เพราะความผิดพลาดของเหล่าเทพเซียน ไป๋ซือเหยาจึงตายก่อนกำหนด เธอได้มาเกิดใหม่ในร่างของสตรีที่งดงามปานล่มบ้านล่มเมือง ได้ของวิเศษติดกายแทนคำขอโทษ แต่ไฉนไยไม่บอกเธอก่อนว่า ร่างนี้เป็นใบ้และยังมีสามีแล้ว! ชีวิตใหม่ที่ไม่ธรรมดาจึงเริ่มขึ้น แต่ใครก็ได้ช่วยบอกเธอทีว่าไอ้ที่ลอยไปมา นั่นคือผี? ใช่หรือไม่! แล้วที่เธอมองเห็น ชายหนุ่มคนหนึ่งเลือดอาบมา นั่นคือภาพลวงตาใช่หรือไม่ ทว่าวันต่อมาถึงได้รู้ว่า เธอกลายเป็นเทพพยากรณ์ไปเสียแล้ว ไหนหลิวโม่เหยียนสามีของร่างนี้ ที่มีสติปัญญาเท่ากับเด็กสิบขวบ ชีวิตใหม่ของเธอช่างมีสีสันจริงๆ พบกันในเรื่องสะใภ้ใบ้ได้เลยค่ะ ------ เวลาที่ใช้ในเรื่อง เมื่อเทียบกับเวลาสากลแล้ว หนึ่งยาม เท่ากับ สองชั่วโมง และในหนึ่งวันมีสิบสองยาม ดังนี้ ยาม จื่อ เท่ากับเวลา 23.00 น. จนถึง 24.59 น. ยาม โฉ่ว เท่ากับเวลา 01.00 น. จนถึง 02.59 น. ยาม อิ๋น เท่ากับเวลา 03.00 น. จนถึง 04.59 น. ยาม เหม่า เท่ากับเวลา 05.00 น. จนถึง 06.59 น. ยาม เฉิน เท่ากับเวลา 07.00 น. จนถึง 08.59 น. ยาม ซื่อ เท่ากับเวลา 09.00 น. จนถึง 10.59 น. ยาม อู่ เท่ากับเวลา 11.00 น. จนถึง 12.59 น. ยาม อุ้ย(เว่ย) เท่ากับเวลา 13.00 น. จนถึง 14.59 น. ยาม เซิน เท่ากับเวลา 15.00 น. จนถึง 16.59 น. ยาม อิ่ว เท่ากับเวลา 17.00 น. จนถึง 18.59 น. ยาม ซวี เท่ากับเวลา 19.00 น. จนถึง 20.59 น. ยาม ไฮ่ เท่ากับเวลา 21.00 น. จนถึง 22.59 น. มาตราการวัดระยะทาง ชุ่น หรือ นิ้ว : 1 ชุ่น = 2.27 – 2.31 เซนติเมตร ฉื่อ หรือ เชี๊ยะ : 1 ฉื่อ = 10 ชุ่น = 22.7 – 23.1 เซนติเมตร จ้าง : 1 จ้าง = 10 ฉื่อ ประมาณ 2.27 – 2.31 เมตร ลี้ 1 ลี้ = 500 เมตร และ 1 ลี้ = 150 จ้าง ควรอยู่ในราว 345 เมตรการวัดพื้นที่ 1 ไร่เทียบเท่ากับ 2.4 หมู่ (亩) เพราะ1ไร่มี 1,600 ตารางเมตร ส่วน1หมู่ 亩 มีเพียง 666.66 ตารางเมตร หน่วยเงินที่ใช้ในเรื่องสะใภ้ใบ้ 1000 อีแปะ คือ 1 ตำลึงเงิน 10 ตำลึงเงิน เท่ากับ1 ตำลึงทอง มารตราการวัดชั่งตวงน้ำหนัก ผิง ping : ๑ ผิง = ๓.๓ เมตร เค่อ ke : 1 เค่อจะกินเวลาประมาณเกือบ 15 นาที จิน jin : ชั่ง : 1 ชั่ง = 500 กรัม ฉื่อ chi : 1 ฉื่อ = 10 นิ้ว = 22.7 - 23.1 เซนติเมตร ลี้ li : 1 ลี้ = 500 เมตร ชั่วยาม shichen : สือเชิน คือหน่วยเรียกเวลา 1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง
“ซือเหยากลับมาแล้วเหรอ มาลองชิมเค้กน้ำผึ้งกับเค้กผลไม้ให้พี่หน่อย”
ไป๋ซือเหยาที่กลับจากการทำงาน ได้ยินพี่สะใภ้ร้องตะโกนเรียกทางโซนห้องอาหาร เธอวางกระเป๋าลงไว้ที่ห้องรับแขก ก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่สะใภ้ ซึ่งกำลังทำขนมหวานหลากหลายอย่างด้วยกันและวางเต็มโต๊ะไปหมด
ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพี่ชายแล้ว ว่าทำไมแค่เห็นขนมหวานก็รู้สึกหวานเลี่ยนจนกลืนไม่ลงแล้ว โชคดีที่เธอไม่ได้กลับบ้านบ่อยนักจึงไม่ต้องกล้ำกลืนเหมือนพี่ชาย
“พี่หยุ่นซีทำไมมีขนมหวานเยอะแยะเลยคะ”
ไป๋ซือเหยาถามพี่สะใภ้ เมื่อเห็นขนมหวานหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างเหมาะกับการกินคู่กับกาแฟเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เย็นแล้วหากกินกาแฟตอนนี้คงนอนไม่หลับเป็นแน่
“พี่กำลังเปิดร้านเบเกอรี่จึงลองทำหลาย ๆ รสดู เธอลองชิมให้พี่หน่อยสิว่ารสชาติโอเคไหม เดี๋ยวพี่ไปดูขนมที่อบไว้ในครัวก่อน” ซือเหยาพยักหน้ารับ มองขนมหวานตรงหน้าที่มีทั้งเค้กกล้วยหอม เค้กผลไม้ เค้กน้ำผึ้ง ชีสเค้ก เค้กเนยสด เค้กส้ม เธอนั่งลงเก้าอี้ก่อนจะหยิบช้อนมาตักชิมดูอย่างว่าง่าย อาจเพราะไม่ได้ทานขนมหวานบ่อยนักเธอจึงไม่มีปัญหากับการกินเค้กหลากหลายเหล่านี้ อึก!
ไป๋ซือเหยาหน้าซีดเผือด เมื่อลองชิมขนมอยู่ดี ๆ กับเกิดติดคอขึ้นมา ขนมหวานทั้งอ่อนนุ่มและรสชาติอร่อยไม่น่าจะทำให้เธอทานติดคอได้
เธอมองหาน้ำดื่มแต่บนโต๊ะอาหารใหญ่ขนาดนี้กลับไม่มีน้ำให้ดื่มสักอึกเดียว เธอพยายามประคองตัวเองไปยังตู้น้ำที่อยู่ในห้องครัว แต่อาการกลับร้ายแรงกว่าที่คิด
ไป๋ซือเหยาใบหน้าเขียว ดวงตาเบิกกว้างตกใจ เธอหายใจไม่ออกและไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นเดินไปหาน้ำ นี่เธอจะมาตายเพราะทานขนมหวานอย่างนั้นหรือ?
เธอพยายามกระเสือกกระสน หวังจะมีคนออกมาดูเธอบ้าง แต่น่าเสียดายที่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้มีเพียงพี่สะใภ้คนเดียวเท่านั้นซึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ในห้องครัว
เธอได้ยินพี่สะใภ้ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี นั่นยิ่งทำให้ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติทางโต๊ะอาหาร อาการหายใจไม่ออกทำให้ทุรนทุราย ดวงตาเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม น้ำตาไหลริน มือเท้าเธอเกร็งจนรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว
ลมหายใจของเธอแผ่วเบาลง แม้อยากจะมีชีวิตอยู่แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน ความคิดสุดท้ายของเธอกลับนึกไปถึงพี่ชายที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้กอดและพูดคุยอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่ความทุกทรมานได้หายไป ไป๋ซือเหยารู้สึกเหนื่อยหอบ ทว่ากลับไม่มีลมหายใจเช่นแต่ก่อนแล้ว ดวงตาหงส์คู่สวยเบิกกว้างมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “เธอตายแล้ว?”
ไป๋ซือเหยาพึมพำกับตัวเองอย่างตกใจ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งกลับเห็นร่างตัวเองอยู่ตรงหน้า ร่างนั้นดวงตาเบิกกว้าง มือกำที่ลำคอตนเองความทรมานเมื่อครู่นี้เธอจดจำได้อย่างไม่มีวันลืม ไม่คิดเลยว่าการกลับบ้านในวันนี้จะทำให้เธอตายได้ และตายด้วยขนมหวาน?
“เจ้าหมดอายุขัยแล้วไปกับข้าเสียเถอะ”
เสียงที่พูดขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ไป๋ซือเหยาสะดุ้งตกใจ เมื่อหันไปมองกลับเห็นชายชราในอาภรณ์สีขาว ท่าทางใจดีคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือมีสมุดเล่มหนึ่ง
“ท่านคือ?” ท่าทางมีสง่าราศีเช่นนั้นทำให้ไป๋ซือเหยาถามอย่างระวัง
“ข้ามีหน้าที่เก็บวิญญาณของเจ้า ไปกันเถอะ”
กรี๊ดดดดดด
“ซือเหยา เธอเป็นอะไร!”
เสียงกรีดร้องของพี่สะใภ้ ทำให้ไป๋ซือเหยาหันไปมองตามอย่างลังเล พี่หยุนซีพยายามเขย่าร่างของเธอด้วยใบหน้าซีดเผือด หยุ่นซีตัวสั่นเทาพยายามโทรหารถโรงพยาบาล ก่อนจะเริ่มทำCPRปั้มหัวใจให้ด้วยน้ำตานองหน้า แต่น่าเสียดายเธอมาช้าเกินไป
ไป๋ซือเหยามองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด ไม่คิดว่าตัวเองจะตายอย่างโง่เขลาเช่นนี้ หากเพื่อน ๆ รู้คงไม่รู้ว่าจะเสียใจหรือสมน้ำหน้าดี เธอมองภาพนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวตามชายชราไปอย่างหมดหนทาง
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ตายแล้ว อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น การตายคือจุดจบ แต่น่าเสียดายกลับเป็นจุดเริ่มต้นของเธอเสียอย่างนั้น
“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อน” ชายชราบอกเธอก่อนจะหายไป
ไป๋ซือเหยามองบริเวณโดยรอบ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน แต่เธอเห็นดอกไม้งดงามสีสันหลากตา มีน้ำตกสวยงามอยู่เบื้องหน้า และยังมีปลาแหวกว่ายไปมาดูสวยงามยิ่งนัก
ภาพตรงหน้าทำให้เธอนึกว่าเป็นสวรรค์ เธอรู้ตัวดีว่าไม่ได้ทำกรรมชั่วช้า แต่ก็ไม่ได้ทำคุณความดีจนได้ขึ้นสวรรค์เช่นกัน
หรือนี่เป็นเส้นทางให้เธอไปเกิดใหม่ ชีวิตในเมืองใหญ่เธอดิ้นรนมามากแล้ว บางทีได้พักยาวเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอเป็นเพียงครูสอนเด็กอนุบาลในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีที่พักให้พร้อมจึงไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายมากนัก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่ชายชรากลับมาอีกครั้ง เขามองเธออย่างอึดอัดหัวใจ ก่อนจะเอ่ยบอกว่า เขาพาวิญญาณมาผิดคน นั่นทำให้เธอเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“เช่นนั้นก็พาฉันกลับไปส่งเถอะค่ะ”
เมื่อสงบใจแล้วไป๋ซือเหยาจึงเอ่ยบอกอย่างหมดแรง อาการก่อนตายมันทรมานมากจนเธอรู้สึกหวาดกลัวกับการกินขนมหวาน “คือ...กลับไม่ได้แล้ว เวลาในโลกมนุษย์ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ร่างเจ้าไม่เหลือแล้ว” ไป๋ซือเหยายืนแข็งค้างราวกับสายฟ้าฟาดลงบนกลางศีรษะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“แล้ว...แบบนี้ฉันจะเป็นผีเร่ร่อนแบบนี้หรือคะ”
ไป๋ซือเหยาเอ่ยถามอย่างหมดแรง ดวงตาคู่หงส์มองชายชราตรงหน้าซึ่งอีกฝ่ายมีสีหน้ารู้สึกผิดจนเธอต่อว่าไม่ลง แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่เธอไม่อาจให้อภัยให้ง่าย ๆ แน่
“ไม่ ๆ เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าไปเกิดใหม่ในร่างใหม่ เจ้าเห็นเช่นไร” ชายชราเอ่ยถามอย่างมีความหวัง ไม่คิดว่าการไปรับวิญญาณแทนสหายครั้งแรก จะทำให้เกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ขึ้น
“แต่นั่นก็ไม่ใช่ครอบครัวฉันค่ะ”
“แต่ตอนนี้ไม่อาจกลับไปได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะให้ของวิเศษกับเจ้าสามอย่างเป็นอย่างไร”
ชายชราต่อรอง ไป๋ซือเหยานิ่งเงียบ เธอครุ่นคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แต่เมื่อตระหนักรู้แล้วได้แต่พยักหน้ายอมรับ ดีกว่าเป็นผีเร่ร่อนเช่นนี้
“ท่านจะให้อะไรกับฉันบ้างคะ” ไป๋ซือเหยาถามอย่างคาดหวัง ดวงตามองเขม็งชายชราหวังว่าจะไม่ทำให้เธอผิดหวังอีกครั้ง
“นี่คือพู่กันวิเศษสามารถเขียนผ่านอากาศได้”
ชายชราพูดจบก็มีพู่กันสีดำขนาดเล็ก ๆ ก็ลอยออกมาพร้อมวนรอบตัวเธออย่างกระตือรือร้น ไป๋ซือเหยามองภาพอัศจรรย์ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น แม้ตอนนี้จะไม่มีหัวใจที่เต้นได้แต่เธอรู้สึกว่าเธอใจสั่นจริง ๆ โลกที่เธออยู่ไม่เคยมีอะไรเช่นนี้ จะมีเพียงแค่ในนิยายเท่านั้น
นิ้วเรียวยื่นออกแตะแผ่วเบาราวกับอยากรู้อยากเห็น พู่กันนั่นกลับเหมือนมีจิตใจเป็นของตนเอง มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างไปได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพัด กระบี่ กระบอง ก่อนจะลอยมาวางบนมืออย่างนิ่มนวล
“เจ้าพอใจหรือไม่”
“แล้วอย่างที่สองและสามล่ะคะ” แม้จะตื่นเต้นกับพู่กันแปลงร่างได้ แต่ไป๋ซือเหยาก็ยังไม่ลืมอีกสองอย่างที่ชายชราตรงหน้าบอกว่าจะมอบให้เพื่อชดเชยให้
“อย่างที่สองคือตาทิพย์ เมื่อไปถึงโลกนั้นเดี๋ยวเจ้าจะรู้ด้วยตนเอง ส่วนอย่างที่สามคือมิติวิเศษ ซึ่งจะอยู่ในปานรูปดอกบัวหลังมือซ้ายของเจ้า เพียงแค่เจ้าคิดถึงก็สามารถเข้าไปในนั้นได้”
ไป๋ซือเหยาตั้งใจฟัง แม้เรื่องตาทิพย์จะยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องมิติวิเศษก็ทำให้เธอลืมเรื่องอื่นไปเลย เธอยกมือซ้ายขึ้นมาอย่างอยากรู้และมีปานรูปดอกบัวสีทองจริง ๆ
“ไว้เจ้าไปถึงที่นั่นเจ้าจะรู้ด้วยตนเอง ใกล้ได้เวลาแล้วข้าต้องรีบพาเจ้าไปส่ง”
ชายชราเอ่ยบอกพร้อมดึงร่างวิญญาณของเธอหายไปด้วยทันที ทันใดนั้นเธอก็มาปรากฏอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง จะเรียกว่าบ้านก็คงไม่ถูกนี่เป็นกระท่อมชัด!
“ที่นี่หรือคะ”
ไป๋ซือเหยาหันไปเอ่ยถามชายชราอย่างไม่แน่ใจ ที่นี่ทรุดโทรมจนแทบไม่เรียกว่าบ้าน ทว่าชายชรากลับไม่ตอบคำถามของเธอ แต่ผลักเธอเข้าไปในกระท่อมหลังนั้นอย่างรวดเร็ว!
เธอเผลอกรีดร้องอย่างตกใจ จากนั้นเธอก็รู้สึกว่าตนเองง่วงนอนมากจากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรอีก...
ทั่วทั้งแคว้นอ้ายคงมีเพียงบุรุษเช่นหัวหน้ากลุ่มต้าหยางเท่านั้นที่ยอมแต่งเข้าบ้านภรรยา เพราะนั่นมันเท่ากับว่าเขายอมอยู่ใต้บารมีของภรรยา และยอมให้ภรรยาเป็นใหญ่ ทว่าบุรุษที่อกหักมาสิบครั้งอย่างเขา ไม่อยากจะอกหักเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วนี่นา อีกทั้งคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางเองก็ใจตรงกัน เรื่องธรรมเนียมอะไรนั่นก็ช่างมันเถิด เทียนจื่อซานแทบจะถูกเรียกว่าเป็นบุรุษอาภัพในรัก ด้วยเพราะเวลาไปเกี้ยวสตรีบ้านไหน จุดจบก็หนีไม่พ้นการถูกปฏิเสธ จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับกู้หลินฟาง ไม่แน่ใจว่าเป็นเมตตาจากท่านเทพบนสวรรค์ หรือเทพมารต้องการให้เขาทำลายสถิติอกหักอีกครั้งกันแน่ แต่เขา... เทียนจื่อซานไม่ขอยอมแพ้ และจะเกี้ยวคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางอีกสักครั้ง
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา "ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - - ตัวอย่างในเล่ม “ดูสิ ฉันจะได้อะไร” หลิวตานถูมืออย่างตื่นเต้น ก่อนจะบอกระบบว่าเริ่มสุ่มวงล้อ “ระบบเริ่มสุ่มวงล้อได้เลย” ทันใดนั้นหน้าจอโปร่งใสก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่งามมองวงล้อสุ่มของรางวัลที่หมุนไปมาด้วยความประหม่า เพราะมันเป็นของรางวัลชิ้นแรกที่เธอคาดหวัง ไม่รู้มันจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ขอให้ช่วยสี่แม่ลูกได้ยิ่งดี “เมล็ดพันธุ์ผักกาด?” หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วได้แต่น้ำตาตกในเมื่อของรางวัลที่แลกมากับการไปตัดหญ้ามาให้หมูคือเมล็ดพันธุ์ผักกาด!
ไป่จวิ้นเดิมทีก็เป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อย ที่ไม่น่าจะได้รับความสนใจอะไรในกองทัพ ทว่าเมื่อสงครามจบลง และกลับมาพร้อมชัยชนะ เขาจึงได้เงินรางวัลมาจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญที่ต้องจากบ้านไปเป็นระยะเวลานาน อีกส่วนก็เป็นสินน้ำใจตอบแทนที่เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่ต่างจากคนพิการ เดินเหินไปไหนก็ไม่คล่องแคล่วเช่นเมื่อก่อน และเรื่องนี้ก็สร้างความกลัดกลุ้มให้กับมารดาของเขาอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะส่งเทียบดูตัวไปสักกี่ครั้งต่างก็ถูกปฏิเสธ ทว่ามีเพียงสตรียากจนที่เป็นเพียงบุตรสาวของชาวนาจน ๆ คนหนึ่งเท่านั้นที่ยินยอมแต่งเข้าสกุลไป่ แรกทีเดียวไป่จวิ้นไม่ใคร่จะชอบใจภรรยาของตนนัก ด้วยคิดว่านางยินยอมแต่งกับชายพิการเช่นเขาเพียงแค่เพราะเรื่องเงินทอง แต่ความอ่อนโยนและมุ่งมั่นที่จะดูแลเขาของ จางอวี๋จิง’กลับค่อย ๆ ละลายน้ำแข็งในใจของชายหนุ่มลงอย่างช้า ๆ ส่วนทางจางอวี๋จิง นางก็เริ่มมองเห็นความอบอุ่นของสามีที่นางไม่คิดว่าจะรักได้คนนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน และนางก็ได้ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ว่า จากนี้ไปจะขอเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อเขาไปจนชั่วชีวิต สามีของนางพิการเดินเหินไม่สะดวกแล้วอย่างไร นางจะขอเป็นแขนขาให้แก่เขาเอง
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก