เขาเดินทางมาหาคู่หมั้นของตัวเองเพื่อจัดการเรื่องแต่งงาน แต่พบว่าเธอสติไม่ดี ถูกขังเอาไว้ที่ห้องใต้หลังคา! เขาจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อค้นพบความผิดปกติมากมายภายในบ้านของเธอ!
เขาเดินทางมาหาคู่หมั้นของตัวเองเพื่อจัดการเรื่องแต่งงาน แต่พบว่าเธอสติไม่ดี ถูกขังเอาไว้ที่ห้องใต้หลังคา! เขาจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อค้นพบความผิดปกติมากมายภายในบ้านของเธอ!
1
“อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา”
กรี๊ด!!! เสียงกรีดดังขึ้นจากห้องสี่เหลี่ยมใต้หลังคา ทั้งยังมีกลิ่นอับอบอวลไปทั่ว เสื้อผ้าข้าวของในนั้นทั้งเก่าทั้งโทรมไม่น่ามอง
“นี่แหละค่ะคุณไนล์ ยายวดีเป็นบ้ามาเกือบสองปีแล้ว พวกเราไม่รู้จะทำยังไงก็เลยจับขังเอาไว้ในห้องใต้หลังคาน่ะค่ะ” กฤติกาถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะงับประตูปิดอย่างเบามือ
“งั้นเรื่องแต่งงานของผมกับวดีเป็นอันยกเลิกใช่ไหมครับ” นนทกรเอ่ยขึ้น
“ผมมาที่นี่ก็เพื่อแต่งงานตามคำคุณพ่อคุณแม่แล้วก็คุณย่า แต่ในเมื่อเจ้าสาวสติไม่ดี เขาก็ควรยกเลิก”
“คุณไนล์ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”
“ผมไม่ใช่คนใจดีที่ยอมแต่งงานกับคนบ้าหรอกนะครับ แล้วผมเขาก็ไม่ได้รักเธอด้วย เหตุผลสำคัญอีกข้อคือ เธอต้องเป็นภรรยาออกนอกหน้าของผม สติไม่ดีแบบนี้จะเอาไปทำไมกันครับ ออกงานก็ไม่ได้”
“คุณไนล์คิดไปไกลเชียวนะคะ”
“ยิ่งเรื่องการปรนนิบัติพัดวี งานบนเตียงยังไม่ได้เลย บ้านช่องก็ต้องดูแล ผมอยากได้เมียที่เป็นเมียจริงๆ มีลูกให้ผมได้นะครับ” นนทกรพูดตรงจนกฤติกาหน้าเหวอ
“และสำคัญที่สุดคือผมต้องรักเธอ และเธอก็รักผมด้วย เราสองคนรักกันครับ”
“คุณไนล์ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ” กฤติกาพยายามบอกให้ชายหนุ่มใจเย็น
นางมีแผนการร้ายในใจที่ทำให้ลูกเลี้ยงเป็นบ้าเพราะอยากให้ลูกสาวของตนไปแทนที่ลูกเลี้ยง ได้แต่งงานกับนนทกรแทน แต่ถ้านนทกรไม่เลือกลูกสาวของตนอยากแต่งกับคนบ้า นางก็ไม่ขัดเพราะได้สินสอดทองหมั้นเหมือนกัน แต่นางก็ไม่อยากให้ลูกเลี้ยงมีความสุข ให้มันแต่งงานไปแบบบ้าๆ นั่นแหละ
“ที่ผมมาที่นี่ เพื่อที่จะมาลองคบหาดูใจและศึกษานิสัยใจคอกับรัตนวดีก่อนแต่งงาน ถ้าเข้ากันได้ดีก็ไปต่อ เข้ากันไม่ได้ก็แยกย้าย ซึ่งก่อนมาผมก็ได้ตกลงเรื่องนี้กับครอบครัวแล้วครับ”
“ค่ะ” กฤติการับคำ สีหน้าปั้นยาก ไม่คิดว่าจะโดนเป็นชุดขนาดนี้
“ที่บ้านของผมไม่มีการบังคับแต่อย่างใด พวกท่านก็อยากให้ผมได้ลองมาศึกษานิสัยใจคอรัตนวดีดูก่อน ผมจึงยอมทำตามความต้องการเดินทางมาที่นี่”
“น้าเข้าใจค่ะ” กฤติกาแสร้งทำเป็นเข้าอกเข้าใจชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า
“ผมกับรัตนวดีเคยเจอหน้ากันตอนเด็ก ซึ่งนานมากแล้วนะครับ ในขณะที่ผมถูกส่งไปเรียนต่อเมืองนอกกับลุงและป้า ท่านเสียชีวิต ผมจึงเดินทางกลับมา ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่กลับมาหรอกครับ” ลุงกับป้าของเขาไม่มีทายาทจึงขอเขาไปเลี้ยง เพราะบิดามารดาของเขามีพี่สาวอีกคน
“แต่น้าก็ยังมีลูกสาวอีกคนนะคะ ยายภาน่ะเป็นเด็กดี เรียบร้อยอ่อนหวาน การบ้านการเรือนก็ไม่มีที่ติ คุณไนล์ไม่ลองพิจารณายายภาดูก่อนล่ะคะ ครอบครัวเราจะได้เป็นดองกันตามคำผู้ใหญ่ไงคะ” กฤติกาเสนอภารดี ลูกสาวของตนให้กับนนทกร
นนทกรเดินทางมาที่นี่ก็ต้องพักอยู่อีกหลายวัน ทั้งยังพาลูกน้องมาด้วยสองคน นางก็จะให้บุตรสาวเอาอกเอาใจชายหนุ่มให้มากที่สุด ผู้ชายโดนมารยาหญิงเข้าไป รับรองว่าไปไหนไม่รอด
กฤติกาเป็นภรรยาใหม่ของพงศ์รวิชญ์ ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้หลังจากจิรวดีเสียชีวิตไปได้ปีเศษ ในคราแรกก็มีท่าทีรักใคร่รัตนวดีนั่นแหละ แต่พอมีลูกของตัวเอง ก็รักลูกตัวเองมากกว่า
ใครจะรักลูกนอกไส้ได้ล่ะ ยังไง ๆ คนเป็นแม่อย่างเธอก็ต้องรักลูกในอกมากกว่า
“ผมต้องเรียนคุณน้าตามตรงนะครับ ว่าผมมาที่นี่เพื่อมาเจอรัตนวดีคู่หมั้นของผม และจะลองคบหาศึกษานิสัยใจคอของเธอก่อนแต่งงานน่ะครับว่าไปกันได้ไหม แต่ผมไม่ได้คิดจะแต่งงานในทันที ตามที่คุณน้าเข้าใจ”
“น้าเข้าใจค่ะ คนหนุ่มแบบคุณไนล์คงไม่อยากให้ใครจับคลุมถุงชน แต่ถ้าถูกใจกันจริงๆ จะแต่งเลยน้าก็ไม่ว่านะคะ” กฤติกาแสร้งทำเป็นเข้าใจ ก่อนจะร้องห่มร้องไห้ออกมา
“ตั้งแต่คุณพงศ์ล้มป่วยและเสียชีวิต น้าก็ต้องรับภาระทุกอย่างในบ้าน มีแค่ลูกสาวเท่านั้นที่เป็นแก้วตาดวงใจ น้าแค่หวังว่ายายภาจะเป็นฝั่งเป็นฝาน่ะค่ะ คุณพงศ์รวิชญ์เคยบอกเอาไว้ ว่าให้ลูกคนใดคนหนึ่งแต่งงานตามคำมั่นสัญญาที่ได้เคยให้ไว้กับคุณพ่อของคุณน่ะค่ะ”
“ลูกคนใดคนหนึ่งเหรอครับ” นนทกรขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน
“ใช่จ้ะ น้าเองก็ไม่อยากจะพูดมาก แต่ยายวดีน่ะทำตัวเหลวไหล คบผู้ชายไม่ซ้ำหน้า จนตอนนี้เป็นบ้าไปแล้ว เพราะไปทำแท้งมา หลอนว่ามีผีเด็กมาหลอก เคยเล่นยาด้วยนะคะ ตอนนี้น้าก็ดูแลไปด้วยความเวทนาน่ะค่ะ สงสารยังไงก็เป็นลูกอีกคน”
“แล้วไม่พาไปรักษาเหรอครับ”
“พาไปแล้วค่ะ ไม่หาย อาการไม่ดีขึ้น อาละวาดจนหมอยังตกใจเลยค่ะ แกหนีออกมาจากโรงพยาบาล น้าเลยต้องล่ามโซ่แกเอาไว้น่ะค่ะ”
“ผมว่าน่าจะพาไปส่งโรงพยาบาลบ้านะครับ”
แค่ก แค่ก แค่ก...
อีกด้านหนึ่ง รัตนวดีสำลักน้ำที่กำลังดื่มเข้าไป ทำให้เธอต้องตบอกตัวเองไปมาเบา ๆ
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
"เราเคยสัญญากัน...ใต้ดาวดวงนั้น ว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน แต่บางครั้ง...การจากลาไม่ได้เกิดจากคนที่อยากไป และเมื่อเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คำสัญญานั้น...ยังจะมีความหมายอยู่ไหม"
“เธอคือเจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการ แต่กลับเป็นผู้หญิงที่เขาไม่อาจปล่อยไปได้” แต่เมื่อเขายิ่งอยู่ใกล้เธอ เขากลับยิ่งอยากครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ ทว่าเธอไม่ใช่หมากให้เขาควบคุม เขาต่างหากที่จะถูกเธอควบคุมและยอมจำนนรักต่อเธอ
คะนึงนิจรักเขาจึงยอมยกทุกอย่างให้เขาทั้งตัวและหัวใจ แต่เขาเพียงแค่หลอกกินฟรี เตะถ่วงเวลาออกไปเพื่อไปหาผู้หญิงที่ดีกว่า ในเมื่อเขาเห็นเธอเป็นของไร้ค่า เธอก็พร้อมที่จะเดินออกมาจากชีวิตของเขา โดยไม่เสียดายผู้ชายหลอกลวงอย่างฉัฐดนัยเลย
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด