ตอนที่ 1
แค่แรกเห็น
“จะเดินคนเดียวให้เต็มทางเลยใช่ไหม”
บัวชมพูเดินหลบชิดริมทางก่อนจะหันไปมองหน้าต้นเสียงที่ตำหนิทั้งที่ทางเดินก็มีออกตั้งกว้างแล้วเธอก็ไม่เดินขวางใคร สักหน่อย
“ขอโทษนะคะ”
หญิงสาวหันไปกล่าวคำขอโทษทั้งที่ตัวเธอเองไม่ใช่คนผิดเพราะด้วยนิสัยส่วนตัวของบัวชมพูแล้วเธอเป็นคนไม่ชอบมีปัญหากับใคร
“ฝึกงานที่นี่หรือมาสมัครงาน”
ชายแปลกหน้าจากที่ทำท่าเร่งรีบกลับเป็นเดินเคียงคู่และชวนอีกฝ่ายคุยด้วยท่าทีที่ดูให้ความสนใจในตัวบัวชมพู
“มาฝึกงานค่ะต้องขอตัวก่อนนะคะกลัวจะเข้างานไม่ทัน”
บัวชมพูรีบขอตัว เธอเริ่มรู้สึกไม่ไว้วางใจชายแปลกหน้าถึงแม้ท่าทีของเขาจะดูภูมิฐานน่าเชื่อถือก็ตาม
สาวน้อยในชุดนักศึกษารีบสาวเท้าเดินให้เร็วที่สุดเพื่อเข้าไปยังออฟฟิศของเธอเพราะระหว่างทางเดินตอนนี้มีผู้คนน้อยนักเธอกลัวว่าจะเกิดอันตรายและไม่อยากพูดคุยกับชายแปลกหน้าเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่
“นักศึกษาคนนี้ฝึกงานอยู่ที่บริษัทผมใช่ไหม”
กวีเรียกเลขาส่วนตัวของเขาเข้ามาหาในห้องพร้อมกับส่งรูปในโทรศัพท์ให้ราตรีได้ดูเพราะเขาอยากรู้ข้อมูลของผู้หญิงที่เขากำลังสนใจ
“ใช่ค่ะท่านประธานเธอชื่อบัวชมพูเพิ่งมาฝึกงานกับเราได้แค่ 1 เดือน”
ราตรีพูดเสียงสั่นเพราะในฐานะที่เธอเป็นทั้งเลขาและหัวหน้าฝ่ายบุคคลรู้ว่าการไม่พานักศึกษาฝึกงานมาแนะนำให้ ท่านประธานรู้จักคงทำให้เจ้านายของเธอไม่พอใจ
“ผมขอประวัติบัวชมพูโดยละเอียด”
กวีสนใจบัวชมพูมาได้เกือบสัปดาห์แล้วเขารู้ตั้งแต่แรกว่าหญิงสาวเป็นนักศึกษาฝึกงานในบริษัทของเขาเพียงแต่ว่ายัง ไม่ต้องการแสดงตัวให้บัวชมพูรู้ว่าผู้ชายที่เธอเจออยู่หลายครั้ง ในเวลามาทำงานคือเจ้านายของเธอเองแต่วันนี้กวีตัดสินใจแล้วว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขารู้สึกชื่นชอบเธอตั้งแต่แค่เพียงแรกเห็น
“ข้อมูลของบัวชมพูค่ะในแฟ้มเป็นประวัติส่วนตัวที่เธอใช้ในการสมัครงานส่วนในซองสีน้ำตาลเป็นรายละเอียดที่ได้จากการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานของเธอถ้ายังมีอะไรที่ไม่ครบคุณกวีบอกราตรีอีกทีนะคะจะได้ช่วยสืบให้”
ราตรีเลขาส่วนตัวที่รู้ใจเจ้านายที่สุดรีบแจกแจงรายละเอียดเพราะหลายครั้งที่กวีเคยใช้ให้เธอไปสืบประวัติของใครและเธอนำมาเพียงแค่ประวัติคร่าวๆก็มักจะโดนตำหนิเสมอครั้งนี้เธอจึงไหวตัวทันรีบสืบข้อมูลเชิงลึกและจากสายตาของเจ้านายในวันนี้ราตรีรู้ดีว่ากวีกำลังให้ความสนใจกับบัวชมพูมากเป็นพิเศษ
“ครอบครัวดีการศึกษาก็ดี”
กวีเลือกที่จะอ่านข้อมูลที่อยู่ในแฟ้มของการสมัครงานก่อนซึ่งจากข้อมูลที่บัวชมพูให้ไหวเธอเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียงอีกทั้งครอบครัวยังมีฐานะปานกลางมีแม่ที่เป็นข้าราชการส่วนพ่อก็เป็นชาวสวน ประวัติคร่าวๆที่กวีอ่านก็ถือได้ว่าเด็กคนนี้มาจากครอบครัวที่ไม่ได้แย่อะไร
“หักมุมเลยชีวิตของเธอนี่หลายรูปแบบจริงๆ”
ประวัติที่อยู่ในซองสีน้ำตาลตรงข้ามกับประวัติในแฟ้ม การสมัครงานอย่างสิ้นเชิงเพราะตอนนี้ชีวิตครอบครัวของบัวชมพูกำลังอยู่ในจุดพลิกผันแม่ของเธอที่ทำอาชีพรับราชการตอนนี้กลายเป็นเพียงผู้ป่วยติดเตียงส่วนพ่อก็ไม่สามารถทำอาชีพที่เคยทำได้เพราะต้องทุ่มเวลาทั้งหมดใช้กับการดูแลแม่
เศรษฐกิจของครอบครัวจากที่เคยมีพออยู่พอกินก็ แปรเปลี่ยนเป็นขัดสนเพราะค่าใช้จ่ายบางส่วนแม่ของเธอไม่สามารถใช้สิทธิ์เบิกของข้าราชการได้โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ในการดูแลความสะอาดในชีวิตประจำวันของผู้ป่วยติดเตียงที่มีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันมากทำให้บัวชมพูต้องใช้เวลาทั้งหมดที่ว่างในการหาเงินเรียนเองและส่งกลับไปให้ที่บ้านด้วย