เมื่อความเป็นเพื่อนแปรเปลี่ยนเป็นความรัก เลยต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
เมื่อความเป็นเพื่อนแปรเปลี่ยนเป็นความรัก เลยต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
1
“เธอชื่ออะไรเหรอ” หนูน้อยปราชญ์เอ่ยถามเพื่อนบ้านตัวน้อยที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังใกล้ ๆ กัน
“เราชื่อนลิน เรียกเราว่าลินก็ได้” เด็กน้อยวัยเดียวกันตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“เราชื่อปราชญ์เรียกเราว่าปราชญ์ก็ได้ มาเป็นเพื่อนกับเราไหม”
“เอาสิ นายเรียนที่ไหนเหรอ”
“เราเรียนโรงเรียนอนุบาลหวานเย็น”
“จริงเหรอ แม่เราก็จะพาเราไปฝากเรียนที่นั่นด้วย นายก็ต้องใส่ชุดหมี สะพายเป้ พากระบอกน้ำสวยๆ แบบเราสิ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ดีจัง”
“ดียังไงเหรอ”
“จะได้มีเพื่อนเรียนที่เดียวกันไง”
เด็กน้อยทั้งสองเป็นเพื่อนกัน หลังจากทักทายกันวันนั้น เรียกว่าเรียนที่เดียวกันตลอด ไปไหนไปกัน ลุยแหลก วีรกรรมวีเวรจากประถมถึงมัธยมเป็นที่เลื่องลือ
“เย่! ในที่สุดเราก็เรียนจบแล้ว” หมวกบัณฑิตและช่อดอกไม้ถูกโยนขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่ทั้งสองจะกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
“เรียนจบแล้วลินไปทำงานกับเรานะ” ปราชญ์เอ่ยชวนเพื่อนสาว
“ตกลง นายชวนทั้งทีไม่ไปได้ไง แต่ต้องให้เงินเดือนสูงๆ นะ ไม่งั้นจะเล่นตัว”
“ขอมาเลย เราพร้อมจ่าย แต่ไปทำงานกับเรา ในตำแหน่งเลขานะ”
“เลขาเหรอ” เธอทวนประโยคของเขา ปราชญ์เป็นครอบครัวนักธุรกิจใหญ่ ในขณะที่ครอบครัวของเธอเป็นศิลปิน แต่ใช่ว่าจะรวยน้อยกว่าเขา เพราะบิดานั้นมีพรสวรรค์ในการวาดรูปแต่เด็ก รูปวาดของท่านมีราคาหลักล้านไปจนถึงหลายร้อยล้านบาท และบิดาของปราชญ์ก็เป็นแฟนคลับบิดาของเธอด้วย
มารดานั้นเป็นแม่บ้าน ชอบทำอาหาร ท่านทำช่องยูทูบเพื่อเผยแพร่สูตรการทำอาหารที่สืบทอดมาจากคุณยาย เธอไม่ได้พ่อมาสักเสี้ยวเดียว แต่ได้แม่มาเต็ม ๆ เลยชอบทำอาหารเหมือนกับท่าน แต่ที่เธอมาเรียนคณะเดียวกันกับปราชญ์ก็เพราะเธอแพ้เดิมพัน เขาบอกว่าถ้าเธอแพ้เดิมพันเขา เธอจะต้องมาเรียนคณะบริหารเหมือนกันกับเขา ซึ่งเธอก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
“ใช่”
“เป็นเลขาต้องทำอะไรบ้าง”
“ดูแลปราชญ์ทุกเรื่อง” เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะยิ้มใส่ตา
“ดูแลทุกเรื่องเลยเหรอ” เธอเบี่ยงหน้าหนีเล็กน้อย ก่อนจะดันใบหน้าของเขาออกห่าง
“ใช่” เขาพยักหน้ารับ
“เรียนจบแล้วนายจะทำงานเลยเหรอ”
“ยังก่อน เราไปเที่ยวกันไหม ความฝันของลินคืออยากไปเที่ยวให้ฉ่ำปอดก่อนทำงานไม่ใช่เหรอ”
“จริงดิ ปราชญ์จะพาลินไปเที่ยวเหรอ”
“จริงสิ เคยสัญญาเอาไว้แล้วไง” เขายื่นมือไปเกี่ยวนิ้วก้อยของเธอ
“สุดยอดไปเลย เราจะไปไหนกันดีล่ะ” ตอนเรียนก็ตั้งใจเรียน พอเรียนจบก็อยากเที่ยวพักผ่อนให้ฉ่ำปอดก่อนจะทำงานอย่างจริงจัง เธอเคยขอเรื่องนี้เขาเอาไว้
เขารู้ดีว่าปราชญ์เพื่อนรักไม่เคยผิดสัญญา รับคำอะไรเอาไว้ ก็จะทำตามนั้นไม่เคยเกี่ยงงอน แต่ถ้าสิ่งไหนเขาทำไม่ได้ เขาก็จะไม่รับปากพร่ำเพรื่อ
“ไปเที่ยวป่า ปีนเขา เที่ยวทะเล แบบที่เราชอบกันไง ลินไปไหม”
“ไปสิ เราลุยแหลกอยู่แล้ว” เธอเป็นขาลุย ไปไหนไปกัน
เขาพาเธอไปเที่ยวทะเล ซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่นั่น เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน กินอาหารทะเลสดๆ สุดแสนอร่อย พักผ่อนอีกสองถึงสามวัน หลังกลับจากทะเล ก็ไปปีนเขากันต่อ จบทริปด้วยกันไปเดินป่าและค้างคืนในป่า
“นี่ถ้าปราชญ์ไม่ใช่เพื่อนลิน พี่กฤษไม่ให้ลินมากางเต็นท์นอนในป่ากับปราชญ์หรอก” กฤษเป็นแฟนหนุ่มของนลิน พอเธอพูดถึงแฟนหนุ่ม ปราชญ์ก็ชะงักมือที่กำลังจัดการกับเต็นท์อยู่ในทันที
“เลิกพูดถึงหมอนั่นสักทีเถอะ”
“ทำไมถึงไม่ชอบพี่กฤษล่ะ พูดถึงทีไร ปราชญ์ก็หงุดหงิดทุกที”
“ก็มันจะมาหลอกลินไง มันเจ้าชู้จะตาย คบไปได้ไงคนแบบนี้”
“นั่นมันในอดีต ตอนนี้พี่กฤษมีลินคนเดียว ไม่เจ้าชู้อีกแล้ว”
“รู้ได้ไงว่ามันไม่เจ้าชู้อีกแล้ว มันอาจจะทำลับหลังก็ได้”
“เลิกพูดเถอะ เดี๋ยวทะเลากัน”
“ใครเริ่มก่อนล่ะ” ปราชญ์ผละจากการกางเต็นท์ ก่อนจะเดินไปตักน้ำริมลำธาร เขาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแรงๆ เติมพลังชีวิตให้กับตัวเอง
แต่พลังชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับเขานั้น คือเพื่อนรักอย่างนลิน เธอเป็นชีวิตของเขา ทำให้เขารู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่อยู่ได้ใกล้ มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า และทำให้เขาหายเหงาได้เป็นอันมาก เนื่องจากบิดามารดาทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาให้เขานัก แตกต่างจากครอบครัวของเธอที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกมากกว่าครอบครัวของเขาเสียอีก เขาจึงได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเธอแบบเนียน ๆ อาศัยว่าเป็นเพื่อนบ้านและเป็นเพื่อนลูกสาวเจ้าของบ้าน ไปกินไปอยู่ที่บ้านของเธอเหมือนสมาชิกคนหนึ่งก็ไม่ปาน
พ่อแม่ของเธอเป็นคนใจดี หัวเราะ ยิ้มง่าย จิตใจดี เขาชอบชีวิตอิสระ ง่าย ๆ สบายมากๆ มากกว่าความตึงเครียดเหมือนครอบครัวตัวเอง ที่บิดามารดาต้องรักษาหน้าตาทางสังคมและค่อนข้างเคร่งเครียดกับงานที่ทำอยู่
มีเงินมากมายไม่ได้หมายความว่าสบาย มีแล้วก็อยากมีอีก บิดามารดามีเงินมากมายแล้ว ก็ยิ่งงานยุ่ง แทบไม่มีเวลาให้กับเขาซึ่งเป็นลูก
เขาเคยคิดอยากให้พวกท่านพอแค่นี้ เงินก็เยอะแล้ว น่าจะเกษียณตัวเองได้แล้ว นอกจากพวกท่านจะไม่หยุด กลับยกหน้าที่อันหนักอึ้งให้เขาได้สืบทอดกิจการของท่าน เรียนจบเขาเลยต้องับช่วงต่อกิจการ ทำงานต่อจากบิดามารดา และต้องนำพาธุรกิจของท่านไปให้ได้
“ที่นี่อากาศดีจัง เราจะพักกันสักกี่คืน” หญิงสาวเดินตามลงไป ก่อนที่จะวักน้ำมาล้างหน้า และเอ่ยถามเพื่อนชายคนสนิท
“สักสองสามวันแหละ อยากพักให้เต็มที่เดี๋ยวก็ต้องทำงานแล้ว” เขามองซีกหน้าสวยหวานของเธอแล้วรู้สึกหวง ที่เขาพาเธอมาที่นี่ เพราะอยากแยกเธอจากแฟนหนุ่ม เห็นอีกฝ่ายอี๋อ๋ออยู่กับหมอนั่นแล้วเขาบังเกิดความรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมา
“เครียดหรือเปล่า ต้องรับภาระอันหนักอึ้งจากคุณลุงกับคุณป้า”
“ไม่นะ แต่ปราชญ์จะไม่ทำงานเหมือนพ่อกับแม่นะ”
“แต่งเพราะหนี้ อยู่ต่อเพราะหัวใจ” ภควัตแต่งงานตามใจมารดา หวังบีบให้ปิ่นมุกขอหย่า แต่ยิ่งเมินยิ่งเห็นว่าเธออยู่ได้อย่างมีความสุข และทำให้ “บ้าน” อบอุ่นขึ้น จนดึงดูดเขาอย่างประหลาด
เธอรักเขาคือเรื่องจริง แต่เขาโกรธเกลียดเธอคือเรื่องจริงเช่นกัน ในเมื่อความรักมันเหนื่อยนัก เธอก็ขอพักใจ ถอยห่างออกมา รอวันหย่าขาดจากพ่อของลูกที่ไม่เคยรักเธอเลย
เมื่อโชคชะตาบังคับให้เขาและเธอซึ่งเป็นคู่กัดต้องกลายเป็นคู่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ! ระหว่างอดีตที่เต็มไปด้วยการปะทะคารม กับปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตร่วมชายคา... เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่แปรงสีฟันยันหัวใจ เขา...ผู้ชายเจ้าเล่ห์ ขี้แกล้ง และขี้หวงอย่างหนัก เธอ...หญิงสาวปากแข็ง ขี้ประชด แต่แอบอ่อนโยนในทุกความใส่ใจ จากบ้านไม้ริมคลอง กลายเป็นสนามรักและสงครามขนาดย่อม ที่ไม่มีใครยอมใคร แต่หัวใจสองดวงกลับเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด... เพราะบางที...โชคชะตาอาจไม่ได้บังคับ แต่มันอาจกำลังพาเขาและเธอ... กลับมายังที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ด้วยกัน
“เขาคือเจ้าพ่อที่ใครต่างหวาดกลัว แต่กลับยอมสยบให้หญิงสาวที่ทั้งโลกเคยมองว่าไร้ค่า...” เมื่อเธอถูกตราหน้าว่าเป็นเพียงหมากในเกมหมั้นหมาย เขากลับเห็นแสงในตัวเธอ และเลือกจะปกป้องด้วยทั้งชีวิตและหัวใจ ท่ามกลางไฟแค้น อำนาจ และความลับของตระกูล หัวใจของคนสองคนค่อย ๆ สานพันธะรักที่ไม่มีใครลบล้างได้ “เธอคือของฉัน ต่อให้โลกทั้งใบต่อต้าน...ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยเธอไป”
เมื่อข่าวฉาวบิดเบือนเปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็นคนที่เขาเกลียด และเมื่อคำสัญญาเก่าของผู้ใหญ่ พาเธอกลับมาในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ที่เขาไม่ต้องการ ลลิล สาวสวยผู้สง่างามและเข้มแข็ง ต้องเผชิญแรงกดดันจากคนในครอบครัว รวมถึง กวิน ชายหนุ่มผู้เย็นชา ผู้มองเธอด้วยสายตาดูแคลน…แต่ไม่อาจละสายตาได้เลย ในความเงียบงันระหว่างพวกเขา...กลับมี ‘หัวใจ’ ที่ค่อย ๆ เรียนรู้กันอย่างไม่รู้ตัว จากความเข้าใจผิด กลายเป็นความผูกพัน จากการดูแคลน กลายเป็นการปกป้อง และจาก ‘คู่หมั้นไร้เสน่หา’ กลายเป็น ‘ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก’
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY