มู่ซินยวี่หยุดหายใจไปชั่วขณะ ในที่สุดก็เริ่มสังเกตได้ว่าน้ำเสียงนั้นดูเหมือนจะแปลกไป
เมื่อหันไปมอง มู่ซินยวี่ก็หรี่ตาลงทันที!
แสงไฟสว่างไสวส่องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายผู้นั้น ไหนจะแผงอกที่ดูแข็งแรงกำยำและไหล่กว้าง ๆ ของเขาอีก
เขาไม่ใช่เสิ่นเจียหวินคู่หมั้นของเธอ แต่คือเสิ่นเจียสวี่ลูกพี่ลูกน้องของเสิ่นเจียหวินที่ไม่ยอมสืบทอดธุรกิจของครอบครัวและหนีไปเป็นนักบินแทน!
“ทำไมถึงเป็นคุณไปได้ล่ะ...…”
เธอหนาวจนตัวแข็งทื่อไปหมด มือเริ่มสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอต้องการจะผลักเขาออกไปโดยสัญชาตญาณในัทนที
แต่เมื่อมือของเธอสัมผัสไปที่หน้าอกที่ร้อนผ่าวของเขา เสิ่นเจียสวี่ก็คว้าข้อมือของเธอไปอย่างง่ายดายและโน้มตัวลงมาทับตัวเธอไว้
“คุณเป็นคนเกี่ยวคอผมและบอกว่าอยากได้เองไม่ใช่เหรอ แถมยังดึงผมให้พาคุณมาที่นี่อีกไม่ใช่รึไง?”
แววตาของเสิ่นเจียสวี่มีประกายความชั่วร้ายฉายแวบขึ้นมาครู่หนึ่ง “เมื่อกี้นี้ คุณเหมือนจะชอบมันมากเลยไม่ใช่เหรอ?”
มู่ซินยวี่กัดริมฝีปากไว้แน่น ในปากเต็มไปด้วยกลิ่นเลือดที่เข้มข้น
เมื่อกี้นี้หลังดื่มไวน์แก้วนั้นเข้าไปเธอก็รู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา พอเห็น ‘เสิ่นเจียหวิน’ เดินออกมาจากห้องส่วนตัว เธอที่กำลังจิตใจสับสนวุ่นวายและเคลิบเคลิ้มไปกับอารมณ์ก็เดินเข้าไปกอดเขาไว้ แต่ใครจะไปคิดล่ะคนที่ออกมาจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาไปซะได้!
“ฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณหนิ!”
เสียงของเธอแหบแห้ง ดวงตาแดงฉาน “ทั้ง ๆ ที่คุณจำเสียงฉันได้ แล้วทำไมถึงยังมาแตะต้องฉันอีกล่ะ!”
เสิ่นเจียสวี่กระตุกมุมปากหัวเราะออกมาเบา ๆ มือใหญ่ ๆ ของเขาจับคางเธอไว้พลางพูดขึ้นว่าด้วยเสียงไม่ใส่ใจว่า “ถ้าผมจำไม่ผิด คำที่คุณเรียกออกมาคือที่รักนะ”
“อีกอย่าง คุณก็แทบจะไม่ให้โอกาสผมได้พูดอะไรเลย จู่ ๆ ก็เข้ามาจูบและลวนลามผม แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงล่ะว่า คุณวางแผนจะทํามิดีมิร้ายผมมาตั้งนานแล้วรึเปล่า?”
มู่ซินยวี่โกรธมากขึ้นกว่าเดิมจนตัวสั่นระริก น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอยกมือขึ้นเพื่อจะตบหน้าเขา!
“ไอ้ชาติชั่ว..... ฉันจะแจ้งตำรวจ! ฉันไม่ปล่อยคุณไปแน่!”
แต่ก่อนที่จะทันได้ตบ เสิ่นเจียสวี่ก็คว้าข้อมือเธอไว้และกดตัวเธอไว้ใต้ตัวของเขา
“ถ้าคุณจะแจ้งตำรวจผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่โถงทางเดินข้างนอกสามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณเป็นคนเดินเข้ามาโดยสมัครใจเอง คงยากที่จะมาเอาผิดผมโทษฐานข่มขืนได้”
สายตาเขาแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย ขณะที่ปลายนิ้วที่หยาบกร้านของเขากำลังลูบไล้อยู่บนริมฝีปากของเธอ “แต่ถ้าตำรวจมา ลูกพี่ลูกน้องของผมก็คงจะไม่ต้องการคู่หมั้นที่ไปอ่อยลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอีก ถึงเวลานั้น คุณลองเดาดูสิว่าเขาจะยังสนใจความเป็นความตายของตระกูลมู่อยู่อีกรึเปล่า?”
มู่ซินยวี่หน้าซีดเผือดลงทันที
เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เสิ่นเจียสวี่พูดมานั้นเป็นความจริง แต่จะให้เธอทนทุกข์อยู่เงียบ ๆ แบบนี้น่ะเหรอ
เธอกับเสิ่นเจียหวินหมั้นกันมาสามปีแล้ว แต่เธอกับเขากลับยังไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ากันมาก่อนเลย
นอกจากนี้ บริษัทก็เพิ่งประสบปัญหาเมื่อไม่นานนี้เอง เงินทุนหมุนเวียนขาดสภาพคล่องอย่างหนัก แถมคุณพ่อก็ยังต้องเผชิญกับการฟ้องร้องเรื่องฉ้อโกงสัญญา จนจำเป็นต้องทุ่มทุนเงินจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะฟื้นฟูบริษัทกลับมา
หากเสิ่นเจียหวินมารู้เรื่องในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เธอคงได้แต่มองครอบครัวตัวเองต้องล้มละลาย แล้วพ่อก็ต้องติดคุกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย
แม่ของเธอจากไปแล้ว เธอไม่สามารถปล่อยให้บริษัทที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของแม่ที่เหลืออยู่พังทลายลงไปได้ แล้วก็ไม่สามารถสูญเสียพ่อไปได้ด้วย
หลังจากลังเลอยู่นาน มู่ซินยวี่ก็ฝืนตัวเองให้กลืนความคาวของเลือดในปากลงไปก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงแหบพร่าว่า “โอเค...... ถ้างั้นคงต้องรบกวนคุณชายเสิ่นช่วยทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยนะคะ ต่อไปพวกเราจะต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายกันอีก!”
หลังจากพูดจบ เธอก็ผลักเขาออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก
“คุณชายเสิ่น คู่หมั้นของคุณสวยซะขนาดนั้น คุณยังจะยื้อไม่ยอมแต่งงานอยู่อีกเหรอครับ?”
น้ำเสียงนั้นฟังดูหยอกล้อเล็กน้อย “สวยขนาดนั้น ถ้าเป็นผมนะ ผมคงจะรีบอุ้มขึ้นเตียงแทบรอไม่ไหวเลยล่ะ”
เสียงของเสิ่นเจียหวินที่ดูเริ่มเมาแล้วดังขึ้นมา “มันน่าสนใจตรงไหนกัน? หมั้นกันมาตั้งนานแล้ว ผมเบื่อจะตายไป ไหนครอบครัวเธอจะยังมาล้มละลายอีก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่บังคับ กลัวคนอื่นจะมองว่าผมผิดคำมั่นสัญญาและหักหลัง ผมก็ขี้เกียจจะสนใจเธอแล้ว”
“แล้วทำไมคุณชายเสิ่นไม่นอนกับเธอก่อนค่อยทิ้งล่ะ ของดี ๆ แบบนั้น คุณทำใจปล่อยให้ผู้ชายคนอื่นได้ไปได้ลงคอเหรอ?”
พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าที่ห้องข้าง ๆ มีคนอยู่ คุยกันราวกับว่าไม่มีใครอยู่รอบตัวเลยอย่างไรอย่างนั้น
ร่างกายของมู่ซินยวี่แข็งทื่อทันที
ที่แท้สิ่งที่เธอคิดก็ไม่ผิดเลยจริง ๆ เสิ่นเจียหวิน…… ไม่ได้ชอบเธอเลย
เธอกำมือแน่น ใจนั้นอยากจะออกไปตบหน้าเขาสักทีซะเดี๋ยวนี้เลย แต่เธอกลับไม่มีความกล้าพอ
ตัวเธอเองก็ทำสิ่งที่ผิดจริยธรรมเช่นกัน หากถูกจับได้ขึ้นมามันจะยิ่งแย่ลงไปอีก
หากไม่ใช่เพราะมีออเดอร์จากเสิ่นซื่อ กรุ๊ปคอยสนับสนุนอยู่ บริษัทคงจะล้มละลายไปนานแล้ว หากสูญเสียสถานะคู่หมั้นกับเสิ่นเจียหวินไป ตระกูลมู่ได้จบเห่ลงแน่!
เธอพยายามข่มความเจ็บปวดในใจเอาไว้ คิดว่ารอให่พวกเขาออกไปกันก่อนค่อยแอบออกไป แต่คนที่อยู่ข้างนอกกลับจุดบุหรี่สูบกัน
กลิ่นลอยเข้ามาตามลม เธอจึงสำลักและไอออกมา
ทันใดนั้นสองคนที่คุยกันอยู่ข้างนอกจึงเงียบเสียงไป หลังจากผ่านไปสักพัก เสิ่นเจียหวินก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูลังเลว่า “…… มู่ซินยวี่?”