อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ณ เมืองเจียง บ้านตระกูลอวิ๋น
“พี่ กลับมาแล้วเหรอ? ถึงคุณหวังจะอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังดูแลคนอื่นได้อยู่นะ อีกอย่างธุรกิจเขาก็ใหญ่โต หลังจากที่พี่แต่งงานเข้าไปแล้ว พี่ก็จะได้เป็นคุณนายหวัง ถือว่าเป็นความโชคดีของพี่เลยนะ” พออวิ๋นเหยาเห็นอวิ๋นเจินเดินเข้าประตูมา เธอก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยความสะใจทันที
ก่อนที่อวิ๋นเหยาจะพูดจบ อวิ๋นเจินก็สาวเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วก็ตบหน้าอวิ๋นเหยาเข้าอย่างจัง
“งั้นฉันขอมอบความโชคดีนี้ให้เธอ เธอเอาไหมล่ะ? เธอเป็นคนใส่ยาลงในไวน์ใช่ไหม?”
ในดวงตาสีดำเข้มของหญิงสาวที่มีผิวขาวอมชมพูแฝงไปด้วยการประชดประชัน ซึ่งสายตาของเธอดูน่ากลัวอย่างมาก
อวิ๋นเหยาตะโกนขึ้นมาว่า “โอ๊ย” ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็มีลายนิ้วมือทั้งห้าปรากฏขึ้นมา
“อวิ๋นเจิน! นังเด็กเหลือขอ! นี่แกบ้าไปแล้วรึไง? แกกล้าดียังไงมาตบเหยาเหยาแบบนี้ฮะ?” เมื่อเสิ่นหยู่หลานเห็นลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองถูกตบ เธอก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วก็โมโหจนตัวสั่นขึ้นมาทันที
แกตายแน่! นังสารเลว!
อวิ๋นเจินไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลอวิ๋น
เมื่อสามเดือนก่อน อวิ๋นเจินได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่แล้วตอนที่เจาะเลือดก็ได้พบว่าเลือดของเธอเป็นกรุ๊ปอาร์เอชซึ่งมีแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น
ซึ่งไม่ได้ตรงกันกับกรุ๊ปเลือดของสามีภรรยาตระกูลอวิ๋นแต่อย่างใด จึงหมายความว่าอวิ๋นเจินไม่ใช่ลูกของตระกูลอวิ๋นนั่นเอง
หลังจากอวิ๋นหงเจียและภรรยาทำทุกวิถีทาง ในที่สุดเขาก็หาตัวสายเลือดที่แท้จริงของตระกูลอวิ๋นกลับมาได้ ซึ่งก็คืออวิ๋นเหยานั่นเอง
นับตั้งแต่นั้นมา ตระกูลอวิ๋นก็รู้สึกไม่ชอบอวิ๋นเจินไปโดยปริยาย โดยรู้สึกว่าเธอเข้ามาครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง เข้ามาใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขตั้งนานหลายปีแทนอวิ๋นเหยา
พวกเขาเป็นกังวลใจว่าอวิ๋นเหยาก็จะคิดเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะขับไล่อวิ๋นเจินออกไป
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี เพราะรู้สึกว่าเลี้ยงดูเธอมาโดยเปล่าประโยชน์ตั้งนานหลายปีแล้ว ประจวบเหมาะกับว่าหุ้นส่วนของพวกเขาสนใจในตัวอวิ๋นเจินอยู่พอดี ซึ่งหากทำให้เขาสามารถสมปรารถนาได้ เขาจะลงทุนให้ตระกูลอวิ๋นยี่สิบห้าล้าน
ดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะโช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ขึ้นมา
พวกเขาจึงวางแผนวางยาอวิ๋นเจิน เพื่อที่จะให้เธอได้ชิงสุกก่อนห่ามกับคุณหวังไป
ทว่าอวิ๋นเจินกลับดันรู้ตัวซะก่อน จากนั้นก็หลบหนีไป
ไม่อย่างนั้นตอนนี้เนื้อคงเข้าปากเสือไปแล้ว
น้ำเสียงของอวิ๋นเจินเย็นชาอย่างมาก “เธอวางยาฉัน แถมยังเสียงดังโวยวาย พูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าฉันอีก แล้วฉันไม่ควรตบเธอรึไง?”
“พี่ ฉันหวังดีกับพี่นะ ฉันได้ยินจากคุณแม่บอกว่าตอนนั้นที่อยู่ในชนบทมีการหยิบลูกผิดเกิดขึ้น ความจริงแล้วครอบครัวของพี่น่าจะเป็นคนชนบท ตอนนี้ที่พี่จะได้แต่งงานเข้าไปเป็นคุณนายน้อยในตระกูลหวัง มันก็ถือว่าเป็นเหมือนพรที่พระเจ้าประทานมาให้ไม่ใช่รึไง?” สีหน้าอวิ๋นเหยาดูเสียใจ แต่จริง ๆ แล้วเธอเกลียดชังจนกัดฟันกรอดอยู่
นังชั่ว แกมันสมควรตาย ยังจะกล้าดีมาตบฉันอีกเหรอฮะ?
คอยดูเถอะว่าต่อไปฉันจะจัดการแกยังไง?
“ในเมื่อการได้แต่งงานเข้าไปเป็นคุณนายในตระกูลที่ร่ำรวยถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แล้วทำไมเธอถึงไม่ไปแต่งซะเองเลยล่ะ?” อวิ๋นเจินหรี่ตาลง แสงอันเย็นชาปรากฏขึ้นมาในทันที
“นังโง่ คนอย่างแกสามารถมาเทียบกับเหยาเหยาได้ด้วยเหรอ? เหยาเหยาหมั้นหมายกับตระกูลลู่เมืองเจียงไปแล้วย่ะ” เสิ่นหยู่หลานต่อว่าออกมา
“ใช่แล้ว พี่ พี่ลู่เฟิงบอกว่า คนที่เขาชอบมากที่สุดก็คือฉัน” อวิ๋นเหยาพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
เดิมทีคนที่หมั้นหมายกับตระกูลลู่ไว้คืออวิ๋นเจิน แต่เนื่องจากอวิ๋นเหยาเป็นลูกสาวที่แท้จริง ดังนั้นจึงเปลี่ยนไปเป็นอวิ๋นเหยาแทน
ส่วนลู่เฟิงกับอวิ๋นเหยา ต่างฝ่ายต่างก็มีศีลเสมอกันมองตากันก็รู้ใจกัน
เมื่อเห็นใบหน้าอันงดงามของอวิ๋นเจิน ผิวที่ขาวละมุน ออร่าอันเย็นชาแต่แฝงไปด้วยความสง่างรอบตัวเธอ ทำให้อวิ๋นเหยารู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันไม่ได้สนใจพี่ลู่คนนั้นของเธอเลยสักนิด พวกเธอมันก็แค่ชายโฉดหญิงชั่วต้องอยู่ด้วยกันจนตายนั่นแหละ จะได้ไม่ต้องไปเดือดร้อนคนอื่น” อวิ๋นเจินหัวเราะเยาะเย้ยออกมา
“อวิ๋นเจิน พวกเราหวังดีกับเธอนะถึงได้หาคนดี ๆ ให้เธอ แต่ถ้าเธอไม่ค่าในน้ำใจของเรา งั้นก็แล้วแต่ เธอไปหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอซะไป!” อวิ๋นหงเจียรู้ว่าภรรยาและลูกสาวของเขาวางยาอวิ๋นเจิน เขารู้ดีอยู่แกใจว่าตัวเองนั้นไร้เหตุผล
ตอนนี้ในเมื่อเปิดเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว งั้นก็ไม่สามารถที่จะเก็บอวิ๋นเจินเอาไว้ในตระกูลอวิ๋นได้อีก
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หยิบเงินห้าหมื่นออกมา แล้วก็ยื่นให้ไป
“เธอรับเงินนี้ไปเถอะ ตอนนั้นที่พวกเราอยู่อำเภอฉินอวิ๋นเผลออุ้มเธอผิดมา พ่อแม่ของเธอน่าจะอยู่ที่นั่นแหละ”
อำเภอฉินอวิ๋นเป็นสถานที่ที่ยากจนที่สุดในประเทศแล้ว ในแต่ละปีต้องขอเงินบริจาคจากองค์กร
“คุณพี่ ตระกูลอวิ๋นเลี้ยงดูเธอมาตั้งสิบกว่าปี เราไม่ขอค่าเลี้ยงดูจากเธอก็ดีแค่ไหนแล้ว ทำไมคุณพี่ต้องให้เงินเธออีกล่ะคะ? คุณพี่ไม่เห็นที่เธอตบหน้าเหยาเหยาเมื่อกี้นี้รึไง? เธอเป็นคนอกตัญญูจริง ๆ เลี้ยงหมา หมามันยังรู้จักตอบแทนคุณมากกว่าเลย”
ตอบแทนคุณงั้นเหรอ?
อวิ๋นเจินเยาะเย้ยออกมาเล็กน้อย
เดิมทีเธอรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่ใช่ลูกทางสายเลือดของตระกูลอวิ๋น แต่อย่างไรเธอก็อาศัยอยู่กับพวกเขามาตั้งสิบกว่าปีแล้ว ดังนั้นเธอจึงตั้งใจเอาไว้ว่าตอนที่ออกไป เธอจะให้เงินพวกเขาเอาไว้สักก้อนหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องแล้วล่ะ
อันที่จริงอวิ๋นหงเจียไม่เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารจัดการแต่อย่างใด ส่วนเสิ่นหยู่หลานก็รู้แค่การใช้จ่ายเงินในการช้อปปิ้งเท่านั้น ช่วงหลายปีมานี้ถ้าหากว่าเธอไม่ได้อยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือในหลาย ๆ เรื่อง อวิ๋นซือ กรุ๊ปคงล้มไม่เป็นท่าไปนานแล้ว
อวิ๋นเจินเห็นถึงธาตุแท้ของความละโมบ และความโหดเหี้ยมของคนในครอบครัวนี้หมดแล้ว
“ต้องขอบคุณคุณอวิ๋นมากเลยนะคะ แต่ไม่จำเป็นหรอกค่ะ” สีหน้าของอวิ๋นเจินดูเย็นชาราวกับสระน้ำที่เย็นยะเยือก ริมฝีปากบาง ๆ ของเธอขยับไปมา
หลังจากพูดจบ อวิ๋นเจินก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บข้าวของของเธอทันที
อวิ๋นเหยาจึงรีบตามขึ้นไปชั้นบนด้วย
ตอนที่ลงมาชั้นล่าง อวิ๋นเจินแค่แบกกระเป๋าสีดำเก่า ๆ ใบหนึ่งมาด้วยเท่านั้น
อวิ๋นเหยาตามหลังเธอไปและพูดขึ้นมาอย่างหน้าซื่อใจคดว่า “พี่ เดี๋ยว เสื้อผ้าพวกนี้มีแต่ของที่ยังไม่ได้ใส่ทั้งนั้นเลย พี่จะเอาไปด้วยก็ได้นะ ได้ยินว่าบ้านพี่ที่นั่นจนมากเลยหนิ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ยื่นมือไปดึงกระเป๋าหนังสือของอวิ๋นเจินมา
หลังจากเสียง “แกว๊ก” ดังขึ้นมา ของในกระเป๋าก็ร่วงตามเสียงลงมาทันที
ทันใดนั้นสร้อยข้อมือ ‘ซานฉาฮัว’ ที่แวววาวสะดุดตาเส้นหนึ่งก็ร่วงออกจากในกระเป๋า
อวิ๋นเหยาพูดขึ้นมาด้วยความตกใจว่า “นี่....นี่มันของขวัญที่คุณพ่อเพิ่งมอบให้ฉันเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันถึงไปอยู่ในกระเป๋าของพี่ได้ล่ะ?”
ริมฝีปากของอวิ๋นเจินยกขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน
ยัยแอ๊บแบ๊วนี่เริ่มเล่นเกมยัดของโยนความผิดให้คนอื่นอีกแล้วเหรอ?
ดีเลย งั้นเธอก็จะเล่นเป็นเพื่อนด้วย!
“เยี่ยมไปเลย อวิ๋นเจิน นี่แกกล้าขโมยของเลยเหรอฮะ? มิน่าล่ะถึงได้ไม่สนใจเงินห้าหมื่นนั้น ที่แท้ก็ขโมยสร้อยข้อมือมูลค่าห้าล้านไปนี่เอง คนในนี่มันน่ากลัวกว่าคนนอกจริง ๆ ด้วย!” เมื่อนายหญิงตระกูลอวิ๋นเห็นเช่นนั้นก็ก็พูดขึ้นมาด้วยความโมโหเดือดดาลทันที
อวิ๋นหงเจียขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน “อวิ๋นเจิน นี่มันอะไรกัน?”
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป