"ระหว่างเป็นผู้พิพากษากับเป็นเมียผู้พิพากษาอันไหนเป็นง่ายกว่ากันคะ?" "...เอาเวลาที่จีบฉันไปอ่านหนังสือจะดีกว่าไหม..."
ท่ามกลางร่มไม้เขียวขจีข้างริมสระน้ำ ใต้ร่มไม้มีหญิงสาวร่างท้วมคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาตัวโคร่งใส่กระโปรงพลีทยาวคลุมข้อเท้า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหนากำลังสอดส่องเหมือนหาใครอยู่
“ลัลน์จ๋าาา ฉันมาแล้วขอโทษนะที่มาช้าพอดีว่าติดธุระ ขอโทษที่ทำให้แกรอนานนะ” สาวเจ้าร่างบางหน้าตาคมสวย ใส่ชุดนักศึกษาวิ่งกระหืดกระหอบพลางตะโกนเรียกหาเพื่อนรักซึ่งกำลังนั่งรออยู่
“หนูนานี่นะตลอดเลย น่าน้อยใจชะมัด”
“โอ๋ๆๆๆ ไม่โกรธนะจ๊ะลัลน์จ๋า ทำแก้มป่องๆแบบนี้เดี๋ยวพี่มาร์คจะไม่รักนะ” หนูนากล่าวไปพลางหยิกแก้มลัลน์ไปด้วยความเอ็นดู
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่มาร์คเขาเล่า” ลัลน์ว่าพลางหน้าแดงขวยเขินเมื่อหนูนาเอ่ยถึงแฟนหนุ่มของตน
“แหมๆๆ อิจฉาคนรักกันหวานชื่นเนอะ เมื่อไหร่ฟ้าจะส่งผู้ชายหน้าตาดีแบบพี่มาร์คมาให้ฉันซักคนบ้าง”
“ไม่ต้องมาทำแซวเลยมาคุยธุระของเรากันดีกว่า เราไปติดต่อกับทางคณะเรื่องฝึกงานแล้ว เห็นว่าให้ส่งเอกสารฝึกงานภายในอาทิตย์หน้า ว่าแต่หนูนาจะไปฝึกสำนักงานอัยการจังหวัดจริงใช่ไหม แกไม่คิดเปลี่ยนใจไปสำนักงานทนายความกับเราเหรอ” ลัลน์กล่าวเสียงอ่อย ด้วยความเสียดายที่เพื่อนรักนั้นไม่ไปฝึกงานที่เดียวกันกับเธอ ตัวติดกันมาตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งไม่เคยห่าง ต้องมาแยกทางเดินกันตั้งแต่ปี 4 เทอม 2 แต่เธอก็คงกล่าวอะไรไม่ได้มากเนื่องด้วยหนูนาอยากเป็นอัยการ
“ก็แหม สำนักงานที่แกไปขอฝึกเขาเน้นแต่คดีแพ่ง ลัลน์ก็รู้ว่าเราชอบคดีอาญามากกว่า แต่ลัลน์ไม่ต้องน้อยใจไปนะเดี๋ยวเรานัดเจอกันบ่อยๆ ก็ได้นี่นา”
“แล้วหนูนาไปฝึกสำนักงานที่เขาทำคดีอาญาไม่ดีกว่าหรือ ได้เห็นทั้งสำนวนและกระบวนการทั้งหมด” หญิงสาวว่าพลางกระพริบตาปริบๆ อ้อนเพื่อนสาวให้ใจอ่อนไปฝึกงานกับตน
“ไม่ล่ะ เราอยากเป็นอัยการก็ต้องไปดูงานที่สำนักงานอัยการซิ ว่าแต่ลัลน์เถอะตัดสินใจอนาคตได้หรือยังว่าอยากเป็นอะไร หนูนาว่านะคนเก่งๆแบบลัลน์ถ้าไม่ไปเป็นอาจารย์สอนกฎหมายก็ต้องไปเป็นผู้พิพากษาใช่ไหมล่ะ”
“ไม่รู้ซิ ลัลน์ยังตัดสินใจเลย ลัลน์ยังไม่รู้ว่าเส้นทางของตัวเองเลยว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร แล้วหนูนาพูดเพื่อนว่าการสอบเป็นผู้พิพากษามันง่ายขนาดนั้นแหละ” ลัลน์ถอนหายใจคิดหนักถึงอนาคตของตนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ที่เธอเลือกฝึกสำนักงานทนายความก็เพื่อจะไปสอบทนายตามเส้นทางที่คนเรียนนิติศาสตร์ไปเท่านั้นเอง
“ถ้าการสอบเป็นผู้พิพากษามันยากนัก สู้หาผัวเป็นผู้พิพากษาน่าจะแทนความฝันได้นะ” หนูนากลั้วหัวเราะลั่นชอบใจกับมุกของตนเองที่ดูเหมือนว่าลัลน์จะไม่ตลกด้วย
“หนูนา!!! พูดอะไรก็ไม่รู้ ลัลน์มีพี่มาร์คแล้วนะจะให้ไปหาผู้พิพากษาที่ไหนเล่า อีกอย่างลัลน์ว่าระหว่างเป็นแฟนผู้พิพากษากับเป็นผู้พิพากษาเอง ลัลน์ว่าอย่างหลังน่าจะง่ายกว่านะ”
“ในอนาคตไม่แน่ลัลน์อาจมีท่านๆ มาจีบก็ได้ใครจะไปรู้”
“ชิ เราไม่ฟังหนูนาแล้ว เดี๋ยวเราขอตัวไปซื้อเค้กให้พี่มาร์คก่อนนะ ส่วนเรื่องฝึกงานพรุ่งนี้เราไปติดต่อที่ฝึกงานด้วย” หญิงสาวกล่าวไปเก็บของใส่กระเป๋าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อพูดถึงคนรักของตน
“จ้าาาา เชิญเลยจ้าสาว เพื่อนคนนี้ไม่เป็นไรเลย ลัลน์ทิ้งเราไปหาพี่มาร์คได้เลย ขอให้รักกันนานๆนะย่ะ”
“ลัลน์ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับหนูนาแล้ว ลัลน์ไปก่อนนะขับรถกลับดีๆ ล่ะ” เมื่อลัลน์เดินไปเรียกรถหน้ามหาวิทยาลัย ลมหอบหนึ่งพัดผ่านลัลน์ไปอย่างเย็นยะเยือก ขนกายลัลน์พลางลุกซู่ราวกับจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหนูนาใช่ไหมพึ่งจะแยกจากกันเอง หญิงสาวคิดในใจก่อนที่จะขึ้นรถแท็กซี่ไป
“ลุงคะ ไปคอนโด SMM แถวสยามค่ะ”
“ได้ครับ”
หญิงสาวเมื่อบอกจุดหมายเสร็จจึงมองหน้าต่างจ้องวิวข้างทาง นึกถึงความรู้สึกเมื่อกี้อย่างใจไม่ดี คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก วันนี้วันเกิดพี่มาร์คอย่าพึ่งคิดฟุ้งซ่านเลย ลัลน์สะบัดหน้าไล่ความคิดไม่ดีออกไป
‘พี่คะ หนูขอโทษนะคะดูเหมือนว่าวันนี้หนูจะไปหาพี่ไม่ได้แล้ว ไว้พรุ่งนี้ตอนบ่ายเราไปฉลองวันเกิดพี่ด้วยกันนะคะ’
‘หืมม พี่น้อยใจแย่เลยวันเกิดพี่ทั้งที พรุ่งนี้ห้ามผิดนัดนะครับคนดี’
ลัลน์ส่งข้อความหลอกแฟนหนุ่มของตนแล้วนั่งอมยิ้ม ปกติเธอจะไปฉลองวันเกิดของพี่มาร์คตลอด พี่มาร์คคงจะตกใจมากที่เธอเซอร์ไพรซ์วันเกิดเขาด้วยวิธีนี้ พลางกอดของขวัญในกระเป๋าแล้วนึกหน้าเจ้าของวันเกิดอย่างมีความสุข
เมื่อรถขับมาจอดถึงคอนโดหญิงสาวจึงลงจากรถ เธอมาคอนโดหรูของพี่มาร์คกี่ทีเธอก็ไม่ชินเอาซะเลย ด้วยฐานะทางบ้านของเธอแค่พอมีเงินพออยู่พอกิน ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแฟนหนุ่มแถมเธอยังหน้าตาเธอยังไม่ดี เพียงพอไปวัดไปวาได้เท่านั้น ไม่อาจที่จะเชิดหน้าชูตาได้ แต่แฟนหนุ่มของเธอก็ไม่ได้สนใจ ทำให้ลัลน์หลงรักชายหนุ่มเป็นอย่างมาก เธอกอดของขวัญที่เตรียมไว้แนบอกแล้วจึงเดินเข้าไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปหาแฟนหนุ่มของเธอ
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"