จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
จางหยู่เสวียนเป็นชื่อที่เธอตั้งให้ตัวเอง แต่องค์กรเรียกเธอว่าหมายเลข 13
“เป้าหมายต่อไป” ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกวางลงตรงหน้า เธอหรี่ตามองโดยไม่พูดอะไร หญิงสาวปฏิเสธงานที่องค์มอบหมายให้ไม่ได้อยู่แล้ว หยิบซองสีน้ำตาลมาถือไว้แล้วก็โค้งให้ผู้บังคับบัญชา มีเพียงความเงียบขานตอบเขา
จางหยู่เสวียนถูกองค์นักฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่จำความได้
เธอได้รับการฝึกวิธีสังหารเป้าหมายมาทุกรูปแบบ ถูกเคี่ยวเข็ญ
ให้เชี่ยวชาญในทุกสาขาอาชีพเพื่อความแนบเนียนยามแฝงตัว ปัจจุบันจางหยู่เสวียนอายุยี่สิบหกปีแล้ว แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากองค์กรนี่สักที
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าตัวเองถูกเลี้ยงมาให้เป็นสัตว์ประหลาด ผ่านร้อนหนาวมาหลายครั้ง เธอย่อมตื่นรู้สักวันว่ามือตัวเองเปื้อนเลือดเกินจะย้อมมันให้เป็นสีเทาดังเช่นคนธรรมดา
เป้าหมายต่อไปของเธอคือผู้ได้ชื่อว่าหมอเทวดาที่อาศัยอยู่กลางกรุงปักกิ่ง ราคาค่าหัวหลายหมื่นล้านหยวนเพียงเพราะไปขัดหูขัดตาลูกค้าในครั้งนี้เข้าจึงถูกสั่งเก็บ ด้วยการบ่มเพาะขององค์กร
จางหยู่เสวียนไม่ผูกมิตรกับใครนอกเวลางาน เธอมีปฏิสัมพันธ์
กับผู้คนเพื่องาน ดังนั้นการพูดคุยกับคนไข้ที่มารอรักษาก็เป็นไปเพื่องาน เพียงจางหยู่เสวียนแสร้งทำตัวน่าสงสารว่าตกงานมานานและ
ของานทำ จะเป็นแค่คนทำความสะอาดก็ได้ หมอเทวดาผู้มีใจเมตตาก็ตอบรับให้เธอเป็นผู้ช่วยทันที
“หมอฟ่านคะ คนไข้คนสุดท้ายกลับไปแล้วค่ะ”
เธอเดินมาบอกเขาหลังปิดคลินิกซอมซ่อนี่เรียบร้อย เพราะฝีมือของผู้ชายคนนี้ทำให้ถูกผู้มีอิทธิพลขัดขวางจนทำงานได้ลำบาก และงานของเธอคือจบชีวิตเขา
“ขอบคุณนะ พึ่งมาทำงานได้สองวันแต่เธอดูคล่องแคล่วมากเลยล่ะ ช่วยได้เยอะจริงๆ”
จางหยู่เสวียนยิ้มตอบและไม่ได้กล่าวอะไรกลับไป
คลินิกซอมซ่อนี่อยู่ในตรอกลึก ผู้คนไม่พลุกพล่าน แม้แต่ตอนกลางวันคนยังหลีกเลี่ยงเส้นทางเพราะสัญจรลำบาก ไม่มีที่ไหนเหมาะแก่การลอบสังหารเท่านี้แล้ว กับดักที่เธอวางเอาไว้เพื่อฆ่า ไม่จะชั้นที่สอง สาม สี่ หรือห้า ก็ต้องสำเร็จสักทาง
“ผู้ช่วยจาง”
“คะ?”
“ถ้าจะฆ่าผม ขอเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหม มีคนไข้ที่ต้องผ่าตัดให้ได้ก่อนน่ะ” จางหยู่เสวียนตกใจจนตาเบิกโพลง เธอทำผิดพลาดไปที่ตรงไหน ทำไมเขาถึงจับได้
“เสียงฝีเท้า”
"..."
“เสียงฝีเท้าของคุณไม่มีเลยน่ะ เป็นคนของโลกฝั่งนั้นใช่ไหม ผมก็เผชิญชีวิตแบบนี้มาพักใหญ่แล้ว พอรู้อะไรบ้างเหมือนกัน”
“ไม่หนีเหรอคะ” ในเมื่อรู้ตัวแล้ว ทำไมถึงยังยอมให้เธออยู่ใกล้ ๆ ล่ะ แถมยังบอกออกมาให้เธอระวังเขาอีก
“ผมหนีคุณไม่พ้นหรอก หากคุณลงมือจริง ๆ ผมไม่ทันมีโอกาสร้องขอชีวิตด้วยซ้ำล่ะมั้ง”
แม้เขาจะพึ่งอายุสามสิบกว่า แต่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวในแง่ประสบการณ์ชีวิตมาไม่น้อย ตอนเจอเธอครั้งแรกเขายังไม่มั่นใจ
แต่พอเห็นเธอทำงานแค่วันเดียวก็ปักใจเชื่อทันทีว่าเธอแฝงตัวมา
และสิ่งเดียวที่เขาจับเธอได้คือเสียงฝีเท้า นักฆ่าคนอื่นก่อนหน้านี้หรือพวกอันธพาลข้างถนน เผยพิรุธออกมาชัดเจน ผู้ช่วยจางคือคนที่มีฝีมือที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
“สองวันนี้ช่วยไปได้หลายคน ผมพอใจมากแล้วล่ะ ถึงจะอยากทำต่อไปอีกหน่อยก็เถอะ แต่ขอแค่เคสผ่าตัดพรุ่งนี้ก็ได้”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
แค่หนึ่งวัน เธอผ่อนผันวันตายให้ได้อยู่แล้ว หมอฟ่านหนีรอดมาได้จนป่านนี้ องค์กรคงไม่เร่งรัดเธอนักหรอกมั้ง อีกอย่างที่เธอไม่ลอบสังหารครั้งเดียวให้จบๆ เพราะอยากเห็นว่าเขาเป็นคนดีแค่ไหน ทว่ายิ่งเห็นยิ่งรู้สึกลำบากใจที่จะลงมือฆ่าคนดี ๆ แบบนี้ แต่
จางหยู่เสวียนลืมไปว่า องค์กรจะไม่เคลื่อนไหวนอกเหนือรายละเอียดว่าจ้าง หากต้องการต้องจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า
จางหยู่เสวียนนั่งประจำเคาน์เตอร์ตัวเดิม มองแสงแดด
ยามบ่ายที่เริ่มอ่อนแสงลง ห้องผ่าตัดที่กำลังดำเนินการ และคลินิกหมอเทวดาที่ร้างคนไข้ ที่ว่ามาทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้องรู้สึกหัวใจกระตุก สถานการณ์ผิดปกตินี้จะเป็นอะไรนอกจากองค์กรถือว่าเธอทำงานพลาด
จางหยู๋เสวียนกลับไปนอนคิดอยู่ทั้งคืน ว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้ดี ที่เธอยอมปล่อยเพราะไม่อยากให้หมอจิตใจดีคนนี้ตาย เทียบกับเธอที่พรากชีวิตคนอื่นมานับไม่ถ้วน หมอฟ่านคือ
ผู้ต่อแสงไฟแห่งชีวิตที่ใกล้ดับ ไม่นานคำตอบก็มาให้เธอยืนยัน
ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดทะมัดทะแมงสีดำเกือบทั้งตัวยิ้มให้ผู้ช่วยสาวจนตาหยีโค้ง
“ผมไม่สบาย คุณหมอว่างไหมครับ”
“ไม่ค่ะ วันนี้คลินิกปิดแล้ว” จางหยู่เสวียนวางมือลงบนต้นขาตัวเอง เลิกชายกระโปรงขึ้นจนสัมผัสได้ถึงโลหะเย็นเหยียบที่แนบ
ผิวกาย
“น่าเสียดายจังครับ ขอพบสักนิดก็ไม่ได้เหรอ เป็นหมอที่ได้ชื่อว่าไม่เมินใครก็ตามที่มาขอความช่วยเหลือนี่ ใช่ไหมล่ะ หมายเลขสิบสาม!”
จางหยู่เสวียนปามีดสั้นเล่มหนึ่งใส่เขาก่อน มันทะลุกระจกหน้าร้านจนแตกไปฝั่งหนึ่งพร้อมกับลูกดอกที่เฉียดหน้าเธอ หญิงสาวยืนตั้งรับรอการโจมตีครั้งต่อไป ช่องว่างของหนีบทั้งสี่หนีบไว้ด้วยมีดสั้นคู่ใจ
“ยังใช้ของน่าเบื่อแบบนั้นอยู่อีกเหรอครับ เป็นรุ่นเก่าก็แบบนี้” อีกฝ่ายไหวไหล่ก่อนจะหยิบปืนเก็บเสียงออกมา จางหยู่เสวียนถอยหลังไปแล้วพลิกตัวไปอีกด้านของห้องทันที เธอไม่ลืมจะปิดประตูแล้วเอาเก้าอี้มาขัดกลอนไว้
“อ้าว ผู้ช่วยจาง ผมเสร็จ...”
ปุ!
กลอนประตูหลุดไปต่อหน้าต่อหมอฟ่าน เขายืนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจางหยู่เสวียนจะหันมาคว้ามือเขาให้วิ่งออกไปด้านหลังพร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้นครับ!” ดีว่าการผ่าตัดผ่านไปด้วยดีและเขาส่งคนไข้กลับทางด้านหลังไปพักหนึ่งแล้ว
“พวกเราโดนไล่ล่า ไม่มีอะไรมากกว่านั้นค่ะ”
“ทะ ทำไมล่ะครับ ก็ในเมื่อคุณจะฆ่าผมอยู่แล้วนี่”
“พวกเขาถือว่าฉันเป็นคนทรยศแล้วค่ะ”
“อะไรนะครับ!?”
“ช่วยเงียบด้วยค่ะ อยากให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั้นหาตัวเจอง่ายๆ หรือไง”
หมอฟ่านหุบปากตามคำสั่งทันที จางหยู่เสวียนกระชากเหวี่ยงร่างผู้ชายที่ตัวสูงกว่าเธอได้สบายมาก หลังแย่งรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้แถวนั้นมาโดยไม่ถามความสมัครเจ้าของรถที่ยืนรออาหาร เธอก็บิดคันเร่งออกมาทันที การขับขี่ฉวัดเฉวียนเฉียดตายบนท้องถนนทำให้หัวใจหมอเทวดาวัยสามสิบกลางๆ หน้าซีด อ้อนวอนต่อพระเจ้า
เมื่อเธอสั่งให้หมอบเขาก็ทำตามทันทีอย่างว่าง่าย กระสุนปืนเฉือนใบหูเขาไปเล็กน้อย ความรู้สึกเจ็บแปลบจี๊ด ๆ ทำให้เจ้าตัวแอบนิ่วหน้า
จางหยู่เสวียนจับมอเตอร์ไซค์เอียงลาดจนหัวเข่าขนานพื้นเข้าโค้ง เสียงเครื่องยนต์และสายลมปะทะกันจนไม่ได้ยินอะไรอื่น ดวงตาใต้แว่นกันลมหรี่ลงเมื่อมีรถวิ่งสวนมาจากทางด้านหน้าแล้วจงใจเบียดเธอ หมายเลขสิบสามกัดฟันกรอด ใช้ฟันถอดสลักระเบิดทำมือแล้วโยนใส่รถคันนั้น
เธอบิดคันเร่งแรงขึ้นจนมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำสายยาวแห่งหนึ่งในมณฑล ไม่มีเวลาแม้แต่ให้โล่งอกเมื่อมอเตอร์ไซค์ดัดแปลงขับปาดหน้าเธอไปดักรอ จางหยู่เสวียนหักหลบกะทันเข้าไปในป่าอีกฝั่ง เพราะสถานการณ์คับขันทำให้เธอไม่ทันคิดว่าปิดทางหนีตัวเอง
เธอทิ้งพาหนะที่ขโมยมาแล้วกระชากหมอฟ่านให้ออกมาจากตรงนั้น เธอไม่รอให้เขาตั้งสตินานนัก เวลาแบบนี้ยืนอยู่กับที่มีแต่ตาย
“หมอฟ่าน ฉันคิดว่าอาจไม่รอด แต่ถ้ารอดไปได้ก็อย่าหาเรื่องเสี่ยงตายอีกล่ะ!” หญิงสาวตะโกนบอกแข่งกับเสียงลม ถึงคนธรรมดาจะสัมผัสไม่ได้ แต่เธอรู้ได้เลยว่ามีจิตสังหารพุ่งมาทิ่มแทงเธอจนหลังแทบพรุน
หมอเทวดาฟังที่เธอพูดได้ไม่ถนัดนัก แต่ก็พอจับใจความได้ แค่วิ่งตามผู้หญิงคนนี้ให้ทันก็หอบแล้ว เงาทั้งสองร่างวิ่งฝ่าพุ่มไม้
จนโดนกิ่งของมันถากผิวจนเป็นแผลไปหลายครั้ง แต่จางหยู่เสวียน
ก็ไม่คิดลดความเร็วฝีเท้าตอนนี้ลง
“ทำไมถึงปกป้องผมล่ะ” หมอฟ่านคิดว่าถ้าไม่ถามตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสถามแล้ว
“...ถ้าคุณเป็นหมอเถื่อน รีดไถค่ารักษา โกงเงินค่ายาหรืออะไรที่สารเลวกว่านั้น ฉันจะฆ่าคุณอย่างไม่ลังเล ตัวฉันที่พรากชีวิตคนอื่นมาตลอดไม่อยากทำให้คนดี ๆ ต้องตายไปมากกว่านี้ เหตุผลก็เท่านั้น”
"..."
“แต่ฉันคงฝีมือตก เป็นแค่เครื่องมือรุ่นเก่าอย่างที่ไอ้เด็กนั่นบอก” น่าเสียดายที่เธอเป็นฝ่ายถูกต้อนจนมุม หลังจากนี้แล้วแต่โชคชะตากำหนด หากเธอต้องตายก็คงไม่เป็นไร หวังว่าหมอฟ่านจะรอดไปได้เท่านั้นพอ
เธอหยุดยืนอยู่ริมฝา สิ้นสุดทางให้หนีแล้ว...
“ขอบคุณที่เป็นเป้าหมายคนสุดท้ายของฉันค่ะ โชคดีนะคะ”
เธอผลักเขาตกลงไปในแม่น้ำสายใหญ่ของเมืองโดยไม่รอ
ฟังคำยินยอมก่อนจะโดดลงไปตาม ทว่าสัมผัสเจ็บแปลบจากแผ่นหลังฝั่งซ้ายทำให้เธอต้องนิ่วหน้า คิดว่าหนีพ้นแล้วเชียว แค่เสี้ยววินาที
ก็ยังดีแท้ ๆ
พลาดท่าโดนยิงเสียได้!
ทั่วทั้งแคว้นอ้ายคงมีเพียงบุรุษเช่นหัวหน้ากลุ่มต้าหยางเท่านั้นที่ยอมแต่งเข้าบ้านภรรยา เพราะนั่นมันเท่ากับว่าเขายอมอยู่ใต้บารมีของภรรยา และยอมให้ภรรยาเป็นใหญ่ ทว่าบุรุษที่อกหักมาสิบครั้งอย่างเขา ไม่อยากจะอกหักเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วนี่นา อีกทั้งคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางเองก็ใจตรงกัน เรื่องธรรมเนียมอะไรนั่นก็ช่างมันเถิด เทียนจื่อซานแทบจะถูกเรียกว่าเป็นบุรุษอาภัพในรัก ด้วยเพราะเวลาไปเกี้ยวสตรีบ้านไหน จุดจบก็หนีไม่พ้นการถูกปฏิเสธ จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับกู้หลินฟาง ไม่แน่ใจว่าเป็นเมตตาจากท่านเทพบนสวรรค์ หรือเทพมารต้องการให้เขาทำลายสถิติอกหักอีกครั้งกันแน่ แต่เขา... เทียนจื่อซานไม่ขอยอมแพ้ และจะเกี้ยวคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางอีกสักครั้ง
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา "ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - - ตัวอย่างในเล่ม “ดูสิ ฉันจะได้อะไร” หลิวตานถูมืออย่างตื่นเต้น ก่อนจะบอกระบบว่าเริ่มสุ่มวงล้อ “ระบบเริ่มสุ่มวงล้อได้เลย” ทันใดนั้นหน้าจอโปร่งใสก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่งามมองวงล้อสุ่มของรางวัลที่หมุนไปมาด้วยความประหม่า เพราะมันเป็นของรางวัลชิ้นแรกที่เธอคาดหวัง ไม่รู้มันจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ขอให้ช่วยสี่แม่ลูกได้ยิ่งดี “เมล็ดพันธุ์ผักกาด?” หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วได้แต่น้ำตาตกในเมื่อของรางวัลที่แลกมากับการไปตัดหญ้ามาให้หมูคือเมล็ดพันธุ์ผักกาด!
ไป่จวิ้นเดิมทีก็เป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อย ที่ไม่น่าจะได้รับความสนใจอะไรในกองทัพ ทว่าเมื่อสงครามจบลง และกลับมาพร้อมชัยชนะ เขาจึงได้เงินรางวัลมาจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญที่ต้องจากบ้านไปเป็นระยะเวลานาน อีกส่วนก็เป็นสินน้ำใจตอบแทนที่เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่ต่างจากคนพิการ เดินเหินไปไหนก็ไม่คล่องแคล่วเช่นเมื่อก่อน และเรื่องนี้ก็สร้างความกลัดกลุ้มให้กับมารดาของเขาอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะส่งเทียบดูตัวไปสักกี่ครั้งต่างก็ถูกปฏิเสธ ทว่ามีเพียงสตรียากจนที่เป็นเพียงบุตรสาวของชาวนาจน ๆ คนหนึ่งเท่านั้นที่ยินยอมแต่งเข้าสกุลไป่ แรกทีเดียวไป่จวิ้นไม่ใคร่จะชอบใจภรรยาของตนนัก ด้วยคิดว่านางยินยอมแต่งกับชายพิการเช่นเขาเพียงแค่เพราะเรื่องเงินทอง แต่ความอ่อนโยนและมุ่งมั่นที่จะดูแลเขาของ จางอวี๋จิง’กลับค่อย ๆ ละลายน้ำแข็งในใจของชายหนุ่มลงอย่างช้า ๆ ส่วนทางจางอวี๋จิง นางก็เริ่มมองเห็นความอบอุ่นของสามีที่นางไม่คิดว่าจะรักได้คนนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน และนางก็ได้ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ว่า จากนี้ไปจะขอเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อเขาไปจนชั่วชีวิต สามีของนางพิการเดินเหินไม่สะดวกแล้วอย่างไร นางจะขอเป็นแขนขาให้แก่เขาเอง
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง