนแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออก
ถึงจะย่างเข้าวัยสามสิบต้นแล้วธิดายังดูอ่อนกว่าวัยมากเพราะไม่เคยทำงานหนัก ใบหน้าของเธอสวยแบบคุณหนูผู้ดี ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาหาตำหนิใดบนร่างกายไม่ได้เลย หุ่นก็เพรียวสวยโค้งเว้าแบบนางแบบ หน้าผากโหนกแบบคนมีโหงวเฮ้งดี ปากนิดจมูกหน่อย ตาโต
ทว่าตอนนี้คิ้วดกคมของคนสวยกำลังขมวดชนกันขณะปากเรียวบางสีชมพูขมุบขมิบ
"หรือว่าคุณแม่จะทำพินัยกรรมไว้แล้วจริงๆว่าจะยกมรดกทั้งหมดบริจาค" สาวสวยพึมพำขณะนั่งกุมมือตัวเองที่สั่นเทาไว้บนตัก
"ธิดา" หนุ่มใหญ่ในชุดสูทดำเดินมาด้วยความร้อนรน เขาออกจากประชุมเช้าที่บริษัทก็รีบขับรถมาหาคุณแม่ที่ยังอยู่ในห้องตรวจ เขาเขย่าแขนภรรยาคนสวยที่มัวแต่เหม่อก้มมองพื้น
"แม่เป็นยังไงบ้างธิดา"
"คุณคะ แม่ยังตรวจอยู่ค่ะ เห็นว่าแน่นหน้าอก" ภรรยาสาวลุกยืนและตอบสามีรัก เธอปรี่เข้ามากอดแขนเสื้อสูทของเขาแล้วยืนเขย่งเท้ากระซิบหูถามต่อ
"หรือว่าที่คุณหญิงแม่ขู่จะเป็นเรื่องจริงคะ"
"จริงสิ ผมถามทนายมาแล้ว ยัดใต้โต๊ะไปหกแสนถึงได้คำตอบ" สามีเอ่ยเสียงดัง
"ชู่วส์! ๆ ๆ ในนั้นเขียนว่าไงคะ" ธิดาเอานิ้วชี้จุ๊ที่ปากและถามสามีต่อ
"แม่ลงไว้ว่าจะยกมรดกทั้งหมดให้หลานสาว หากไม่มีหลานผู้หญิงแล้วหลังแม่ตายให้ยกสมบัติทั้งหมดบริจาค ทั้งบ้าน ที่ดิน และบริษัท"
"ห๊ะ! หมดเลยเหรอคะ"
อือ! สามีพยักหน้าตอบอย่างคอตก
"งั้นฉันว่าช่วงนี้คุณลาพักร้อนซักเดือนแล้วเรามาตั้งหน้าตั้งตามีลูกกันเถอะค่ะ เรื่องที่บริษัทแต่งตั้งผู้จัดการซักคนช่วยงานไปก่อนก็ได้"
เมียรักเอ่ยและเขย่าแขนสามีจนเสื้อสูทยั
"แต่" สกุลเกาหัว
"ตอนนี้เรื่องที่บ้านมันหนักแล้วนะคะ มรดกต้องมาก่อน ขืนไปบริหารแล้วต้องขายบริษัททิ้งแล้วจะได้อะไรคะ ไม่ต้องทำมันแล้วงาน มาทำลูกนี่" ธิดายืนเขย่งเท้าเป่าลมปากใส่หน้าผัว
"ไม่ใช่อย่างนั้น" สามีตอบและเสยผมหน้าที่ปลิวเพราะลมปากเมียสาวคนสวย
"แล้วอะไรคะที่คุณกลัว ไหนพูดมาซิ" ธิดาถอยหลังและยืนกอดอกมองตาสามี
"แต่ผมเป็นหมันรึเปล่าน่ะสิ ที่ผ่านมาเราทำกันกี่ปีแล้ว ไม่ว่าจะลูกชายหรือลูกสาวก็ไม่ได้ซักคน" สามีโพล่งออกมาอย่างอัดอั้น จู่ๆพยาบาลในห้องตรวจก็เปิดประตูออกมาด่า
"คุณคะ เบาเสียงค่ะ ถ้าเบาไม่ได้ก็กรุณาลงไปรอข้างล่างนะคะ"
ปั่ง! พยาบาลเอ่ยแล้วปิดประตูกระแทกใส่
"งั้นเราไปตรวจกันเถอะนะคะ ฉันอาจเป็นฝ่ายมีลูกยากก็ได้"
"อือ! ก็ดี ไปตอนนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นที่ใครหมอก็คงช่วยหาทางออกได้" สามีตอบและบีบมือน้อยของเมียคนสวยลงลิฟท์ไปชั้นล่าง
หลังจากเข้าห้องตรวจได้ชั่วโมงกว่าๆคุณหมอก็เอ่ยกับคู่สร้างคู่สมที่เหมาะกันราวกับกิ่งทองใบหยกว่า
"หมอเสียใจที่ต้องบอกว่าคุณผู้ชายไม่สามารถมีลูกได้นะครับ"
"ห๊ะ" ธิดาตาค้าง
"ผะ ผม ผมเป็นหมันหรือครับ" สกุลปากสั่น พูดผิดๆถูกๆ
"จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ครับ" หมอยิ้มแห้งก่อนตอบ
"คุณหมอครับ ช่วยผมด้วยนะครับ ช่วยให้ผมมีทายาทได้ทีครับ" สามีทรุดลงมาคุกเข่ากับพื้นและเงยหน้าอ้อนวอนหมอ ธิดาเองก็ทำหน้าเหวอเพราะสามีเธอเก่งกาจในทุกด้านจนไม่เคยต้องก้มหัวให้ใครเลย
"มันไม่ได้จริงๆครับคุณผู้ชาย มีเงินล้นฟ้าก็ช่วยไม่ได้ครับ แต่เราผสมเทียมให้ได้นะครับ" หมอตอบ
"ใช้น้ำเชื้อคนอื่นหรือคะ ไม่นะ" ธิดาถามกลับ
"ครับ"
ปั่ง! สามีลากแขนเมียรักเดินออกห้องแล้วปิดประตูกระแทกใส่หน้าหมอ
ทั้งสองจับมือกันออกมาอย่างคอตก ก้มหน้ามองเท้ากันและกันและเดินอย่างไร้จุดหมาย
"ถ้าใช้น้ำคนอื่น ไม่ได้แน่ แต่ว่ามันต้องมีทางออกสินะ" สามีดีกรีนักธุรกิจใหญ่ไฟแรงเอ่ยขณะเอามือลูบหนวดเคราแข็งสั้นบนคางตัวเอง
"หวังว่าคุณหญิงแม่จะอยู่นานพอจนคุณคิดออกนะคะ" ธิดาเอ่ยและเอียงแก้มพิงไหล่สามี
"เดี๋ยวนะ น้ำเชื้อคนอื่นไม่ได้ ลูกออกมาหน้าแปลกหรือโดนตรวจพินัยกรรมก็เป็นโมฆะ แต่ ๆ ๆ" สามีเอ่ย
"ก็นั่นแหละค่ะ คุณจะพูดอะไรคะ" ธิดาชักจะอารมณ์เสีย
"แล้วถ้าคุณมีอะไรกับคนในบ้านล่ะ ผมมีหลานชายตั้งสี่คนแน่ะ ยังไงให้ตายพวกเขาก็สายเลือดเดียวกันกับผมและพี่ชายผม งานนี้ลูกสาวเราได้มรดกไปเต็มๆ เยส"
สามีเอ่ยและชูกำปั้นชกลม เขาดีอกดีใจโดยไม่ถามเมียซักคำว่ายินดีจะร่วมหลับกับหลานไหม หรือคนไหน
"จะบ้าเหรอคุณ หลานคุณยังเด็ก" ธิดาหยิกแขนสามีบิดริ้วจนเขียวช้ำ เสื้อสูทยับยู่ยี่คานิ้ว
โอ๊ย! ๆ ๆ "พวกเขายี่สิบกันหมดแล้วนะ เด็กอะไร คิดเสียว่าทำเพื่อตระกูลเราไง หรือว่าคุณจะบ้าตามคุณแม่" สามีเอ่ย
"ฉันไม่ยอมบริจาคมรดกทั้งหมดหรอก แต่" ธิดากอดอกเดินก้มหน้า
"แต่อะไร คนกันเองทั้งนั้น คุณไม่ได้มีชู้ซักหน่อย คิดเสียว่าทำเพื่อครอบครัวนะ เพื่อลูก เพื่อผม เพื่อหลานด้วย ค่อยแบ่งมรดกให้พวกเขา ดีกว่าขายทิ้งไม่ใช่เหรอ" สามีเอ่ย
"แต่ฉันอายนะ จะให้ไปมีอะไรกับพวกเขาได้ยังไงตั้งสี่คน" เมียรักเอ่ยและเอามือทาบแก้มที่แดงฉ่ำ รู้สึกแปล๊บๆในอกเมื่อหน้าหลานรักแต่ละคนผลัดกันลอยเข้ามาในหัว ซักพักก็เสียวหวิวๆในท้องน้อยเหมือนตอนนั่งรถแล้วตกหลุมก็ไม่ปาน
"เถอะน่ะ เลือกคนไหนก็บอก คืนนี้ผมจะไปคุยกับพวกเขาให้ คุณน่ะไม่ต้องอาย แต่งตัวสวยๆแล้วนอนรอก็พอ นะครับนะที่รัก"
สกุลเอ่ยและเอามือลูบหัวจับคางเมียสาวคนสวย
"แล้วพวกเขาจะยอมไหมคะคุณนี่ มีแฟนกันหมดแล้วมั้ง" ธิดายืนบิดเอว แค่นึกตามแผนการณ์ร้ายของสามีขณะยืนหนีบขาแน่นก็ร้อนผ่าวที่ร่องสวาทเสียแล้ว
"โห คุณสวยขนาดนี้ มีหรือผู้ชายหน้าไหนที่ไม่อยากจะเอาคุณ บอกแล้วไงผมคุยเอง"
"แต่มันต้องคืนนี้เลยเหรอคะ ฉันยังไม่พร้อมไหมล่ะ"
"แล้วคุณคิดว่าแม่ผมจะอยู่อีกนานไหมล่ะ" สามีหันซ้ายหันขวาแล้วก้มกระซิบหู
"อือ! ก็ได้ค่ะ ไม่ได้แช่งคุณหญิงแม่นะคะ แต่ฉันพร้อมก็ได้ค่ะ" เมียรักยืนเขย่งเท้ากระซิบหูสามี
นางเอกถูกสามีนอกใจแต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอยอมเป็นเมียโง่เพื่อที่ได้แอบกินตับกับพ่อผัว ลูกเลี้ยง หลานชาย และคนสวนในบ้าน สรุปแล้วเธอเสียสามีไปแค่คนเดียว แต่กลับได้ชู้ในบ้านเพิ่มเป็นสิบๆคน
หลังจากโดนผัวทิ้งตอนน้ำหนัก80กิโลแจมก็ผันตัวมาออกกำลังกายดูแลสุขภาพอย่างหนักหน่วง เพียงไม่กี่ปีเธอก็กลายเป็นสาวหุ่นดี แถมยังมีสถาบันฟิตเนสทาบทามให้ไปเป็นเทรนเนอร์สุดสวยประจำยิมเสียด้วย แต่ด้วยการที่ต้องหาลูกเทรนและทำยอดขายช่างยากเย็นไม่ต่างอะไรกับการขายประกัน ล่าสุดแจมเกิดปิ๊งไอเดียใหม่เพื่อหาคนมาเทรนด้วย เธอชอบยั่วยวนลูกชายเพื่อนๆให้มาออกกำลังกายที่ยิมแล้วหลอกกินตับ ไปๆมาๆได้ทั้งคู่นอนได้ทั้งค่าคอมจนกระเป๋าตุง เรียกได้ว่านับแต่นั้นมาแทบไม่มีวันไหนที่เธอได้นอนคนเดียวเลยซักคืน
นางเอกเปิดสำนักไถ่บาป สร้างลัทธิหลอกลวงผู้คนให้บริจาคเงิน แถมยังใช้ร่างกายที่สวยและสาวยั่วยวนเหล่าคนรวยบ้าตัญหาจนยอมเปย์ให้ทุกอย่าง นอกเหนือจากนั้นยังยั่วสวาทเหล่าหนุ่มวัยรุ่นชายฉกรรจ์ให้มาเป็นสมุนรับใช้งานต่างๆ เพื่อแลกกับการได้สัมผัสกับร่างกายอันไร้ที่ติของศาสดาสาว
กระต่ายถูกเก็บมาเลี้ยงในตระกูลผู้ดีที่มีชื่อเสียงทางสังคม ทว่าเธอกลับพลาดพลั้งไปมีอะไรกับพี่ชาย พอน้องเห็นเข้าก็แบล็คเมล์เธออีก ไปๆมาๆก็โดนคุณปู่ด้วยอีกคน ในไม่ช้าก็คงไม่พ้นพ่อเลี้ยง สรุปแล้วผู้ชายทั้งบ้านโดนเด็กสาวคนเดียวที่เก็บมาเลี้ยงกินตับจนหมด เธออยากได้อะไรก็ต้องให้ เธออยากไปไหนก็ต้องตามใจ เพราะทุกคนต่างก็คลั่งรักเด็กสาวที่ทั้งสวยและสดใส
นาจำต้องเลี้ยงดูลูกติดของน้องเขยเพราะว่าเขากับน้องสาวของเธอนั้นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นับแต่นั้นมาฝาแฝดก็มีคุณป้าคนสวยเพียงคนเดียวดูแลตลอดมา พอโตเป็นหนุ่มแล้วพวกเขาก็ชอบเล่นกล้ามและไปแข่งประกวดเพาะกายจนได้รางวัลและเงินมามากมาย คุณป้ายังสาวจึงต้องคอยดูแลอาหารการกินและเสื้อผ้าหน้าผมสองหนุ่มอยู่ตลอดเวลา วันดีคืนดีก็ต้องดูแลเรื่องบนเตียงของพวกเขาด้วย ในเมื่อหนุ่มๆพวกนี้ทั้งคึกคักและแรงดี เรียกได้ว่าเผลอทีไรเป็นต้องถึงเนื้อถึงตัวกับนาทุกครั้งไป แนะนำตัวละคร นา นางเอก อายุ29ปี ด้วยความที่เธอมีเชื้อจีนและหน้าเด็กตัวเล็กขาวจึงดูเหมือนสาววัยรุ่น (สายตาสั้น,เฉิ่ม) อภิวัฒน์ น้องเขยของนา (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) เขาเป็นเสี่ยอายุ38 (มีลูกติดมาจากเมียเก่าสองคนเป็นฝาแฝด) นิน น้องสาวของนา อายุ 28 (เสียชีวิต) ปกป้อง หลานแฝดผู้พี่ อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง ปราบปราม หลานแฝดผู้น้อง อายุ18ปี เล่นกล้าม เพาะกาย เรียนปีหนึ่ง *หมายเหตุ แฝดทั้งสองเป็นแฝดคนละฝา หน้าตาและนิสัยไม่เหมือนกัน
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้