ณ.มหาวิทยาลัยชื่อดัง
สาวสวยหุ่นบางที่อยู่ในชุดเดรสสีฟ้ากระโปรงคลุมเข่า เธอเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยชื่อดัง และเป็นที่รักของนักศึกษา เพราะเธอเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี
“อาจารย์คะ วันนี้หนูขอบคุณมากเลยนะคะที่อาจารย์ช่วยติวให้พวกหนู”
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอหันไปยิ้มให้พวกนักศึกษาปี 4 “ใกล้สอบแล้วตั้งใจอ่านหนังสือกันด้วยนะ”
“ค่า....อาจารย์”
พวกเธอตะโกนตามหลังพลางโบกไม้โบกมือให้อาจารย์สาวสวย
ตี๊ด
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความที่ถูกส่งมาจากผู้เป็นแม่
‘ฉัตรลูก ถ้าสอนเสร็จแล้วโทรกลับหาแม่หน่อยนะ’
ฉัตรนลินทร์ หญิงสาววัย 28 ปี เธอเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเป็นอาจารย์ตั้งแตเรียนจบใหม่ๆ เธอสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มาเป็นเวลา 4 ปีกว่าแล้ว ปกติทุกๆ วันหยุดเธอจะกลับไปช่วยงานที่บ้าน แต่เนื่องด้วยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาแม่ของเธอมาขอร้องให้เธอแต่งงานกับลูกชายเจ้าของโรงงานส่งออกขนาดใหญ่ เพื่อรักษาบริษัทรับผลิตเครื่องหนังของพ่อไว้ เธอยังไม่ให้คำตอบพวกเขา ซึ่งสุดสัปดาห์นี้เธอจะต้องกลับไปพูดคุยเรื่องนี้กับผู่ใหญ่ของอีกฝ่าย
“แม่คะ”
‘อาทิตย์นี้กลับมาคุยกันนะลูก’
“ค่ะแม่”
‘แม่ขอโทษ’
“ไม่เป็นไรค่ะ”
หลังวางสายฉัตรนลินทร์ก็ขับรถกลับที่พักของเธอ เธอนั่งทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เธอเกิดมาพ่อกับแม่ของเธอไม่เคยปล่อยให้เธอลำบากเลย เธอมีพร้อมทุกอย่างเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าครอบครัวของเธอเป็นหนี้มากมายแค่ไหน
สุดสัปดาห์ที่ฉัตรนลินทร์ไม่อยากให้มาถึง แต่สุดท้ายเธอก็เลี่ยงไม่ได้ ก็เลยต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป เธอขับรถไปยังร้านอาหารที่แม่ของเธอบอกไว้
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าได้จองโต๊ะไว้หรือเปล่าคะ”
เมื่อเห็นฉัตรนลินทร์เดินเข้าไปในร้านพนักงานต้อนรับก็เดินเข้ามาสอบถาม
“จองไว้ค่ะ”
“กรุณาแจ้งชื่อผู้จองด้วยนะคะ”
“คุณศศิณีค่ะ”
“เชิญด้านนี้ค่ะ” หญิงสาวพนักงานเดินนำหน้าเธอไปยังห้องรับรอง แล้วให้เธอนั่งลงตรงโต๊ะกว้าง “รับน้ำอะไรดีค่ะ”
“เอาน้ำเปล่าแล้วกันค่ะ”
“สักครู่นะคะ”
“ฉัตรนลินทร์ใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ” ฉัตรนลินทร์รีบลุกขึ้นยืนทันที เรื่องมารยาทเธอไม่ได้ขาดตกบกพร่อง เพราะมีอาชีพที่เปรียบเสมือนแม่พิมพ์ เธอจึงมีบุคลิกที่สง่าสามารถเป็นแบบอย่างให้นักศึกษาได้ดีเลยทีเดียว
“ฉันศศิณี” หญิงวัยกลางคนแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะคุณศศิณี”
“นั่งเถอะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เข้าเรื่องเลยละกัน” เธอว่าพลางมองสำรวจใบหน้างามนั้นไปด้วย หญิงสาวตรงหน้าสวยไม่แพ้ตอนที่เธอยังสาวเลย
“ค่ะ”
“เธอคงรู้แล้วว่าวันนี้ฉันนัดเธอมาเจอทำไม”
“ทราบค่ะ”
ก่อนมาแม่ของฉัตรนลินทร์บอกเธอทุกอย่างแล้ว
“เธอยินดีจะแต่งงานกับลูกชายของฉันหรือเปล่า” ศศิณีไม่อ้อมค้อม
“ค่ะ”
“หลังแต่งงานฉันจะจัดการเรื่องหนี้สินทั้งหมดให้ครอบครัวของเธอ รวมไปถึงเธอด้วย”
“คุณรู้”
“แน่นอน คนที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของฉัน ฉันก็ต้องรู้ประวัติสิ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน เรื่องที่เธอต้องรับมือคือลูกชายของฉัน”
“ยังไงคะ” ฉัตรนลินทร์ไม่เข้าใจ
“ฉันบอกตามตรงนะ เพราะตอนนี้เจ้าลูกชายตัวดีมันกำลังติดผู้หญิงน่ะสิ”
นี่คือสิ่งที่ฉัตรลินทร์ไม่รู้ เธอไม่คิดว่าคนที่เธอต้องแต่งงานด้วยจะมีแฟนอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้เท่ากับว่าเธอต้องไปแย่งของ ๆ คนอื่นใช่มั้ย
“เอ่อ...ขอประทานโทษนะคะ ทำไมคุณถึงไม่ให้ลูกชายของคุณแต่งงานกับแฟนของเขาล่ะคะ”
“เพราะฉันไม่ชอบไง” ศศิณีตอบตามตรง ด้วยนิสัยหลายอย่างของหญิงสาวที่เป็นแฟนของลูกชายทำให้เธอต้องส่ายหน้า นี่คือที่มาของการหาลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง
“แล้วหนู...” ฉัตรนลินทร์ชี้เข้าหาตัว
“ดีกว่าแม่คนนั้นเยอะ”
ก่อนที่เธอจะเลือกฉัตรนลินทร์ เธอสืบประหวัดว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาหมดแล้ว ซึ่งเธอก็พอใจเป็นอย่างมาก
“แล้วหนูต้องทำอะไรบ้างคะ”
“ทำให้ลูกชายของฉันรัก ยิ่งมีลูกด้วยกันเร็วๆ ยิ่งดี”
“แต่...”
ฉัตรนลินทร์หลุบตาต่ำลง การจำใจแต่งงานกับผู้ชายที่เธอไม่รู้จักว่ายากแล้ว แต่การจพทำให้เขารักคงเป็นเรื่องที่ยากกว่า ไม่ต้องคิดไปถึงมีลูกเลยด้วยซ้ำ
“ฟังให้จบก่อน”
“ค่ะ”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่สบายใจ แต่การแต่งงานก็เป็นเรื่องสำคัญของตาไตร หลังจากสามปีหากเธอทั้งสองไม่ได้รักกันฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ”
“ทำไมต้องสามปีคะ”
ฉัตรนลินทร์คิดว่านี่คือทางรอดเดียวของเธอ แต่สามปีมันนานไปหรือเปล่า เธอจะสามารถทนได้ถึงตอนนั้นมั้ย
“เอาเถอะไม่ต้องถามมาก ทำตามเงื่อนไขก็พอ”
“หนูไม่มีตัวเลือกอื่นเลยใช่มั้ยคะ”
“ตอนนี้ยังไม่มี ฉันเชื่อว่าเธอจะเป็นเด็กดีของฉัน”
“ค่ะ”
“อ้อ ฉันจะซื้อบ้านที่กรุงเทพใกล้ ๆ มหาลัยที่เธอสอนอยู่ให้หนึ่งหลัง หลังแต่งงานเธอกับตาไตรจะต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่น เพราะฉันจะให้เขาเข้าไปบริหารบริษัทที่กรุงเทพ”
“แล้วเขาจะยอมเหรอคะ”
“ฉันมีวิธี เธอแค่ทำหน้าที่เมียอย่าให้ขาดตกบกพร่องก็พอ”
ศศิณีเป็นคนฉลาด ทุกครั้งก่อนที่เธอจะทำอะไรเธอมักจะรอบคอบและวางแผนมาเป็นอย่างดี
“ค่ะ”
“อาทิตย์หน้าเธอว่างหรือเปล่า”
“ยังไม่แน่ใจค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันจะให้ไปลองชุดเจ้าสาวกับตาไตร”
“ต้องไปพร้อมกันเหรอคะ”
“ต้องพร้อมกันสิ มีคู่บ่าวสาวที่ไหนบ้างไปลองชุดคนละที”
“ถ้ายังไงจะโทรแจ้งอีกทีนะคะ” ฉัตรนลินทร์เริ่มมีท่าทีประหม่า เธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาเร็ว ๆ นี้
“พรุ่งนี้อยู่บ้านหรือเปล่า”
“อยู่ค่ะ”
“ฉันจะให้ตาไตรไปรับออกมาทานข้าว”
คนฟังแทบช็อค อาทิตย์หน้าว่าเร็วแล้ว นี่ศศิณีบอกว่าจะให้ลูกชายมารับเธอพรุ่งนี้อีก เธอจะทำไงดี
“เอ่อ”
“ทำความรู้จักกันไว้ก่อน อีกเดือนเดียวก็แต่งงานกันแล้ว”
“ว่าไงนะคะ แต่งวันไหนนะคะ”
วันนี้หากว่าเธอไม่ช็อคตายซะก่อน เธอคงอยู่ได้ถึงร้อยปีแน่ ๆ เพราะทุกอย่างที่ศศิณีพูดมันเป็นเรื่องบีบหัวใจของเธอทั้งนั้น
“กลางเดือนหน้า”
“ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ”
“นี่ยังช้าไปนะ ฉันจะให้แต่งวันสองวันนี้แล้ว” ศศิณีรู้สึกชอบใจลูกสะใภ้ที่เธอหามาเองกับมือเหลือเกิน
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด