เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา “ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้”
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา “ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้”
วันโลกาวินาศในนิยามของใครหลายคน อาจไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือความหายนะที่มาเยือน ความเท่าเทียมที่ไม่ว่าสถานะของเจ้าตัวจะเป็นราชาหรือสามัญชนก็หนีไม่พ้น จะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
แต่ตรรกะของความเท่าเทียมที่เธอคิดนั้นก็พังทลายเพราะสิ่งที่ตัวเองมี
ฉินหลิวซีในวัยสามสิบปียังคงต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในโลกที่ไวรัสปริศนากำลังระบาด และเป็นเช่นนี้มากว่าสิบปีแล้ว ไวรัสไม่ทราบที่มานี้คร่าชีวิตคนไปหลายพันล้าน
และเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นซอมบี้
ที่ฉินหลิวซีสามารถอยู่รอดมาได้เป็นสิบปี เพราะพลังพิเศษที่ตื่น เธอมีมิติที่สามารถเก็บของได้ แม้มีพื้นที่จำกัดขนาดประมาณหนึ่งห้อง และเธอไม่สามารถเข้าไปอยู่ได้เอง แต่แค่นั้นก็ทำให้เธอได้เปรียบคนอื่นมากแล้ว
เมื่อมนุษย์โลกมีจำนวนน้อยลง คนในศูนย์อพยพก็มีอัตราการแย่งชิงที่น้อย เพราะอาหารไม่ขาดแคลนเท่าแต่ก่อน ทว่าตัวเจ้าหน้าที่ที่ประจำแต่ละศูนย์ก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน กลับกันฝูงซอมบี้ที่ด้านนอกนั้นเพิ่มจำนวนขึ้น
เรื่อย ๆ
“ฉินหลิวซีเธอไปเอาอาหารหรือยัง” เพื่อนในค่ายอพยพคนหนึ่งถามเธอที่กำลังใจลอย
“อ่า อื้ม ไปเอามาแล้วละ” หญิงสาวตอบกลับไป
ยิ้ม ๆ
“ได้ยินมาว่ามีผู้อพยพกลุ่มใหม่เข้ามาละ”
“ผู้อพยพกลุ่มใหม่หรือ?”
“ใช่ เห็นว่ามาจากศูนย์ใกล้ ๆ ที่แตกไปแล้วน่ะ”
ฉินหลิวซีได้ฟังก็เผลอขมวดคิ้วมุ่นโดยไม่รู้ตัว
แม้จะเป็นศูนย์พักพิงของผู้อพยพ แต่ความจุที่แต่ละแห่งรองรับได้ก็มีจำกัด อีกทั้งสถานการณ์ที่ทุกครั้งที่มีค่ายพักพิงแตกไป ก็จะไปเพิ่มจำนวนคนให้ค่ายอื่น ๆ ที่แน่นขนัดอยู่แล้ว
คนที่ไม่รอดก็กลายเป็นเพิ่มจำนวนให้ฝูงซอมบี้เข้าไปอีก แม้จะอยู่รอดมาเป็นสิบปี แต่เธอก็อดคิดไม่ได้เลยว่า
นี่เป็นการนับถอยหลังของตัวเธอเอง
ฉินหลิวซีอยู่ที่นี่มาเกือบสิบปี แต่ไม่ได้สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งผู้อพยพด้วยกัน เธอตั้งใจปลีกวิเวกอยู่ลำพังด้วยเหตุผลสองข้อ
หนึ่งผู้มีพลังที่ตื่นขึ้นนั้นไม่ได้มีแต่เธอ แม้จะปลุกพลังวิเศษมิติได้ แต่เธอก็ไม่บอกใคร ฉินหลิวซีเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ความเมตตาและเอื้อเฟื้อไม่ช่วยให้อยู่รอด โลกนี้ไม่อาจเชื่อใจใครได้
ประสบการณ์ที่ผ่านมาเธอได้เห็นคนที่เปิดเผยว่ามีมิติถูกพวกนักวิจัยจับไปทดลอง ฉินหลิวซีไม่อยากเป็นหนูลองยาให้ใคร มีเพียงพลังธาตุไม้ที่เธอยอมเปิดเผย เพราะมันสามารถปกป้องตัวเองได้ และยังสามารถทำให้พืชผักงอกงาม
น่าเสียดายพลังของเธอปลุกได้แค่ระดับสอง ทำให้พืชโตไม่กี่ต้นก็เหนื่อยแล้ว อีกทั้งมีคนมากมายที่มีพลังธาตุไม้ ทำให้ไม่มีคนสนใจการมีอยู่ของเธอเท่าไรนัก เหมือนเธอเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่พิเศษอยู่นิดหน่อย
ถึงแม้จะมีพลังก็ไม่ได้หวังพึ่งแต่มัน หากเธอใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย และประสบการณ์พลิกแพลงไม่ได้
คงไม่อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้
ข้อสอง เธอไม่ต้องการสนิทสนมกับใคร เพราะไม่รู้เลยว่า คนคนนั้นจะถูกฆ่าหรือกลายเป็นซอมบี้เมื่อไร
เธอเกลียดความรู้สึกที่ต้องพลัดพรากจากคนที่รักครั้งแล้วครั้งเล่า จึงขออยู่โดยไม่มีพันธะผูกพันทางใจจะดีกว่า
แน่นอนว่าถ้าติดเชื้อขึ้นมา หญิงสาวก็ยินดีจะผ่าหัวนั่นให้ และเธอก็หวังว่าคนในศูนย์อพยพจะทำแบบเดียวกับเธอได้
หากพลาดขึ้นมาก็ช่วยฆ่าให้ที ก่อนที่เธอจะกลายเป็นตัวอะไรแบบนั้น
วันหนึ่งเสียงสัญญาณฉุกเฉินที่ไม่ได้ดังมานานก็ดังขึ้น ปลุกทุกคนในค่ายอพยพให้ตื่น เสียงสัญญาณฉุกเฉินไม่เคยช่วยสร้างความสบายใจให้ใครได้ ทุกครั้งที่ได้ยินมีแต่ความวิตกกังวล บางคนได้ยินมาก ๆ ก็เกิดความเครียดสะสมจนกลายเป็นโรคประสาทหลอนก็มี
“เกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวถามคนที่นอนอยู่ถัดไปจากเธอหน้าเครียด
“มีคนแย่งอาหารกันแล้วก็วิวาทจนไปทำให้ประตูรั้งชั้นในพังน่ะสิ”
“อะไรนะ”
พวกนั้นไม่มีสมองเหรอ จะวิวาทกันก็อย่าไปวุ่นวายกับระบบป้องกันสิ!
สถานการณ์วุ่นวายอยู่พักหนึ่งก็สงบลงเพราะเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการ
เรื่องอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดตั้งแต่วันที่อารยธรรมล่มสลาย มีการต่อสู้แย่งชิงเกิดขึ้นจนชินตา คนอ่อนแอตกเป็นเหยื่อของคนที่แข็งแกร่งกว่า
ชีวิตดำเนินมาแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาตลอดหลายปี
ฉินหลิวซีก็ใช้ความพยายามอย่างมากในการหาอาหาร
และปกป้องไม่ให้พวกมันถูกแย่งไป
แม้จะมีหน่วยงานช่วยสนับสนุน แต่หากไม่หาเองร่วมด้วยก็ไม่มีทางอิ่มท้องได้ เพราะถูกปลุกให้ตื่นจากความโกลาหล ทำให้วันนี้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดเกือบทั้งวัน ยิ่งไม่มีกล้าทักเธอเข้าไปใหญ่ ทั้งที่ปกติคนกล้าเข้าหาก็น้อยอยู่แล้ว
หลังจากวันที่มีผู้อพยพเพิ่มเข้ามา ความขัดแย้งระหว่างผู้คนก็ยิ่งมากขึ้น เจ้าหน้าที่มีน้อยกว่าพลเมือง บางครั้งบานปลายจนห้ามไม่ได้ก็มี หลายวันมานี้ซอมบี้บุกเข้ามาภายในค่ายเป็นจำนวนมาก และมีผู้ติดเชื้อไม่น้อย ตอนนี้นอกจากนั่งภาวนาให้มีของกินเพียงพอก็ขอให้ตัวเองรอดไปอีกวัน
แต่แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดผึง!
บทที่ 1 จุดจบของคนไร้ประโยชน์
“อาหารของพวกเราไม่เพียงพออีกแล้ว! ต่อไปนี้ใครที่ต้องการอาหารต้องมาช่วยกำจัดซอมบี้ข้างนอกนั่น! เราจะให้อาหารแก่ผู้ที่ลงมือ!”
เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะเบ็งบอกให้ได้ยินกันทั่วโถง สิ้นเสียงของเขาก็ตามมาด้วยเสียงฮือฮาของพลเมืองที่ไม่พอใจการตัดสินนั้น
“ถ้าไม่ทำก็ออกไปเป็นอาหารซอมบี้เองเถอะ!” เจ้าหน้าที่รายนี้ไม่สนว่าจะมีคนไม่พอใจหรือไม่
เพราะสถานการณ์ไม่เอื้อให้เหลือการประนีประนอมอีก
“กลุ่มแรก ใครอาสาให้มาที่นี่” เจ้าหน้าที่นายหนึ่งยกธงขึ้นเป็นสัญลักษณ์ พวกเขาใช้เสียงสดในการประกาศจึงต้องใช้งานลำคอมาก บางครั้งก็เหมือนตะคอกทั้งที่ไม่ตั้งใจ
ฉินหลิวซีเห็นใจเจ้าหน้าที่บางคนที่ต้องรับมือกับสถานการณ์อันยากลำบากนี้ ส่วนคนที่ทำงานนี้แบบส่ง ๆ เธอไม่มีใจจะสงสารแม้แต่เสี้ยวเดียว จริงอยู่ว่าเจ้าหน้าที่มีจำนวนไม่พอมานานแล้วจึงต้องรับอาสาสมัครอยู่เรื่อย ๆ แต่คนที่รับงานนี้แค่เพราะอยากกร่างและใช้อำนาจข่มเหงคนอื่นก็มีไม่น้อย
ฉินหลิวซีเข้าไปเป็นอาสาสมัครในกลุ่มแรก หญิงสาวแซ่ฉินเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีของเจ้าหน้าที่เวลาร้องขออาสาสมัคร แม้เธอจะไม่ได้ร่วมทุกครั้ง แต่ก็เป็นส่วนใหญ่ที่จะมีชื่อเธอปรากฏอยู่
ฉินหลิวซีเป็นอดีตนักกีฬาต่อสู้ และยังมีประสบการณ์หลายปีที่ทำให้เธอรู้วิธีฆ่า ตอนนี้เธอไม่มีครอบครัวเหลืออยู่อีกแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องลังเล และเธอต้องการนิวเครียสซอมบี้เพื่อเพิ่มพลังอยู่ด้วย หากมองว่านี่เป็นการหาวัตถุดิบจากมอนสเตอร์ในเกม RPG เสมือนจริงก็ไม่แย่อะไร
เจ้าหน้าที่ยังล้างสมองกรอกหูทุกครั้งก่อนออกเดินทางด้วยประโยคเดิม ๆ จนเธอท่องตามได้หมดแล้ว
“ฆ่าซอมบี้ต้องเล็งที่หัว ถ้าติดเชื้อไม่มีโอกาสที่สอง ไปเอาเสบียงกลับมาให้ได้!”
พลเมืองในกลุ่มร้องเฮลั่นเพื่อปลุกใจตัวเอง เพราะถ้าก้าวขาออกไปนอกรั้วเมื่อไร กำลังใจมีแต่หดหายไม่มีเพิ่ม
เป็นระยะเวลามากกว่าสิบวันที่ร่วมต่อสู้เพื่ออาหารตามที่เจ้าหน้าที่เคยบอก ระหว่างนั้นเธอก็แอบกิน
นิวเครียสไปหลายลูก เพื่อเพิ่มพลังและแรงกายที่ใกล้จะหมด อาหารที่มีเลี้ยงต่อวันคือขนมปังแข็ง ๆ ไม่กี่ก้อน เจ้าหน้าที่รับปากว่า จะให้อาหารในปริมาณที่มากกว่าเมื่อกลับถึงค่าย
พวกที่ปราบซอมบี้อยู่แนวหน้าอย่างเธอมีรั้วช่วยทุ่นแรงแค่ชั้นเดียว เพราะต้องทำให้แน่นหนา แต่ด้วยจำนวนซอมบี้มีมากกว่าจึงถูกฝ่าทะลวงเข้ามาทุกปี จนตอนนี้รั้วกั้นของศูนย์พักพิงผู้อพยพเหลือแค่ชั้นนอกกับชั้นในเท่านั้น
“พวกเราต้องทำแบบนี้ไปอีกกี่วันกันเนี่ย” เสียงชายวัยรุ่นคนหนึ่งบ่นทั้งสีหน้าเหนื่อยอ่อน
“จากที่ฟังมาน่าจะเป็นวันสุดท้ายแล้วละ” ใครอีกคนตอบ สภาพผู้อาสาออกมาแต่ละคนดูดีกว่าซอมบี้แค่นิดเดียว เธอเองก็อยากรีบกลับเข้าไปแล้วเหมือนกัน
หลังกลับเข้าไปจะมีอาหารปริมาณมากรอเธออยู่เป็นสิ่งตอบแทน หลังจากพระอาทิตย์เคลื่อนคล้อยลงต่ำ อาสาสมัครที่เคยทำงานด่านหน้าก็มารวมกันที่หน้าประตู เพราะครั้งไหน ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกินสิบวัน แต่แล้วบางอย่างที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“ประตูไม่ยอมเปิด! เฮ้ย คุณเจ้าหน้าที่ นี่มันหมายความว่ายังไง!?”
ประตูและรั้วเหล็กเริ่มสั่นสะเทือนจากการใช้กำลังของอาสาสมัครหลายสิบคนที่นอกรั้ว ฉินหลิวซีรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง ความหวาดกลัวค่อย ๆ คืบคลานเข้าเกาะกุมจิตใจ เธอยอมออกมา เพราะเชื่อว่าจะได้กลับเข้าไป แต่ดูเหมือนจะให้ความไว้ใจมากเกินไปสินะ
ขณะเดียวกับที่เหตุความวุ่นวายตรงหน้ากำลังเริ่มขึ้น เสียงคำรามแหลมสูงจากด้านหลังก็ดังขึ้นมา เสียงสั่นประสาทหวีดแหลมก้องสะท้อนจนแสบแก้วหู
“เปิดสิวะ!”
“เปิดให้พวกเราเดี๋ยวนี้นะ!”
พลเมืองพากันประท้วงทั้งชายหญิง พวกเขาต่างหมดเรี่ยวแรงไปแล้วจากการทำงานแลกอาหารสิบวันที่ผ่านมา เสียงกรีดร้องไม่มีความหมาย เจ้าหน้าที่ยังคงยืนกรานไม่เปิดประตูโดยไม่มีการตอบคำถามใด
ฉินหลิวซีเงยหน้ามองอาคารสูงเบื้องหน้าด้วยแววตาเคียดแค้น ที่ผ่านมาเธอคงมองโลกในแง่ดีเกินไป การหาอาสาสมัครมาก็แค่คัดคนที่มีประโยชน์แบบใช้แล้วทิ้งมาเป็นอาหารผีดิบพวกนี้ จะให้อาหารเป็นรางวัลอย่างนั้นหรือ
ทั้งที่อาหารไม่เคยมีพอ เธอน่าจะคิดได้
ฉินหลิวซีกัดฟันมองขึ้นไปยังห้องบัญชาการของค่ายด้วยความเครียดแค้นชิงชัง รั้วเหล็กชั้นนอกไม่นานก็ถูกพังเข้ามา ฝูงซอมบี้หิวกระหายไล่ล่าพลเมืองที่ถูกขังไว้ด้านนอกราวกับมีคนสั่งการ พวกมันไม่ได้พังรั้วอีกชั้นเข้าไป แต่กลับไล่รุมทึ้งมนุษย์ไม่กี่สิบคน
ฉินหลิวซีสั่งรากไม้ให้ผุดขึ้นจากดิน แต่พลังของเธอยังไม่ถึงขั้น ต้านพวกมันได้ไม่ถึงอึดใจด้วยซ้ำ
“กรี๊ดดดด!”
ฉินหลิวซีหวีดร้องเสียงแหลมเมื่อถูกคว้าตัวเอาไว้ได้ สัมผัสต่อมาคือคมเขี้ยวเปื้อนน้ำลายที่ฝังลงบนผิวเธอแล้วฉีกกระชากออกไปจนหยาดเลือดสาดกระเซ็น ความหวาดกลัวเข้าครอบงำหญิงสาวในทันที ตัวเธอสั่นสะท้านและรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง หลังจากนั้นความเจ็บปวกมากมายก็จู่โจมมาที่เธอ
สติรับรู้เลือนหาย ดวงตาพร่าเบลอ แม้แต่ลำคอก็ไม่อาจส่งเสียงได้ การรับรู้สุดท้ายคือเสียงโหยหวนของเพื่อนร่วมชะตาที่ไม่อาจหนีพ้นเช่นเดียวกับเธอ...
ทั่วทั้งแคว้นอ้ายคงมีเพียงบุรุษเช่นหัวหน้ากลุ่มต้าหยางเท่านั้นที่ยอมแต่งเข้าบ้านภรรยา เพราะนั่นมันเท่ากับว่าเขายอมอยู่ใต้บารมีของภรรยา และยอมให้ภรรยาเป็นใหญ่ ทว่าบุรุษที่อกหักมาสิบครั้งอย่างเขา ไม่อยากจะอกหักเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วนี่นา อีกทั้งคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางเองก็ใจตรงกัน เรื่องธรรมเนียมอะไรนั่นก็ช่างมันเถิด เทียนจื่อซานแทบจะถูกเรียกว่าเป็นบุรุษอาภัพในรัก ด้วยเพราะเวลาไปเกี้ยวสตรีบ้านไหน จุดจบก็หนีไม่พ้นการถูกปฏิเสธ จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับกู้หลินฟาง ไม่แน่ใจว่าเป็นเมตตาจากท่านเทพบนสวรรค์ หรือเทพมารต้องการให้เขาทำลายสถิติอกหักอีกครั้งกันแน่ แต่เขา... เทียนจื่อซานไม่ขอยอมแพ้ และจะเกี้ยวคุณหนูใหญ่กู้หลินฟางอีกสักครั้ง
เธอตายจากโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จู่ ๆ ดันได้กลับมาเกิดใหม่เป็นสาวน้อยวัยห้าขวบ ฐานะยากจนที่ถูกญาติมิตรรังแก ถึงเวลาแล้วที่ฉินหลิวซีจะถลกแขนเสื้อรื้อฟื้นโชคชะตา "ข้าจะพาครอบครัวร่ำรวยมั่งคั่งให้ได้"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - - ตัวอย่างในเล่ม “ดูสิ ฉันจะได้อะไร” หลิวตานถูมืออย่างตื่นเต้น ก่อนจะบอกระบบว่าเริ่มสุ่มวงล้อ “ระบบเริ่มสุ่มวงล้อได้เลย” ทันใดนั้นหน้าจอโปร่งใสก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่งามมองวงล้อสุ่มของรางวัลที่หมุนไปมาด้วยความประหม่า เพราะมันเป็นของรางวัลชิ้นแรกที่เธอคาดหวัง ไม่รู้มันจะสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ขอให้ช่วยสี่แม่ลูกได้ยิ่งดี “เมล็ดพันธุ์ผักกาด?” หลิวตานมองภาพตรงหน้าแล้วได้แต่น้ำตาตกในเมื่อของรางวัลที่แลกมากับการไปตัดหญ้ามาให้หมูคือเมล็ดพันธุ์ผักกาด!
ไป่จวิ้นเดิมทีก็เป็นเพียงทหารชั้นผู้น้อย ที่ไม่น่าจะได้รับความสนใจอะไรในกองทัพ ทว่าเมื่อสงครามจบลง และกลับมาพร้อมชัยชนะ เขาจึงได้เงินรางวัลมาจำนวนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพื่อปลอบขวัญที่ต้องจากบ้านไปเป็นระยะเวลานาน อีกส่วนก็เป็นสินน้ำใจตอบแทนที่เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่ต่างจากคนพิการ เดินเหินไปไหนก็ไม่คล่องแคล่วเช่นเมื่อก่อน และเรื่องนี้ก็สร้างความกลัดกลุ้มให้กับมารดาของเขาอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะส่งเทียบดูตัวไปสักกี่ครั้งต่างก็ถูกปฏิเสธ ทว่ามีเพียงสตรียากจนที่เป็นเพียงบุตรสาวของชาวนาจน ๆ คนหนึ่งเท่านั้นที่ยินยอมแต่งเข้าสกุลไป่ แรกทีเดียวไป่จวิ้นไม่ใคร่จะชอบใจภรรยาของตนนัก ด้วยคิดว่านางยินยอมแต่งกับชายพิการเช่นเขาเพียงแค่เพราะเรื่องเงินทอง แต่ความอ่อนโยนและมุ่งมั่นที่จะดูแลเขาของ จางอวี๋จิง’กลับค่อย ๆ ละลายน้ำแข็งในใจของชายหนุ่มลงอย่างช้า ๆ ส่วนทางจางอวี๋จิง นางก็เริ่มมองเห็นความอบอุ่นของสามีที่นางไม่คิดว่าจะรักได้คนนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน และนางก็ได้ตั้งปณิธานอันแน่วแน่ว่า จากนี้ไปจะขอเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อเขาไปจนชั่วชีวิต สามีของนางพิการเดินเหินไม่สะดวกแล้วอย่างไร นางจะขอเป็นแขนขาให้แก่เขาเอง
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
จากชายหนุ่มที่บังเอิญได้รับมรดกตกทอดของบรรพชนสกุลเฉินเพราะอุบัติเหตุ และในที่สุด จากลูกเขยที่ไร้ค่าไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง กลับกลายมาเป็นหมอเทวดาที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศยิ่ง
ลู่จื้อ อาศัยอยู่ในไต้หวัน เธอเป็นเจ้าของคาสิโนขนาดใหญ่ ที่ส่งต่อมาจากพ่อบุญธรรมที่รับเธอมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า เธอวางมือคืนอำนาจให้ญาติพี่น้องของพ่อบุญธรรม แต่พวกเขากลับตามฆ่าเธอ
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด