"กล้ามากเลยนะเอยที่นอกใจฉัน กล้ามากที่พามันมาถึงที่นี่แถมยืนจูบกันอยู่หน้าห้องไม่อายฟ้าดินแบบนี้" "เอยไม่ได้จูบนะคะ เอยจะล้มคุณนทีเลยพยุงหน้าเลยใกล้กันแบบนั้น " เจ้าขาอธิบายตามความจริง "ทำไมโทรมาไม่รับ ข้อความอ่านแล้วก็ไม่ตอบเธออยากให้ฉันเป็นบ้าเหรอเอย" เขาถามเธอเสียงเครียดไม่เคยต้องเป็นแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าต้องจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง มันทั้งคิดถึงโหยหาแต่ก็กลัวเธอจะหาว่าเขาพูดเกินจริง นอกจากเธอจะไม่เชื่อแถมมองว่าเขาบ้าอีกเพราะเธอรู้จักเขาดีกว่าใครดีมากจนเขานึกอายเรื่องที่ผ่านมา แม้มันไม่ใช่ความผิดเขาในเมื่อตอนนั้นเขายังไม่ทำสัญญาและรู้สึกแบนนี้กับเธอ "เอยไม่คิดว่าคุณขุนจะคิดมากขนาดนี้ ก็เห็นวันก่อนบอกจะเรียกสาวๆ มาแก้เหงาไงคะ" เธอยังน้อยใจเรื่องนี้ไม่หายแม้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขา "เธอก็รู้ว่าตั้งแต่มีเธอฉันก็ไม่เคยเรียกใครมาอีก ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังเธอฉันติดเธอแค่ไหนทำไมเธอถึงมองไม่เห็นหรือตั้งใจจะมองข้ามมันคิดว่าฉันเป็นของเล่น" ......................................................................................................................................... "อื้อ! " มือเรียวยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกจนหมดอย่างรู้หน้าที่ ก่อนที่มือเล็กจะไล้ลงมาที่เข็มขัดราคาแพงของเขา แกร๊ก! "ถ้ารีบปล่อยมันออกมาเดี๋ยวก็ควบคุมไม่อยู่" "เอยคิดถึงคุณขุนมากนะคะ อื้อ!! " ได้ยินแบบนั้นคนที่ใจตรงกับเธอก็ก้มลงจูบปากฉ่ำหวานอีกรอบ ลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้าไปดูดกลืนความหวานในนั้นด้วยความตะกละตะกลาม
4 ปีที่แล้ว
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ผู้คนต่างอยากเข้าทำงานที่นี่ ที่ซึ่งมีสวัสดิการสำหรับคนที่หาเงินในเมืองใหญ่ เหนื่อยและเข้มข้นแต่ผลตอบรับก็ทำให้ยิ้มได้
ผู้บริหารเป็นหนุ่มใหญ่ที่ลักษณะน่าเกรงขามสำหรับผู้คนที่พบเจอพูดคุย เหล่าพนักงานต่างไม่มีใครกล้าสบตากับเขา
เขาเนี๊ยบทุกระเบียบนิ้วไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม หรือกฎระเบียบต่างๆ ต้องรักษาเอาไว้หากผิดแม้แต่ข้อเดียวนั่นคือสิ้นสุดการว่าจ้างทันที
"ผมไม่ต้องการเลขาที่ส่งสายตายั่วยวนผมตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน เวลางานผมไม่อยากต้องมานั่งระวังตัวเองว่าจะทำให้คุณไม่สามารถทำงานให้ผมเต็มประสิทธิภาพได้ เชิญคนต่อไปได้เลยครับ"
ได้ยินแบบนั้นหญิงสาวที่แต่งตัวสุดเซ็กซี่เมื่อรู้ว่าท่านประธานมาสัมภาษณ์เลขาเองกับตัวถึงกับหน้าเสีย ลุกออกไปจากตรงนั้นให้เบาและทำตัวเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้โดนผู้หญิงด่ายังไม่เจ็บเท่าผู้ชายด่าเลยแถมด่าแบบผู้ดีด้วย
เหล่าคณะกรรมการและหัวหน้าบุคคลต่างพากันปาดเหงื่อกันเป็นแถว แต่ก็เข้าใจเจ้านายของตนนัยหนึ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
เลขาที่มาทำงานทุกคนต่างไม่มีใครทนความหล่อเหลาของท่านประธานได้เลย มันยากที่จะหาคนที่เก่งบุคลิกดีและมีภูมิคุ้มกันเสน่ห์ของท่านประธานไปในตัวด้วย
และสิ่งที่สำคัญเลยคือต้องโสด สามารถไปไหนกับท่านประธานได้ทุกที่ และสามารถเรียกใช้ได้ทุกเวลาซึ่งมันไม่สามารถมีใครทนและมีคุณสมบัตินี้ได้เลย มีอย่างก็ต้องเสียอย่างทุกคนแต่ทุกคนก็อยากเข้ามาลองด้วยเงินเดือนที่สูงลิ่วและโบนัสประจำปีที่สุดแสนพิเศษ
เที่ยวต่างประเทศฟรี 10 วันโบนัสคูณ 1 ปีของเงินเดือนที่เกือบครึ่งแสนแค่ได้ยินทุกคนก็ร้องว้าวตัวสั่นระริกอยากทำงานนี้แล้วแต่จะมีสักกี่คนที่จะทนได้นานเกินสองเดือน
"คุณเจ้าขา มณีจันทรา ชื่อเล่นเอย เกียรตินิยมอันดับ 1 มนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม ทำงานได้ทุกอย่างตามคำสั่งเจ้านาย "
ชายที่ใส่แว่นดูมีอายุอ่านใบสมัครของเจ้าขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่แต่งตัวจะบอกว่าเรียบร้อยมันก็ใช่ จะบอกว่าเฉิ่มเชยก็ได้เหมือนกันดูทรงแล้วคนนี้ก็คงจะไม่ผ่านตาท่านประธานเช่นเดิมถึงจะโปรไฟล์ดีแต่...
"ค่ะ ดิฉันทำได้ทุกอย่างที่เขียนในใบสมัครเลยค่ะ"
เจ้าขายิ้มรับอย่างกระตือรือร้นพร้อมทำงานแบบสุดๆ หลังจากหางานมานับปีตั้งแต่เรียนจบมา เดินเตะฝุ่นและโดนที่บ้านดูถูกอยู่ก็หลายครั้งโดยเฉพาะแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาของเธอ
"แต่ไม่มีประสบการณ์? "
หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งเอนหลังมองดูเธอด้วยสายตาเย็นชาอยู่ ก่อนจะยิ้มรับแม้เขาจะมองมาที่เธอด้วยแววตาไร้อารมณ์ก็ตาม
"รับดิฉันเข้าทำงานสิคะ ดิฉันจะได้มีประสบการณ์รับรองว่าดิฉันเป็นพนักงานที่ดีแน่นอนค่ะ" มั่นใจเข้าไว้ยัยเอย...
"อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่าเราจะรับคุณเข้าทำงานที่นี่"
ชายคนนั้นที่เจ้าขายังไม่รู้ว่าเขาคือท่านประธานที่เธอจะทำงานด้วยถามขึ้นอีกครั้งซึ่งเป็นคำถามที่เธอเจอมาเป็นปีแล้วเลยทำให้ตอบได้คล่องแคล่ว
"ดิฉันมั่นใจว่าดิฉันทำได้ตามที่ท่านประธานตั้งกฎเอาไว้ค่ะ "
"เรามาดูกันว่าคุณจะทำได้ตามที่พูดไหม อ้อ...เปลี่ยนการแต่งตัวใหม่ด้วยเวลาไปพบลูกค้าผมอยากให้เขามองว่าเราเป็นมืออาชีพไม่ใช่เด็กเล่นขายของ"
เขาบอกก่อนจะเดินออกไปทันที ทำให้เหล่ากรรมการและฝ่ายบุคคลคนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดท่านประธานก็เลือกเลขาได้แล้ว แต่ก็ต้องมาคอยลุ้นอีกทีว่าคนนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน
"หมายความว่า ดิฉันได้เข้าทำงานแล้วใช่ไหมคะ! "
"ครับ เริ่มงานวันจันทร์นี้ได้เลยนะครับ"
"ขะ ขอบคุณค่ะ"
กรี๊ดดดดดดดดดดด.....
หลังเดินออกมาจากบริษัทที่เป็นตึงใหญ่สูงตระหง่านอยู่ใจการเมืองแล้วกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจจนอยากออกไปรำรอบหมู่บ้านแก้บน
"แม่ขา เอยมีงานทำแล้วนะคะแม่ แม่ดีใจและเอาใจช่วยให้เอยอยู่ที่นี่ได้นานๆ ด้วยนะคะแม่ขา"
หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ของเมืองหลวงที่วุ่นวายแล้วบอกกับแม่ผู้ล่วงลับป่านนี้คงสุขสบายที่สวรรค์ที่ไหนสักแห่ง
เธอจะลบคำสบประมาทที่สองแม่ลูกนั้นว่าให้เธอให้ได้ แค่คิดว่าต้องกลับไปบ้านหลังนั้นเธอก็ใจห่อเหี่ยวลง นานแค่ไหนแล้วที่เธอเป็นคนรับใช้ให้พวกเขาโดยที่พ่อเธอเองก็ไม่พูดหรือสงสารเธอเลย
ถ้าได้ทำงานที่นี่เธอจะย้ายออกมาเช่าห้องเล็กๆ อยู่เพื่อความสะดวกและไม่ต้องทนเป็นทาสรับใช้คนพวกนั้นอีกต่อไป คิดได้แบบนั้นภารกิจต่อไปของเจ้าขาจึงเป็นการเดินหาดูห้องราคาถูกๆ ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก
แต่ก็หายากเสียเหลือเกินเพราะบริษัทอยู่ในย่านธุรกิจทำให้ค่าครองชีพแถวนี้แพงมาก แต่ถ้าได้เงินเดือนตามที่ตกลงกันไว้เธอก็เช่าห้องแถวนี้ได้สบาย
เจ้าขาจึงรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายที่ได้รับจากประกันชีวิตของแม่เอามาเช่าห้องราคา 4,000 บาทไม่รวมน้ำไฟอยู่ และเริ่มขนของเข้ามาอยู่ในวันถัดไป
ภารกิจต่อไปคือต้องเดินหาซื้อเสื้อผ้าราคาไม่แพงมากแถวประตูน้ำมาใส่เพื่อปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ตามที่ท่านประธานที่เธอเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นประธานหลังจากที่เขาบอกว่ารับเธอเข้าทำงานแล้ว
"ทำไมแกจะย้ายออกแล้วไม่บอกฉัน แล้วต่อไปงานบ้านใครจะทำใครจะดูแลพ่อแกฮ้ะนังเด็กเนรคุณ"
"น้าราตรีก็ทำและดูแลพ่อสิจ๊ะ หรือไม่ก็ให้เด่นดูแลพ่อ"
"กรี๊ด! ไม่เอานะคะคุณแม่เด่นต้องเรียนมหาลัยนะคะไม่มีเวลามาทำงานบ้านสกปรกๆ แถมทำอาหารดูและคุณพ่ออีกด้วยค่ะ ยี้!! "
เจ้าขามองดูแม่เลี้ยงและน้องต่างแม่อย่างระอาพ่อทำงานรับราชการมาหลายปีหาเงินให้พวกนี้ผลาญกันจนหมดพอมาตอนนี้พ่อแก่และช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้กลับไม่มีคนอยากดูแล
เธอไม่เคยได้รับอะไรสักอย่างทั้งเสื้อผ้าของเล่นหรือแม่แต่โทรศัพท์เธอก็ต้องทำงานพิเศษเพื่อหาซื้อมาด้วยความลำบาก ตอนนี้จะมาร้องขออะไรจากเธอ เธอเองก็ไม่มีให้เช่นกันอย่าหาว่าเธอใจดำเลยเธอทนมามากพอแล้ว
"งั้นก็ตามสบายเลยค่ะขอตัว"
"เออไปเลยยัยเด็กเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของบ้านนี้ อยู่ๆ ก็ย้ายของออกจากบ้านหนีตามผู้ชายไป เจ้าข้าเอ๊ย!! มาดูเร็วเด็กเหลือขอทิ้งพ่อที่นอนป่วยไปอยู่กับผู้ชายท้องรึเปล่าก็ไม่รู้ มาดูเร็วๆ "
เธอไม่ฟังและเดินก้าวต่อไปด้วยเท้าที่มั่นคงกระเป๋าใบเดียวคือสมบัติที่เธอหิ้วออกจากบ้านในวันนั้น มันมีของเธอเพียงเท่านี้จริงๆ ต่อให้ผู้คนซุบซิบนินทาหรือพูดอะไรตลอดทางชุมชนเล็กๆ นอกชานเมืองแต่เธอก็ไม่สนใจ
เธอจะต้องทำให้คนพวกนี้อิจฉาเธอจนกระอักตายไปเลย เธอจะต้องทำให้แม่ที่อยู่บนฟ้าเห็นว่าเธอเป็นคนเก่งและดีได้โดยไม่ต้องมีพ่อที่ไม่เคยสนใจไยดีเธอก็ได้
เพราะรักจึงทำให้หนูนิดทำทุกอย่างเพื่อผู้มีพระคุณของเธอ ยอมแม้กระทั้งแต่งงานกับชายคนที่เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลยสักนิด แถมเขายังควงคนอื่นมาเยาะเย้ยเธอให้เจ็บใจอีกทั้งๆที่รู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน
เพราะความเมาหรือความหิวผู้ชายจนหน้ามืดตามัวก็ไม่รู้ทำให้ดวงมณีสาวแก่วัยขึ้นคานแบบเธอลากหนุ่มรุ่นลูกมากินอย่างตะกละตะกาม แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกชายหนุ่มคนนั้นดันเป็นหนุ่มเนิร์ดที่ทำงานในบริษัทเธออีก
สาวแสนสวยสุดมั่นแต่ก็ยังโดนทิ้งตลอดไม่ว่าจะคบหากับใครยิ่งคนล่าสุดที่เธอคาดหวังเอาไว้มากๆว่าคือชายที่จะแต่งงานด้วย แต่เขาก็ยังทิ้งเธอเพียงคำง่ายๆว่าเธอหวงตัวเกินไป งานนี้ต้องลำบากเพื่อนสนิทอย่างแทนไท ที่บังคับกึงขอร้องให้มาสอนบทรักที่เร่าร้อนให้จะได้ไม่โดนดูถูกแต่ทำไมเธอถึงลืมคืนนั้นไม่ลง แถมเพื่อนสนิทก็ยังมีท่าทีว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกด้วย "อื้ออ อย่ามากวนคนจะนอน " "แต่ฉันเป็นผัวเธอนะ จะทำอะไรก็ได้" หญิงสาวที่ยังหลับสนิทไม่รู้ตัวเพียงแค่ละเมอบอกปัดอย่างลำคาญเพียงเท่านั้น มือหนาลูบไล้ตามผิวเนียนนุ่มไปมาอย่างหลงไหลปากหนาเองก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานซึ้งยิ่งอยู่ใกล้เธอเขายิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ความอดทนอดกลั้นที่มีมา 4-5ปีพังทลายลงเพราะคืนเดียว ไอ้ที่ปากเก่งว่าลืมเธอได้แล้วมันเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาหลอกตัวเองทั้งนั้น "อื้อ แทนบอกแล้วไงว่าอย่ามากวนแพร คนบ้า" เสียงแว้ดของเธอทำให้แทนไทต้องผงกหัวขึ้นมาดู ปรากฏว่าแม่เสือสาวของเขาเพียงแค่ละเมอแว้ดออกมาเพียงทำนั้น "ดีนะที่พูดชื่อผัวตัวเองถ้าพูดชื่อคนอื่นพ่อจะเอาให้จมเตียงทั้งวันทั้งคืนไม่ให้ไปไหนได้เลย" อีโรติก
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"