เพราะรักจึงทำให้หนูนิดทำทุกอย่างเพื่อผู้มีพระคุณของเธอ ยอมแม้กระทั้งแต่งงานกับชายคนที่เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอเลยสักนิด แถมเขายังควงคนอื่นมาเยาะเย้ยเธอให้เจ็บใจอีกทั้งๆที่รู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน
5 ปีที่แล้ว คฤหาสน์บดินเดชา
"ไม่แต่งนะครับคุณย่าน้อย คุณแม่ครับผมไม่มีทางแต่งงานกับเด็กที่คุณย่ารับมาเลี้ยงเด็ดขาดนะครับ "
"ไม่ได้แกต้องแต่งงานกับหนูนิดให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นแกก็ออกจากบ้านของฉันไปและอย่าหวังว่าจะได้อะไรติดตัวไปแม้แต่ชิ้นเดียว"
คุณหญิงสมรที่เป็นประมุขใหญ่ที่สุดในบ้านเอ่ยกับชายหนุ่มที่เป็นหลานชายวัย 23 ปีที่ตอนนี้โมโหอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"โธ่เว้ย!! เลิกร้องไห้เรียกคะแนนสงสารจากคุณย่าฉันสักที ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายโดนกระทำไม่ใช่เธอยัยเด็กเก็บมาเลี้ยง"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะตานนท์ แกห้ามไปว่าน้องอย่างนั้นเด็ดขาดเลยนะ แกเองไม่ใช่หรือไงที่เมาแล้วลากน้องเข้าห้องไปทำไม่ดีไม่ร้ายแกยังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกงั้นเหรอ "
"แต่คุณย่าครับมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆนะครับไม่เชื่อถามเด็กนั้นดูก็ได้ จะมัวแต่ร้องไห้อยู่ทำไมว่ะ พูดออกมาสักทีสิว่าฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย"
"นนท์น้องอายุเพิ่งจะ 17 ปีเข้า 18 ยังไม่ดีเลยนะอย่างน้อยแกก็บรรลุนิติภาวะแล้วสมควรที่จะมีความรับผิดชอบได้แล้วฉันไม่เคยเลี้ยงแกมาให้เป็นคนไม่มีความรับผิดชอบชั่วดีแบบนี้นะ "
คุณหญิงสมรไม่พอใจเป็นอย่างมากที่หลานชายเพียงคนเดียวของเธอทำนิสัยที่แย่เกินที่เธอจะรับได้
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วณนนท์เมาอย่างหนักหลังจากไปสังสรรค์กับเพื่อนเพื่อเลี้ยงส่งที่เขาจะไปเรียนโทต่อที่ต่างประเทศ
เขาเมามากจนแทบเดินขึ้นบันไดไม่ไหวเลยคิดว่าจะนอนที่ห้องนั่งเล่นมันนี่แหละแต่แล้วเดินเข้าบ้านมาก็เจอกับ หนูนิดหลานสาวคนโปรดของคุณย่าน้อยที่ยืนค่อยเสนอหน้ารอเขาอยู่ ไม่สิต้องบอกว่าคนโปรดของคนทั้งบ้านยกเว้นเขาคนเดียวที่เสน่ห์ของแม่นี่ทำอะไรเขาไม่ได้
เธอชอบทำตัวเป็นผู้ปกครองคอยตามดูแลเขาไม่ว่าจะเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับเขาคุณย่าน้อยและคุณแม่ของณนนท์จะสอนให้เธอทำทุกอย่าง เหมือนกับเตรียมมาเป็นเมียของเขาอย่างนั้นแหละ
แล้วยัยเด็กคนนี้ก็ชอบทำตัวน่าสงสารหาเรื่องให้เขาโดนด่าประจำ เธอจะคอยมายืนรอต้อนรับเขาเวลากลับบ้านทุกครั้งด่าไปก็อ้างแต่ 'คุณย่าน้อยสั่งหนูนิดค่ะ'
เขาโดนคุณย่าบ่นอยู่ประจำว่าชอบสร้างเรื่องให้กับหนูนิดต้องคอยตามดูแลตลอด อย่าว่าหนูนิดนะ อะไรๆก็หนูนิดเขาล่ะรำคาญชื่อนี้เอามากๆ ดีที่สอบติดโทที่ฝรั่งเศสจะได้หนีไปจากยัยเด็กนี่เสียที แต่แล้วเหมือนยิ่งหนีเรื่องมันก็ยิ่งวิ่งตาม
ใครจะไปรู้พอพยุงมาถึงห้องเขาแล้วชายหญิงอยู่ในห้องเดียวกัน และด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์รึเปล่าไม่รู้ทำให้เขามองเด็กสาวในบ้านที่เขาเคยรังเกียจ แถมยังด่าทอเธออยู่ตลอดว่าเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง
ณนนท์คิดว่าหนูนิดคนดีคนนี้ต้องตั้งใจอ่อยเขาแน่ๆ ทำไมยิ่งมองยิ่งสวยน่ารักอ่อนหวานท่าทีที่อ่อนแอแต่แววตาดื้อรั้นเวลามองมาที่เขานั้นมันช่างมีเสน่ห์เสียเหลือเกินมันทำให้เขาอยากปกป้องและอยากปราบพยศเธอด้วยในที
ไม่รู้อะไรโดนใจให้ณนนท์ก้มลงไปจูบเธออย่างดูดดื่มโดยที่เธอขัดขืนไม่ได้ด้วยแรงผู้ชายและเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่หน้าอกหน้าใจนั้นดันแก่แดดแก่ลมเกินสาวน้อยวัย 17 ปีไปเสียแล้ว
เขามัวแต่มัวเมากับรสจูบที่หอมหวานดังน้ำผึ้งเดือน 5 ก็ไม่ปานอยู่นั้นเสียงเอะอะโวยวายตรงหน้าประตูก็ดังขึ้น เมื่ออยู่ดีๆผู้เป็นแม่ก็เดินเข้ามาในห้องเขาและเห็นฉากที่เขากำลังทำไม่ดีไม่ร้ายลูกสาวคนโปรดของท่านอยู่ นั่นแหละเรื่องมันเลยมาถึงตรงนี้
"แต่หลานสาวคนโปรดของคุณย่าเข้ามาอ่อยผมถึงในห้องเองนะครับ ทำไมผมถึงจะต้องรับผิดชอบเธอด้วยในเมื่อเรายังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันเลยผมเอาเธอแล้วนะสิว่าไปอย่าง "
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหน้าตายโดยที่ไม่ได้หันไปสนใจสาวน้อยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาอาบสองแก้มนุ่มนิ่มนั้นอย่างน่าสงสาร ที่นั่งอยู่ข้างคุณหญิงสมรเลยแม้แต่นิดเดียว
"เอาเลยสิแกก็ไม่ต้องแต่งสิฉันจะได้ทำตามที่พูด แกจะได้รู้ว่าฉันเอาจริงไหม"
"โถ่คุณย่าครับจะให้อนาคตผมจบลงเพราะเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้จริงๆหรือครับคุณย่า"
"ทำไมจะไม่มีอนาคตแกแต่งแล้วแกก็ไปเรียนได้ จบแล้วก็กลับมาทำธุรกิจที่บ้านไม่ต้องไปตะลอนหางานที่ไหน แกไม่มีอนาคตตรงไหนแกบอกฉันมาสิ"
"นนท์แม่ว่าฟังคุณย่าน้อยเขาเถอะนะลูกคุณย่าน้อยท่านทำเพื่อลูกนะ "
"เหอะ!!ทำเพื่อผมงั้นเหรอ ได้!ผมจะแต่งงานกับหลานสาวสุดที่รักนอกคอกคนนี้ของคุณย่า แต่หลังจากที่ผมเรียนจบกลับมาผมจะหย่ากับเธอทันที และครั้งนี้คุณย่าเองก็ห้ามผมไม่ได้ด้วย"
พูดจบคนอารมณ์ร้อนก็เดินหนีขึ้นห้องไปเสียงดังตึ้งตั้งจนคนที่เป็นย่าเอามือมากุมหัวใจตัวเองกับความเอาแต่ใจของหลานชายคนเดียวคนนี้จริงๆ
"คุณย่าน้อยขา หนูนิดไม่แต่งไม่ได้เหรอคะคุณย่า " หนูนิดเอ่ยกับผู้มีพระคุณท่วมหัวเธอ
"ทำเพื่อย่านะหนูนิดถือว่าทำเพื่อคนแก่ๆใกล้ตายให้ชื่นใจสักครั้งเถอะนะย่าขอ"
คุณหญิงสมรจับมือของหลานสาวและมองดูใบน่าจิ้มลิ้มนั้นอย่างเอ็นดูพลางคิดว่าไม่มีใครเหมาะสมจะเป็นภรรยาของณนนท์เท่าเธอคนนี้อีกแล้ว
"ถ้าเป็นความต้องการของคุณย่าหนูนิดก็จะทำให้ค่ะ"
หนูนิดตอบรับคำคุณหญิงสมรด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอชอบณนนท์มานานแสนนานเพียงแค่คิดว่าได้ดูเขาอยู่ห่างๆ ก็เพียงพอแล้วแต่นี่เธอได้แต่งงานกับเขาแถมเขายังเกลียดเธอมากกว่าเดิมอีก เธอจะต้องดีใจหรือเสียใจดีที่ทุกสิ่งทุกอย่างออกมาแบบนี้
เช้าวันต่อมาคุณหญิงสมรและคุณสุดารัตน์แม่ของณนนท์ก็ไปหาฤกษ์แต่งงานกับพระอาจารย์ที่ครอบครัวนับถือกันแต่เช้าตรู่
"มาทำอะไรแต่เช้าล่ะโยมน้อย" พระอาจารย์ทักขึ้น
"อิฉันจะมาดูฤกษ์แต่งงานให้หลานชายและหลานสาวเจ้าค่ะ อยากได้แบบเร็วๆ วันที่ดีที่ทั้งสองอยู่กันจนแก่เฒ่าเลยเจ้าค่ะ"
"ฤกษ์ดีคือฤกษ์สะดวกนะโยม มันไม่มีหรอกฤกษ์ที่โยมว่ามา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่มีกรรมเป็นตัวกำหนด หมดกรรมก็เลิกกันถ้ายังมีกรรมต่อกันก็ยังอยู่ด้วยกันแค่นั้น "
พระอาจารย์บอกกับทั้งสามแล้วกลับไปนั่งสมาธิเช่นเดิมไม่ได้พูดอะไรต่อ จนคุณหญิงสมรก็ไม่อยากกวนท่านแล้วคงต้องเอาฤกษ์สะดวกนั่นแหละ
"งั้นเราก็แต่งหลังวันเกิดหนูนิดต้นเดือนเลยแล้วกัน คงเตรียมงานทันอีกอย่างหนูนิดอายุพอที่จะจดทะเบียนสมรสได้ด้วย"
คุณหญิงสมรหันมาพูดกับลูกสะใภ้ที่คอยดูแลท่านมาอย่างดีตั้งแต่พ่อของณนนท์เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง เธอก็อยู่ดูแลแม่สามีตลอดมาตามที่ผู้เป็นสามีร้องขอก่อนสิ้นใจ
"ค่ะคุณแม่ หนูนิดล่ะลูกเตรียมตัวทันไหมอีกแค่สองอาทิตย์เอง"
คุณสุดารัตน์หันมาหาลูกสาวคนโปรดและกำลังจะเลื่อนขั้นมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอ
"หนูนิดยังไงก็ได้ค่ะแล้วแต่คุณย่าน้อยกับคุณแม่เลย"
"แม่ดาไม่ต้องกลัวจะเตรียมตัวไม่ทันหรอกเราก็จ้างทีมงานเก่งๆที่เขาสามารถทำงานได้ตามเวลาที่เรากำหนดมาทำสิ อีกอย่างงานเราก็ไม่ได้จัดอะไรใหญ่โตจัดแค่คนรู้จักและคนในครอบครัวเท่านั้น มันคงจะไม่ยุ่งยากจนเกินไปหรอกนะ"
"ค่ะคุณแม่"
เพราะความเมาหรือความหิวผู้ชายจนหน้ามืดตามัวก็ไม่รู้ทำให้ดวงมณีสาวแก่วัยขึ้นคานแบบเธอลากหนุ่มรุ่นลูกมากินอย่างตะกละตะกาม แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกชายหนุ่มคนนั้นดันเป็นหนุ่มเนิร์ดที่ทำงานในบริษัทเธออีก
"กล้ามากเลยนะเอยที่นอกใจฉัน กล้ามากที่พามันมาถึงที่นี่แถมยืนจูบกันอยู่หน้าห้องไม่อายฟ้าดินแบบนี้" "เอยไม่ได้จูบนะคะ เอยจะล้มคุณนทีเลยพยุงหน้าเลยใกล้กันแบบนั้น " เจ้าขาอธิบายตามความจริง "ทำไมโทรมาไม่รับ ข้อความอ่านแล้วก็ไม่ตอบเธออยากให้ฉันเป็นบ้าเหรอเอย" เขาถามเธอเสียงเครียดไม่เคยต้องเป็นแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าต้องจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง มันทั้งคิดถึงโหยหาแต่ก็กลัวเธอจะหาว่าเขาพูดเกินจริง นอกจากเธอจะไม่เชื่อแถมมองว่าเขาบ้าอีกเพราะเธอรู้จักเขาดีกว่าใครดีมากจนเขานึกอายเรื่องที่ผ่านมา แม้มันไม่ใช่ความผิดเขาในเมื่อตอนนั้นเขายังไม่ทำสัญญาและรู้สึกแบนนี้กับเธอ "เอยไม่คิดว่าคุณขุนจะคิดมากขนาดนี้ ก็เห็นวันก่อนบอกจะเรียกสาวๆ มาแก้เหงาไงคะ" เธอยังน้อยใจเรื่องนี้ไม่หายแม้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเขา "เธอก็รู้ว่าตั้งแต่มีเธอฉันก็ไม่เคยเรียกใครมาอีก ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังเธอฉันติดเธอแค่ไหนทำไมเธอถึงมองไม่เห็นหรือตั้งใจจะมองข้ามมันคิดว่าฉันเป็นของเล่น" ......................................................................................................................................... "อื้อ! " มือเรียวยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกจนหมดอย่างรู้หน้าที่ ก่อนที่มือเล็กจะไล้ลงมาที่เข็มขัดราคาแพงของเขา แกร๊ก! "ถ้ารีบปล่อยมันออกมาเดี๋ยวก็ควบคุมไม่อยู่" "เอยคิดถึงคุณขุนมากนะคะ อื้อ!! " ได้ยินแบบนั้นคนที่ใจตรงกับเธอก็ก้มลงจูบปากฉ่ำหวานอีกรอบ ลิ้นใหญ่สอดแทรกเข้าไปดูดกลืนความหวานในนั้นด้วยความตะกละตะกลาม
สาวแสนสวยสุดมั่นแต่ก็ยังโดนทิ้งตลอดไม่ว่าจะคบหากับใครยิ่งคนล่าสุดที่เธอคาดหวังเอาไว้มากๆว่าคือชายที่จะแต่งงานด้วย แต่เขาก็ยังทิ้งเธอเพียงคำง่ายๆว่าเธอหวงตัวเกินไป งานนี้ต้องลำบากเพื่อนสนิทอย่างแทนไท ที่บังคับกึงขอร้องให้มาสอนบทรักที่เร่าร้อนให้จะได้ไม่โดนดูถูกแต่ทำไมเธอถึงลืมคืนนั้นไม่ลง แถมเพื่อนสนิทก็ยังมีท่าทีว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกด้วย "อื้ออ อย่ามากวนคนจะนอน " "แต่ฉันเป็นผัวเธอนะ จะทำอะไรก็ได้" หญิงสาวที่ยังหลับสนิทไม่รู้ตัวเพียงแค่ละเมอบอกปัดอย่างลำคาญเพียงเท่านั้น มือหนาลูบไล้ตามผิวเนียนนุ่มไปมาอย่างหลงไหลปากหนาเองก็พรมจูบไปทั่วใบหน้าหวานซึ้งยิ่งอยู่ใกล้เธอเขายิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ ความอดทนอดกลั้นที่มีมา 4-5ปีพังทลายลงเพราะคืนเดียว ไอ้ที่ปากเก่งว่าลืมเธอได้แล้วมันเป็นเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาหลอกตัวเองทั้งนั้น "อื้อ แทนบอกแล้วไงว่าอย่ามากวนแพร คนบ้า" เสียงแว้ดของเธอทำให้แทนไทต้องผงกหัวขึ้นมาดู ปรากฏว่าแม่เสือสาวของเขาเพียงแค่ละเมอแว้ดออกมาเพียงทำนั้น "ดีนะที่พูดชื่อผัวตัวเองถ้าพูดชื่อคนอื่นพ่อจะเอาให้จมเตียงทั้งวันทั้งคืนไม่ให้ไปไหนได้เลย" อีโรติก
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"