ย้อนเวลากลับมาก็ดี หรือจะเป็นเพียงฝันหนึ่งก็ช่าง แต่ข้ารู้แล้วว่าการงมงายกับความรักข้างเดียวนั้นมันช่างน่าเวทนายิ่งนัก ในเมื่อข้าพยายามมามากแล้วแต่ท่านกลับไม่เห็นค่า เช่นนั้นก็พอเท่านี้เถอะ
ตัวละครหลัก
*ฟางหนิงหลิน อายุ19หนาว บุตรสาวของฟางรั่วซานแม่ทัพผู้บัญชาการใหญ่รักษาเมืองหลวง
*เหยาลี่เซียน อายุ18หนาว องค์หญิงเกิดจากฮ่องเต้กับหลัวฮองเฮา(ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน)
*เจียงเจียวซิน อายุ19หนาว บุตรสาวของเจียงจี้ต๋ารองแม่ทัพผู้บัญชาการรักษาเมืองหลวง
*เหยาซีฮัน อายุ24หนาว องค์ชายใหญ่เกิดจากฮ่องเต้กับหลัวฮองเฮา(ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน) ตำแหน่งไท่จื่อหรือองค์รัชทายาท
*เหยาหวังเหว่ย อายุ23หนาว องค์ชายรองเกิดจากฮ่องเต้กับตงฮองเฮา(ฮองเฮาพระองค์ก่อน) ตำแหน่งชินอ๋อง
*เหยาซิงอี อายุ21หนาว องค์ชายสามเกิดจากฮ่องเต้กับตงฮองเฮา(ฮองเฮาพระองค์ก่อน) ตำแหน่งจวิ้นอ๋อง
*สวีจื้อซาน อายุ24หนาว บุตรชายของเสนาบดีสวี เสนาบดีสำนักตรวจราชการ ตำแหน่งองครักษ์
*เสิ่นหลิวหยาง อายุ23หนาว บุตรชายของแม่ทัพใหญ่เสิ่น ตำแหน่งแม่ทัพ
หน้ากระโจมหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่หลังค่ายทหาร มีนายทหารสองคนยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เพียงทหารผู้น้อยสองนายเห็นสตรีผู้หนึ่งเดินมา พวกเขาก็รีบก้มหน้าก้มตาทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“พวกท่านถอยออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับนางสักหน่อย” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่อ่อนโยน
“พระชายา พระองค์ทรงเกรงใจพวกกระหม่อมมากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ แค่เพียงพระองค์ตรัสสั่งมีหรือทหารต้อยต่ำอย่างพวกกระหม่อมจะกล้าไม่ทำตาม”
“เช่นนั้นข้าก็ขอบใจพวกท่านมาก”
“เชิญพระชายาตามสบาย พวกกระหม่อมจะถอยออกไปรออยู่ไม่ไกลมากนัก หากมีเรื่องอันใดพระองค์เรียกพวกกระหม่อมได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อทหารทั้งสองนายพูดจบก็ถอยหลังเดินออกจากบริเวณนั้นไป สตรีสูงศักดิ์เดินเข้าไปด้านในกระโจม ขนาดของกระโจมหลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก ภายในมีสตรีผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าขาดวิ่นเผยให้เห็นผิวขาวเป็นบางส่วน หน้าตามอมแมมเนื้อตัวดูสกปรก รูปร่างผอมโซไร้วี่แววว่าเคยเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจ
สตรีนางนั้นเมื่อเห็นสตรีสูงศักดิ์เดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้นวิ่งมาหานางทันที แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวสตรีสูงศักดิ์โซ่ที่ล่ามขาของนางก็ตึงนางไว้จนล้มลงไปนอนกับพื้น
สตรีสูงศักดิ์ถึงจะตกใจที่นางวิ่งเข้ามาหา แต่เมื่อเห็นนางล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ สตรีสูงศักดิ์ก้าวเดินต่อเข้าไปหานาง และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของสตรีผอมโซ ก่อนจะใช้สายตาเหยียดหยามมองดูนางที่พยายามลุกขึ้นนั่ง
“เจียวซินช่วยข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ”
สตรีที่ถูกล่ามโซ่จับขาของสตรีสูงศักดิ์ไว้และร้องขออย่างน่าเวทนา แต่กลับไร้วี่แววว่าสตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นจะเห็นใจในการกระทำของนาง มิหนำซ้ำนางยังสะบัดขาหนีและมองมายังหญิงสาวที่ถูกล่ามโซ่อย่างดูแคลน
แต่สตรีที่ถูกล่ามโซ่กลับคิดว่าตัวนางเองคงไร้มารยาท เพราะถึงอย่างไรตอนนี้นางและเจียงเจียวซินก็ฐานะแตกต่างกันมาก บวกกับสิ่งที่นางกระทำต่อเจียงเจียวซินก็คงทำให้เจียงเจียวซินโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย
“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันลืมตัวไปจึงได้แสดงท่าทางไร้มารยาทต่อพระองค์ หม่อมฉันขอร้องพระชายาองค์รัชทายาทช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้วหม่อมฉันขอโทษเพคะ พระองค์ยกโทษให้หม่อมฉันได้หรือไม่” นางลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งยกมือไหว้อ้อนวอนขอให้เจียงเจียวซินอภัยแก่นาง
“เจ้าทำอันใดผิดอย่างนั้นหรือ” เจียงเจียวซินพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“หม่อมฉันผิดที่วางยากำหนัดพระองค์กับองค์รัชทายาท ทำให้พระองค์เสียใจ แต่ที่หม่อมฉันทำไปเพียงเพราะหม่อมฉันอยากให้ท่านอ๋องเลิกคิดคำนึงถึงพระองค์ก็เท่านั้น หม่อมฉันคิดว่าหากพระองค์แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ท่านอ๋องจะหันมาสนใจหม่อมฉันบ้าง หม่อมฉันรู้ว่าหม่อมฉันทำผิดต่อพระองค์ หม่อมฉันจึงเลือกวางยาองค์รัชทายาทแทนที่จะเลือกวางยาท่านแม่ทัพ เพราะหม่อมฉันคิดว่าหากให้พระองค์เป็นชายาองค์รัชทายาทก็คงดีกว่าเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพ และนี่เป็นอย่างเดียวที่ทำให้หม่อมฉันรู้สึกผิดต่อพระองค์น้อยลง” นางเอ่ยความในใจที่มีออกมา
“ฟางหนิงหลินนะฟางหนิงหลิน เจ้าคิดจริง ๆหรือว่าข้าเสียใจ ข้าต้องขอบใจเจ้าด้วยซ้ำที่ทำให้ข้าสมหวัง” เจียงเจียวซินหัวเราะเสียงดังพร้อมแสดงสีหน้าเยาะเย้ย
“พระองค์หมายความว่าอย่างไรเพคะ” ฟางหนิงหลินคิ้วขมวดติดกันเมื่อเห็นท่าทางของเจียงเจียวซิน
“เจ้าคิดว่าข้ารักท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ” เจียงเจียวซินยกยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยต่อ
“เปล่าเลย ข้าเพียงแค่รู้ว่าเจ้าชอบท่านอ๋อง จึงคิดอยากแย่งเขามาเพื่อให้เจ้าเสียใจก็เท่านั้น ที่จริงตอนที่เจ้าแต่งกับท่านอ๋องข้าเองก็เจ็บใจอยู่บ้างที่เจ้าสมหวัง และไม่สามารถมีอำนาจมากกว่าเจ้าได้ ข้าต้องขอบใจเจ้ามากจริง ๆที่ทำให้ข้ามีอำนาจมากกว่าเจ้า และที่สำคัญไปกว่านั้นข้ายังสามารถทำให้เจ้าและครอบครัวตกต่ำได้อย่างเช่นวันนี้” เจียงเจียวซินพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างสะใจ
ฟางหนิงหลินถึงกับใบหน้าถอดสีที่ได้รับรู้ความจริงจากปากเจียงเจียวซิน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้นนางก็รู้สึกผิดต่อเจียงเจียวซินมาตลอด แต่ตอนนี้นางได้รู้แล้วว่าไม่ใช่อย่างที่นางคิดไว้เลย นางต่างหากที่เป็นคนตกหลุมพรางกลายเป็นหมากให้ผู้อื่น
เจียงเจียวซินเห็นสีหน้าของฟางหนิงหลินก็ถึงกับยิ้มยกขึ้น นางย่อตัวลงไปนั่งใกล้ ๆกับฟางหนิงหลินก่อนจะเอ่ยเสียงเบา ๆ เพื่อเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆที่นางได้ทำกับฟางหนิงหลินและคนรอบตัวของฟางหนิงหลินด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสาแก่ใจ
ฟางหนิงหลินที่นั่งเหม่อลอยคิดไตร่ตรองความผิดที่นางได้กระทำลงไปด้วยความโง่เขลาและดื้อรั้น นางได้ยินเรื่องราวทั้งหมดน้ำตาก็ไหลอาบแก้มจนหยุดไม่ได้ ก่อนที่นางจะตาเบิกโตเมื่อได้รับรู้สาเหตุการตายของท่านพ่อท่านแม่ว่าหาได้กระทำความผิดไม่ เพียงแต่ถูกใส่ความทำให้ถึงกับตรอมใจตาย เพียงแค่ได้ยินแค่นั้นก็ทำให้สติของนางขาดสะบั้น นางกระชากปิ่นทองที่ปักผมของเจียงเจียวซินอยู่ออกมาโดนที่เจียงเจียวซินไม่ทันได้ตั้งตัว
เจียงเจียวซินกว่าจะตั้งสติได้ก็หลบปลายแหลมของปิ่นไม่พ้นเสียแล้ว นางได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ ปลายปิ่นทองที่แหลมคมปักเข้าที่ลำคอของนางและถูกกระชากออกอย่างรวดเร็ว เลือดสาดกระเซ็นออกมาตามปิ่นที่ถูกกระชากออก
เจียงเจียวซินรีบใช้มือปิดบาดแผลที่คอ ก่อนจะร้องส่งเสียงให้ทหารเวรข้างนอกเข้ามาช่วยพร้อมกับรีบลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลนเพื่อหนีฟางหนิงหลินแต่ไม่ทันเสียแล้ว ฟางหนิงหลินจับข้อเท้าของเจียงเจียวซินจนนางล้มลงก่อนจะลากตัวนางเข้ามาใกล้และขึ้นคร่อมร่างของเจียงเจียวซินไว้
ฟางหนิงหลินใช้ปิ่นกระหน่ำแทงอย่างไม่คิดชีวิตราวกับคนเสียสติ นางไม่สนใจว่าปิ่นนั้นจะทิ่มแทงโดนที่ใดบ้าง นางหวังเพียงแค่แทงให้คนที่อยู่ใต้ร่างได้ตายอย่างทรมานเป็นพอ เจียงเจียวซินทั้งปัดป้องและร้องเรียกทหาร แต่แรงของนางก็ไม่สามารถจะสู้ฟางหนิงหลินที่กำลังคลุ้มคลั่งได้เลย
ทหารที่อยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องก็รีบวิ่งกลับมายังกระโจมทันที เมื่อเขาเปิดกระโจมเข้ามาก็ถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นพระชายานอนอยู่ใต้ร่างของฟางหนิงหลิน เนื้อตัวของทั้งคู่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ถึงจะแยกไม่ออกว่าเลือดนี้เป็นของใคร แต่การที่พระชายาถูกทำร้ายขณะที่พวกเขาทำหน้าที่อยู่นั้น พวกเขาก็คงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้เป็นแน่ ทหารนายหนึ่งรีบตวาดเสียงดังเพื่อให้ฟางหนิงหลินหยุด
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อฟางหนิงหลินหันมาเห็นทหารทั้งสอง ถึงจะทำให้นางหยุดชะงักไปช่วงหนึ่ง แต่ทำให้นางคิดได้ว่าหากครั้งนี้ฆ่าเจียงเจียวซินไม่ได้นางคงไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว นางจึงใช้ปิ่นแทงลงบนอกของเจียงเจียวซินและใช้แรงทั้งหมดกดย้ำลงไป จนในที่สุดเจียงเจียวซินก็นอนตาเหลือกแน่นิ่งไป
ทหารทั้งสองกระชากฟางหนิงหลินออกจากร่างเจียงเจียวซินทันทีที่ถึงตัวนาง นางตั้งสติได้และรับรู้ชะตาที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง เมื่อเห็นมีดสั้นที่อยู่ข้างเอวของนายทหาร นางจึงลุกขึ้นไปกระชากมีดสั้นนั้นมา ถึงทหารผู้นั้นจะตั้งสติได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทันที่จะแย่งมีดนั้นมาได้เพราะบัดนี้นางได้ปักมีดสั้นเล่มนั้นลงบนอกของนางเสียแล้ว
นางล้มลงนอนบนพื้นเลือดค่อย ๆซึมออกมาจนไหลกองนองพื้น ภาพสุดท้ายก่อนนางจะหมดลมหายใจ กลับได้เห็นบุรุษที่นางรักวิ่งเข้ามาในกระโจมด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ข้าขอโทษ ความผิดข้าเองหากมีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะไม่ขอเป็นชายาของท่านอีก” นางเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาก่อนจะสิ้นใจไปในที่สุด
‘สวรรค์หรือโชคชะตาที่เล่นตลก คนอื่นทะลุมิติมามีแต่คนรุมรัก ทว่าตั้งแต่ข้าฟื้นมามีแต่คนอยากจะฆ่า ในเมื่อข้าอยากเป็นเพียงคุณหนูเสพสุขไปวัน ๆ แต่บารมีไม่ถึงวาสนาไม่อำนวย เช่นนั้นข้าจะทำตามลิขิตฟ้า กลายเป็นนางร้ายอย่างที่สวรรค์ต้องการ’
เมื่อน้องสาวฝาแฝดแสนอ่อนแอต้องแต่งเข้ามาเป็นฮองเฮาเพื่อมาสืบเรื่องราวการตายของวงศ์ตระกูลที่แท้จริง และได้มาเจอกับฮ่องเต้ที่มีปมฝังใจจนกลายเป็นคนขี้ระแวง แฝดผู้พี่จึงต้องปลอมตัวเป็นน้องสาวเพื่อมาจัดการกับสนมที่ข่มเหงน้องสาวฝาแฝดของนางและต่อกรกับฮ่องเต้ที่ไม่สนใจใยดีฮองเฮาของตนเอง แถมยังต้องตามสืบหาความจริง แต่นางจะสามารถทำได้สำเร็จดั่งที่ตั้งใจไว้จริงหรือ?
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"